มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 บทที่ 110 สตรีปีศาจหิมะเจียงหมิ่น

        บทที่ 110 สตรีปีศาจหิมะเจียงหมิ่น

        เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกะทันหันเกิดไป ปรมาจารย์เผ่าวิญญาณยกมือขึ้น เหมือนคิดจะจับบางอย่าง แต่ก็ร่วงลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ หากถูกกระบี่แทงหัวใจเข้าก็ตายสถานเดียวเช่นกัน เมื่อกระบี่ถูกดึงออก ราวดูดพลังในร่างของเขาทั้งหมดไปด้วย ถึงเขาจะตายแล้วแต่ยังคงไม่จำนน ตายอย่างอนาถจนสุดจะบรรยาย แม้แต่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่ทันได้เห็นด้วยซ้ำ

        ดวงตาของปรมาจารย์เผ่าวิญญาณจ้องไปที่ลั่วถู อ้าปากค้าง ในที่สุดก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา มีเพียงเลือดที่กระอักออกมาจนท่วมลำคอของเขา

         “หมิ่นเอ๋อร์…” ลั่วถูแทบจะไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง เจียงหมิ่นปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างไม่มีปีมีขลุ่ย แถมลงมือครั้งเดียวก็สังหารยอดฝีมือปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งได้ด้วยดาบเดียว ช่างเรียบง่ายเสียเหลือเกิน เจียงหมิ่นถึงกับลอบเข้าโจมตีด้านหลังยอดฝีมือปรมาจารย์ผู้นั้นได้อย่างเงียบงัน ไร้ซึ่งลมปราณโดยสมบูรณ์

        สามีข้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเก่งกาจจนมาถึงที่นี่ได้…” เจียงหมิ่นยิ้มอย่างอ่อนหวานกระโดดออกจากหลังของศพปรมาจารย์เผ่าวิญญาณ รอยยิ้มสดใสราวบุปผาผลิบาน ในดวงตาแฝงไว้ซึ่งเล่ห์กลไม่น้อยเอาเสียเลย กระบี่ที่ดูประณีตในมือเรียวดูราวอสรพิษยาวตัวหนึ่ง อักขระอาคมเป็นสายหมุนวนอยู่บนตัวกระบี่ แฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายกระหายเลือดพอสมควร เขายังคงไม่รู้สึกถึงลมปราณบนร่างของเจียงหมิ่นอยู่ดี เหมือนยังไม่เปิดวิญญาณ แต่มั่นใจได้เลยว่าสตรีโฉมงามนางนี้ สตรีน้อยที่งดงามดั่งภูตคือเจียงหมิ่นที่เข้ามาในมิติลับพร้อมกับเขาแน่นอน แม้แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นล้วนคุ้นเคย คนคนหนึ่งปลอมตัวได้ แต่กลิ่นอายบนร่างของนางไม่มีทางปลอมแปลงได้ ยิ่งกว่านั้นลั่วถูรู้สึกว่าประสาทการดมของเขาก็เหมือนจะเปิดออกแล้วเสียด้วย

        “หึ ข้าจะไปเก่งกว่าเจ้าได้อย่างไร เก่งเสียจนข้ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ขนาดยันต์กำหนดเสียงพันลี้ยังหาเจ้าไม่พบ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาถึงที่นี่แล้ว ท่าทางเจ้าจะยังมีความลับปิดบังสามีอยู่ไม่น้อยเชียวนะ…” ลั่วถูยินดี แม้จะรู้ว่าเจียงหมิ่นมีความลับมากมาย แต่เพียงได้เห็นนางปลอดภัยก็เบาใจขึ้นมากแล้ว

         “เป็นห่วงข้าจริงหรือ!” เจียงหมิ่นสะบัดมือ ลั่วถูพลันรู้สึกว่าร่างกายเบาลง เข้าไปสวมกอดเจียงหมิ่นไว้ในอ้อมอกทันที เจียงหมิ่นขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ลั่วถูกอดนางอยู่ดี มือข้างหนึ่งไม่วายหยิกเอวลั่วถูไปเสียหลายที พลางกล่าวอย่างโมโหว่า “ห่างกันครู่เดียว ถึงกับกล้าเล่นหูเล่นส่งสายตากับสตรีอื่น แถมยังเป็นนางจิ้งจอกตัวหนึ่งอีกต่างหาก…”

