มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 บทที่ 53 หึงจนหน้ามืด

        ความเจ็บที่หลังยังไม่ทันหาย ลู่เป๋าเหยียนก็โน้มตัวเข้ามาประกบเรียวปากของเธอทันที

        เขาใช้แขนข้างหนึ่งดันผนัง และใช้ร่างสูงใหญ่ขังเธอเอาไว้พลางจูบเธออย่างรุนแรงและดุดัน

        “อื้อ…อื้อ…”

        ซูเจี่ยนอันพยายามผลักเขาออกไป แต่เหมือนการกระทำของเธอจะทำให้เขายิ่งโกรธ

        สองแขนของเขาโอบเอวเธอพลางล็อกมือเธอเอาไว้ อย่าว่าแต่ดิ้นหนีไปไหนเลย ตอนนี้แค่ขยับตัวสักนิดเธอยังทำไม่ได้

        ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถดูดดื่มกับความอ่อนหวานของเธอได้ดั่งใจอยาก

        ในความทรงจำของซูเจี่ยนอัน ถึงบางครั้งลู่เป๋าเหยียนจะชอบเอาเปรียบเธอ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังคงความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง ทว่าครั้งนี้ เขาใช้กำลังจูบเธอราวกับจะดูดวิญญาณของเธอออกไปจนหมด พอเธอเริ่มต่อต้าน เขาก็ส่งลิ้นเข้ามารุกล้ำหาความอ่อนหวานอย่างเอาแต่ใจ มือที่รัดเธออยู่ก็ยิ่งแน่นขึ้นเรื่อยๆ

        เธอรู้สึกราวกับจะถูกเขากลืนกินไปทั้งตัวในไม่ช้า

        ไม่นาน ซูเจี่ยนอันก็รู้สึกหายใจไม่ทัน

        เขากับเธอแสดงความใกล้ชิดแบบนี้มาหลายครั้ง ไม่ว่าจะตอนที่เขาจูบเธอในงานประมูลเพื่อให้ซูหยวนหยวนดู ที่ถึงแม้จะเป็นจูบที่ดุดันแต่ก็ยังแฝงด้วยความอ่อนโยนอยู่บ้าง เขายังใส่ใจว่าเธอหายใจทันหรือเปล่า คืนวันนั้นที่เธอไปรับเข้าที่โรงพยาบาล เขาก็จูบเธออย่างแผ่วเบาเพื่อให้เธอสบายใจ

        จูบทั้งสองครั้ง ทำให้เธอหลงเคลิบเคลิ้มไปกับมัน

        แต่ว่าจูบครั้งนี้ เขาเหมือนปีศาจร้ายที่ควบคุมความต้องการของตัวเองไว้ไม่ได้ จนอยากจับเธอกลืนกินไปทั้งตัวอย่างไรอย่างนั้น เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนเขา แต่กลับถูกเขาขบกัดที่ริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ หลังจากนั้นก็เริ่มได้กลิ่นคาวเลือดตามมา…

        ทุกอย่างหยุดชะงักเหมือนมีใครมากดปุ่มหยุดชั่วคราว

        ลู่เป๋าเหยียนปล่อยซูเจี่ยนอันให้เป็นอิสระ เขาเห็นปากเธอมีเลือดออก ความตกใจและเสียใจในการกระทำของตนฉายชัดอยู่ในแววตาของเขา

        “เจี่ยนอัน…” เสียงของเขาแหบต่ำ

        ซูเจี่ยนอันผลักเขาออกไปพร้อมตาแดงๆ พลางใช้มือขวาปาดคราบเลือดออกจากเรียวปาก

        ลู่เป๋าเหยียนยื่นมือออกมาเพื่อจะสัมผัสแผลของเธอ แต่เธอกลับเบือนหน้าหนีอย่างรังเกียจ มือเขาชะงักค้างอยู่อย่างนั้นแล้วจึงค่อยๆ ลดมือลง

        ซูเจี่ยนอันมองเขาอย่างโมโห “ลู่เป๋าเหยียน ฉันไม่ใช่หานรั่วซี นายมองให้ดีๆ!”

