เมื่อถึงกองถ่าย จางเจียอี้กำลังคุยบางอย่างกับผู้ช่วยผู้กำกับอยู่ กู้หลานอันจึงรออยู่อีกด้านจนพวกเขาคุยกันเสร็จ ถึงเดินเข้าไปหาจางเจียอี้ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผู้กำกับจาง”
“ทำไมมาเช้าขนาดนี้ล่ะ แถมจู่ๆ ก็ยิ้มน่ากลัวขนาดนั้นอีก?” จางเจียอี้รู้สึกเย็นสันหลังวาบ
“ไม่มีอะไรครับ แค่มีเรื่องอยากให้ผู้กำกับจางช่วยหน่อย” กู้หลานอันตอบ
“เรื่องอะไรเหรอ? ” จางเจียอี้คิดแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเจาเยี่ยหรอกนะ”
“อืม” กู้หลานอันรีบพยักหน้า เมื่อเห็นว่าจางเจียอี้รู้แล้วเขาก็พูดไปตรงๆ ว่า “ผู้กำกับจาง ผมอ่านสคริปต์แล้ว ฉากที่เจาเยี่ยต้องถ่ายทำในวันนี้คือฉากที่เขาต้องนอนสลบไสล แล้วมี “หญิงสาวธรรมดา” เซวียฉีซานที่ผ่านทางมาป้อนยาให้เขา เจาเยี่ยเป็นคนที่อนามัยจัดมาก คุณให้เขาถ่ายฉากนี้ไม่เป็นการทำให้เขาลำบากใจเหรอ? ใช้คนแสดงแทนไม่ได้เหรอ? ”
“ฉันก็คิดพิจารณาตรงจุดนี้แล้ว เมื่อวานเลยพูดคุยกับเจาเยี่ยเป็นพิเศษ เขาบอกว่าไม่เป็นไร ก็เลยไม่ได้วางแผนจะใช้คนแสดงแทน ในบทต้องถ่ายให้เห็นหน้าเขาตลอด ถ้าหากใช้ตัวแสดงแทนแล้วต้องตัดภาพออกก็อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าจะแก้บทก็อาจจะส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของการถ่ายทำทั้งหมด ดังนั้นฉันเลยต้องบังคับเขาแล้ว” จางเจียอี้กล่าว
“งั้นก็ได้ครับ” เจาเยี่ยก็ตกลงรับปากแล้วกู้หลานอันก็พูดอะไรมากไม่ได้ เลยกล่าวลากับเขา “คุณไปทำงานต่อเถอะ ผมจะไปดูว่ามีอะไรที่จะพอช่วยได้บ้างไหม”
“อืม คนช่วยมีพอแล้ว เธอไปนั่งเฉยๆ ก็พอ”
กล่าวลาจางเจียอี้แล้ว กู้หลานอันเดินไปอีกด้านหนึ่ง ก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังย้ายโต๊ะเข้าไปในอาคารคนเดียว เขากับหวังเว่ยพับแขนเสื้อขึ้นทันทีแล้วตามไปช่วย
“ขอบคุณ” หวังหมากำลังย้ายโต๊ะ ย้ายจนเหงื่อแตกพลั่กๆ พลันรู้สึกเบาขึ้นมาทันที หลังจากที่ปาดเหงื่อแล้วเงยหน้าขอบคุณ เมื่อเห็นหน้าคนที่มาช่วยเขาก็ผงะไปในทันที
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” กู้หลานอันเผยรอยยิ้มกว้างเห็นฟันแปดซี่ เผยรอยยิ้มที่แสนสุภาพออกมา หวังหมากลับตกใจจนรีบวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
“เอ่อ” กู้หลานอันพูดไม่ออกไปหลายนาที มองไปยังหวังเว่ยที่เดินมาแทนที่ตำแหน่งของหวังหมาเพื่อช่วยยกโต๊ะ เผยรอยยิ้มที่เหมือนกันออกมาแล้วถามเขาว่า “น่ากลัวเหรอ? ”
“หือ?” หวังเว่ยมองหน้าศิลปินของตัวเอง หลังจากสับสนอยู่นานมากสุดท้ายเขาก็ส่ายหัว
“งั้นทำไมถึงทำให้คนตกใจจนวิ่งหนีไป? ” กู้หลานอันยกโต๊ะเข้าอาคาร แต่ก็ไม่สามารถคิดหาเหตุผลได้
หลังจากขนโต๊ะเสร็จแล้ว ก็เช็ดโต๊ะด้วยเศษผ้า เมื่อกู้หลานอันถกแขนเสื้อลงก็เห็นสวีย่าที่แต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อนเดินมาพร้อมคนกลุ่มหนึ่งในมือถือกำลังถือถุงเดินตรงเข้ามา
“หลานอันคะ คุณมาเช้ามากเลย”
“ไม่เช้าแล้ว” กู้หลานอันมองเธอแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “เธอมาสายต่างหาก”
“จริงเหรอ? ” สวีย่ารู้สึกอายไปชั่วขณะ แต่จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาทำให้เธอยังคงเลือกที่จะคงรอยยิ้มไว้
