มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 บทที่ 40 ที่จริงเขาแคร์เธอ

        ใช้ร่างกายแลก?

        ซูเจี่ยนอันตกใจในความคิดตัวเอง เธอส่ายหัวไปมาไม่หยุด “ไม่ได้ๆๆๆ”

        หมดกัน นี่เธอจนตรอกขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

        “ไม่ได้อะไร” ลู่เป๋าเหยียนถามน้ำเสียงจริงจัง

        ซูเจี่ยนอันนิ่งงันไป

        ให้ตายเธอก็ไม่มีทางบอกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหน้าพบเขาอีกต่อไป

        เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “หลายร้อยล้านจำนวนมันเยอะมากนะ นะ นายอยากให้ฉันชดใช้ยังไง”

        ลู่เป๋าเหยียนมองลึกลงไปในนัยต์ตาเธอ ยิ้มมุมปาก “ไว้จะบอกเธอทีหลัง”

        ซูเจี่ยนอันรู้สึกว่าลู่เป๋าเหยียนเหมือนนายพรานฝีมือฉกาจดีๆ นี่เอง เขาค่อยๆ เฝ้ามองเหยื่ออย่างอ่อนโยน แต่ไม่ใช่เพราะต้องการปล่อยไป หากแต่กำลังรอโอกาสเหมาะๆ ที่จะจับมากินให้ราบคาบในคราเดียว

        เธอคิดแล้วตัวสั่น กลับไปจะต้องจัดการคิดบัญชีกับเจียงเส้าข่าย เพราะเขาทำให้เธอต้องตกเป็นเหยื่ออันโอชะของลู่เป๋าเหยียนแท้ๆ

        เมื่อกลับมาถึงสถานีตำรวจ เจียงเส้าข่ายกำลังนั่งไขว่ห้างอ่านเอกสารอยู่ ซูเจี่ยนอันเดินเข้าไปดึงเอกสารจากมือเขาทันที

        เจียงเส้าข่ายอุทานออกมาพลางมองเธออย่างประเมิน

        “ลู่เป๋าเหยียนทำอะไรเธอหรือไง”

        “เขาจะให้ฉันชดใช้ค่าเสียหาย” ซูเจี่ยนอันเล่าเรื่องที่บริษัทของลู่เป๋าเหยียนต้องเสียหายเป็นร้อยล้าน พลางมองเจียงเส้าข่ายอย่างเคืองๆ “เป็นความผิดของนาย! เดิมทีฉันก็ติดหนี้เขาอยู่แล้วตั้งสามล้าน เป็นเพราะโทรศัพท์กริ๊งเดียวของนาย ทำให้ยอดรวมหนี้ของฉันถูกเติมศูนย์เข้าไปข้างหลังอีกตั้งหลายตัว!”

        “อย่าโง่ไปหน่อยเลย” เจียงเส้าข่ายมองเหยียดๆ

        “คนที่ถืออำนาจต่อรองเหนือกว่ามาโดยตลอดอย่างลู่เป๋าเหยียน การเจรจาจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับเขาทั้งนั้น ต่อให้เขาทิ้งคู่เจรจามา อย่างมากก็แค่ขอโทษไม่ก็ให้ผลประโยชน์กับอีกฝ่ายสักหน่อยก็จบเรื่องแล้ว บริษัทต้องเสียหายอะไรกัน นั่นเอาไว้หลอกเธอ เธอก็เชื่อ?”

        ซูเจี่ยนอันงง “แล้วเขาจะหลอกฉันทำไมกัน”

        “หลอกคนโง่คงจะสนุกดีละมั้ง”

        ป๊าบ! ซูเจี่ยนอันยกเอกสารตีหัวเจียงเส้าข่ายเต็มแรง

        เจียงเส้าข่ายเปิดกล้องหน้าของมือถือพลางเซตผมให้เข้าที

        “จะว่าไปเธอต้องขอบคุณฉันนะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอคงไม่มีวันพิสูจน์ได้หรอกกว่าเขาแคร์เธอจริงหรือเปล่า”

        ซูเจี่ยนอันอดนึกถึงภาพตอนที่ลู่เป๋าเหยียนรีบมาที่นี่ไม่ได้ ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ที่เขาไม่ได้เก๊กอย่างเคย สายตาที่ดูร้อนใจคู่นั้น คงเป็นเพราะ…ห่วงเธอล่ะมั้ง