        ในที่สุดเธอก็พูดชื่อนี้ออกไปจนได้

        เหมือนลู่เป๋าเหยียนจะอารมณ์ดีขึ้นในพริบตา เขามองซูเจี่ยนอันอย่างหาคำตอบ

        “เธอเห็นข่าวแล้ว ไม่ชอบใจ?”

        “ทำไมฉันจะต้องไม่ชอบใจด้วย?” เลือดเริ่มไหลซิบๆ ออกมาอีกแล้ว ซูเจี่ยนอันยกมือปาดมันออกไป

        “ในวันแต่งงานฉันก็เคยบอกนายแล้วนี่ ว่าฉันไม่สนว่านายกับหานรั่วซีจะไปทำอะไรกันลับหลัง เพราะฉะนั้นนายเองก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องฉันเหมือนกัน”

        “เธอคิดจะทำอะไร ถึงไม่อยากให้ฉันยุ่ง หือ?” ลู่เป๋าเหยียนเดินเข้ามาใกล้เธอ

        “จะไปหาเจียงเส้าข่าย?”

        ซูเจี่ยนอันสะบัดหน้าหนี “ฉันจะไปหาใครก็ไม่เกี่ยวกับนาย นายไปทำอะไรกับใครฉันยังไม่เข้าไปยุ่มย่ามเลย เราสองคนต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างใช้ชีวิตเข้าใจไหม!”

        ว่าแล้วเธอก็หันตัวเดินกลับขึ้นห้อง เลือดที่เรียวปากงามหยุดไหลลงเสียที แต่น้ำตาเธอนี่สิที่เริ่มเอ่อล้นออกมาแทน

        สองเดือนของชีวิตการแต่งงาน ถึงแม้ในชีวิตจริงเธอกับลู่เป๋าเหยียนจะไม่ได้รักกันหวานชื่นเหมือนที่คนอื่นคิด แต่ก็ไม่เคยมีความขัดแย้งใดๆ

        นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาทะเลาะกัน

        ซูเจี่ยนอันไม่เคยนึกว่าเลยว่า การทะเลาะกับลู่เป๋าเหยียนจะทำให้ตัวเองรู้สึกเสียใจขนาดนี้

        ที่จริงเธอจะไม่สนใจเรื่องที่เขากับคนอื่นอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ตอนที่เธอเห็นข่าวฉาวของเขากับหานรั่วซี ถ้าเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านของลั่วเสี่ยวซี หรือไม่ได้ยุ่งอยู่กับการตามหาตัวคนร้าย ป่านนี้เธอคงคลั่งไปแล้ว

        เธอไม่มีวันลืมความรู้สึกในตอนนั้น ทุกตัวอักษรในข่าวเป็นดั่งเข็มที่ทิ่มแทงสายตาและหัวใจของเธออย่างไม่ปรานี

        ความเจ็บปวดทำให้เธอตื่นจากความฝันอันแสนสุข สิ่งที่ลู่เป๋าเหยียนทำให้เธอเป็นเพียงแค่การแสดง ความอ่อนโยนที่เคยมีให้กันก็แค่ฉากหนึ่งของบทละคร ที่เมื่อเล่นจบเขาจะไปอยู่กับคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

        เธอยอมอดทนเวลาที่เขาอยู่กับคนอื่น เธอไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาในฐานะภรรยา แล้วทำไมเขาต้องมายุ่งกับชีวิตเธอด้วย?

