มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 บทที่ 93 อยากจะหย่าขนาดนั้นเลย

        ลู่เป๋าเหยียนเองก็ดูตกใจเช่นกัน

        ทั้งที่เขารู้ดีว่าที่นี่คือที่ไหน ทั้งที่เขารู้ดีว่าเธอจะรู้สึกตกใจมากเท่าไร

        ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาควบคุมตัวเองได้ดีมาโดยตลอด แล้วทำไมถึงมาสติหลุดเอาตอนนี้?

        เขารีบปล่อยซูเจี่ยนอันให้เป็นอิสระ

        “เธอเปลี่ยนชุดก่อน ฉันจะไปรอข้างนอก”

        ซูเจี่ยนอันจับมือเขาไว้ “เดี๋ยวก่อน”

        ลู่เป๋าเหยียนหันกลับมามองเธออย่างไม่เข้าใจ ซูเจี่ยนอันทำสีหน้าลำบากใจ

        “นายอย่าคิดไปไกล ฉัน…ดูเหมือนซิปจะแตกน่ะ”

        เขาพูดอย่างพยายามอดกลั้นอารมณ์บางอย่าง

        “หันมานี่ ขอฉันดูหน่อย”

        ซิปแตกรูดไม่ขึ้นจริงด้วย เขาลองดึงอยู่หลายทีก็ยังไม่สำเร็จ ซูเจี่ยนอันจึงเอ่ยปาก

        “แรงอีกหน่อยก็ได้ ฉันไม่เป็นไร”

        ลู่เป๋าเหยียนจะกล้าดึงแรงได้อย่างไร

        ในเมื่อชุดนี้ถูกตัดมาพอดีเป๊ะกับรูปร่างของเธอขนาดนี้ ขืนดึงแรงชุดคงขาดหมด แถมดีไม่ดีอาจจะไปหนีบเนื้อเธอเอาก็ได้ เห็นเธอชอบวิ่งไปวิ่งมาอย่างไม่กลัวอะไรแบบนี้ แต่ที่จริงแล้วซูเจี่ยนอันเป็นคนผิวบางมาก เขากลัวจะทำให้เธอเป็นแผลหากไม่ระวัง

        แต่ถ้าดึงช้าๆ มือเขาคงต้องสัมผัสเธอ

        ซิปข้างของชุดราตรีถูกรูดลงมาได้เพียงครึ่งเดียวและค้างอยู่ตรงไหน เผยให้เห็นผิวขาวนวลใสของเธอ นิ้วของลู่เป๋าเหยียนเผลอไปถูกผิวของเธอบ้างเป็นบางครั้ง และทุกครั้งถึงเขาจะชอบสัมผัสที่ได้แต่ก็ต้องทรมานอยู่ในใจ เขาอยากใช้แรงมากกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าหากรูดซิปจนสุดพวกเขาทั้งสองคนคงจะทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม

        ซูเจี่ยนอันหน้าแดงก่ำพลางเอ่ย

        “ลู่เป๋าเหยียน ฉันเมื่อยมือไปหมดแล้ว นายทำให้เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม”

        เพื่อให้ลู่เป๋าเหยียนรูดซิปได้สะดวก เธอจึงยกแขนขึ้นค้างไว้

        “แป๊บนึง”

        ลู่เป๋าเหยียนดึงซิปอย่างแรง จนมันลงร่องตามเดิม ซูเจี่ยนอันรีบใช้มือจับชุดไว้ทันที

        “ขอบคุณนะ นะ…นายออกไปก่อนเถอะ”

        ลู่เป๋าเหยียนไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เขารีบเปิดประตูและเดินออกไป

        ซูเจี่ยนอันถึงกับยืนพิงกำแพงพลางถอนหายใจ

        นี่ถ้าพวกเธออยู่ที่บ้าน หรือไม่ได้ยินเสียงคนจากด้านนอก เธอก็คงไม่ปฏิเสธเขา

        ถ้าเป็นแบบนั้น…ซูเจี่ยนอันไม่กล้าจินตนาการต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น

        ต่อจากนี้เธอควรจะควบคุมใจตัวเองให้ดีกว่านี้สินะ?

        เมื่อเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดเดิมของตน และสูดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมสติเรียบร้อย ซูเจี่ยนอันก็เดินถือชุดราตรีออกมา โดยนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอคนรู้จักที่ไม่คุ้นเคยเข้าให้

        หานรั่วซี

        เมื่อกี้ที่มีคนเรียกชื่อ คุณหาน ก็คือเธอนี่เอง

        การที่ดาราชื่อดังจะมาลองชุดที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่…ทำไมลู่เป๋าเหยียนถึงไปนั่งอยู่กับเธอ?

