ยิ่งไปกว่านั้น ฉินสือที่เป็นถึงคุณชายยังต้องพึ่งหนังสือทักษะเท่านั้น จึงจะสามารถเรียนรู้พลังเวทได้
ดังนั้นฉีเล่อจึงบอกว่าหนังสือทักษะจะเป็นตลาดขนาดใหญ่อย่างแน่นอน
ในโหมดโลกใหม่ มันแสดงให้เห็นอย่างคลุมเครือ
ฉีเล่อเองก็ดีใจมากที่ได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายกำไรก็ตกอยู่ที่ฉีเล่อ
เพราะอะไรล่ะ
ก็เพราะการเปิดใช้หนังสือทักษะต้องใช้ผนึกวิญญาณ
ยิ่งทักษะการต่อสู้และพลังเวททรงพลังมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องใช้ผลึกวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเปิดใช้งานทักษะการต่อสู้แล้ว หากต้องการเลื่อนระดับสายทักษะต่อไป ก็ต้องจ่ายผลึกวิญญาณให้ระบบต่อ
สรุปก็คือ ‘ถ้าไม่ใช้เงินแล้วจะแข็งแกร่งได้อย่างไร‘
……
เมื่อกลับมาถึงห้องนอน ฉีเล่อก็เรียกระบบในใจทันที
“ระบบ เครื่องสุ่มบัตรสัตว์เลี้ยงอะไรนั่น ช่วยตั้งไว้ที่ห้องนอนของข้าก่อนได้หรือไม่”
ฉีเล่อคิดจะศึกษาเครื่องสุ่มบัตรสัตว์เลี้ยงนี้ก่อน แล้วค่อยนำไปตั้งไว้ที่ชั้นหนึ่ง
ระบบ : “ได้”
ทันทีที่เสียงในหัวจบลง เครื่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็ปรากฏขึ้นตรงที่โล่งในห้องนอน
รูปร่างของเครื่องนี้ดูเผินๆ เหมือนเครื่องสล็อตแมชชีน
แต่แทนที่จะเป็นคันโยก กลับกลายเป็นหน้าจอและปุ่มด้านล่างที่เหลือเพียงปุ่มเดียว
ถัดจากปุ่มนั้นยังมีช่องเปิดอีกหลายช่อง
ฉีเล่อมองปราดเดียวก็รู้ว่าช่องนั้นต้องเป็นช่องหยอดผลึกวิญญาณแน่นอน
“ข้ามีลางสังหรณ์ไม่ดี หวังว่าจะไม่เป็นเรื่องจริง”
ฉีเล่อกลืนน้ำลาย จากนั้นก็เปิดเครื่องสุ่มบัตรสัตว์เลี้ยง
“ยินดีต้อนรับสู่เครื่องสุ่มบัตรสัตว์เลี้ยง โปรดหยอดผนึกวิญญาณสิบก้อนเพื่อรับโอกาสในการสุ่มบัตรหนึ่งครั้ง”
เฮือก
ฉีเล่อแทบกระอักเลือดออกมา
ข้าน่าจะเดาได้ตั้งนานแล้ว
“ระบบ อธิบายให้ข้าฟังที เครื่องสุ่มบัตรสัตว์เลี้ยงนี่มันคืออะไร” ฉีเล่อไม่อยากเสียผลึกวิญญาณทั้งสิบก้อนนี้ไปจริงๆ
ระบบ : “เครื่องสุ่มบัตรสัตว์เลี้ยงสามารถสุ่มบัตรสัตว์เลี้ยงได้หลากหลายประเภท”
ระบบ : “บัตรสัตว์เลี้ยงสามารถอัญเชิญสัตว์เลี้ยงที่ทรงพลังออกมาได้ สามารถต่อสู้เพื่อผู้อัญเชิญ หรือสามารถช่วยผู้อัญเชิญต่อสู้ได้”
ระบบ : “รายละเอียดบัตรสัตว์เลี้ยง โฮสต์สามารถตรวจสอบได้ในระบบหลังบ้านของผู้จัดการร้าน”
“เจ้าช่วยบอกแบบนี้ตั้งแต่แรกไม่ได้หรือ?”
