การประกวดซูเปอร์โมเดลในวันนั้น ลั่วเสี่ยวซีเป็นผู้ชนะ
แต่ก็เพราะชัยชนะในครั้งนี้ ทำให้พ่อเธอโกรธจัดจนเข้าโรงพยาบาล พ่อโกรธเธอมากจนเลิกให้เงินเธอ ขนาดแม่ที่โอ๋เธอสุดๆ มาโดยตลอดยังหมดปัญญาที่จะช่วย
เหตุผลน่ะเหรอ
นั่นก็เพราะพ่อรับไม่ได้กับการที่เธอใส่ชุดแบบนั้นออกทีวีน่ะสิ พ่อบอกให้เธอโยนถ้วยรางวัลทิ้งไปซะ แล้วกลับไปทำงานที่บริษัท
“ไม่ไป หนูไม่ชอบใส่ชุดทางการไปทำงานเช้ายันเย็น จันทร์ถึงศุกร์ทุกๆ วันแบบนั้น”
ลั่วเสี่ยวซีปฏิเสธพ่อเธอเสียงแข็ง จนลืมนึกไปถึงเรื่องเงินทองที่ต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ตอนนี้จึงได้แต่นอนหมกตัวอยู่ในอพาร์ทเมนต์รอให้โมเดลลิ่งติดต่อมา
เธอเป็นผู้ชนะการประกวด คงมีหลายบริษัทอยากเซ็นสัญญาด้วย อนาคตเธอจะต้องกลายเป็นนางแบบระดับโลกผู้เจิดจรัสแน่นอน!
ซูเจี่ยนอันเตือนไม่ให้เธอเข้าสู่วงการที่ดีแต่เปลือกแบบนี้ แต่ลั่วเสี่ยวซีพูดอย่างมั่นใจว่า
“ฉันจะเด่นดังจนซูอี้เฉิงต้องหันมามอง! ใครก็ตามที่มาขวางทาง ฉันจะจัดการให้เรียบ!”
ซูเจี่ยนอันนึกอยู่แล้วว่าลั่วเสี่ยวซีน่ะเหรอจะยอมแพ้เรื่องนี้ง่ายๆ เธอวางเงินสี่หมื่นที่นำมาด้วยวางลงบนโต๊ะ
“งั้นฉันคงช่วยเธอได้แค่นี้”
ลั่วเสี่ยวซีกำลังกลุ้มใจเรื่องที่พ่อระงับเงินเธอไว้อยู่พอดี พอเห็นแบงก์สีชมพูตรงหน้า สายตาก็ลุกวาวพร้อมวิ่งเข้าไปกอดซูเจี่ยนอันเต็มแรง
“ถ้าดังเมื่อไรพี่จะไม่มีวันลืมน้องเด็ดขาด! ว่าแต่ บอสใหญ่ของเธอเมื่อไรจะกลับ?”
“อีกสองวัน” ซูเจี่ยนอันตอบ
“แหมๆๆ จำแม่นเชียว” ลั่วเสี่ยวซีจิ้มไหล่ซูเจี่ยนอันอย่างหยอกล้อ “อยากให้เขากลับมาเร็วๆ ล่ะสิ”
“อือฮึ อยากสิ” ซูเจี่ยนอันพยักหน้ายอมรับอย่างที่ลั่วเสี่ยวซีหวังไว้ไม่ผิด
เธอยังจำคำพูดของเขาได้แม่น เขาให้เธอรอเขากลับมา เพราะมีบางอย่างจะให้
จนถึงตอนนี้เธอยังเดาไม่ออกเลยว่าเขาจะเอาอะไรมาฝาก จึงได้แต่ตั้งตารอคอย เพราะฉะนั้นย่อมอยากให้เขากลับมาไวๆ อยู่แล้ว
ลั่วเสี่ยวซีสะกิดซูเจี่ยนอันพลางพูด
“ฉันขอทายว่า ซูเจี่ยนอัน เธอต้องเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นแล้วแน่ๆ!”