 

        ในขณะเดียวกัน ลู่เป๋าเหยียนที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของซูเจี่ยนอัน เขาคิดจะยกมือเคาะประตูอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ทำมันลงไป

        จนท้ายที่สุด ก็เดินกลับเข้าห้องตัวเอง

        พวกเขาสองคนคงต้องการเวลาสงบสติอารมณ์สักหน่อย

        ซูเจี่ยนอันรู้สึกเหมือนหัวใจมันหน่วงๆ ทั้งๆ ที่ง่วงมากแต่ข่มตาหลับไม่ลง เธอนอนพลิกไปพลิกมาจนกระทั่งตีสามกว่าจะหลับ วันรุ่งขึ้นกว่าเธอจะตื่นจึงปาไปเกือบเที่ยงแล้ว

        เมื่อมั่นใจว่าลู่เป๋าเหยียนออกจากบ้านไปแล้ว เธอจึงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าหนึ่งชุด จากนั้นฝากให้ลุงสวีบอกกับลู่เป๋าเหยียนว่าคืนนี้เธอจะไปนอนบ้านเพื่อน ลุงสวียังไม่ทันตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอก็ขับรถออกจากบ้านไป

        เรื่องที่ซูเจี่ยนอันหนีออกจากบ้านในครั้งนี้ ลั่วเสี่ยวซีรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง

        ซูเจี่ยนอันที่เธอรู้จักไม่ใช่เด็กน้อย ที่เมื่อมีเรื่องอะไรก็หนีออกจากบ้านมาเพื่อแสดงความไม่พอใจ คราวนี้ดูท่าจะเป็นเรื่องใหญ่

        “เธอกับบอสใหญ่ทะเลาะกันเหรอ ทำไมล่ะ? แล้วเขาอธิบายเรื่องที่อยู่กับหานรั่วซีที่โรงแรมแล้วหรือยัง?”

        “ทะเลาะกันเพราะเมื่อคืนฉันกลับบ้านดึกน่ะสิ เขายังไม่ได้อธิบาย”

        พูดจบซูเจี่ยนอันก็ฉีกถุงขนม เธอล้วงมันฝรั่งทอดกรอบขึ้นมากินอย่างหงุดหงิด

        “อ้าว อย่ากินขนมขยะพวกนี้เพื่อระบายอารมณ์สิ” ลั่วเสี่ยวซีดึงถุงขนมออกไปแล้วส่งแอปเปิ้ลมาให้แทน “กินผลไม้ดีกว่า ลู่เป๋าเหยียนคงไม่ใช่แค่เพราะเธอกลับดึกเลยทะเลาะกับเธอมั้ง เข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า”

        “เขานึกว่าฉันอยู่กับเจียงเส้าข่ายจนดึก”

        ซูเจี่ยนอันสมมติว่าแอปเปิ้ลเป็นลู่เป๋าเหยียน และกัดลงไปอย่างแรงโดยไม่ได้ระวังแผลบนริมฝีปาก เธอเจ็บแผลจนร้องออกมา

        “โว้วๆๆ” ลั่วเสี่ยวซีมองบาดแผลบนริมฝีปากของซูเจี่ยนอันอย่างสำรวจ “บอสใหญ่หึงจนกัดเธอเลยเหรอเนี่ย แล้วทำไมเธอไม่อธิบายความจริงให้เขาฟัง ว่าเธอไปเดินเที่ยวกับฉันเลยกลับดึกล่ะยัยซื่อบื้อ”

        ซูเจี่ยนอันเบะปาก “เขาทำเหมือนไปกินระเบิดมาอย่างงั้นแหละ ยังไม่ทันฟังคำอธิบายก็ระเบิดตูมๆๆ…”

        ลั่วเสี่ยวซีคิดพลางพูดเสียงต่ำ “งั้นเขาคงไม่ได้หึงธรรมดา แต่หึงมากจนหน้ามืดแล้วล่ะ!”

        ซูเจี่ยนอันไม่สนว่าเขาจะหึงหรืออะไร เธอหยิบ iPad ของลั่วเสี่ยวซีขึ้นมาดูหนังแก้เซ็ง

        เธอรู้แต่ว่า วันนี้เธอไม่อยากเจอหน้าเขา

        ลั่วเสี่ยวซีรู้ดีว่าเพื่อนเธอคงเซ็งสุดๆ ในตอนนี้ เลยสะกิดพลางเสนอว่า

        “พวกเราไม่ได้ไปดูหนังด้วยกันตั้งนานแล้ว เรื่องที่เธออยากดูเข้าโรงแล้วนะ ฉันพาเธอไปเลี้ยงหนังดีไหม แล้วพอตกเย็นเราค่อยไปดูการแสดงที่ฮวนเล่อกู่กัน”

