เมื่อกู้หลานอันตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น ใต้ตาของเขาคล้ำเป็นหมีแพนด้าโดยอัตโนมัติ บวกกับผมปอยหนึ่งที่ชี้โด่ชี้เด่อยู่ ดูรวมๆ แล้วมันช่างตลกเสียจริง เมื่อหวังเว่ยมาถึง เขาถึงกับผงะไปเลยเมื่อเห็นกู้หลานอันในสภาพนี้
“หลานอัน เมื่อคืนคุณไปทำอะไรมา? ทำไมถึงกลายสภาพเป็นแบบนี้ไปได้? ออกไปแล้วโดนนักข่าวถ่ายภาพได้ รับรองต้องเอาไปเขียนข่าวมั่วๆ อีกแน่นอน”
“ไม่เป็นไร หาคนมาแต่งหน้าอ่อนๆ ให้ฉันก็ใช้ได้แล้ว” กู้หลานอันทำเสียงกรนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป หวังเว่ยไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ถึงพูดไปก็ไม่เข้าหูเขาอยู่ดี ได้แต่โทรศัพท์หาช่างแต่งหน้า รอจนเขาจัดการตัวเองเสร็จ ออกมาเป่าผมแล้วถึงได้พูดว่า “ถ้าจะแต่งหน้าอ่อนไปอาจจะต้องลบเครื่องสำอางออกนะครับวันนี้ เพราะตอนถ่ายทำต้องแต่งหน้าด้วย”
“วันนี้ไม่มีฉากของผมไม่ใช่เหรอ? ” กู้หลานอันถามอย่างสงสัย
“ไม่มีเหรอ? ” หวังเว่ยตกใจตาเบิกกว้าง เอากระเป๋าวางตรงหน้าแล้วหยิบสคริปต์ออกมาเปิดดู แล้วพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ไม่มีจริงๆ ด้วย ผมจำผิดเอง ต้องขอโทษด้วย คราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร ไม่มีใครที่ไม่เคยทำพลาดหรอก” กู้หลานอันพูดอย่างไม่ถือสา เขาวางไดร์เป่าผมลง ดึงหางตาตัวเอง แล้วนั่งลงตรงหน้ากระจกแต่งตัว มองหวังเว่ยที่กำลังก้มหน้าอ่านสคริปต์จากในกระจก จากนั้นก็เอื้อมมือไปด้านหลังแล้วพูดว่า “ให้ผมดูหน่อย”
หวังเว่ยนึกว่าเขาอยากจะดูบทของตัวเอง เปิดไปหน้าที่เป็นบทของเขาแล้วยื่นให้ กู้หลานอันรับไปแล้วเปิดกลับไปที่หน้าแรก พลางหยิบนมที่หวังเว่ยเพิ่งเสิร์ฟให้เขาเมื่อสักครู่ขึ้นมาดื่มแล้วก็อ่านไปด้วย ยังไม่ทันได้กลืนลงไป นมก็พุ่งออกมาทำให้เขาสำลักไม่หยุด
“มีอะไรเหรอ? ” หวังเว่ยถามพลางตบหลังเขาไปด้วย
“แคกๆ ไม่มีอะไร” กู้หลานอันดันมือเขาออก สะบัดสคริปต์ที่เปื้อนนมออกและเช็ดมัน แล้วถามหวังเว่ยว่า “ไอ้บื้อคนไหนเป็นคนเขียนสคริปต์นี้? ”
“หนานเฉิง [1] ทำไมเหรอ? ”
“ทำไมเขียนกระตุ้นอะไรขนาดนั้น? ” เริ่มต้นมาก็เป็นฉากจูบเลย เขาถูกประธานในนิยาย [2] กัดกินสมองจนใช้การไม่ได้แล้วหรือยังไง? ” กู้หลานอันพูดพลางกัดฟันกรอดๆ
“หืม? ฉากจูบอะไร? ผมจำได้ว่าคุณไม่มีฉากจูบนี่? ” หวังเว่ยงุนงง หลายวันมานี้เขาอยู่ดึกเพื่อท่องจำสคริปต์ของกู้หลานอันจนจำได้ขึ้นใจ ไม่ว่าเขาจะถ่ายฉากอะไร เขาจำได้ดีกว่าใครๆ
“ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของเจาเยี่ย” กู้หลานอันทำหน้ามุ่ย เจาเยี่ยไม่ใช้ตัวแสดงแทนในการถ่ายทำ เพียงแต่ในชาติที่แล้วที่พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วเขาไม่ชอบใจ เจาเยี่ยถึงได้ใช้ตัวแสดงแทนในการถ่ายทำ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับเจาเยี่ยในตอนนี้ เมื่อเทียบแล้วไม่ได้ครึ่งของชาติที่แล้วเลยและฉากในวันนี้ก็ดันเป็นฉากป้อนยาซึ่งจะใช้ตัวแสดงแทนไม่ได้ เขาจึงไม่สามารถหยุดยั้งมันได้เลย
“หือ? ซุปเปอร์สตาร์เจามีฉากจูบแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ? ” หวังเว่ยใบหน้างุนงง
“เกี่ยวมากเลยแหละ” กู้หลานอันกล่าวอย่างจริงจัง มือเท้าคางแล้วพูดว่า “ไม่สบายใจเลย”
หลังจากอ้อยอิ่งอยู่สักครู่ เขาก็ถามหวังเว่ยว่า “ช่างแต่งหน้าล่ะ? มาถึงรึยัง? โทรศัพท์ไปเร่งเขาหน่อยสิ”
“ได้ครับ”
ไม่นานนักช่างแต่งหน้าก็มาถึง นำเสื้อมาด้วยสองแถว กู้หลานอันไม่ได้เลือก หลังจากแต่งหน้าเสร็จก็หยิบชุดที่ตัวเองใส่เป็นปกติอยู่ทุกวันมาชุดหนึ่ง แล้วถามหวังเว่ยว่า “หลิวฉู่ล่ะ? ”
“รถเสีย เขาเอาไปซ่อมแล้วครับ วันนี้พวกเราคงต้องเรียกแท็กซี่แล้ว” หวังเว่ยกล่าว
“เสียทั้งสองคันเลยเหรอ? ” กู้หลานอันตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
“ไม่ใช่ครับ แค่คันเดียว แต่เมื่อเช้านี้คันของอวี๋เชี่ยนก็เสีย เลยต้องสลับไปให้เขาใช้ชั่วคราวก่อน ถ้าตอนนี้กลับไปสลับรถมาอีกคงจะไปถึงกองถ่ายสายแน่เลย ดังนั้นผมคิดว่าเช้านี้คงต้องเรียกแท็กซี่ไปก่อนครับ”
“แบบนี้นี่เอง” กู้หลานอันยิ้ม สวรรค์ช่างเข้าข้างเขาเหลือเกิน เดิมทีเขาคิดว่าวิธีการเดียวไม่อาจใช้ได้ถึงสองครั้ง ไม่งั้นอาจจะถูกจับได้ เลยไม่คิดจะอาศัยรถเจาเยี่ยชั่วคราว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคราวนี้รถจะเสียเอง “งั้นพวกเราอาศัยรถของเจาเยี่ยไปก็แล้วกัน” พูดจบ กู้หลานอันลอยออกประตูไปอย่างดีอกดีใจยิ่ง
เขากดกริ่งประตูห้องของเจาเยี่ยอยู่ไม่นาน หลังจากนั้นประตูก็เปิดออก กู้หลานอันนึกว่าเจาเยี่ยให้อภัยตัวเองแล้ว เขาดีใจจนตัวลอย แต่พอประตูเปิดออก กลับเห็นหลี่เสียวเหม่ยเป็นคนเปิดประตู เขาส่ายหัวถอนหายใจแล้วอ้อมหลี่เสียวเหม่ยไปดูเจาเยี่ยที่กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่