ซูเจี่ยนอันยิ้มกับตัวเอง ดวงตาใสแจ๋วดูมีชีวิตชีวา
“ไปหยิบชุดนอนมาให้ชุดหนึ่งสิ คืนนี้ฉันขอค้างที่นี่นะ”
ไม่รู้เพราะว่าคิดถึงหรืออย่างไร เธอจึงฝันถึงลู่เป๋าเหยียนในคืนนั้น
ในฝันเขาเลิกงานกลับบ้านตามปกติ เขาอยู่ในชุดสูท หน้าตาดูอ่อนเพลียเล็กน้อยยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
เธอวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างดีใจ รอให้เขาหยิบของฝากออกมาให้เธอด้วยสายตาตื่นเต้น
ลู่เป๋าเหยียนลูบผมเธอเบาๆ พลางพูดว่า
“ไม่เจอกันตั้งนาน คุณนายลู่จะไม่กอดฉันหน่อยเหรอ”
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่านายเอาอะไรมาเซอร์ไพรส์ฉัน!” เธอซักไซ้ “สรุปนายเอาอะไรมา รีบเอาออกมาให้ฉันดูเร็วเข้า”
ลู่เป๋าเหยียนยื่นมือออกมา ความลับใกล้ถูกเปิดเผย ทว่า…
โอ๊ย! จู่ๆ แก้มของเธอก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา เธอตื่นจากฝันในทันที
“เธอกำลังจะไปทำงานสายแล้วนะ!” ลั่วเสี่ยวซีพูดอยู่ข้างหูพลางดึงแก้มเธอ “ยิ้มหวานอย่างกับกำลังฝันดี หรือว่าฝันถึงบอสใหญ่เอ่ย?”
ถูกเผง…
แต่เธอไม่มีทางบอกลั่วเสี่ยวซีหรอก!
เพราะฝันนั้นทำให้เธออารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ซูเจี่ยนอันเตะผ้าห่มออกแล้วไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แต่เมื่อออกจากห้องน้ำ ก็พบว่าลั่วเสี่ยวซีกำลังนั่งเหม่อกุมมือถืออยู่บนเตียง
หรือว่ามีโมเดลลิ่งสนใจจะเซ็นสัญญากับเธอแล้ว?
ซูเจี่ยนอันเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ แต่กลับพบว่าที่จริงแล้วลั่วเสี่ยวซีกำลังอ่านข่าวบันเทิงอยู่ เธอแอบเห็นคำว่า ‘ลู่เป๋าเหยียน’ ‘หานรั่วซี’ ‘สวีทหวานในโรงแรม’ อยู่บทเนื้อข่าว พอลั่วเสี่ยวซีรู้ตัวว่าเธอกำลังมองอยู่ ก็รีบซ่อนมือถือไว้ทันที
“เอ่อ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเหรอ งั้นไปกินมื้อเช้ากัน!” ลั่วเสี่ยวซีพยายามฉีกยิ้ม “ไปจุยเยว่จวี้ไหม เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
ซูเจี่ยนอันพูดสีหน้าเรียบ “ส่งมือถือมาให้ฉัน”
ลั่วเสี่ยวซีกอดมือถือไว้แน่นพลางส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกน่า ไปกินข้าวกันเถอะ ถ้าไม่ไปจุยเยว่จวี้ งั้นเราไป…”
สายตาของซูเจี่ยนอันนิ่งเฉย สีหน้าราบเรียบ ไม่ว่าลั่วเสี่ยวซีจะพูดอะไรเธอก็ยืนจ้องอยู่ตรงนั้น
ลั่วเสี่ยวซีเริ่มมั่นใจว่าเธอคงเห็นอะไรไปบ้างแล้วแน่ๆ ถึงจะซ่อนไปก็เท่านั้น ว่าแล้วจึงยื่นมือถือส่งให้
เมื่อซูเจี่ยนอันปลดล็อกมือถือ ก็เห็นพาดหัวข่าวอย่างชัดเจน
“เดตลับๆ ณ อเมริกาของลู่เป๋าเหยียนและหานรั่วซี สวีทหวานในโรงแรมสี่ชั่วโมง”
เหมือนมีใครมาจุดระเบิดในสมองเธอจนขาวโพลนไปหมด นิ้วเรียวปัดหน้าจอเลื่อนลงไปอ่านต่ออย่างไม่ต้องคิด
เลื่อนไปเลื่อนมาก็เห็นรูปภาพประกอบข่าว
เวลาสี่ทุ่มกว่า ลู่เป๋าเหยียนและหานรั่วซีนั่งอยู่ที่ภัตตาคารของโรงแรม หานรั่วซีถือแก้วไวน์พลางขยับมืออย่างช้าๆ คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธออย่างลู่เป๋าเหยียนสีหน้าเรียบเฉย แต่เพราะปกติเขามักทำสีหน้าเย็นชา เพราะฉะนั้นจึงเรียกได้ว่าวันนี้ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ
