เหตุผลที่ข้าเก็บโสมโลหิตทั้งสามต้นไว้นั้นง่ายมาก เพราะข้าจำเป็นต้องใช้โสมโลหิตทั้งสามต้นนี้เพื่อช่วยในการบรรลุจุดสูงสุดของวิชาลมหายใจมังกรขั้นที่เก้า รวมไปถึงการบรรลุเข้าวิชาลมหายใจมังกรขั้นที่สิบ ซึ่งเป็นความปรารถนาของท่านพี่ปู้เสวียนยินที่หวังไว้ว่าก่อนที่ข้าจะเข้าร่วมการประลองที่วิหารศักดิ์สิทธิ์นั้น ข้าจะต้องฝึกวิชาลมหายใจมังกรให้ถึงขั้นที่สิบให้ได้ เพราะมีเพียงแค่การบรรลุวิชาลมหายใจมังกรขั้นที่สิบเท่านั้นถึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้และไม่เป็นผู้แพ้
…
เมื่อดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว ขณะที่คิดเงินข้าจึงเหลือบมองดูแวบหนึ่ง อาหารมื้อนี้พวกเรากินกันไปเกือบแสนห้ากว่าๆ เลยหรือเนี่ย! ดีนะที่จวงเหิงซิ่งเป็นคนจ่าย ทว่าเขาก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจอะไรนัก เพราะทรัพย์สมบัติของตระกูลจวงนั้นมีอยู่มากโข แค่เงินแสนห้ากว่าๆ คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงได้หรอก
พอข้าออกมาข้างนอกก็พบว่าดึกมากแล้ว สายลมพัดโชยมากระทบกายของข้าเบาๆ ทำให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์หายไปทันที ข้ามองไปยังดวงจันทร์ที่เปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้า แต่จู่ๆ กลับให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอำนาจบารมีแผ่ออกมา
จวงเหิงซิ่งหัวเราะร่า “นี่ยังไม่ดึกมากเลย เอาเป็นว่า…พวกเราไปผ่อนคลายกันหน่อยดีไหม?”
“ผ่อนคลายอย่างนั้นเหรอ?”
ข้าได้แต่มึนงง “ผ่อนคลายยังไงล่ะ?”
“ถ้าไม่รู้ก็ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเจ้าเองสิ!” เขากับเฉิ่นลั้งยิ้มอย่างมีเลศนัย ซึ่งทำให้ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อย
ข้าจึงเหลือบไปมองซ้งเชียนกับจ้าวห้าวพลางถามขึ้น “พวกเจ้าว่าไง?”
ซ้งเชียนเอ่ยขึ้น “ก็ลองไปดูสิ?”
จ้าวห้าวพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ “สถานที่ที่พวกคนรวยไปกันแน่นอนว่าจะต้องไม่ธรรมดาแน่ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ข้าเป็นถึงคุณชายน้อยของตระกูลจ้าว…ข้าก็ควรจะไปลองสัมผัสและคบหาสมาคมกับคนชนชั้นสูงพวกนี้ดู พี่ใหญ่ ข้าว่าเราลองไปดูกันเถอะ?”
“อย่างนั้นก็ได้ ไปลองดูกันเถอะ”
“ตกลง!”
จวงเหิงซิ่งพาพวกข้ามุ่งหน้าไปตามถนนใหญ่ของเมืองหลินเสี่ยเฉิง และใช้เวลาเดินทางไม่นานนักก็มาถึงตึกสูงหลังหนึ่ง พวกเราหยุดลงตรงด้านหน้าสิ่งก่อสร้างที่สวยหรูงดงามแห่งนี้ ด้านบนถูกตกแต่งด้วยการเขียนเป็นตัวอักษรไฟนีออนส่องแสงแวววับไว้ว่า ‘จุ้ยฝานเฉิน’
ย่นคิ้วขึ้นทันที นี่มันเหมือนกับ…สถานที่เสียเงินเลยนี่ ที่เมืองหยินเย่เฉิงก็มีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ที่ที่มีระดับขนาดนั้น ทว่า…จวงเหิงซิ่ง เฉิ่นลั้งพวกเขาก็อายุยังน้อย มาในที่แบบนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอ?
ขณะที่ข้ากำลังยืนคิดอยู่นั้นกลับถูกผลักเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว แสงไฟด้านในสว่างจ้ามาก ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงผมยาวสีไวน์แดง สวมเครื่องแบบกระโปรงเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณชายทั้งหลาย ข้าคือผู้จัดการที่จุ้ยฝานเฉินชื่อหลงเยว่ ไม่ทราบว่ามาทั้งหมดกี่ท่านคะ?”