         “โอ๊ย…” ลั่วถูถึงจะถูกหยิกจนคิ้วกระตุก แต่ในใจกลับสุขจนล้นใจ แถมยังกล่าวออกมาอย่างรู้ดีว่า “หมิ่นเอ๋อร์ของข้าหึงเข้าแล้วสินะ หึ ระหว่างข้ากับนางไม่มีอะไรทั้งนั้น เพียงอยู่กลุ่มเดียวกันชั่วคราว สู้รบสังหารในเขาวงกตมาด้วยกันตลอดทางก็เท่านั้น!”

         “หึงเจ้าก็บ้าแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าพวกเจ้าอยู่กลุ่มเดียวกัน ป่านนี้ข้าสังหารนางไปตั้งนานแล้ว…” เจียงหมิ่นกล่าวอย่างโหดเหี้ยม

         “อา…” ลั่วถูเหงื่อไหลท่วมตัวแล้ว แต่ยังกล่าวออกไปว่า “ไม่ขนาดนั้นกระมัง…” แต่เมื่อกล่าวจบ สีหน้าของเขาพลันปรากฏเป็นท่าทีพิลึกพิลั่นออกมา และเอ่ยถามอย่างระวังว่า “วันนั้นตอนที่พวกเราอยู่ในเมื่องเว่ยยาง แขนของเซวี่ยหลิงเอ๋อร์คงไม่ใช่ว่าถูกเจ้าทำหักหรอกหรือ

         “คิด คิก…” เจียงหมิ่นหัวเราะออกมา พลางกล่าวอย่างได้ใจ “นี่เจ้าเพิ่งคิดได้หรือ ใครใช้ให้คืนนั้นนางกล้าอยู่ในห้องกับเจ้านานขนาดนั้นกัน มิหนำซ้ำพอออกมายังกล้าหยอกล้อข้าอีก ถ้าไม่ใช่เพราะไม่อยากหาเรื่องยุ่งยากให้สามี ข้าไม่หักแค่แขนนางแน่ ข้าจะทำลายรูปโฉมของนางด้วยเสียเลย ดูสิหลังจากนี้ยังจะเอาอะไรไปล่อลวงบุรุษได้อีก โดยเฉพาะสามีของข้า”

        ลั่วถูถึงกับขนลุกวาบ ท่าทางได้ใจของเจียงหมิ่นทำเอาเขารู้สึกอย่างกับเห็นเขาปีศาจงอกอยู่บนศีรษะแสนน่ารักของนางอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ยังเข้าไปบีบแก้มเนียนของเจียงหมิ่นพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง “นี่ปะไร ไม่ธรรมดาจริงๆ เจ้ายังเป็นเจียงหมิ่นผู้น่ารักของข้าอยู่หรือเปล่านะ เหตุใดถึงทำตัวอย่างกับปีศาจน้อยไปเสียแล้ว!”

         “สามี จะบอกความลับกับเจ้าอย่างหนึ่ง ที่จริงแล้วข้ามีฉายาอีกชื่อหนึ่ง…” เจียงหมิ่นขยับปากเข้าใกล้หูของลั่วถู

         “ฉายาอะไรหรือลั่วถูจั๊กจี้ใบหู ในใจรู้สึกหวานชื่น แม้จะรู้ว่าเบื้องหลังของเจียงหมิ่นต้องไม่ธรรมดาแน่ แต่เขาไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร แค่ในช่วงที่ได้รู้จักกัน อย่างน้อยเจียหมิ่นก็ดีกับเขาที่สุดแล้ว แม้มีความลับที่ไม่ได้บอกเขา แต่ไม่เคยมีความคิดชั่วร้ายเลยสักนิด เรียกได้ว่าตัวเขาก็ไม่มีอะไรที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการสักอย่าง มีเพียงความห่วงใยที่เขากลับรู้สึกได้ด้วยหัวใจ

