พลังของเซียวหยุนเหว่ยก็ระเบิดออกมาเช่นกัน ทันใดนั้น เขาและผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงปะทะกัน ก่อนจะเก็บพลังทั้งสองระลอกกลับแล้วแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง
“อาหลง ท่านอายุมากแต่ยังแข็งแรง อายุไม่อาจบั่นทอนกำลังท่านเลย”
ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงก็หัวเราะเสียงดัง “เรื่องทะเลาะเบาะแว้งของหลานๆ ทั้งสองตระกูลเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ จะว่าไป เป็นเพราะผู้ใหญ่ตระกูลเจ้าที่ก่อเรื่องก่อน ข้าว่า เรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านไปเถิด”
เซียวหยุนเหว่ยพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน!”
เซียวปิงมั่วชี้หลงเหยียนที่อยู่ตรงหน้าแล้วโวย “ท่านผู้นำ แต่เจ้าหลงเหยียนยังชิงโสมจักรพรรดิมังกรไปอีกด้วย”
“นั่นสิ ต้องให้เขาคืนมาถึงจะถูก!”
เซียวหยุนเหว่ยหันกลับไปพูด “หุบปาก หรือพวกเจ้าอยากให้ข้าแตกคอกับคนของตระกูลหลง? ก็แค่สมุนไพรต้นเดียวมิใช่หรือ!”
“อาหลง ท่านอย่าได้โกรธเคืองไปเลย คนรุ่นหลังอายุน้อยไร้มารยาท พอกลับไปแล้วข้าจะสั่งสอนเอง แต่จะว่าไป หากจวนของท่านต้องการสมุนไพร สามารถส่งคนมาเอาที่จวนเราได้!”
ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง เขาเข้าใกล้เซียวหยุนเหว่ย กดมือไว้ที่ไหล่เขา “งั้นก็ดี เช่นนั้นข้าจะขอรับไว้ ก่อนที่คนจากเมืองหยุนจงมาถึง ข้าขอดูหน่อยว่าคนของเจ้าจะกลับไปนำสมุนไพรมาถึงทันหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็มีเวลาอยู่แล้ว”
ไม่มีใครนึกถึงว่าผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงจะไม่ไว้หน้าเซียวหยุนเหว่ยเช่นนี้ ทั้งยังจะรับสมุนไพรต่อหน้าทุกคน ดูไร้ความเกรงใจมากจริงๆ
เซียวหยุนเหว่ยโมโหมาก เขากำหมัดแน่น หันไปมองเซียวปิงมั่วแล้วเปล่งเสียงผ่านซอกฟัน
“ไป รีบไปเอาสมุนไพรที่จวนมาให้ข้าเร็ว”
เซียวปิงมั่วกัดฟันตอบ จ้องหลงเหยียน วันนี้ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงผิดปกติ ต่างไปจากเดิมมาก ทว่าเขาก็ยังพูดด้วยความโมโห “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เซียวปิงมั่วหันหลังเดินจากไปจนลับสายตาทุกคน…
ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงหัวเราะเสียงดัง “หลานเซียว เจ้าเป็นถึงผู้นำตระกูล จะปล่อยปละละเลยเด็กรุ่นหลังในตระกูลได้เสียที่ไหนกัน มิเช่นนั้น หากถึงเวลา คนที่เสียเปรียบจะเป็นตัวเจ้าเอง วันนี้ข้ามอบบทเรียนแก่เจ้า หวังว่าต่อไปเจ้าจะจำขึ้นใจ”
เซียวหยุนเหว่ยพยักหน้า เขาขานรับ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ทว่าในใจกลับกำลังก่นด่า “บัดซบ ตาแก่เอ๊ย นี่เจ้ากล้าทำแบบนี้กับข้าหรือ งั้นก็อย่าโทษหากข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน ตระกูลหลงของเจ้า รวมไปถึงเจ้า ไม่นานก็ต้องจบลงในมือข้าแล้ว ข้าเซียวหยุนเหว่ย ต้องลบชื่อตระกูลหลงออกจากเมืองมังกรให้ได้”
พวกเขาสองคนไม่มีใครยอมใคร ส่วนหลงเหยียนที่มองอยู่ข้างๆ กลับมองด้วยความประทับใจ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากตัวเขาแต่ผู้อาวุโสกลับออกตัวรับหน้าให้ ‘หรือท่านปู่จะไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตระกูลหลงเลย คงเพราะท่านปู่มั่นใจว่าตัวเองจัดการตระกูลเซียวได้สินะ’
เรื่องในวันนี้ทำให้คนตระกูลเซียวมั่นใจในความคิดที่มีต่อหลงเหยียน เขาต้องตายสถานเดียว นี่คือสิ่งที่คนในตระกูลเซียวคิดเหมือนกัน
“เหยียนเอ๋อ มานี่เร็ว รีบจับมือกับพวกเขาสองพี่น้อง สัญญาว่าอีกหน่อยพวกเจ้าจะไม่มีปัญหากันอีก ถ้ามีปัญหากันอีก ต่อให้เจ้าจะถูกพวกเขาตีตาย หรือเจ้าตีพวกเขาตาย ข้าจะไม่รับผิดชอบ”
หลงเหยียนรีบโค้งตัวตอบรับทันที “ขอรับท่านปู่ หลานจะจำไว้” มีหรือที่หลงเหยียนจะไม่เข้าใจความหมายของผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลง
เขายื่นมือออกไปอย่างผ่าเผย กล่าวคำขอโทษ จับมือปรับความเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร!