        จะว่าไป ทุกครั้งที่เธอเกิดเรื่อง ลู่เป๋าเหยียนมักจะมาช่วยได้ทันเวลาทุกที ไม่ว่าจะตอนที่ถูกสองพี่น้องตระกูลเส้าลักพาตัว หรือตอนที่ถูกเด็กม.ปลายดักทำร้าย

        แต่ถ้าจะบอกว่าทั้งหมดนั่นเป็นเพราะลู่เป๋าเหยียนแคร์เธอ ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนเป็นได้แค่เรื่องในฝัน

        แค่คิดก็รู้สึกราวกับภาพความจริงหน้ากลับกลายเป็นแค่ภาพลวงตาเสียอย่างนั้น

        “เป็นไง” เจียงเส้าข่ายมองซูเจี่ยนอันอย่างยิ้มๆ “เริ่มคิดเปลี่ยนใจจากคนที่เธอชอบมานานหลายปี แล้วหันไปชอบลู่เป๋าเหยียนแทนบ้างหรือยัง”

        ซูเจี่ยนอันถึงกับชะงัก พลางมองเจียงเส้าข่ายอย่างต่อว่า “นายนี่นับวันจะยิ่งขี้เม้านะ”

        เธอกลับไปนั่งที่แล้วเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อเขียนรายงานต่อ แต่เอาเข้าจริงสมองเธอกลับเต็มไปด้วย ลู่เป๋าเหยียน ลู่เป๋าเหยียน ลู่เป๋าเหยียน…

        เจียงเส้าข่ายรู้ทันทีว่าซูเจี่ยนอันแกล้งทำเป็นกลบเกลื่อนไปอย่างนั้น ว่าแล้วก็ยิ้มพลางจิบเอสเพรสโซ่ แต่คิ้วถึงกลับขมวดเป็นปม

        ทำไมขมแบบนี้วะเนี่ย

        ดื่มมาตั้งหลายปี ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าขมกว่าทุกวัน?

        วันนี้ เจียงเส้าข่ายมั่นใจในความจริงบางอย่าง ขณะเดียวกันก็ถูกบังคับให้สละทิ้งอะไรหลายๆ อย่าง

        ซูเจี่ยนอันนั่งห่างจากเจียงเส้าข่ายแค่เพียงโต๊ะเดียว แต่กลับไม่รู้ตัวเลยว่าตนทำให้โลกของเจียงเส้าข่ายปั่นป่วนขนาดไหน

        หลังเลิกงาน เมื่อเธอกลับถึงบ้าน ป้าหลี่ซึ่งเป็นคนรับใช้ของบ้านนี้ก็ได้เดินมาหาเธอ

        “คุณผู้หญิงคะ ดิฉันกำลังจัดกระเป๋าให้คุณชายอยู่ คุณช่วยขึ้นมาดูให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันไม่ค่อยมั่นใจว่าจัดถูกต้องหรือเปล่า ปกติป้าหลิวจะเป็นคนดูแลเรื่องนี้ แต่พอดีวันนี้เธอลาน่ะค่ะ”

        ซูเจี่ยนอันเดินตามป้าหลี่เข้าไปในห้องลู่เป๋าเหยียน แล้วกวาดตามองดูข้าวของที่ถูกจัดไว้ในกระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ จึงพบว่าเสื้อผ้าหลายชุดดูไม่ค่อยเข้าคู่กัน

        เธอยิ้มพลางพูดว่า “ป้าหลี่คะ ช่วยไปหาถุงใสสำหรับใส่เสื้อผ้ามาให้หนูหน่อยสิคะ เดี๋ยวตรงนี้หนูดูต่อเองค่ะ”

        ป้าหลี่พยักหน้าตอบรับอย่างดีใจ แล้วรีบไปหาของตามที่สั่ง

        ซูเจี่ยนอันนำเสื้อผ้าทั้งหมดที่ถูกจัดลงกระเป๋าออกมา และเดินไปแขวนที่ห้องแต่งตัว จากนั้นก็จัดการจัดชุดสูทสำหรับทำงานสองชุด และชุดลำลองอีกหนึ่งชุด