“หกคน”
จวงเหิงซิ่งชูนิ้วขึ้นพลางพูดออกไป “คุณหลงเยว่ ช่วยจัดอันที่ดีที่สุดให้พวกข้าด้วย”
“ได้เลย คุณชายจวง!”
เห็นได้ชัดเลยว่าจวงเหิงซิ่งมาที่นี่บ่อย ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้จักกับหลงเยว่คนนี้เป็นแน่
…
พวกเราขึ้นมานั่งกันที่ชั้นดาดฟ้า หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาสะสวยถึงเจ็ดแปดคนเดินเข้ามา แต่ละคนต่างสวมชุดรัดรูปและกระโปรงที่สั้นมากจนเผยให้เห็นรูปร่างสัดส่วนอย่างชัดเจนซึ่งดึงดูดสายตาได้มากเลยทีเดียว หลงเยว่จึงหยุดยืนอยู่ด้านข้างแล้วโค้งตัวเคารพแล้วยิ้ม “พวกนางคือนักชงเหล้าที่ดีที่สุดของที่นี่ ฉะนั้นในค่ำคืนนี้พวกเขาจะคอยบริการให้พวกคุณชายเองนะคะ!”
จวงเหิงซิ่งผิวปากวี้ดวิ้วอย่างสบายใจ แล้วจึงพูดขึ้นที่ข้างหูข้า “ปู้อี้เชวียน เจ้าว่านักชงเหล้าพวกนี้เป็นยังไงบ้าง? ถ้าชอบคนไหนก็เลือกได้เลยนะ อีกอย่างถ้าเกิดว่าชอบมากคืนนี้ก็พากลับไปที่ห้องได้เลย…ข้าจัดการจองห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้วล่ะ คืนนี้เป็นค่ำคืนแห่งความอิสระ เสพสุขกันอย่างสบายใจได้เลย รับรองว่าจะไม่มีใครหน้าไหนมาก่อกวนพวกเราได้แน่ ฉะนั้นข้าให้ประเด็นหลักของคืนนี้ไว้เลยก็คือ การทำตามอำเภอใจ!”
ข้าจึงพูดกับเขาไป “ถ้าท่านพี่รู้ว่าข้ามาสถานที่แบบนี้ เจ้าลองเดาดูสิว่านางจะตามมาฆ่าข้าไหม?”
จวงเหิงซิ่งมองมาอย่างหวาดกลัวแล้วตบเบาๆ ที่บ่าของข้า “พี่ชาย ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องจัดการเองนะ และอย่าได้บอกว่าข้าเป็นคนพามาเด็ดขาด”
“เฮ้ย พอเห็นเจ้ามุ่งมั่นขนาดนี้ตั้งแต่แรกข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมีอะไรในใจแน่!”
เฉิ่นลั้งที่อยู่ข้างๆ จึงหัวเราะร่าแล้วพูดขึ้น “สบายใจได้น่า พวกเราล้วนเป็นผู้ชายกันหมด อีกอย่างเจ้าก็โตขนาดนี้แล้ว ท่านรองเจ้าสำนักคงไม่ว่าอะไรเจ้าหรอก? นางคงเข้าใจแหละ…”
ข้าหรี่ตามองเขาเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรต่อ
นักชงเหล้าทั้งสองคนจึงปรี่เข้ามานั่งขนาบข้างทันที หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่ง นางยิ้มพลางถามขึ้น “คุณชายท่านนี้จะรับเหล้าลิ้นมังกรหรือว่าอะไรดีคะ?”