        ซูเจี่ยนอันมองหน้าลั่วเสี่ยวซียิ้มๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นไปใส่รองเท้า แล้วพวกเธอทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปโรงหนังทันที

        เมื่อเทียบกับซูเจี่ยนอันที่กำลังเที่ยวเล่นสนุกสนาน ลู่เป๋าเหยียนในตอนนี้กำลังยุ่งหัวหมุนสุดๆ

        เรื่องที่เขาทิ้งการเซ็นสัญญาที่อเมริกากลับมาประเทศก่อนกำหนด เริ่มส่งผลกระทบต่อบริษัท ทางคู่ค้าไม่พอใจอย่างมาก หยาดเหงื่อแรงกายของทีมงานในบริษัทแต่ละคนก็ต้องสูญเปล่า

        เพื่อนำทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา ตัวเขาเองจึงต้องทำงานอย่างหนักยิ่งกว่าเดิม

        สามทุ่มกว่า งานทั้งหมดในวันนี้ก็ได้เสร็จสิ้น แต่เมื่อกลับมาที่บ้าน ลุงสวีก็บอกเขาว่า วันนี้ซูเจี่ยนอันออกไปข้างนอกตั้งแต่เที่ยง แถมยังบอกอีกว่าวันนี้เธอจะไปนอนค้างบ้านเพื่อน

        ลู่เป๋าเหยียนถอดเนกไทสีหน้าเครียด เขาหยิบมือถือมาโทรหาซูเจี่ยนอัน

        คราวนี้ซูเจี่ยนอันยอมรับโทรศัพท์เขา แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงเอะอะวุ่นวายก็ดังแทรกเข้ามา

        “เธออยู่ไหน” น้ำเสียงของเขาแฝงความหงุดหงิด

        “ฮวนเล่อกู่” ซูเจี่ยนอันตอบอย่างอารมณ์ดี “ลุงสวีไม่ได้บอกนายเหรอ ว่าวันนี้ฉันไม่กลับบ้าน”

        “เธออยู่กับลั่วเสี่ยวซี?”

        “ใช่น่ะสิ”

        ลู่เป๋าเหยียนยกนิ้วนวดขมับพลางตัดสินใจให้เวลาเธออีกหนึ่งคืน

        “พรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปรับเธอกลับบ้าน”

        “ไม่ต้อง” ซูเจี่ยนอันปฏิเสธ เดี๋ยวเธออยากกลับเมื่อไร เธอจะกลับไปเอง

        ลู่เป๋าเหยียนให้เธอได้อย่างมากก็แค่คืนเดียว น้ำเสียงของเขาเริ่มเข้มขึ้น

        “หรือว่าเธออยากให้ฉันไปรับเลยตอนนี้?”

        ซูเจี่ยนอันนิ่งไป “พรุ่งนี้ไม่ต้องมาเช้ามาก ฉันไม่รู้ว่าจะตื่นตอนไหน”

        สิบโมง”

        “อืม…งั้นแค่นี้แหละ”

        ซูเจี่ยนอันวางสายพลางพูดกับโทรศัพท์

        “ตาบ้าหัวรุนแรง”

        การแสดงระบำฮาวายยังคงดำเนินต่อไป ฮวนเล่อกู่ในยามค่ำคืนเต็มไปด้วยความสนุกสนานชวนผ่อนคลาย ลั่วเสี่ยวซีหันมาถามซูเจี่ยนอันว่า

        “บอสใหญ่โทรมาขอคืนดีหรือไง”

        ซูเจี่ยนอันคิดชั่วครู่แล้วจึงตอบว่า “พวกเราอย่ากลับบ้านเลยคืนนี้ ไปนอนโรงแรมแถวนี้ที่เธอชอบดีไหม ห้อง Deluxe twin room เลยเป็นไง!”

        ลั่วเสี่ยวซีชูมือขวาขึ้นมาอย่างดีใจ

        “ฉันรักเธอ!”