        ลู่เป๋าเหยียนที่เพิ่งกลับมา เห็นซูเจี่ยนอันกำลังกอดเสื้อผ้าเขาออกมาจากห้องแต่งตัว เธอโยนมันลงไปบนเตียง จากนั้นจึงก้มตัวลงไปพับทีละชุด

        เริ่มจากพับชุดสูท ตามด้วยเสื้อเชิ้ตและเข็มขัดที่เข้าชุดกัน แม้แต่กระดุมและผ้าเช็ดหน้าเธอก็ช่วยเลือกไว้อย่างดี ช่วยประหยัดเวลาให้เขาได้มาก

        แสงอาทิตย์สีทองที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างด้านหลังของเธอ ช่วยทำให้ห้องไม่มืดจนเกินไป ซีกหน้าที่อาบแสงอาทิตย์ยามเย็นช่างดูงดงามราวภาพวาด ขนตางอนยาวกะพริบขึ้นลงดั่งผีเสื้อแสนสวยที่กำลังสยายปีก ประกอบกับสีหน้าท่าทางที่กำลังง่วนอยู่กับเสื้อผ้าของเขา ทำให้คนมองอดใจเต้นไม่ได้

        วินาทีนั้นลู่เป๋าเหยียนรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด

        ต่อให้ต้องเห็นภาพนี้ทุกวันซ้ำไปซ้ำมา เขาก็ไม่เบื่อ

        ป้าหลี่เดินถือถุงขึ้นมา ก็เห็นลู่เป๋าเหยียนยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าอ่อนโยนที่หาชมได้ยาก

        หลายปีมานี้ ลู่เป๋าเหยียนเหมือนหุ่นยนต์ที่ทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง วันๆ เอาแต่ทำงานคิ้วขมวดตลอดเวลา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาดูผ่อนคลายขนาดนี้

        แต่เมื่อเบนสายหันไปปมองซูเจี่ยนอันที่อยู่ในห้อง ป้าหลี่ก็เข้าใจในทันที เธอส่งถุงเสื้อผ้าให้กับลู่เป๋าเหยียน พลางส่งสัญญาณให้เขานำไปให้ซูเจี่ยนอัน

        ด้านซูเจี่ยนอัน เธอจัดการพับเสื้อผ้าทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เพราะไม่เห็นป้าหลี่กลับมาเสียที จึงร้องเรียกทั้งๆ ที่ยังก้มหน้า “ป้าหลี่คะ”

        ลู่เป๋าเหยียนยื่นถุงเสื้อผ้าให้ซูเจี่ยนอัน เธอรับมันไปแล้วนำเสื้อผ้าที่ถูกจัดไว้ใส่ลงไปในถุงทีละชุด จากนั้นก็นำเข้ากระเป๋าเดินทาง เธอถอนหายใจแล้วลุกขึ้นมาหลังเสร็จงาน ก็พบกับลู่เป๋าเหยียนที่ยืนอยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว

        ขาเธออ่อนแรงไปชั่วขณะจนเกือบล้มลงไป ลู่เป๋าเหยียนปฏิกิริยาไวจึงเข้าไปประคองเธอไว้อย่างทันท่วงที เขายิ้มแล้วพูดว่า

        “แค่ฉันกลับมาบ้าน ต้องดีใจขนาดนี้เลย?”

        ซูเจี่ยนอันยังคงไม่หายช็อก “นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไร”

        “ตั้งแต่ตอนเธอกอดเสื้อผ้าฉันเดินออกมา”

        ซูเจี่ยนอันคิดทบทวนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ทำเรื่องน่าอายออกไป จากนั้นจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ป้าหลี่บอกว่าไม่ค่อยถนัดเรื่องเก็บกระเป๋า ฉันเลยมาช่วย อย่าคิดมากล่ะ”

        เธอไม่ได้อยากจะช่วยเขาจัดของอำนวยความสะดวกให้เขาหรอกนะ…

        ลู่เป๋าเหยียนโอบเอวและรั้งเธอเข้ามา “เธอคิดว่าฉันจะคิดอะไรล่ะ หืม?”