“เธอมีเรื่องอะไรรึเปล่า? ” ขี้เกียจพูดไร้สาระกับเธอ กู้หลานอันจึงถามขึ้น
“ฉันมาคืนเสื้อให้คุณค่ะ” สวีย่าพูดพลางยื่นถุงในมือให้กู้หลานอันตรงหน้า แล้วพูดว่า “เมื่อคืนขอบคุณคุณมาก ฉันให้คนเอาเสื้อคุณไปซักเรียบร้อยแล้ว”
“ไม่เป็นไร ง่ายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น” กู้หลานอันโบกมือ มองหวังเว่ยรับถุงมาถือไว้แล้วก็เดินไปเลย สวีย่ารีบตามติดเขาไปด้วย
“มีเรื่องอะไรอีกเหรอ? ” กู้หลานอันเลิกคิ้ว
“คือว่า หลานอัน วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้แสดงละครต่อหน้าคุณ ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย คุณอย่ารู้สึกผิดหวังนะ” สวีย่าพูดอย่างเขินอาย
“ไม่หรอก” ฉันไม่คิดจะดูเธอเลย กู้หลานอันพูดเสริมอยู่ในใจ เดินไปข้างหน้าได้หนึ่งก้าว กำลังวางแผนสลัดสวีย่าให้พ้น จู่ๆ เขาก็คิดวิธีสุดเฉียบแหลมขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน เขามองเธอที่กำลังก้มหน้าแล้วพูดว่า “เพราะว่าฉันเคยรู้สึกผิดหวังสุดๆ ไปแล้ว”
“อะไรนะ? ทำไมล่ะ? ” สวีย่าหน้าซีดเผือดทันที มองกู้หลานอันที่ส่ายหัวไม่หยุดแสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกผิดหวังกับตัวเองมาก เธอรีบอธิบายกับเขาว่า “หลานอัน คุณไปเห็นอะไรบนอินเทอร์เน็ตมาใช่รึเปล่าคะ? มันไม่เป็นความจริงเลย คุณอย่าไปเชื่อนะ ฉันไม่ได้นับตัวเลขพูดบท [1] แล้วก็ยังไม่มีแฟน และยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่เคยไปอ่อยใครกลางถนน ฉัน…”
“ที่แท้เธอก็ทำเรื่องไว้มากมายขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันไม่รู้มาก่อนเลย” กู้หลานอันอุทานออกไป รู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาทันที เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยเธอก็กินปูนร้อนท้อง สารภาพออกมาเองโดยไม่ต้องบังคับเลย
“คุณไม่ได้หมายถึงเรื่องพวกนี้เหรอ? ” สวีย่าหน้าซีดเผือด พาลโกรธเอาดื้อๆ จ้องตาถมึงไปยังผู้คนโดยรอบซึ่งกำลังมองเธอด้วยสายตาที่หลากหลาย ถามกู้หลานอันด้วยเสียงต่ำ “งั้นคุณหมายถึงเรื่องอะไร? ”
“เรื่องนี้ไง! ” กู้หลานอันมือเท้าคางไว้แล้วแกล้งแสดงท่าทีครุ่นคิด “ตรงนี้คนเยอะ พวกเราไปหาที่ลับตาคนแล้วฉันค่อยบอกเธอก็แล้วกัน” พูดจบ เขาก็เดินนำออกไปก่อน สวีย่ารีบเดินตาม
พอถึงสถานที่ไร้ผู้คนแล้ว สวีย่าเงยหน้ามองกู้หลานอันอย่างขลาดๆ แล้วถามเขาว่า “หลานอัน ที่คุณพูดคุณหมายถึงอะไรกันแน่คะ? ทำไมคุณถึงรู้สึกผิดหวังในตัวฉันมากๆ ล่ะคะ เห็นๆ อยู่ว่าฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย? ฉันก็ไม่ได้พูดว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องที่เธอทำนี่” กู้หลานอันพิงลงไปบนกำแพงแล้วพูด
“งั้นเป็นเพราะอะไรคะ? ” สวีย่าเข้าไปชิดเขาอีกนิด ถามอย่างไม่เข้าใจ
“สวีย่า ฉันดูออกนะ เธอคงชอบฉันล่ะสิ” กู้หลานอันตอบไม่ตรงคำถาม
“ใช่ค่ะ ฉันชอบคุณ” สวีย่าเขินหน้าแดงแต่ก็ใจกล้ามองหน้ากู้หลานอัน
“จริงเหรอ? แต่ว่าทำไมฉันถึงไม่รู้สึกถึงมันเลยล่ะ? ” กู้หลานอันยิ้มอย่างเย็นชา “สวีย่า เดิมทีฉันเห็นว่าเธอชอบฉัน และเธอก็เป็นคนที่ใช้ได้ คิดว่าจะชอบเธอกลับเหมือนกัน แต่พอเห็นเธอในวันนี้ ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าฉันคิดไปเองคนเดียวรึเปล่า”