มุมปากของฉีเล่อกระตุกเล็กน้อย สุดท้ายก็ทำได้เพียงพ่นลมหายใจขุ่นมัวออกจากอกและเปิดระบบหลังบ้านของผู้จัดการร้านอย่างเงียบๆ
ระดับความหายากของบัตรสัตว์เลี้ยงนั้นคือคุณภาพของบัตรสัตว์เลี้ยง แบ่งจากต่ำไปสูงเป็น B A R SR SSR ห้าระดับ
ฉีเล่อรู้ดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร
R หมายถึง rare ซึ่งหมายถึงหายาก
S หมายถึง super ซึ่งหมายถึงหายากมาก
ความหมายของ SR คือหายากมากที่สุด
“อ๊า เจ้าระบบขี้เหนียว เจ้าอ่านใจข้าอีกแล้ว” ฉีเล่อเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนวดขมับที่เต้นตุบๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือผลิตภัณฑ์ประเภทบัตรเป็นแหล่งดึงดูดเงินจากผู้เล่นได้มากมาย
ฉีเล่อเคยเล่นเกมประเภทนี้มามากมายในชาติที่แล้วของเขา
น่าเสียดายที่ชาติที่แล้วฉีเล่อยากจนมาก จึงเล่นเกมเหล่านี้ได้เพียงเวอร์ชันฟรีเท่านั้น จนถูกผู้เล่นสายเติมเหยียบย่ำ
โลกสายเติม ฉีเล่อไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ
แต่ฉีเล่อมั่นใจว่าระบบขี้เหนียวนี่อ่านใจเขา ถึงคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
ยิ่งระดับบัตรสัตว์เลี้ยงหายากมากเท่าใด คุณภาพก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นก็จะยิ่งสูงขึ้นทุกครั้งที่ระดับเพิ่มขึ้น
นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงกันได้ง่ายๆ
เพราะบัตรสัตว์เลี้ยง นอกจากจะสุ่มในเครื่องสุ่มบัตรสัตว์เลี้ยงแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกที่จะได้รับ
“ถ้าพูดถึงระดับความใจดำ ระบบไร้หัวใจนี่ร้ายกาจที่สุด” ฉีเล่อยักไหล่อย่างจนปัญญา จากนั้นก็อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับบัตรสัตว์เลี้ยงต่อ
สัตว์เลี้ยงที่อัญเชิญมาจากบัตรสัตว์เลี้ยงสามารถอัปเกรดพร้อมกับผู้อัญเชิญได้
และง่ายต่อการอัปเกรด
วิธีการเพิ่มระดับสัตว์เลี้ยงนั้นคล้ายกับแมวกลืนวิญญาณ เพียงแค่กลืนกินไอเทมที่มีพลัง
อย่างเช่นเนื้อสัตว์อสูร แกนอสูรเวท
มันเหมือนกับการล่าสัตว์อสูรในชีวิตจริง
อย่างไรก็ตาม พลังงานในร่างกายของสัตว์เลี้ยงไม่ใช่พลังยุทธ์หรือพลังเวท แต่เหมือนกับพลังในร่างกายของฉีเล่อที่สามารถเลียนแบบผลลัพธ์ของพลังยุทธ์และพลังเวทออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
กล่าวคือ สัตว์เลี้ยงเหล่านี้เหมือนกับฉีเล่อ พวกมันสามารถใช้วิชาการต่อสู้และพลังเวทได้ในเวลาเดียวกัน
“นี่เป็นจุดขายสำคัญเลยนะ”
ฉีเล่อคิดเพียงว่าระบบนี่มุ่งแต่จะเอาผลึกวิญญาณจากลูกค้าอย่างเดียว แต่ไม่คิดว่าระบบจะให้สิ่งดีๆ แก่ลูกค้า
แต่สิ่งที่ต่างจากผู้ฝึกตนก็คือสัตว์เลี้ยงสามารถพึ่งพาการเลื่อนระดับเพื่อเพิ่มค่าสถานะได้เท่านั้น ไม่เหมือนผู้ฝึกตนที่สามารถอัปเกรดค่าสถานะได้โดยตรง
ก่อนหน้านี้ได้กล่าวไว้ว่าผู้ฝึกตนในโลกนี้จำเป็นต้องผ่านพื้นที่ทดลองทุกๆ ยี่สิบขั้นเพื่อพัฒนาระดับและความแข็งแกร่งของพวกเขา
นอกจากนี้ หลังจากถึงขั้นสูงสุดแล้วก็จะไม่สามารถเลื่อนไประดับต่อไปได้ นอกจากว่าผู้ฝึกตนคนนั้นจะเข้าไปในพื้นที่ทดลอง
ทุกครั้งที่ผ่านพื้นที่ทดลองและเลื่อนระดับขึ้นหนึ่งครั้ง เขาก็จะได้รับการปรับปรุงค่าสถานะทั้งหมด
แต่สัตว์เลี้ยงของระบบกลับทำเช่นนั้นไม่ได้
มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือไม่จำเป็นต้องใช้ผลึกทดลอง
ข้อเสียคือสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพต่ำเกินไปจะด้อยกว่าผู้อัญเชิญในด่านต่อๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูง เช่น สัตว์เลี้ยงระดับ SR และ SSR
เนื่องจากสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงเหล่านี้ ค่าสถานะของมันจะสูงมาก ค่าสถานะที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกระดับอาจจะสูงกว่าผู้อัญเชิญด้วยซ้ำ
หากผู้อัญเชิญคิดจะพึ่งพาความแข็งแกร่งจากการทดลองไม่กี่ครั้ง เพื่อไล่ตามคุณสมบัติของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
เช่นเดียวกับมนุษย์และมังกร
การที่เผ่ามนุษย์ต้องการเหนือกว่าเผ่ามังกรในแง่ของคุณสมบัติ ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ปลุก?”
ฉีเล่อมองลงไปและเห็นคำที่น่าสนใจ
บัตรสัตว์เลี้ยงสามารถเลื่อนระดับการปลุกพลังได้ ทุกครั้งที่ตื่นสามารถเพิ่มค่าสถานะและคุณสมบัติของสัตว์เลี้ยงได้มาก
บัตรสัตว์เลี้ยงใบเดียวกันสามารถปลุกได้สูงสุดห้าครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉีเล่อก็ตกใจมาก
การปลุกพลังและการเลื่อนขั้นนี้ ก็เหมือนกับการเลื่อนระดับของผู้ฝึกตนที่ผ่านพื้นที่ทดลอง
และมันก็แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนที่เลื่อนระดับเสียอีก
เพราะหลังจากที่ผู้ฝึกตนผ่านพื้นที่ทดลองแล้ว พวกเขาจะไม่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้คุณสมบัติของพวกเขาได้
เหมือนกับกู้ผิงชวนที่สามารถกลายเป็นระดับอิงสยงได้ นั่นเป็นเพราะพรสวรรค์ของเขา ไม่ใช่พื้นที่ทดลองที่เพิ่มคุณสมบัติให้เขา
แต่สัตว์เลี้ยงเหล่านี้สามารถทำได้!
“สุดยอดไปเลย ระบบของข้า” ฉีเล่อเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือให้ระบบ
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ระบบก็เอ่ยขึ้น
ระบบ : “โฮสต์ชมเกินไปแล้ว มันเป็นความคิดของเจ้า”