        ซูเจี่ยนอันพยายามดันตัวไปข้างหลัง เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างตนกับลู่เป๋าเหยียน แต่หน้าไม่รักดีของเธอก็ยังแดงขึ้นมา

        “ฉัน ฉันจะไปรู้เหรอว่านายจะคิดอะไร”

        เธอดิ้นเบาๆ เพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดเขา จากนั้นรีบวิ่งหนีออกนอกห้องไป

        ลู่เป๋าเหยียนมองตามหลังเหยื่อตัวน้อยของเขาไป พลางแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี

        เขาต้องบินตอนสองทุ่ม ดังนั้นหลังข้าวเย็นจึงต้องรีบออกเดินทาง คนขับรถได้มารอตรงหน้าประตูแล้ว ลุงสวีเองก็ขนกระเป๋าลงมาและสั่งให้คนเอาไปไว้บนรถเรียบร้อย

        ซูเจี่ยนอันเห็นภาพของลุงสวีที่กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมของให้ลู่เป๋าเหยียน ทำให้เธอรับรู้ว่าลู่เป๋าเหยียนต้องไปแล้วจริงๆ ใจเธอเหมือนมีอะไรแปลกๆ ไป ความรู้สึกเหมือนกับมีอะไรขาดหาย

        ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ?

        “คุณชายครับ ทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” ลุงสวีพูดด “สามารถออกเดินทางไปสนามบินได้เลยครับ”

        “อืม” ลู่เป๋าเหยียนหันมามองซูเจี่ยนอัน เหยื่อตัวน้อยของเขาก็กำลังมองมาเช่นเดียวกัน ดวงตาใสคู่นั้นยังคงดูงงๆ เหมือนไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

        เขาจับมือเธอขึ้นมา แล้วจูงเธอเดินออกไปข้างนอก

        เมื่อขึ้นรถ สติของซูเจี่ยนอันจึงกลับมา “ลู่เป๋าเหยียน ฉันไม่ไปนะ พรุ่งนี้ฉันต้องทำงาน!”

        ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วมองเธอ “แค่ไปส่งฉันที่สนามบินเกี่ยวอะไรกับงานของเธอ”

        “หา?” ซูเจี่ยนอันกะพริบตาปริบๆ เธอนึกว่าเขาจะพาเธอไปอเมริกาด้วยเสียอีก…

        หรือว่า…เธออยากไปกับฉันด้วย”

        เพ้อเจ้อ!” ซูเจี่ยนอันปั้นหน้าขรึม “ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย”

        ลู่เป๋าเหยียนยิ้มอย่างไม่ต่อความอะไร เพียงแค่ถามออกไปว่า “ที่ฉันพูดเมื่อตอนเที่ยง ยังจำได้หรือเปล่า”

        “พูดเรื่องอะไรเหรอ”

        ซูเจี่ยนอันทำหน้ามึน

        ถ้าพูดถึงตอนเที่ยง เรื่องเดียวที่แจ่มชัดในความทรงจำของเธอคือคำขู่เรื่องค่าเสียหายหลายร้อยล้านของบริษัทเขา เรื่องนี้คงกลายเป็นฝันร้ายของเธอไปเสียแล้ว

        ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตามองอย่างอันตราย เขาเขยิบเข้ามาใกล้

        “ลืมไปแล้วจริงๆ?”

        ลมหายใจอุ่นที่คุ้นเคยของเขา ทำเอาสมองซูเจี่ยนอันขาวโพลนไปชั่วขณะ หัวใจไม่รักดีของเธอเริ่มเต้นแรงอีกครั้ง

        หลังพยายามคิดอยู่นาน ซูเจี่ยนอันจึงนึกออก “นายบอกว่าไม่ให้ฉันซนไปไหนมาไหน!”

        ลู่เป๋าเหยียนพยักหน้าอย่างพอใจขึ้นมาบ้าง “แล้วยังไงอีก”

        “ยังมีอีก?” ซูเจี่ยนอันคิด “นี่นายอยากจะเตือนฉันเรื่องที่ฉันทำให้บริษัทเสียหายไปกว่าร้อยล้านใช่ไหม คนโกหก ฉันรู้หมดแล้วว่านายไม่ได้เสียหายอะไรหรอก!”

        “ใครบอกเธอ? เจียงเส้าข่าย?”