หลงเหยียนยื่นมือออกไป แล้วพูดเสียงชัดเจน “พี่เซี่ยว พี่อวี่ เป็นข้าผิดต่อท่าน ขอโทษด้วย ต่อไป หากวันใดเราผ่านทางมาพบกันอีก ข้ารับรองว่าต้องต้อนรับพวกท่านด้วยรอยยิ้ม!”
เซียวเทียนเซี่ยวและเซียวเทียนอวี่มองหน้ากัน ยื่นมือออกมา ทันใดนั้นเอง เงาที่งดงามร่างหนึ่งก็พุ่งเจ้ามาปัดมือหลงเหยียนทิ้ง
“หลงเหยียน แล้วเรื่องของข้าเล่า เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร?”
หลงเหยียนไม่สนใจนาง ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบจับมือของสองพี่น้องตระกูลเซียว จากนั้นก็รีบไปโอบกอดพวกเขาไว้ก่อนจะกระซิบข้างหู
“คนตระกูลเซียว วันนั้นข้าเป็นฝ่ายผิดจริงดังว่า ข้าลงมือรุนแรงไปเล็กน้อย แต่ข้ารับรองว่าหากมีครั้งหน้า ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้ามีโอกาสคลานลุกขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง” ความดุร้ายกะพริบในแววตาหลงเหยียน
เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปทางเซียวจื่อมั่วที่ยืนอย่างหยิ่งผยอง นางยังไม่ทันตั้งตัว หลงเหยียนก็คว้านางมาซบอกกอดไว้
“แม่นางเซียว เรื่องในวันนั้นเป็นความผิดของข้าเอง ขอโทษด้วย”
ขณะที่หลงเหยียนพูดจบ เขาก็ใช้มือตบหลังนางหนึ่งครั้ง เพราะหลงเหยียนใช้แรงมาก นางจึงมองหลงเหยียนคล้ายกำลังเจ็บ
หลงเหยียนยิ้มอย่างคนชั่วร้ายแล้วกระซิบข้างหูนาง “แหะๆๆ นุ่มจริงๆ ด้วย”
พูดจบหลงเหยียนก็ปล่อยนาง ความรู้สึกแบบนั้นคงไม่ต้องพูดว่ามันดีเพียงใด เพราะหันหลังให้ผู้นำตระกูลเซียว ทำให้เขามองไม่เห็นการกระทำของหลงเหยียนเมื่อครู่ แต่คนอายุน้อยในตระกูลเซียวเห็นเต็มสองตา
“นี่ นี่มันเกินไปแล้วจริงๆ เจ้ากล้าฉวยโอกาสเข้าใกล้น้องจื่อต่อหน้าคนตระกูลเซียวเลยหรือ”
คนที่พูดเป็นคนอายุน้อยในตระกูล เขาอยากพุ่งเข้าไป แต่กลับถูกเซียวเชียนมั่วที่อยู่ข้างๆ ขวางไว้
“อย่าวู่วาม เจ้าหลงเหยียนนั่นแยบยลมากเกินไป ฉวยโอกาสที่ผู้อาวุโสตระกูลหลงให้ท้าย หยามศักดิ์ศรีตระกูลเซียวของเรา ไว้เราค่อยไปจัดการเขาในเทือกเขาหยุนหลัวดีกว่า”
รังสีสังหารประกายออกมาจากสายตาของคนอายุน้อยในตระกูลเซียว โดยเฉพาะเซียวเชียนมั่ว ความแค้นที่เขามีต่อหลงเหยียนนั่นมากเหลือเกิน
หลงเหยียนเงยหน้าขึ้น เขาไม่สนใจเซียวปิงมั่วเลยด้วยซ้ำ… เพียงแค่กวาดตามองผ่านทุกคนอย่างเฉยเมย
แววตาของเขาคล้ายกำลังท้าทาย ทำให้เซียวเชียนมั่วโมโหจนกัดฟันกรอด… ถึงกระนั้น ไม่นานผู้อาวุโสและคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปนั่งที่เดิม
หลงป้าเทียนฉีกยิ้มมุมปากแล้วมองมาทางหลงเหยียน “นี่ ครั้งก่อนเจ้ารังแกแม่นางคนนั้นลงได้อย่างไร นางงดงามปานนั้น เจ้ายังกล้าทำได้ลงคออีก บ้านเมืองยังมีขื่อมีแปอยู่หรือไม่?”
