ฉู่เหินกลับมาถึงสำนักดาราสวรรค์ เดินเข้าห้องตนเองแล้วปิดประตูเรียบร้อย
“ไอ้เจ้านี่เป็นอะไรของมันอีกแล้ว? ถูกหญิงทิ้งมาหรือนั่น?”
มู่เฟิงนอกประตูมองฮ่าวจึที่ไม่เข้าใจไม่ต่างกัน
“เจ้าอย่าเดาส่งๆ สิ ศิษย์น้องฉู่เหินอาจจะฝึกยุทธมาทั้งวันจนเหนื่อยล้าก็ได้!”
“ข้าไม่เชื่อหรอก แต่พรุ่งนี้เป็นวันประชุมใหญ่ดาวชิงดวงนี่ สุดหล่อเฟิงจะสำแดงหมัดมวยให้ได้ยลแล้ว ข้านี่แหละผู้แบกชื่อเสียงสำนักดาราสวรรค์ เป็นมังกรแปลงกายเกล็ดทอง สาวงามเทใจรัก ขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตคน ฮ่าๆๆๆ”
ฮ่าวจึส่ายหน้าทอดถอนใจให้กับท่าทางประสาทของมู่เฟิง
โรคนี้คงรักษาไม่หาย
…
ล่วงเข้าเวลาเที่ยงคืน!
เงียบสงัดสิ้นเสียง แต่ฉู่เหินกลับยังจมจ่อมอยู่ในสภาวะฝึกวิชา
กึงๆ
พลังหยวนแท้อันโลดโผนโจนทะยานไหลจากตำแหน่งตันเถียนของฉู่เหินไปยังเส้นปราณทุกเส้นในร่างกาย รังสีพลานุภาพคึกคักไม่ทั้งแข็งไม่ทั้งอ่อนแผ่ขจายออกมาจากในกายฉู่เหิน
พลังหยวนแท้บางดุจแพรไหมคลุมกายฉู่เหินไว้ กระจายแสงริบหรี่ในความมืดมิด
พลันนั้น อายหนาวเย็นยะเยือกหาใดเปรียบก็สาดเทออกมาจากในกายฉู่เหิน อุณหภูมิภายในห้องลดต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็งในบัดดล หมอกขาวอบอวลล่องลอยเป็นรัศมีรอบฉู่เหิน
นี่มัน?
ฉู่เหินตกใจเล็กน้อย รีบตั้งสมาธิแล้วใช้จิตสำรวจสภาพการณ์ภายใน
แล้วฉู่เหินก็ได้พบอย่างน่าอัศจรรย์ว่าพลังหยวนแท้ของเขาปะปนกับปราณมนตร์น้ำแข็งเป็นสายเส้น วังวนปราณพลังหยวนแท้ที่ตันเถียนกำลังเคลื่อนไหวไหลวนเป็นระเบียบ แต่วังวนปราณพลังหยวนแท้นั้นกลับควบรวมวังวนปราณมนตร์น้ำแข็งสีขาวอันเล็กจ้อยเอาไว้ด้วย…
“นี่ไม่ใช่พลังที่ซ่อนเร้นในน้ำหยวนวิญญาณขุมพลังของหมาป่ามารเดือนน้ำแข็งหรือ?”