        ลู่เป๋าเหยียนไม่เชื่อว่าซูเจี่ยนอันจะฉลาดทันเขาได้เร็วขนาดนี้

        “…” ซูเจี่ยนอันไม่ตอบ แต่สีหน้าเหมือนจะยอมรับกลายๆ

        “เธอเชื่อเจียงเส้าข่ายง่ายๆ แบบนี้เลย?” ลู่เป๋าเหยียนเขยิบเข้ามาใกล้กว่าเดิม สายตาวิบวับดูไม่น่าไว้ใจ

        ซูเจี่ยนอันเองไม่เหลือที่ให้ขยับหนีอีกต่อไป จึงทำได้แค่ผลักเขาให้ออกห่าง

        “ฉันก็ต้องเชื่อเขาอยู่แล้ว เขาไม่ได้นิสัยแย่เหมือนนายนี่”

        ลู่เป๋าเหยียนไม่โกรธสักนิด เขาจับมือซูเจี่ยนอันไว้ “ฉันแย่ตรงไหน? หืม? ไหนชี้สิ?”

        ท่าทางพร้อมจะรังแกเธอในตอนนี้ดูเจ้าเล่ห์ที่สุด ว่าแต่เธอจะชี้ตรงไหนดีล่ะเนี่ย

        ว่าแล้วจึงชี้ไปมั่วๆ “ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ จะตรงไหนของนายก็แย่!”

        “…” ลู่เป๋าเหยียนเงียบ พลางยิ้มน้อยๆ มองซูเจี่ยนอัน

        ซูเจี่ยนอันชักจะตหงิดๆ ทำไมเขาไม่เถียงเลยล่ะ ว่าแล้วจึงมองไปตรงจุดที่มือตัวเองชี้อยู่ หน้าแดงขึ้นมาทันควัน

        ให้ตายสิ!

        ชี้ตรงไหนไม่ชี้ ดันไปชี้ตรงนั้นของเขา!

        ลู่เป๋าเหยียนแย้มยิ้ม “เธอยังไม่เคยใช้ รู้ได้ยังไงว่ามันแย่?”

        น้ำเสียงปนความเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนฟังถึงกับเสียศูนย์

        “ฉัน…” ชีวิตนี้ทำเรื่องขายหน้ามาก็มาก แต่ไม่มีครั้งไหนน่าอับอายมากเท่าครั้งนี้ เธอหลับตาปี๋

        “ลู่เป๋าเหยียนนายออกไปห่างๆ ฉันนะ!”

        ลู่เป๋าเหยียนมองเหยื่อตัวน้อยที่กำลังดิ้นรนหาทางออกอยู่ในมุมเล็กๆ อย่างนึกสนุก ว่าแล้วก็ขอแกล้งเธอต่ออีกสักหน่อย

        “ถ้าไม่งั้นรอฉันกลับจากอเมริกา แล้วเดี๋ยวให้เธอลองดีไหม?”

        ซูเจี่ยนอันตาโต เธอถลึงตาใส่ลู่เป๋าเหยียนพร้อมแก้มที่แดงก่ำไปหมด

        “ตาบ้า! โรคจิตที่สุด!”

        “ก็เธอเริ่มก่อน”

        ซูเจี่ยนอัน “…”

        “คิดดูดีๆ ว่าฉันพูดอะไรกับเธออีก” ลู่เป๋าเหยียนยิ้มอย่าง ‘อ่อนโยน’

        “ถ้านึกไม่ออกละก็ ฉันจะไม่หยุดแค่โรคจิตหรอกนะ”

        หรือว่าเขาจะทำอะไรมิดีมิร้ายเธอ?

        ซูเจี่ยนอันนิ่งคิดถึงคำพูดที่ดูคล้ายๆ กับคำว่าอย่าซนออกไปไหนอยู่นาน สักพักจึงถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ

        “มีเรื่องอะไรต้องบอกนาย?”

        คราวนี้ลู่เป๋าเหยียนยิ้มได้อย่างพอใจเสียที

        “ทีหลังจะลืมอีกไหม”

        ซูเจี่ยนอันส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย เจอเรื่องเมื่อครู่ อย่าว่าแต่ทีหลังเลย ชาตินี้ก็ไม่กล้าลืมแล้วค่า

        ลู่เป๋าเหยียนลูบผมเหยื่อตัวน้อยของเขาอย่างเบามือ

        “เด็กดี”

        เหยื่อตัวน้อย “…”

Author สายลมสงบ