รูปที่สองเป็นรูปตอนที่พวกเขากลับไปที่ห้องแล้ว ผ้าคลุมไหล่ของหานรั่วซีกองอยู่ที่พื้น เธอกับลู่เป๋าเหยียนกำลังกอดกัน ริมฝีปากของทั้งสองแนบชิด เตียงใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเหมือนบอกใบ้อะไรบางอย่าง
รูปภาพอีกหลายรูปหลังจากนั้นคล้ายกับภาพที่สอง จุดเดียวที่ต่างออกไปในแต่ละภาพคือ เนื้อหนังของหานรั่วซีที่เผยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เสื้อสูทของลู่เป๋าเหยียนเองก็เริ่มไม่เข้าที่เข้าทาง ระยะห่างของเตียงกับพวกเขาสองคนที่เริ่มใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนมองอดคิดต่อไม่ได้…
นักข่าวเขียนทิ้งท้ายไว้ว่า กว่าลู่เป๋าเหยียนจะออกจากห้องของหานรั่วซีก็เช้าแล้ว เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสี่ชั่วโมง มีอะไรเกิดขึ้นนั้นไม่ต้องให้บอกทุกคนก็คงรู้ดี แถมเมื่อวานพวกเขายังบินไฟล์ทเดียวกันไปอเมริกาอีก มองเผินๆ เหมือนไปทำงาน แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะจ๊ะ…
อ่านจบ สติของซูเจี่ยนอันก็เริ่มกลับมา เธอสูดหายใจลึก จากนั้นส่งมือถือคืนให้ลั่วเสี่ยวซี
“ยังยืนนิ่งอยู่อีก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ เมื่อกี้บอกว่าจะเลี้ยงข้าวฉันที่จุยเยว่จวี้ไม่ใช่เหรอ”
“เจี่ยนอัน…” ลั่วเสี่ยวซีเดินเข้ามา “ถ้าเธอรู้สึก…”
ซูเจี่ยนอันยิ้มพลางพูดขัด “เธอคงไม่กลับคำพูดใช่ไหม”
ลั่วเสี่ยวซีกัดฟันตอบออกไป “ได้ เดี๋ยวฉันรีบไปเปลี่ยนชุดเลย เธอรอแป๊บหนึ่งนะ” ให้เวลาซูเจี่ยนอันเคลียร์ให้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นก่อน แล้วพวกเธอค่อยมาช่วยกันแก้ปัญหาก็ยังทัน
ซูเจี่ยนอันหยิบโทรศัพท์เดินออกจากห้องนอน รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มเลือนหาย เธอสงสัยว่าสิ่งที่เธอเห็นเมื่อกี้ไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม แต่ในใจก็ไม่กล้าที่จะดูมันอีกครั้งเพื่อยืนยัน
ลั่วเสี่ยวซีพูดถูกอีกแล้ว ดูงานต่างประเทศอะไรนั่น เป็นช่วงที่เสี่ยงที่สุด
หัวใจของเธอเหมือนมีอะไรมาบีบรัด เธออยากถามลู่เป๋าเหยียนให้ชัดว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
แต่ถ้าพวกเขาสองคนทำแบบนั้นจริงๆ แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปถามเขากัน? ลู่เป๋าเหยียนบอกเธอไว้ก่อนแล้วว่าเขาไม่คิดอะไรกับเธอ อีกสองปีก็จะหย่าไม่ใช่หรือไง
ตอนนี้ซูเจี่ยนอันเหมือนแมลงตัวน้อยที่เผลอเข้าไปติดอยู่ในใยแมงมุม ต่อให้ใยนี้จะกว้างมากแค่ไหน แต่เธอก็รู้สึกเหมือนถูกรัดจนหายใจไม่ออก
ถ้าเธอหาเรื่องอย่างอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจไม่ได้ ดีไม่ดีเธออาจจะคิดวู่วามบินไปหาลู่เป๋าเหยียนที่อเมริกาเองเลยก็เป็นได้
ไม่ได้ เธอจะปล่อยให้ตัวเองทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด…
ตอนนั้นเอง มือถือซูเจี่ยนอันก็ดังขึ้น เธอนึกว่าเป็นลู่เป๋าเหยียนที่โทรมา ทว่ากลับเป็นสายของสารวัตรเหยียน
เฮ้อ เขาคงไม่คิดจะโทรมาเม้าเรื่องลู่เป๋าเหยียนกับหานรั่วซีหรอกนะ?
