เมื่อขบวนของบ้านซ่งมาถึงหน้าประตูบ้านซย่า ผู้คนก็เข้ามามุงดูทันที พวกเขาอยากเห็นหน้าตาของอัจฉริยะในตำนาน
“น่าเสียดายยิ่งนัก คนดีๆ เช่นนี้พิการได้อย่างไร”
“เฮ้อ จากนี้เซวียนเซวียนจะทำอย่างไร!”
เมื่อทุกคนเห็นซ่งจื่อเฉินนั่งอยู่บนรถเข็น พวกเขาต่างก็เสียใจแทนจิ่นเซวียน ซ่งจื่อเฉินมีหน้างดงามเหนือผู้ใดเป็นเรื่องจริง แต่จะมีประโยชน์อย่างไร ในเมื่อเขาเป็นบุรุษที่เดินมิได้ มิอาจปกป้องจิ่นเซวียน เมื่อนางโดนรังแก“พี่ใหญ่ชิ่งเจีย ข้าคือปู่ใหญ่ของเซวียนเซวียน พวกท่านเดินทางมาคงเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ให้ผู้อื่นช่วยยกสินสมรสเถิด” ซย่าหลี่เจิ้งคือหัวหน้าตระกูล เป็นผู้อาวุโสสูงวัยที่สุดของตระกูลซย่า เขาจึงเป็นผู้เชิญคนบ้านซ่งเข้าบ้านแทนปู่ของเซวียนเซวียนที่เสียไปแล้ว
ความจริงแล้วเขาค่อนข้างสงสารจิ่นเซวียน เด็กสาวดีๆ เช่นนางกลับโดนหมั้นหมายกับซ่งจื่อเฉินตั้งแต่อายุยังมิทันสิบห้าปีเต็ม
“ท่านหัวหน้าตระกูล ข้ามีเรื่องที่อยากจะปรึกษากับท่านตามลำพัง อีกครู่เมื่อรับเจ้าสาวออกจากบ้าน ท่านช่วยลดพิธีอุ้มเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวได้หรือไม่ น้องห้าของข้า……” ในฐานะที่ซ่งหวาเป็นพี่คนโตและเป็นตัวแทนของสกุลซ่ง เขาหวังว่าซย่าหลี่เจิ้งจะยอมรับข้อเรียกร้องเล็กๆ ของเขา น้องห้าเดินมิสะดวก เขามารับเจ้าสาวถึงที่นี่ได้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว
“ข้าเข้าใจ เช่นนั้นก็ลดพิธีนี้ไปเถิด” ซย่าหลี่เจิ้งเข้าใจความหมายที่ซ่งหวาจะสื่อ และตัวเขาเองก็มิอยากให้ซ่งหวาลำบากใจ
“พวกเราพี่น้อง รีบเข้าไปขนสินสมรสกันเถิด” หลังซ่งหวาเจรจากับซย่าหลี่เจิ้งเรียบร้อยแล้ว ซ่งหงก็เข็นซ่งจื่อเฉินเข้าเรือนบ้านซย่า เมื่อคนในเรือนได้เห็นใบหน้าที่งดงามของซ่งจื่อเฉินแล้ว พวกเขาก็เหลือบมองซ่งจื่อเฉินอยู่หลายหน
ซย่าจิ่นอวิ๋นยิ้มเยาะอยู่ท่ามกลางฝูงชน ซ่งจื่อเฉินหน้าตางดงามแล้วอย่างไร เขาเป็นเพียงคนพิการจะมีประโยชน์ได้อย่างไร มิแน่อาจจะมีปัญหาตอนเข้าห้องหอเสียด้วยซ้ำ
“บ้านซ่งเชิญเกี้ยวแปดคนหามมารับเจ้า ดูท่าพวกเขาคงจะให้ความสำคัญกับงานแต่งครั้งนี้จริงๆ” จินซื่อที่ออกไปดูเรื่องรื่นเริงข้างนอก กลับเข้ามาบอกจิ่นเซวียน จิ่นเซวียนมิได้ตอบสิ่งใดกลับไป ซ่งผิงให้เกียรตินางก็เพื่อลูกชายของเขา มิมีสิ่งใดได้มาง่ายๆ หรอก
“เซวียนเซวียน เมื่อคนบ้านซ่งทานอาหารเสร็จ เจ้าก็ต้องออกเรือนแล้ว ก่อนไปเจ้าต้องกราบลาผู้อาวุโสในบ้านพ่อแม่ด้วยกันกับเจ้าบ่าว ท่านปู่หัวหน้าตระกูลบอกว่าร่างกายเจ้าบ่าวมิค่อยแข็งแรงนัก ตอนขึ้นเกี้ยว ซ่งจื่อเฉินจะมิได้อุ้มเจ้ากลับ เจ้าต้องจับผ้าผูกดอกไม้กับเขาแล้วขึ้นเกี้ยวเอง”
ต่อมาจินซื่อก็บอกเรื่องที่ซย่าหลี่เจิ้งถ่ายทอดมาให้จิ่นเซวียนรับรู้ทั้งหมด จิ่นเซวียนตอบรับ มิได้คัดค้าน
ห้องโถง!