        วันรุ่งขึ้น ลู่เป๋าเหยียนให้วังหยางไปรับซูเจี่ยนอันที่บ้านของลั่วเสี่ยวซี แต่วังหยางกลับโทรมาแจ้งว่า ยืนกดกริ่งอยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิดประตู

        เขาจึงโทรไปหาซูเจี่ยนอัน แต่เธอกลับปิดเครื่อง

        เขานิ่งคิดไปชั่วขณะ จึงมั่นใจว่า ซูเจี่ยนอันกล้าหลอกเขา!

        เขารีบให้คนไปสืบพิกัดที่อยู่ของเธอ จึงรู้ว่าเมื่อคืนเธอไปนอนโรงแรมใกล้กับฮวนเล่อกู่

        ลู่เป๋าเหยียนขบกรามแน่นอย่างโมโห

        เขาจำไม่ได้แล้วว่า ไม่มีคนกล้าหือกับเขาแบบนี้มานานเท่าไรแล้ว

        เสิ่นเยว่ชวนที่เดินเอาเอกสารมาให้ลู่เป๋าเหยียน พอเข้ามาในห้องก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ หลังทักทายด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขาจึงถามว่า

        “เจี่ยนอันเมินนายเข้าให้แล้วล่ะสิ”

        ลู่เป๋าเหยียนหันมามองหน้าเสิ่นเยว่ชวน

        ทำไมเขาถึงรู้ว่าซูเจี่ยนอันเมินเขา?

        “เป็นฉัน ฉันก็เมินนายเหมือนกันนั่นแหละ” เสิ่นเยว่ชวนมองเขาอย่างดูแคลน “มีอย่างที่ไหน บินไฟล์ทเดียวกัน แถมนอนโรงแรมเดียวกันกับแฟนสาวในข่าว!”

        ลู่เป๋าเหยียนโยนมือถือทิ้งอย่างหงุดหงิด

        “เรื่องพวกนี้ฉันไม่รู้มาก่อน”

        “แล้วเรื่องที่นายกับหานรั่วซีอยู่ด้วยกันในโรงแรมสี่ชั่วโมงล่ะว่าไง”

        ลู่เป๋าเหยียนส่งสายตาเย็นเยียบพลางพูด

        “นายก็รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง!”

        “แต่เจี่ยนอันไม่รู้ด้วยนี่!” เสิ่นเยว่ชวนเถียง “เธอก็คงคิดเหมือนกับคนในเน็ตนั่นแหละ ว่านายกับหานรั่วซีคงมีอะไรกันเรียบร้อย แถมตอนนั้นเธอกำลังถูกฆาตกรโรคจิตจับตัวไปพอดี พอนายกลับมาก็ไม่อธิบายอะไรสักคำ เธอยอมคุยกับนายนี่ก็นับว่าปรานีแล้ว ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่า กลับบ้านปุ๊บให้รีบคุกเข่าขอโทษเธอซะ นายก็ไม่เชื่อ…”

        เป็นครั้งแรกที่ลู่เป๋าเหยียนถามเสิ่นเยว่ชนอย่างจนปัญญา

        “ฉันควรทำยังไง”

        สี่คำสั้นๆ อธิบายกับเธอซะ!”

        แต่ตอนนี้เธอคงไม่ยอมฟังเขาแน่ๆ ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปสักพัก แล้วจึงสั่งให้เสิ่นเยว่ชวนไปจัดการเรื่องหนึ่ง

        เสิ่นเยว่ชวนทำหน้าไม่อยากเชื่อ “นายมั่นใจ?”

        “ถ้าข่าวนี้ไม่ถูกแชร์ไปทั่วอินเทอร์เน็ตก่อนเที่ยง นายคงได้เตรียมตัวไปดูงานที่เวียดนาม”

        “ให้ตายเถอะ!” เสิ่นเยว่ชวนรีบติดต่อกับสื่อทุกสำนักด้วยความเร็วแสงในทันที

Author สายลมสงบ