หลงเหยียนกลอกตา… “เจ้าไม่จำเป็นต้องมายุ่งเรื่องของข้า”
“เฮ้อ หมดสนุกจริงๆ ข้าก็นึกว่าพวกเจ้าจะสู้กันเสียอีก แต่จะว่าไป หลงเหยียน ข้ามองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะกล้าเช่นนี้ ตระกูลเซียวมีคนมากมาย เจ้ากลับสร้างเรื่องไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ดูความโกรธจากแววตาพวกเขาสิ ดูเกลียดจนอยากฆ่าเจ้าเสียตั้งแต่วินาทีนี้”
หลงเหยียนหันไปมอง แววตาของคนพวกนั้นดุร้ายมากจริงดังที่กล่าว มีเพียงเซียวจื่อมั่วเท่านั้นที่แสดงท่าทีไม่พอใจ หลงเหยียนมองหลงป้าเทียนด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่เป็นกังวล “แล้วอย่างไร หากเป็นมิตร ข้าจะปกป้องพวกเขาด้วยชีวิต หากเป็นศัตรู เพราะเหตุใดข้าจำต้องสนใจพวกเขา ในเมื่อจะมีเรื่องอยู่แล้วก็เอาให้เต็มที่” เมื่อพูดจบ เขาก็ทำหน้าเขม่นาหลงป้าเทียน
“ฮ่าๆๆ จะผยองก็ต้องดูความสามารถ เจ้าก็อาศัยแค่ตอนที่ท่านปู่ให้ท้ายเท่านั้นละ”
หลงเหยียนพูดออกมาทันที “แล้วอย่างไร มีเรื่องกับข้า เจ้าก็ต้องเจอแบบนั้นเช่นกัน!”
“อะไรนะ!” หลงเป้าเทียนโมโหมาก เขาไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลง ทว่าขณะที่ความเดือดดาลกำลังป เสียงรายงานก็ดังขึ้น
“เมืองหยุนจงส่งคนมาถึงแล้ว…”
ทันใดนั้น ทุกคนรีบเดินออกไปต้อนรับที่หน้าประตูจวนทันที คนที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าคือผู้อาวุโสและผู้นำตระกูลเซียว พวกเขาสองคนเขย่งเท้ารอดูการปรากฏตัวของคนจากเมืองจงหลัว
เวลานี้ หลงหยุนฉีรีบพุ่งเข้ามาตรงหน้าหลงเหยียน พูดด้วยความโมโห “พี่เหยียน เมื่อครู่ท่านกล้ามากเหลือเกิน”
“เงียบไปก่อนน่าหยุนฉี รีบดูนั่นเร็ว เป็นถึงคนที่ตระกูลอู่ตี้ในตำนานส่งมาเชียว โอ้โห ขบวนรถม้าอลังการเสียจริง แถมยังมีองครักษ์หญิงสี่คนขี่สัตว์อสูร หลงเหยียนมองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่านั่นคือสัตว์อสูรระดับทองคำขั้นที่ห้า
“คาดว่าผู้ติดตามสี่คนนั้นต้องมีพลังขั้นที่เก้าสูงสุดเป็นแน่ รังสีของพวกนางแข็งแกร่งเหลือเกิน”
สิ่งที่แสดงออกมาทำให้เห็นความยิ่งใหญ่และมีอำนาจของตระกูลอู่ตี้ คนที่นั่งในนั้นเป็นคนระดับใด? ทำให้ทุกคนมองภาพตรงหน้าจนตาลาย
‘คิดว่าพวกเขาต้องแข็งแกร่งมากแน่ อย่างน้อยก็คงอายุเท่าท่านปู่แล้วสินะ!’ หลงเหยียนนึกในใจ เขาไม่สนใจหลงหยุนฉีเลยด้วยซ้ำ
ส่วนเงาที่งดงามไกลออกไปก็กำลังจ้องมาทางหลงเหยียนเช่นกัน นางก็คือเซียวจื่อมั่ว
หลงหยุนฉีพบว่าแววตาที่นางมองมาทางหลงเหยียน คล้ายคนที่กำลังมีใจ “หรือว่านางมีใจให้พี่เหยียน?”
——————–