จุดเทียนแกะสลักหงส์และมังกรคู่แล้ว เมื่อบ้านซ่งทานอาหารเสร็จ จะจัดพิธีกราบลาทันที
เกาซื่อสั่งให้คนที่มาช่วยงานรีบมาช่วยนางจัดของ
“เฮ้อ เจ้าบ่าวเป็นคนดี เสียดายนักที่เดินเหินมิได้”
เกาซื่อคิดตามที่คนพูดถึงซ่งจื่อเฉินแล้วกลุ้มใจ นางเสียใจยิ่งนักที่ให้จิ่นเซวียนแต่งกับซ่งจื่อเฉิน ลูกสาวแต่งออกไปกลายเป็นลูกผู้อื่น จากนี้นางคงตักตวงผลประโยชน์จากจิ่นเซวียนได้ลำบากขึ้น
ที่สำคัญคือบ้านซ่งมีแต่เปลือก มิได้รุ่งโรจน์เหมือนแต่ก่อน
“ทุกคนมีโชคชะตาของตนเอง การแต่งงานนี้ เจินเจินเป็นคนจัดการ ข้าเองก็ทำสิ่งใดมิได้”
เกาซื่อผลักความรับผิดของนางให้เสี่ยวเกาซื่อ เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหา
แต่คนในงานมิได้โง่ ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่างานแต่งของจิ่นเซวียนผู้ใดเป็นผู้จัดการ
พวกเขารู้สึกขาดทุนแทนจิ่นเซวียน น่าเศร้ายิ่งนักที่จิ่นเซวียนมีย่าเช่นนี้
หากพวกเขาคือจิ่นเซวียน คงมิกลับมาดูแลบ้านเดิมแน่ ในวันข้างหน้าจะรวยหรือจนก็จะมิมาข้องแวะด้วยอีก
…….
เมื่อคนบ้านซ่งทานอาหารเสร็จ ซ่งหวาก็ให้คนขนสินสมรสขึ้นเกี้ยว จากนั้นจึงจัดพิธีอำลา
ซย่าชุนอวิ๋น สวี่ติ้งหรงรวมถึงสตรีที่ออกเรือนแล้วร้องไห้เงียบๆ แต่จิ่นเซวียนกลับมิหลั่งน้ำตาเลยตั้งแต่ต้นจนจบงาน
ทุกคนเลยคิดว่านางฝืนยิ้ม
“ท่านย่าเล็ก พวกท่านอย่าร้องไห้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลตนเองให้ดี” จิ่นเซวียนขัดจังหวะทุกคนและบอกว่าอย่าร้องไห้ นี่มิใช่การจากตายเสียหน่อย
“เซวียนเซวียน พวกเรารักเจ้า” สวี่ติ้งหรงหยิบผ้าโปร่งคลุมหน้าสีแดงมาคลุมให้จิ่นเซวียน ตอนที่นางเลือกชุดแต่งงาน มิได้เลือกผ้าฝ้ายทึบคลุมหน้า เพราะนางจะได้มองเห็นทาง
“เจ้าสาว เหตุใดเจ้าถึงมิร้องไห้เล่า ร้องไห้ตอนแต่งงานถือเป็นประเพณีอย่างหนึ่ง ร้องแล้วถึงจะดี” แม่สื่อโจวเดินเข้ามารับจิ่นเซวียนไปร่วมพิธีกราบลาในฐานะญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายและหญิง
“ข้าคิดว่ามันมิสำคัญ สิ่งสำคัญคือใช้ชีวิตให้ดีเจ้าค่ะ” เสียงหวานของจิ่นเซวียนฟังแล้วรู้สึกสบายใจ ในเมื่อนางมิร้องไห้ แม่สื่อโจวก็ทำสิ่งใดมิได้
จิ่นเซวียนเดินตามแม่สื่อโจวและญาติผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่คอยส่งตัวเข้ามาในห้องโถงหลัก เวลานี้ซ่งจื่อเฉินเงยหน้ามองจิ่นเซวียน
เขามองผ่านผ้าโปร่งคลุมหน้าสีแดงจนเห็นใบหน้างดงามล่มเมือง ดวงหน้านี้เคยปรากฏในความฝันของเขาหลายหน เพียงแต่คนในฝันนั้นแต่งตัวประหลาดแตกต่างจากคนในยุคนี้
สิ่งที่ทำให้เขาประทับใจที่สุดคือนัยน์ตาหงส์คู่นั้น มันมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ดึงดูดผู้มองให้จมอยู่ในภวังค์ เจ้าสาวทั่วไปคงร้องไห้ก่อนแต่งงาน แต่ภรรยาตัวน้อยของเขากลับมิหลั่งน้ำตาสักหยด นางมีกลิ่นอายแฝงความเย็นชาออกมาตั้งแต่เริ่มจนจบงาน ราวกับมิมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตน
ขณะที่ซ่งจื่อเฉินลอบสังเกตจิ่นเซวียน จิ่นเซวียนเองก็สังเกตซ่งจื่อเฉินด้วยเช่นกัน แม้จะมีผ้าบางๆ มาขวางกั้น แต่จิ่นเซวียนก็เห็นรูปโฉมของซ่งจื่อเฉินได้อย่างชัดเจน และที่ทำให้นางตกใจคือสามีของนางนั้น มีหน้าตาเหมือนคนรักของนางในชาติก่อนทุกประการ
“จื่อเฉิน เซวียนเซวียนของข้าจากนี้ยกให้เจ้าแล้ว เจ้าต้องรัก ปกป้องและทะนุถนอมนางให้ดี” ซย่าหลี่จวินลุกขึ้นจากที่นั่งมาจับมือจิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินวางทาบทับกัน จิ่นเซวียนรู้สึกว่ามือของซ่งจื่อเฉินเย็นเฉียบ เมื่อมือทั้งสองข้างสัมผัสกัน ใจทั้งสองดวงก็เต้นกระหน่ำ และเต้นรัวเร็วยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“ท่านพ่อตาโปรดวางใจ จากนี้ข้าจะดูแลเซวียนเซวียนให้ดีขอรับ” ซ่งจื่อเฉินตอบกลับซย่าหลี่จวินอย่างสุภาพ เสียงวิจารณ์เขาดังมิหยุดหย่อนตั้งแต่มาถึงบ้านซย่า คนในหมู่บ้านสกุลซย่าส่วนใหญ่ดูถูกเขา เพราะเขาเดินมิได้ จึงกลัวว่าเขาจะเป็นภาระให้จิ่นเซวียน
เทพบุตรก็สมกับเป็นเทพบุตร งดงามแม้กระทั่งเสียง แต่เทียบกับพี่จื่อเฟิงแล้ว ซ่งจื่อเฉินเย็นชาเกินไป มิเหมือนผู้ชายอบอุ่นเลยสักนิด
“เซวียนเซวียน เจ้าคำนับให้พ่อกับย่าแทนจื่อเฉิน” ซย่าหลี่เจิ้งให้จิ่นเซวียนคำนับญาติผู้ใหญ่บ้านพ่อแม่ จิ่นเซวียนจึงคุกเข่าคำนับสามครั้งแล้วค่อยลุกขึ้น
เกาซื่อหยิบซองแดงออกมาสองซองตามธรรมเนียม นางมอบให้จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินตามลำดับ
ตอนที่รับซองแดงมา จิ่นเซวียนรู้สึกว่ามันเบามาก มิน่าใช่ตั๋วเงิน หากให้นางเดา ในซองนั้นคงมีเงินมากสุดแค่สิบกว่าอีแปะ
พิธีกราบลาเสร็จสิ้น ซย่าหลี่เจิ้งนับจำนวนคนไปส่งเจ้าสาวทั้งหมดยี่สิบแปดคน เท่ากับจำนวนคนที่มารับเจ้าสาวจากบ้านของเจ้าบ่าว
คนที่ได้รับเชิญล้วนเป็นคนตระกูลซย่า บางคนเป็นรุ่นเดียวกับจิ่นเซวียน บางคนเป็นผู้อาวุโสกว่าจิ่นเซวียน
มีแม้กระทั่งเด็กเจ็ดถึงแปดคนด้วย!
เมื่อคนส่งตัวเดินทางไปถึงบ้านของฝ่ายชาย บ้านของฝ่ายชายต้องเตรียมของขวัญเอาไว้ล่วงหน้า แล้วมอบให้คนส่งตัวเจ้าสาวก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับ ธรรมเนียมปฏิบัติค่อนข้างมาก แต่เรื่องเหล่านี้ฝ่ายชายเป็นผู้จัดการ จิ่นเซวียนจึงมิต้องกังวล
“ชุนอวิ๋น ที่ข้าให้เจ้าไปแลกเศษเหรียญ เจ้าแลกแล้วหรือยัง หากเซวียนเซวียนถึงบ้านของฝ่ายชายแล้วมีเด็กๆ มาป่วนห้องหอ จะต้องโปรยเงินอั่งเปาให้พวกเขาด้วย” ก่อนออกเดินทาง สวี่ติ้งหรงย้ำกับซย่าชุนอวิ๋นซ้ำๆ ว่าอย่าลืมเงินอั่งเปา
หลังรับตัวเจ้าสาว จิ่นเซวียนเดินตามซ่งจื่อเฉินที่อยู่ด้านหน้า ส่วนคนส่งตัวอยู่ด้านหลัง หน้างานคึกคักยิ่งนัก!