ซูเจี่ยนอันรับสาย เสียงของสารวัตรเหยียนดูร้อนรน
“เจี่ยนอัน เกิดคดีขึ้นที่เถียนอันการ์เดนท์ อาคารสิบหก ห้อง 502 เธอไปที่สถานที่เกิดเหตุเลยได้หรือเปล่า”
“รับทราบค่ะ ฉันจะไปถึงในอีกสามสิบนาที!”
เธอวางมือถือลง และรีบเดินหากุญแจรถ จากนั้นจึงบอกกับลั่วเสี่ยวซีก่อนออกไป
ลั่วเสี่ยวซีวิ่งออกมาก็ไม่เห็นซูเจี่ยนอันแล้ว เหลือแต่มือถือของเจ้าตัวที่ถูกวางอยู่บนโซฟา เห็นดังนั้นลั่วเสี่ยวซีถึงกับส่ายหัว
“ถ้าไม่ช็อกสิแปลก ดูสิ ขนาดมือถือยังลืมไว้ได้”
ซูเจี่ยนอันคิดจะโทรหาเจียงเส้าข่าย ทว่ากับหามือถือตัวเองไม่เจอ ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตนวางเอาไว้บนโซฟา งั้นของลองเสี่ยงดูสักตั้งว่าเจียงเส้าข่ายจะใจตรงกันกับเธอ และขับรถไปที่เกิดเหตุเลยหรือเปล่า
เมื่อถึงชั้นล่างของอาคารสิบหก ซูเจี่ยนอันก็เห็นเทปเหลืองพันปิดล้อมที่เกิดเหตุกับฝูงชนมากมายกำลังยืนอยู่รอบอาคาร เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมเสียงของสารวัตรเหยียนเมื่อครู่ถึงดูร้อนใจนัก ท่าทางจะเป็นคดีใหญ่
เธอแสดงบัตรประจำตัวให้ตำรวจที่ยืนเฝ้าด้านหน้าดูก่อนถามว่า
“เจียงเส้าข่ายมาหรือยังคะ”
“เขากับสารวัตรเหยียนมาถึงแล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ซูเจี่ยนอันรีบตรงไปที่ชั้นห้า
เจียงเส้าข่ายที่กำลังรอซูเจี่ยนอันอยู่ เมื่อเห็นเธอก็ยื่นเสื้อกาวน์และถุงมือให้ทันที
“ของของเธอฉันเอามาหมดแล้ว”
“ขอบใจมาก” ซูเจี่ยนอันรีบใส่ถุงมืออย่างคล่องแคล่ว “กะแล้วว่านายต้องเอามาให้ฉัน”
เธอกับเจียงเส้าข่ายทำงานด้วยกันมาหลายปีจนรู้นิสัยกันดี
“เจี่ยนอัน” สารวัตรเหยียนเดินเข้ามาหา “เธอทำงานตามปกติไหวใช่ไหม ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันให้คนอื่นมาทำแทน เธอจะได้ไปพักสักหน่อย คดีนี้ไม่ง่าย จะมาล้อเล่นไม่ได้นะ”
“พวกคุณอ่านข่าวกันหมดแล้วสินะ?” ซูเจี่ยนอันบ่น “เริ่มขี้เม้าเป็นผู้หญิงเหมือนเจียงเส้าข่ายกันหมดแล้วนะคะ วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ปล่อยให้เรื่องส่วนตัวมาปนกับงานแน่นอน”
สารวัตรเชื่อในตัวซูเจี่ยนอันอยู่แล้วจึงพยักหน้า “งั้นมาเริ่มกันเลย”