“ได้หมด”
ข้าพยายามกดอารมณ์ไว้เพื่อไม่ให้เขินมากไป จากนั้นเมื่อมองผ่านม่านด้านข้างออกไปไกลๆ ก็พบว่าชั้นบนนี้มีเพียงแค่สองสามโต๊ะเท่านั้นที่มีคนกำลังดื่มเหล้าอยู่ ส่วนตรงกลางก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ร่ายรำไปมาด้วยท่าทางอ่อนช้อยอยู่บนลานเต้นรำขนาดใหญ่
ข้าถือแก้วที่มีไวน์แดงเหลืออยู่ก้นแก้วแกว่งไปมา นักชงเหล้าทั้งสองคนต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองมาที่ข้า และคนผมยาวจึงพูดขึ้น “คุณชายท่านนี้ ท่านเพิ่งมาที่จุ้ยฝานเฉินครั้งแรกเหรอ?”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นต้องดื่มอีกแก้วนะ”
นี่มันโกหกทั้งเพ…
…
หลังจากที่ดื่มเข้าไปหลายแก้ว ข้าจึงมึนหัวขึ้นมานิดหน่อย ทว่าซ้งเชียนกับจ้าวห้าวต่างมัวเมาจนแทบจะล้มลงไปในอกของนักชงเหล้าพวกนั้นแล้ว ข้าจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มเคลื่อนไหวพลังของพลังมหามังกรยักษ์อย่างเงียบๆ ซึ่งทำให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์หายไปเกือบครึ่งเลยทันที แม่เจ้า ถ้าข้าดื่มเข้าไปหมดนี่จริงๆ ละก็ การบำเพ็ญของข้านั้นแม้จะมีจวงเหิงซิ่งสิบคนก็คงไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้หรอก
ขณะนั้น เมื่อข้ามองจากม่านข้างๆ ออกไปไม่ไกลนักก็เห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ
มันเป็นเงาของคนที่ข้ารู้สึกคุ้นเคยมาก ชุดกระโปรงยาวสีขาว รวมทั้งท่าทางที่อ่อนช้อยงดงาม สาวงามที่สัดส่วนกะทัดรัดช่างคุ้นตาข้ายิ่งนัก หรือว่านั่นคือ…หยางเซี้ยนจากร้านหอเจ็ดเทพ?”
ข้าจึงใช้วิชานัยน์ตาเวทมองออกไปจึงทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าหยางเซี้ยนนั้นดื่มไปเยอะมากจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว นางจึงทำทีลุกขึ้นเหมือนจะไปเข้าห้องน้ำ ทว่ากลับมีผู้ชายหัวล้านคนหนึ่งเดินตามนางไปอย่างประชิด จนแทบจะเข้าไปประคองนางแล้ว แต่หยางเซี้ยนก็ใช้วิธีบอกปัดไปอย่างชาญฉลาด ทว่าดูจากลักษณะของเจ้าโล้นนี่แล้วคงจะตามนางไปที่ห้องน้ำเป็นแน่?
ข้าขมวดคิ้วขึ้น เรื่องนี้ข้าควรจะเข้าไปยุ่งดีไหมนะ?
ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะอย่างไรหยางเซี้ยนก็ขายของลดราคาให้ข้าตั้งเยอะ อีกอย่างคันศรอัคนีก็ได้มาจากนางด้วย นี่ถ้าไม่มีคันศรอัคนี ข้า ซูเหยียนและถังเชวียหรานก็อาจจะถูกอินทรีมังกรดำฆ่าตายที่ภูเขาสุสานไปแล้วก็ได้
ข้าจึงลุกขึ้นเดินออกจากที่นั่งไป
พอถึงราวจับที่อยู่แถวๆ ห้องน้ำ เจ้าโล้นกำลังประคองแขนของหยางเซี้ยนอยู่ แล้วค่อยๆ เลื่อนแขนซ้ายลงไปโอบเอวของนาง แต่กลับถูกหยางเซี้ยนหันตัวหลบ นางจึงยิ้มขึ้น “ท่านอาหวัง ข้าไปเองได้ ขอบคุณท่านมาก”
เจ้าโล้นสีหน้ายิ้มแย้มแววตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย คาดว่าคงจะดื่มมามากแล้วเหมือนกัน จึงพูดออกไป “น้องหยางเซี้ยน…ข้าชอบเจ้าจริงๆ นะ ชอบตั้งแต่แรกเห็น เพียงแค่เจ้ายอมไปกับข้าคืนนี้ ข้าจะเซ็นสัญญาธุรกิจหญ้าวิญญาณของพวกเราให้เลย เอาสักห้าปีดีไหม?”
เขาพูดพลางเอามือโอบเอวของหยางเซี้ยนไปพลาง แล้วเลื่อนไปที่เนินอกของนางทันที
ข้าสาวเท้าก้าวไปอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งชนไปที่แขนของเขาโดยพลัน “ตึง” เจ้าโล้นถูกชนจนลอยกระเด็นโผเข้าไปที่ผนัง ส่วนร่างของหยางเซี้ยนก็เซถอยหลังเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของข้า กลิ่นหอมของนางโชยเข้ามาเตะจมูก นางยิ้มหัวเราะด้วยความเมา แล้วพูดออกมา “ปู้อี้เชวียน? เจ้า…เจ้าทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
ข้าย่นคิ้วพลางพูด “มาเที่ยวกับเพื่อนน่ะ…แต่ดันมาเจอเจ้า แล้วเจ้าล่ะมาที่นี่ได้ยังไง?”