         “สตรีปีศาจหิมะ…”

         “สตรีปีศาจหิมะ…” ลั่วถูตะลึงไปเล็กน้อย กล่าวทวนคำอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าจำผิดหรือเปล่า หิมะหรือ เจ้าเย็นชาเหมือนหิมะตั้งแต่เมื่อไรกัน ถ้าแค่ผิวพรรณขาวราวหิมะก็จริงอยู่ ทำไมไม่เรียกว่าสตรีปีศาจผิวขาวแทนเล่า…”

         “ข้าก็ไม่รู้ คนอื่นพากันเรียกกันเช่นนี้ พอมีคนเรียกมากขึ้น ก็กลายเป็นเช่นนั้นจริงไปเสียแล้ว แต่ความเย็นชาของข้ามีไว้สำหรับคนอื่น ไม่ใช่กับเจ้า ใครใช้ให้ข้าโชคร้ายขนาดนี้เล่า ครั้งแรกที่ได้พบเจ้าก็ถูกล่วงเกินแล้ว ถูกจับถูกกอดไปหมดแล้ว ข้าเคยสาบานกับท่านแม่ว่า คนแรกที่ชิงความบริสุทธิ์ของข้าไปต้องเป็นสามีของข้า หากข้าไม่ชิงสังหารเขาตั้งแต่แรก เสียดายก็แต่ตอนนั้นเป็นเวลาที่ข้าอ่อนแอที่สุด จึงสังหารเจ้าไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เพื่อคำสาบาน ข้าทำได้เพียงยอมรับเจ้าเป็นสามี แม้ระดับพลังของเจ้าจะไม่เท่าไร ทว่ากล้าหาญไม่เลว มีความคิดพลิกแพลง อีกทั้งยังเจ้าเล่ห์แสนกล คนเช่นนี้ต้องไม่ใช่คนโง่ที่ยอมโดนเอาเปรียบง่ายๆ แน่ข้าเลยยอมๆไปเท่านั้นเอง!” เจียงหมิ่นดูจะหมดคำพูดแล้ว ทำเอาหัวใจของลั่วถูเปี่ยมสุขเหลือเกิน

         “เจ้ามาจากโลกชั้นสูงใช่หรือไม่ลั่วถูคิดสักครู่แล้วกล่าวถามออกมา ที่จริงเขาก็สงสัยอยู่แล้วการที่เจียงหมิ่นสังหารปรมาจารย์เผ่าวิญญาณได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นหมายความว่าอย่างน้อยระดับของเจียงหมิ่นต้องไม่ด้อยไปกว่าปรมาจารย์เผ่าวิญญาณคนนี้หรืออาจแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำเมื่อคะเนจากอายุของเจียงหมิ่นแล้ว ต้องไม่ใช่คนจากโลกชั้นล่างแน่นอน

         “เรื่องนี้เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง แต่เจ้ายังต้องพยายามอีกมาก!” เจียงหมิ่นกะพริบตา และกล่าวด้วยสีหน้าหยอกล้อ

        ลั่วถูรู้สึกช่วยไม่ได้ เจียงหมิ่นดูจะไม่คิดพูดถึงที่มาของตัวเองสักนิด แต่คงตามสืบได้ไม่ยาก อย่างน้อยเจียงหมิ่นก็บอกเขาแล้ว ว่านางมีฉายาอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า “สตรีปีศาจหิมะ” สตรีปีศาจหิมะแห่งเผ่าวิญญาณ

         “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรลั่วถูถามอย่างสงสัย

         “ศิลาเทพอัคคีร่วงลงมา ข้าก็ต้องเข้ามาจากประตูอาณาจักรว่านหั่วอยู่แล้ว…”

         “ทว่าพวกเราถูกส่งไปที่วิหารเลี่ยหมอเสิน แล้วเจ้าผ่านเขาวงกตมาได้อย่างไร!”