ฉู่เหินลอบประหลาดใจ เขาไม่ได้แปลกหน้ากับคลื่นพลังงานที่กระจายออกมาจากวังวนปราณสีขาวนี่แต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ที่วังใต้บาดาลของมังกรล่าโลหิตหลังกระโดงในเทือกเขาไร้กระดูก ฉู่เหินรับแก่นเลือดของมังกรล่าโลหิตเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เซี่ยฉิงต้องการบรรเทาความเจ็บปวดที่ฉู่เหินได้รับ จึงหยดน้ำหยวนวิญญาณขุมพลังเข้าร่างฉู่เหินไป…
น้ำหยวนวิญญาณขุมพลังของหมาป่ามารเดือนน้ำแข็งแอบแฝงพลังอันมโหฬารยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ถึงแก่นที่สุดเอาไว้
มันเป็นแหล่งพลังงานธาตุน้ำแข็งที่หมาป่ามารเดือนน้ำแข็งดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน รับเอาแก่นแก่งดวงจันทร์ แล้วใช้พลังของตนเองกลั่นมันออกมา เทียบกันแล้ว น้ำหยวนวิญญาณขุมพลังของหมาป่ามารเดือนน้ำแข็งเพียงหยดเดียวล้ำค่าเหนือกว่าแก่นเลือดหนึ่งหยดของมังกรล่าโลหิตหลังกระโดงลิบลับ
เห็นปราณมนตร์น้ำแข็งที่แทรกตัวอยู่ในวังวนพลังหยวนแท้แล้ว ฉู่เหินก็ทั้งพิศวงและอัศจรรย์ใจ
หากเป็นสถานการณ์ปกติ เมื่อร่างกายมนุษย์รับปราณมนตร์น้ำแข็งเช่นนี้เข้าไปมีหวังไม่รอดไปเสียเก้าในสิบ
แต่ปราณมนตร์น้ำแข็งกลับอยู่ในร่างฉู่เหินได้อย่างเชื่อฟัง ช่างเหนือความเข้าใจนัก
“คงเป็นเพราะพลังของกายโกลาหลกับกายเนตรปีศาจควบคุมมันไว้กระมัง…”
ฉู่เหินหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดในวังใต้บาดาล แต่ก็ยังไม่เข้าใจกระจ่างแจ้ง
ยามนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องขับไล่ปราณมนตร์น้ำแข็งนี่ออกไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นไม่แน่ว่าอาจเกิดอุบัติการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาอีกก็ได้
กระนั้น ยามฉู่เหินเตรียมจะขับปราณมนตร์น้ำแข็งออกนั้นเอง ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นมาเสียก่อน
“แทนที่จะขับมันออกไป สู้ลองหลอมรวมเข้ากับพลังหยวนแท้หน่อยดีกว่า…”
หลอมรวมพลังหยวนแท้เข้ากับพลังธาตุอื่น สำหรับฉู่เหินที่พลังแค่นี้แล้วนับว่าใจกล้าบ้าบิ่นอย่างยิ่ง
ต้องรู้ไว้ก่อนว่าปราณน้ำแข็งกลุ่มนี้มาจากหมาป่ามารเดือนน้ำแข็งที่เป็นราชาสัตว์ เทียบพลังได้เท่าผู้แข็งแกร่งระดับผ่าอากาศธาตุขั้นสุดยอด
หากผิดพลาดอันใดขึ้นมา เส้นปราณของฉู่เหินจะเยือกแข็งป่นปี้เป็นเศษผงในพริบตาเดียว
ฉู่เหินรู้ข้อนี้ดี แต่พอมาคิดดูอีกที นานวันแล้วที่วังวนปราณน้ำแข็งอยู่ในกายเขาโดยไม่มีอะไรผิดแปลก หมายความว่าต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างแน่นอน
ลองดูก็ไม่เสียหายนี่!