ซูเจี่ยนอันและเจียงเส้าข่ายมองแวบเดียวก็รู้ว่า เหยื่อโดนทรมานก่อนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม วิธีอันโรคจิตที่ฆาตกรใช้คล้ายในหนังหัวรุนแรงของยุโรป เขาสลักสัญลักษณ์มากมายลงบนตัวเหยื่อทั้งเป็น และยังตัดแยกแขนขาออกเป็นสี่ส่วน ทำให้เหยื่อเสียชีวิตจากการเสียเลือดมากระหว่างถูกทรมาน
คิ้วของซูเจี่ยนอันขมวดยุ่งมากขึ้นทุกที ความเกลียดชังในการกระทำของฆาตกรทำให้เธอลืมความรู้สึกปั่นป่วนที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงเสนอตัวเป็นผู้ดูแลเคสนี้
เธอต้องการงานที่ท้าทายมาเบนความสนใจของตัวเอง เพราะฉะนั้นคดีฆาตกรรมในครั้งนี้เป็นตัวเลือกที่ดี
“เธอไม่บอกฉันก็เตรียมฝากให้เธอรับผิดชอบอยู่แล้ว” สารวัตรเหยียนพูดสีหน้าขรึม “เจี่ยนอัน พวกเรากำลังสงสัยว่าฆาตกรอาจก่อคดีอีก ผู้ตายเป็นคนดีที่ไม่มีศัตรูที่ไหน ตอนนี้เราคาดการณ์ว่าบางทีฆาตกรกับผู้ตายอาจจะไม่ใช่คนรู้จักกัน แถมตัวฆาตกรน่าจะมีปัญญาทางจิต เกรงว่าเขาอาจจะหาเหยื่อรายต่อไปที่เป็นหญิงสาวตัวคนเดียวลักษณะแบบนี้อีก เธอเคยเรียนจิตวิทยาอาชญากรรมมา งานชันสูตรศพให้เจียงเส้าข่ายจัดการไป ส่วนเธอมาช่วยพวกเราสืบคดีแล้วกันนะ”
ซูเจี่ยนอันพยักหน้าตอบรับ “ได้ค่ะ”
เป็นอย่างที่สารวัตรเหยียนคาดการณ์ไว้ไม่ผิด บ่ายวันเดียวกันก็เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นที่อีกเขต ผู้ตายเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตตามลำพัง ลักษณะการตายเหมือนกับที่เถียนอันการ์เดนท์ไม่ผิดเพี้ยน ทีมตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกัน
“ฆาตกรรมต่อเนื่อง” คำนี้หลอกหลอนผู้คนทั่วทั้งเมือง A จนหญิงสาวที่อยู่ตัวคนเดียวต่างกลัวกันไปหมด ซูเจี่ยนอันกับทีมตำรวจต่างเร่งมือทำงานอย่างหนัก เพื่อจะจับตัวฆาตกรให้ได้
เที่ยงวันนั้นเอง ในที่สุดลั่วเสี่ยวซีก็ได้รับโทรศัพท์จากโมเดลลิ่ง พวกเขานัดเธอออกไปคุยเพื่อเซ็นสัญญา
ทั้งห้องจึงเหลือแต่เพียงมือถือที่น่าสงสารของซูเจี่ยนอันที่ถูกทิ้งอยู่บนโซฟา มันส่งเสียงดังไม่หยุด บนหน้าจอขึ้นชื่อ “ลู่เป๋าเหยียน”
ลั่วเสี่ยวซีไม่อยู่บ้าน ย่อมไม่มีคนรับสาย ผ่านไปได้ไม่นาน มือถือจึงแบตหมด ทำให้ไม่ว่าใครก็โทรไม่ติดอีกแล้ว…