         “ตอนที่ประตูจากอาณาจักรว่านหั่วส่งข้ามา ไม่ได้ส่งไปที่วิหารเลี่ยหมอเสินอย่างเดียว คนที่ระดับสูงกว่าปรมาจารย์ไม่มีทางปิดบังพลังต่อศิลาเทพอัคคีได้ ดังนั้นข้าจึงถูกส่งไปยังฝั่งพวกเขา ไม่ได้อยู่รวมกับเจ้า แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะผ่านเขาวงกตมรณะมาถึงที่นี่ได้ ดูถูกไม่ได้จริงๆ !

        ลั่วถูหมดคำจะกล่าว ได้แต่เอ่ยอย่างทำตัวไม่ถูก “ไม่ใช่ว่าประตูเข้ามิติลับเพลิงต้นกำเนิดเข้ามาได้เฉพาะคนที่ระดับต่ำกว่าปรมาจารย์หรอกหรือ เจ้าเป็นระดับปรมาจารย์แล้วเข้ามาได้อย่างไรกัน

         “นี่เจ้าโง่หรือเปล่า ก่อนเข้ามาในมิติลับเพลิงต้นกำเนิดข้ายังเป็นเพียงระดับศิษย์สงคราม พลังของข้ายังไม่ฟื้นฟูได้รวดเร็วขนาดนั้น แต่ก็ห่างจากระดับปรมาจารย์ไม่มากนัก พอเข้ามาในมิติลับเพลิงต้นกำเนิด ด้วยพลังต้นกำเนิดที่เต็มเปี่ยมไหนจะยังสมบัติอีกตั้งมากมาย แค่ฟื้นฟูกลับสู่ระดับปรมาจารย์ก็ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด แม้มิติลับเพลิงต้นกำเนิดจะห้ามปรมาจารย์เข้ามา แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามทะลวงขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์ข้างในเสียหน่อย ตอนนี้พลังของข้าฟื้นฟูคืนมาไม่น้อยแล้ว! ได้ยินว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ผนึกมังกรปีศาจชื่อเยี่ยนก็ต้องมาดูเสียหน่อยเป็นธรรมดา…”

         “นี่ เจ้าแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ ทำไมตอนแรกถึงอ่อนแอขนาดนั้นได้กัน

         “เอาเป็นว่าแกร่งมากก็แล้วกัน เจ้ายังต้องไล่ตามข้าอีกนาน…” เจียงหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่หน้าตากลับปรากฏความอึดอัดขึ้นเล็กน้อยขณะกล่าวว่า “วันนั้นข้าฝืนผ่านกำแพงกั้นระหว่างโลกเพื่อเข้าไปยังสนามรบฝานเหริน จึงถูกการตอบโต้จากกฎแห่งฟ้าดินเข้า พลังที่มีถึงได้หายไป… ไม่คิดว่าจะไปถูกเจ้าเอาเปรียบแบบนั้นเข้า”

         “ฝืนผ่านกำแพงกั้นระหว่างโลกหรือ…” ในสมองของลั่วถูฉายภาพประหลาดขึ้นทันที คนที่เหมือนกับปีศาจน้อยโจมตีกำแพงระหว่างโลกอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นจากโลกชั้นบนลงมาโลกชั้นล่าง พลังที่เคยมีหายไป… มิหนำซ้ำยังเปลือยเปล่าตกลงมากลางสนามรบฝานเหริน จนต้องสวมเสื้อของทหารเผ่ามนุษย์ที่ตายแล้วแต่ไม่มีชั้นในใส่ และจับพลัดจับผลูไปหลบอยู่ในหลุมกับเขาอย่างไม่คาดคิด ถูกเขาเข้าใจไปว่าเป็นพวกรักร่วมเพศจนพลั้งมือลูบคลำไป… ยอดฝีมือผู้สูงส่งคนหนึ่ง กลับถูกคนธรรมดาคนหนึ่งเอาหน้าไม้จ่อศีรษะแต่ไม่อาจขัดขืน เขาจินตนาการออกเลยว่าตอนนั้นสตรีปีศาจผู้นี้ต้องเผชิญกับความรู้สึกเช่นไร