“ทำไมล่ะ ผู้หญิงมาไม่ได้หรือไง?”
นางกำลังดิ้นรนพยายามยืนให้ตรงในอ้อมอกของข้าพร้อมกับเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของข้าแล้วพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห “เจ้านี่นะ อย่าริอ่านดูถูกผู้หญิงเชียวนะ เรื่องที่พวกเจ้าทำได้ พวกข้าก็ทำได้เหมือนกันแหละน่า!”
ข้าไม่มีอะไรจะเถียง “ดีๆๆ เจ้านั้นเยี่ยมยอดที่สุดแล้ว”
นางหัวเราะเบาๆ ร่างกายโอนเอนไปมา จากนั้นจึงพิงตรงอกของข้าพร้อมกับยิ้มตาหยีพลางพูด “ปู้อี้เชวียน การเจอเจ้าที่นี่ทำให้ข้ามีความสุขมากๆ เลยล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปส่งเจ้ากลับดีกว่า?”
“อย่าเพิ่งสิ ข้ายังไม่ได้เซ็นสัญญาเลย…”
ขณะนั้น เจ้าโล้นซึ่งเป็นชายอ้วนวัยกลางคนก็ลุกขึ้นมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธแล้วพูดขึ้น “เจ้าบ้านี่เป็นใครกันฮะ? มายุ่งเรื่องชาวบ้านทำไม? รีบไสหัวไปไกลๆ เลยนะ!”
เขาพูดพลางยื่นมือมาดึงแขนของหยางเซี้ยน “น้องหยางเซี้ยน เจ้าดื่มไปเยอะแล้ว ข้าจะไปส่งเจ้าเอง!”
หยางเซี้ยนยิ้มแล้วปัดมือของเขาออกเบาๆ “ท่านอาหวัง ข้ายังไม่ได้ดื่มไปมากนักหรอก แต่ว่าสัญญานั่นน่ะ ท่านพูดเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าข้าดื่มเหล้าขวดนั้นหมดท่านจะเซ็นให้?”
“อา…ใช่ๆ แต่ว่าสภาพเจ้าในตอนนี้…”
“ข้าไม่เป็นไร”
หยางเซี้ยนเอาหัวพิงไว้ที่ไหล่ของข้า แล้วยกมือขึ้นวาดนิ้วออกไปอย่างรวดเร็วทำให้เกิดแสงสีขาวสาดออกมาครู่หนึ่ง มันคือแหวนกระดูกจักรภพ นางหยิบปากกาและเอกสารออกมาชุดหนึ่ง พร้อมกับยิ้มขึ้น “เอาสิ…แค่เซ็นชื่อก็พอแล้ว”
เจ้าโล้นทำหน้ามึนงงพลางพูดขึ้น “ข้าเซ็นให้ก็ได้ แต่ว่า…เจ้าบ้านี่เป็นใครเนี่ย ให้มันออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
“ถ้าข้าไม่ไปล่ะ?” ข้าพูดน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ไปอย่างนั้นเหรอ?”
เจ้าโล้นหัวเราะร่า “เจ้าคงเป็นศิษย์ของสำนักหมื่นวิญญาณสินะ? เป็นแค่ศิษย์ตัวเล็กๆ ของสำนักจวี๋ฉีริอ่านมายุ่งกับข้า มีใครอยู่แถวนี้บ้าง รีบมาเอาตัวมันไปเร็ว!”
จากนั้นก็มีชายสวมชุดสูทสีดำปรากฏตัวด้านหลังของเขา บรรยากาศอันคุกรุ่นก่อตัวขึ้นทันที อย่างน้อยคนพวกนี้ล้วนมีการบำเพ็ญของขั้นเทววิญญาณแน่นอน อีกอย่างก็คงจะเป็นองครักษ์ของเขาเป็นแน่
หยางเซี้ยนขมวดคิ้วขึ้น “ท่านอาหวัง เขาเป็นเพื่อนของข้าเอง ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ข้าจะโกรธแล้วนะ”
ชายหัวโล้นแสยะยิ้ม “น้องหยางเซี้ยน เจ้าคงเมาจนแยกไม่ออกว่าอันไหนเพื่อนอันไหนศัตรูแล้วล่ะ เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าเด็กนี่อยากจะหลับนอนกับเจ้า เพราะฉะนั้นข้าจะจัดการมันให้เจ้าเอง!”
ข้าใช้ฝ่ามือกันหยางเซี้ยนออกไปตรงราวจับแล้วพูดขึ้น “รอข้าต่อยเขาเสร็จก่อนนะ”
“เจ้าบ้านี่ อยากตายหรือไง!”