หลี่เสียวเหม่ยเกาหัวแกรกๆ อย่างไม่เข้าใจ มองหวังเว่ยที่มาพร้อมกับกู้หลานอันแล้วยิ้มให้เขาอย่างไม่สบายใจ ทันใดนั้นหวังเว่ยก็เห็นเหวินเซินเท่อที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่เสียวเหม่ยไม่ใกล้ไม่ไกลกำลังมองมาทางเขาอย่างไม่เป็นมิตร เขารีบเลี้ยวเข้าประตูไป หลี่เสียวเหม่ย: เขาเป็นอะไร ทำไมจู่ๆ คนอื่นไม่ชอบขี้หน้าเขาแบบนี้
“เจาเยี่ย” มาถึงตรงหน้าเจาเยี่ย กู้หลานอันที่รู้ตัวว่าทำผิดก็ไม่กล้ากำเริบอีก มือวางอยู่แถวตะเข็บกระเป๋ากางเกงและก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเรียกเขาเสียงอ่อน
“มีเรื่องอะไร? ” เจาเยี่ยจิบน้ำเย็นอึกหนึ่ง ถามเขาขณะอ่านสคริปต์ไปด้วย
“ฉันมาเพื่อขอโทษเรื่องเมื่อคืน ฉันสำนึกผิดแล้ว นายอย่าโกรธเลยนะ” กู้หลานอันพูดเอาใจเสียงเบา
“เรื่องเมื่อคืนอะไร? ” เจาเยี่ยพลิกไปอีกหน้าแล้วถาม
“หืม?” มองเจาเยี่ยที่แสร้งไม่รู้เรื่อง กู้หลานอันก็เลยต้องคล้อยตามเขาไปแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่มีอะไร”
“ถ้าไม่มีอะไร งั้นไปเถอะ” เจาเยี่ยพูด
“เอ่อ” ภรรยาโกรธจริงๆ ด้วย!!! กู้หลานอันปาดน้ำตาในใจเงียบๆ เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
“อะไร? ” เจาเยี่ยถาม
“ฉันอยากจะขอติดรถนายไปด้วยวันนี้ รถของพวกเราเสียกลางทาง หลิวฉู่ขับไปซ่อมแล้ว” กู้หลานอันกล่าว
“รถเสียกลางทางอีกแล้ว? ” เจาเยี่ยเงียบไปสักครู่ ประกบสคริปต์เข้าด้วยกัน เม้มริมฝีปากจนมุมปากถูกบีบโค้งอย่างแข็งทื่อ แล้วถามอย่างเย็นชา
“อืม” กู้หลานอันพยักหน้ารัวๆ
“เป็นไปได้เหรอ? รถของดาราคนหนึ่งเสียวันละสองครั้งยังไม่มีอะไหล่สำรองอีก ต้องมาอาศัยติดรถคนอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า? ” เจาเยี่ยถามกลับ โดยไม่รอให้กู้หลานอันได้ตอบ ก็พูดขึ้นอีกว่า “กู้หลานอันคำโกหกน่ะใช้ครั้งเดียวก็น่าจะพอแล้วนะ ใช้บ่อยไปมันจะยิ่งมีพิรุธ”
“ฉันไม่ได้โกหก” กู้หลานอันรู้สึกอยากตายขึ้นมาบ้างแล้ว นี่ก็คือการยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง [3] ใช่ไหม? ಠ~ಠ “เจาเยี่ย ครั้งนี้รถเสียจริงๆ ถ้านายไม่เชื่อ ฉันจะโทรศัพท์หาหลิวฉู่แล้วให้เขาบอกให้ฟัง” กู้หลานอันพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ไม่ต้อง” เจาเยี่ยลุกขึ้น ใช้กระดาษเช็ดปากแล้วพูดว่า “นายเอารถไปเลย”
“เอารถไป? งั้นนายล่ะ? นายไม่นั่งรถคันเดียวกับฉันเหรอ? ฉันเอาไปใช้แล้วนายจะทำยังไง? ” กู้หลานอันถาม
“ฉันจัดรถไว้สองคัน อีกเดี๋ยวจะให้คนขับมา แล้วใช้คันนั้นก็ได้” เจาเยี่ยกล่าว