“ฉันเป็นยังไงคะ? ” สวีย่ารู้สึกตื่นเต้นหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แล้วทำหน้าเหมือนเสียใจ “หลานอัน ความรู้สึกที่ฉันมีให้คุณฟ้าดินเป็นพยาน ฉันจะไม่ชอบคุณได้ยังไง? ฉันชอบคุณขนาดนั้น ทำไมคุณถึงรู้สึกถึงมันไม่ได้ล่ะ? ”
“จริงเหรอ? อย่าพูดโกหกเลย!” กู้หลานอันมองเธอเบาๆ ด้วยสายตาที่น่ากลัว “สวีย่า เธอบอกว่าชอบฉัน ก็แค่คำพูดจากปากเท่านั้น ถ้าเธอชอบฉันจริงๆ ทำไมยังกล้าไปจูบกับผู้ชายคนอื่นแถมยังต่อหน้าฉันอีกด้วย กู้หลานอันคนนี้เป็นคนรวย รูปงามและมีความสามารถพร้อม แทบจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง ฉันจึงไม่สามารถที่จะทนต่อความด่างพร้อยนี้ได้”
“จูบกับคนอื่น? ฉันไม่ได้ทำนะ หลานอัน คุณเชื่อฉันสิ” สวีย่าน้ำตาคลอเบ้าทันที ในใจคิดไปร้อยแปดพันเก้า หรือว่าเรื่องในห้องนอนของเธอกับพ่อทูนหัวเมื่อคืนนี้จะถูกแอบดูจริงๆ ? เป็นไปไม่ได้ พวกเขาปิดม่านแล้วชัดๆ ไม่น่าจะโดนถ่ายได้
“ให้ฉันเชื่อเธอเหรอ ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง ในสคริปต์เขียนอยู่ชัดเจนว่ามีฉากจูบของเธอกับเจาเยี่ย เธอยังจะปฏิเสธอีก! ” กู้หลานอันพูดตะโกนด้วยความโกรธ
“ฉากจูบของฉันกับเจาเยี่ย? ” สวีย่ารู้สึกประหลาดใจ เช็ดน้ำตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หลานอัน คุณพูดถึงฉากที่กำลังจะถ่ายทำเหรอ? ฉันนึกว่าอะไรเสียอีก ช่างใจแคบจริงๆ หึงแม้กระทั่งเรื่องนี้ ยังไม่ได้ถ่ายไม่ใช่เหรอ? ถ้าคุณไม่ชอบ เดี๋ยวฉันไม่แสดงก็ได้ ฉันจะพูดกับผู้กำกับว่าให้ใช้ตัวแสดงแทนก็แล้วกัน”
“จริงเหรอ? ” กู้หลานอันมองเธออย่างคาดหวัง
“จริงสิ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ฉันจะโทรศัพท์หาเขาเลยตอนนี้” สวีย่ากล่าว
“งั้นก็โทรเลยสิ” กู้หลานอันฉีกยิ้มมุมปาก
“ได้” สวีย่าหยิบโทรศัพท์ออกมา ในขณะที่กู้หลานอันกำลังแสดงท่าทีคลางแคลงใจเธอก็โทรติด
“ฮัลโหล ผู้กำกับจางใช่ไหมคะ? ” หลังจากเขารับสาย สวีย่าก็เปิดใช้งานสปีกเกอร์โฟนโดยเฉพาะ พูดเสียงอ่อนนุ่มว่า “ฉันมีเรื่องอยากปรึกษาหารือกับคุณค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ?” จางเจียอี้ถาม
“ฉันขอใช้ตัวแสดงแทนได้ไหมคะ? แฟนของฉันไม่ชอบที่ละครของฉันมีฉากจูบ เดี๋ยวฉากป้อนยาฉันจะถ่ายแค่ด้านหลัง” สวีย่าถาม พลางมองกู้หลานอันอย่างเขินอาย
“ใช้ตัวแสดงแทนอะไรกัน? ตอนนี้จะไปหาตัวแสดงแทนที่เหมาะสมได้ที่ไหน แฟนเธอก็แค่ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ? เธอก็โกหกเขาไปว่าไม่ใช่เธอแสดงก็พอแล้ว” เดิมทีจางเจียอี้ก็งานยุ่งมากอยู่แล้ว ได้ยินเธอพูดแบบนี้อีกเขาก็ตอบกลับอย่างไม่พอใจ
คำอธิบายเพิ่มเติม
นับตัวเลขพูดบท [1] นับตัวเลขพูดบท หมายถึง ตอนที่นักแสดงนั้นจำบทไม่ได้ หรือไม่อาจพูดบทในตอนนั้นๆ ได้ ก็จะใช้การพูดเลข 1234567… แทนการพูดบทต่อหน้ากล้อง แล้วจากนั้นค่อยมาอัดเสียงทับ
[2] ชื่อตอนเป็นชื่อบทละครของประเทศจีน จางซาน หลี่สื้อ และหวังหมาจื่อ สามคนนี้เติบโตมาด้วยกัน แม้โตมาแล้วจะทะเลาะกันและทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ร่วมมือกันต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