         “มากับข้า…” ในขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อย เจียงหมิ่นพลันลากลั่วถูออกไป แนบตัวหลบเข้ากับผนังเขา จากนั้นยกมือขึ้นวาดอักขระอาคมหลายเส้น ลั่วถูรู้สึกว่ามีกำแพงชั้นหนึ่งก่อตัวขึ้นตรงหน้าทันที

         “ชู่…” ตอนที่ลั่วถูยังทันไม่เข้าใจ ริมฝีปากกลับถูกเจียงหมิ่นเอานิ้วทาบไว้

         ลั่วถูสับสนเล็กน้อย แต่ยังคงเงียบไว้ ขยับตัวเข้าใกล้เจียงหมิ่น แต่ผ่านไปได้ครู่หนึ่ง เงาหลายร่างกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เห็นเป็นลำแสงหลายสายหยุดอยู่ที่ปากถ้ำไม่ไกลจากลั่วถูเท่าไรนัก

        เป็นกลุ่มคนเจ็ดคน แต่คนเหล่านี้ดูจะไม่สนใจลั่วถูที่อยู่ไม่ไกลสักนิด จิตใจจดจ่ออยู่กับข้างในภูเขา

        ลั่วถูรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วมาก ลมปราณของคนพวกนี้แข็งแกร่งจนถึงที่สุด เทียบกับสิบแปดคนก่อนหน้านี้ยังแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ ลั่วถูมั่นใจว่า เจ็ดคนนี้ต้องเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแน่นอน ทั้งหมดล้วนเป็นเผ่าปีศาจ เห็นได้ชัดว่าไม่เกี่ยวข้องกับสิบแปดคนก่อนหน้านี้

         “ท่าทางคนของนิกายเทียนเหิงจะเจอสถานที่ผนึกมังกรปีศาจก่อนพวกเราก้าวหนึ่ง แต่สิบแปดศิษย์แห่งเทียนเหิงก็ไม่เห็นเท่าไร ถูกมังกรปีศาจตีแตกจนอนาถสิ้นดี”

         “ไม่ถูกนัก มีเพียงสิบเจ็ดศิษย์แห่งเทียนเหิง ยังเหลือไห่หลิงจื่ออีกคนแต่คงไม่พ้นเป็นอาหารของมังกรปีศาจไปแล้วกระมัง…”

         “ฮ่าฮ่าเช่นนั้นก็ดี นกกับหอยสู้กันแต่ชาวประมงได้ประโยชน์[1] ปล่อยให้พวกเขาสู้กันไปอีกสักพักพวกเราค่อยลงมือ มังกรปีศาจชื่อเยี่ยนเป็นของพวกเราแล้ว!”

        ในใจของลั่วถูเกิดความรู้สึกแปลกพิลึกขึ้นมา ปรากฏว่าคนกลุ่มนี้ก็มาเพราะมังกรปีศาจชื่อเยี่ยนเช่นกัน สิบแปดศิษย์แห่งเทียนเหิงน่าจะหมายถึงสิบแปดคนเมื่อครู่ ไห่หลิงจื่อคงเป็นคนที่เจียงหมิ่นสังหารไป แต่ศพยังอยู่ข้างตัวเขาอยู่เลย พอคิดว่าคนเหล่านี้กล้าคิดจะแย่งชิงมังกรปีศาจชื่อเยี่ยนย่อมต้องมีพลังแข็งแกร่งมากแน่ และเขาไม่อยากเป็นตัวถ่วงเจียงหมิ่น

 

 

 

 

 

 

 

[1] นกกับหอยสู้กันแต่ชาวประมงได้ประโยชน์(鹬蚌相争渔翁得利) เป็นสำนวนจีนที่มาจากนิทานที่นกกับหอยต่างฝ่ายต่างยื้อแย่งปลากันไปมาแต่สุดท้ายก็ถูกชาวประมงที่ผ่านมาแย่งปลาตัวนั้นไปและจับทั้งนกและหอยไปด้วย หมายถึงสองคนที่มัวแต่ทะเลาะกันจนสุดท้ายเสียประโยชน์ทั้งหมดให้บุคคลที่สาม

Author Glory Forever