องครักษ์ระดับสูงพวกนี้รีบกรูกันเข้ามาพร้อมกับหมัดที่เต็มไปด้วยพลังอันรุนแรง เกิดเป็นเสียงลมปะทะดังกึกก้องจนแสบแก้วหู
พลังมหามังกรยักษ์ภายในร่างพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ทำให้ข้ามองเห็นจังหวะการโจมตีจากหมัดของมันได้อย่างชัดเจน ข้าจึงหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันข้าก็ยื่นมือไปจับแขนของเขา จากนั้นจึงปล่อยหมัดขวาตรงไปที่ไหล่ของเขาอย่างจัง!
“แครก…”
กระดูกไหล่เแตกหักลงไป เพราะถูกหมัดที่รุนแรงเกือบแปดร้อยชั่งของข้าต่อยไปอย่างจัง นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้องครักษ์คนนั้นสลบไปได้
“นี่เจ้าเก่งขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?”
องครักษ์อีกคนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหันหลังกระโดดหนีไป พร้อมกับส่งเสียงแว่วมาตามลม “เถ้าแก่หวัง ข้าขอไม่ทำต่อแล้วนะ ช่วงที่ผ่านมาข้ารู้สึกเป็นเกียรติและขอบพระคุณท่านมาก!”
ชายหัวโล้น “…”
ข้ายื่นมือไปเก็บเอกสารสัญญาที่ตกอยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมกับสายตาที่เย็นชา “เซ็นซะ ไม่อย่างนั้นงั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”
“เจ้าว่าไงนะ? นี่กำลังขู่ข้าอยู่เหรอ?” ชายหัวโล้นตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ข้าค่อยๆ ผายมือซ้ายออก ทันใดนั้นพลังลายสักเทพราชันมังกรที่ถูกกดไว้ข้างในก็ทะลักออกมา และเกิดแสงสีเลือดไหลวนห่อหุ้มเกาะกลุ่มกันที่มือซ้ายของข้า มันช่างน่าเกรงขามและทรงพลังยิ่งนัก มันกำลังฉีกลมปราณภายในร่างของเขา จู่ๆ ร่างของชายหัวโล้นก็ร้อนระอุขึ้นราวกับอยู่ในนรกอย่างไรอย่างนั้น เหงื่อแตกไปทั้งร่าง ไม่นึกเลยว่าจะทำให้เขาคุกเข่าทรุดลงกับพื้นทันที เขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ข้ายอมเซ็นแล้ว…ท่านหยุดเถอะ ข้ายอมแล้ว…”
เขารีบเซ็นชื่อให้เสร็จ จากนั้นก็วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกไป
ข้ายื่นเอกสารสัญญาให้หยางเซี้ยน นางมองตาปรืออย่างสะลึมสะลือพลางยิ้มขึ้น “เขายอมเซ็นให้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? ปู้อี้เชวียน เจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ…ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ข้าไม่กลับแล้ว ข้าจะไปนอนกับเจ้าเอง?
“ไม่ต้องเลย เลิกแสร้งทำได้แล้ว!”
หยางเซี้ยนหัวเราะร่า สีหน้าท่าทางที่ดูเมามายเมื่อครู่ได้หายไปจนหมดสิ้น จากนั้นจึงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ข้า “คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะดูออก ก็ได้ ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้ามากๆ นะ เฮ้อ…ถ้าข้างกายข้ามีคนแบบเจ้าสักคนก็คงดีน่ะสิ เพราะทุกครั้งที่ข้ามาเจรจาเรื่องเอกสารราวกับว่าข้าได้เข้าไปในถ้ำเสือถ้ำมังกรมาอย่างนั้นแหละ”
นางพูดไปพลางยื่นมือมากอดคอข้าไว้ ก่อนจะหอมแก้มของข้าเบาๆ และยิ้มขึ้น “นี่เป็นรางวัลให้เจ้า และถือเป็นพยานระหว่างมิตรภาพของเรา เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้วข้ากลับล่ะ”
นางหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แล้วจึงวิ่งเหยาะๆ ไปที่บันได
ข้าจึงตะโกนพูดขึ้นจากที่ไกลๆ “ในเมื่อสิ่งนี้เป็นพยานระหว่างมิตรภาพของเราแล้ว ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าถ้าข้าไปที่ร้านหอเจ็ดเทพช่วยลดราคาให้ข้าสักแปดสิบเปอร์เซ็นต์นะ…”
“ไอ้…”
นางเดินสะดุดจนเกือบจะตกบันไดทันที