“หืม? ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้น พวกเราไปพร้อมกันไม่ได้เหรอ?” กู้หลานอันบ่นพึมพำ
เจาเยี่ยได้ยินแต่ไม่ได้ตอบเขา มือที่ไขว้กันหลวมๆ เริ่มบีบแน่นขึ้น
รออยู่สักพักเจาเยี่ยก็ยังไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนความตั้งใจ กู้หลานอันถอนหายใจพลางพูดอย่างออมชอมว่า “ถ้าหากว่าฉันเอารถนายไปแล้วนายต้องสลับรถอีกคันมารับ งั้นก็ช่างมันเถอะ ฉันเรียกแท็กซี่ไปก็ได้”
“อืม ตามใจนาย” เจาเยี่ยตอบเรียบๆ
“งั้นก็ตามนี้แหละ” กู้หลานอันสูดลมหายใจแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นฉันไปก่อนนะ ฉันต้องรีบไปหาจางเจียอี้ที่กองถ่ายก่อนเพื่อขอให้เขาช่วยอะไรเล็กน้อย”
“ไปเถอะ”
กู้หลานอันออกจากประตูไปแล้ว เจาเยี่ยค่อยลุกขึ้นมา เก็บข้าวของบนโต๊ะอย่างเงียบๆ ใบหน้าก็ยังไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เหมือนที่ผ่านมา แต่กลับดูเหมือนเย็นชาลงมาอีกหลายระดับ
“พี่เจา ในเมื่อไปทางเดียวกัน ทำไมไม่ให้กู้หลานอันติดรถไปด้วยล่ะ? เรียกแท็กซี่ในเวลาแบบนี้ยากมากเลยนะ” หลี่เสียวเหม่ยที่เป็นคนซื่อตรงถามอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้ามีครั้งที่สองก็จะมีครั้งที่สามครั้งที่สี่ครั้งที่ห้า แล้วก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้อีก” เจาเยี่ยค่อยๆ ลืมตาแล้วพูด
“ไม่น่าเชื่อ กู้หลานอันรวยขนาดนั้นแค่เงินแท็กซี่เขาก็ยังประหยัดขนาดนี้” โลกทัศน์ของหลี่เสียวเหม่ยได้รับการฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง คนรวยนี่ขี้เหนียวจริงๆ ด้วย ถึงว่าเขาไม่มีเงิน จู่ๆ ก็เกิดความสมดุลขึ้นมาในใจ
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] นักเขียน: ฉันที่กำลังเขียนบทอยู่ในขณะนี้ o (´^`) o
[2] 总裁文ประธานในนิยาย มีต้นกำเนิดมาจากนิยายโรแมนติกของไต้หวัน โดยทั่วไปแล้วจะมีพล็อตตัวละครเอกผู้ชายเป็นประธานบริษัทที่หล่อเหลาและร่ำรวย มีภูมิหลังที่โดดเด่น ในขณะที่ตัวละครเอกหญิงจะมีชาติกำเนิดที่ธรรมดาสามัญ ร่างกายอ่อนแอ และถูกรังแกจากทุกหนทุกแห่ง แต่บังเอิญพวกเธอเป็นที่ชื่นชอบของตัวละครเอกชาย
[3] 搬起石头砸自己的脚 ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง ใช้เปรียบเปรยว่า ยกหินขึ้นมาเพื่อที่จะเอาไปทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเอง ตรงกับภาษาไทยว่า “ทำตัวเอง”