ฉับพลัน ฉู่เหินลองเคลื่อนพลังหยวนแท้ไปพร้อมกับแบ่งหยวนแท้สายหนึ่งไปสัมผัสปราณมนตร์น้ำแข็งนั้นด้วย
วินาทีที่ทั้งสองแตะกัน ปราณมนตร์น้ำแข็งหนึ่งสัมผัสพลังหยวนแท้ พลังอันเหน็บหนาวเสียดแทงกระดูกก็ล้นเอ่อในร่างฉู่เหิน ความหนาวจับใจนั้นลุกลามไปทั้งยังเส้นปราณทั้งหลาย
“แย่แล้ว…”
ฉู่เหินตกใจ รีบเคลื่อนใช้พลังเนตรปีศาจ พลังสีม่วงประหลาดหลอมรวมเข้ากับหลังหยวนแท้ เมื่อพลังกายศักดิ์สิทธิ์เนตรปีศาจหลอมรวมแล้ว ปราณมนตร์น้ำแข็งกลุ่มนั้นก็โอนอ่อนผ่อนตามลงทันที
อานุภาพกายศักดิ์สิทธิ์ช่างแกร่งกล้านัก
ฉู่เหินทั้งตะลึงทั้งยินดี เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าสาเหตุหลักที่ตนยังปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนต้องเป็นเพราะปราณมนตร์น้ำแข็งนั้นถูกกายศักดิ์สิทธิ์เนตรปีศาจกับกายโกลาหลควบคุมไว้แน่นอน
“รอจนข้ากำราบพลังมนตร์น้ำแข็งนี่ได้อย่างราบคาบแล้ว ก็ค่อยให้มันรวมเข้ากับพลังหยวนแท้ ยามต่อกรกับคู่ต่อสู้จะได้มีท่าไม้ตายเพิ่มมาอีกหนึ่ง…”
ฉู่เหินตรึกตรองลับๆ
พลันนั้น ฉู่เหินให้ปราณมนตร์น้ำแข็งกับพลังหยวนแท้หลอมรวมกันและกันโดยมีกายศักดิ์สิทธิ์เนตรปีศาจคอยช่วยเหลือ อุณหภูมิทั้งห้องหับลดต่ำลงให้เหน็บหนาวโดยไม่รู้สึกตัว
…
เวลาไหลเลยผ่านไป
ฉู่เหินลืมเวลาไปแล้ว ประตูห้องยังคงปิดสนิท
“นี่มันก็เที่ยงแล้ว ศิษย์น้องฉู่ยังไม่ออกมาอีกหรือนี่?”
“สนอะไรมันเล่า!” มู่เฟิงคว้าไก่ย่างตัวหนึ่งมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย “เขาไม่ไปประชุมเฉพาะกิจราชันแสงดาวหรอก คืนนี้ให้สุดหล่อเฟิงยิ้มทระนงในหมู่วีรชนเถิด…”
ฮ่าวจึส่ายหน้าครุ่นคิดในใจ “ศิษย์น้องฉู่ไม่ไปก็ดีแล้ว สองพี่น้องเฮ่อจะได้ทำอะไรเขาไม่ได้…”
เพียงพริบตาก็ล่วงเลยมาถึงยามบ่าย
บรรดาอัจฉริยะศิษย์ใหม่ของสำนักยุทธขั้นสูงทั้งหลายในเมืองหลวงเริ่มแต่งตัวเตรียมเดินทาง
ในห้อง!
ฉู่เหินนั่งขัดสมาธินิ่งไม่ไหวติงอยู่กับเตียง พลังหยวนแท้เป็นสายเส้นพันรอบนอกกาย งามจรัสดุจดั่งแพรไหม ภายในพลังหยวนแท้ที่ปกคลุมจะเห็นอายสีขาวของมนตร์น้ำแข็งจางๆ
ผ่าง
ทันใดนั้น พลังหยวนแท้ที่ยังเงียบสงบเมื่อครู่พลันแปรปรวนคะนองศึก พลานุภาพปราณแข็งแกร่งเหนือกว่าระดับเชื่อมหยวนขั้นสองปะทุในกายฉู่เหิน
คลื่นปราณไร้ตัวตนดลให้โต๊ะเก้าอี้ ลิ้นชัก ตู้เสื้อผ้าสั่นไหวไปตามกัน รังสีปราณรวนเรปะทุออกมาตามใจอยาก ฉู่เหินเบิกตากว้าง แสงม่วงงามพิศวงพราวระยับ
“ฟู่…”
สิ้นเสียงถอนหายใจ เมื่อฉู่เหินยกมือวาดหัตถ์ออกไป พลังหยวนแท้กระจายแสงสีขาวโลดแล่นจากฝ่ามือไปตกลงตรงโต๊ะกลมเบื้องหน้า
ตึง!
พลังฝ่ามือสีขาวโจมตีโต๊ะกลม ทันใดนั้นอายหนาวเยือกแข็งก็ตลบอบอวล
ภาพน่าตื่นตะลึงพลันอุบัติ โต๊ะตัวนั้นถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งเย็นเฉียบเป็นชั้นหนาเตอะ
………………………….