        แถมตอนนี้หานรั่วซีก็กำลังยิ้มแย้ม ดูท่าก่อนที่เธอจะออกมา พวกเขาคงพูดคุยกันสนุกสนานเลยสินะ

        ซูเจี่ยนอันเบือนสายตาออกและพยายามทำตัวเป็นปกติ เธอส่งชุดราตรีคืนให้กับผู้ช่วยดีไซเนอร์

        “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”

        “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเดี๋ยวพวกเราจะเก็บรายละเอียดให้เรียบร้อย และส่งไปให้คุณนายลู่ที่บ้านภายในวันพรุ่งนี้นะคะ”

        “ค่ะ”

        ซูเจี่ยนอันจำใจต้องหันหน้ากลับไปเผชิญความจริงจนได้ เธอคงรอยยิ้มไว้ดังเดิมก่อนจะพูดกับลู่เป๋าเหยียน

        “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

        “คุณหนูซู” หานรั่วซีเดินเข้ามาหาเธอ “อุตส่าห์บังเอิญเจอกันที่นี่ จะไม่ทักทายกันหน่อยเหรอคะ คุณคงไม่ได้รีบกลับบ้านขนาดนั้นหรอกใช่ไหม”

        “พวกเราไม่สนิทกัน ไม่จำเป็นต้องทักทายอะไร” ซูเจี่ยนอันตอบสีหน้าห่างเหิน

        “อีกอย่าง ฉันแต่งงานแล้ว สามีฉันแซ่ลู่ รบกวนคุณเปลี่ยนคำเรียกฉันใหม่เป็นคุณนายลู่ด้วยค่ะ”

        “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ฉันลืมเปลี่ยนคำเรียกชื่อคุณ” หานรั่วซียิ้มตอบ ก่อนจะลดเสียงให้เบาลงจนมีแค่เธอกับซูเจี่ยนอันเท่านั้นที่จะได้ยิน “แต่ว่า อีกไม่นานพวกเธอก็จะหย่ากันอยู่แล้วนี่ ฉันคงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนคำเรียกชื่อเธอหรอกมั้ง อีกอย่าง เธอคงยังไม่รู้ว่าก่อนที่พวกเธอจะแต่งงานกัน ที่แอฟริกาใต้มีการขุดพบเพชรน้ำงามยิ่งกว่าเพชรครูรีนาน1เสียอีก และเป่าเหยียนเป็นคนซื้อมันไว้ ส่วนที่ว่าเขาซื้อมาทำอะไร เธอลองกลับไปค้นข่าวตามอินเทอร์เน็ตดูสิ แล้วค่อยคิดดูอีกครั้งว่าจะให้ฉันเปลี่ยนคำเรียกชื่อเธอดีหรือเปล่า”

        ซูเจี่ยนอันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างไรไม่รู้

        หานรั่วซีไม่ใช่คนโง่ เธอคงไม่สร้างเรื่องลอยๆ  ขึ้นมาโกหกเธอ แถมน้ำเสียงที่ยังดูมั่นใจนั่นอีก

        บางทีลู่เป๋าเหยียนอาจจะ…

        ลู่เป๋าเหยียนเห็นสีหน้าของซูเจี่ยนอันดูแปลกๆ เขาหรี่ตาลงและเดินไปหาเธอ

        “กลับบ้านกัน”

        ซูเจี่ยนอันไม่ได้ขัดขืน เธอเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย แต่ไม่พูดอะไรเลยสักคำตลอดทาง

        หานรั่วซีเห็นสีหน้าของซูเจี่ยนอันแล้วอดยิ้มอย่างผู้ชนะไม่ได้ เธอปรายตามองชุดราตรีของซูเจี่ยนอัน

        “ขอฉันดูชุดนี้หน่อยได้ไหมคะ”

        “ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะคุณหาน นี่เป็นชุดของคุณนายลู่ที่โซเฟียออกแบบให้ด้วยตัวเอง”

        “ฉันทราบค่ะ” หานรั่วซีกล่าว “ฉันอยากจะชื่นชมมันสักนิด”

        เพราะหานรั่วซีเป็นลูกค้าประจำ ผู้ช่วยฯจึงไม่กล้าปฏิเสธ

        ใครบ้างในเมืองนี้ที่ไม่รู้เรื่องรักสามเส้าระหว่างลู่เป๋าเหยียน ซูเจี่ยนอัน และหานรั่วซี ผู้ช่วยฯกลัวว่าหนารั่วซีจะทำอะไรกับชุดของซูเจี่ยนอัน จึงยืนจ้องไม่วางตา แต่เธอคงคิดมากไป เพราะหานรั่วซีดูมันแค่แป๊บเดียวก็ส่งมันคืนมาและพูดขึ้นว่า

        “ชุดที่ฉันสั่งไว้ให้เก็บไว้ก่อน ฉันอยากจะเลือกชุดใหม่อีกสักชุดน่ะค่ะ”

        ท้ายที่สุด หานรั่วซีก็เลือกชุดราตรีสีขาวที่ดีไซน์เกือบทุกอย่างใกล้เคียงกับชุดของซูเจี่ยนอันเป็นอย่างมาก

        แถมยังสั่งให้ผู้ช่วยฯแก้รายละเอียดอีกหลายจุดที่เธอยังรู้สึกไม่พอใจ

        ผู้ช่วยฯได้ยินสิ่งที่หานรั่วซีสั่งก็รู้สึกเหงื่อตก ถ้าแก้ตามที่เธอสั่งจริงๆ ชุดนี้ยิ่งดูคล้ายชุดของซูเจี่ยนอันเข้าไปใหญ่น่ะสิ!

        แต่หานรั่วซียังคงยืนยัน “แก้ตามที่ฉันบอกทุกอย่าง และส่งไปให้ผู้จัดการฉันอย่างช้าที่สุดคือวันมะรืน จริงสิ คุณจะช่วยบอกฉันได้ไหมคะ ว่าทำไมลู่เป๋าเหยียนกับซูเจี่ยนอันถึงเข้าไปอยู่ในห้องลองด้วยกันได้”

        “อ้อ คุณลู่บอกว่าจะช่วยคุณนายลู่ดูว่าชุดพอดีตัวหรือเปล่าน่ะค่ะ” ผู้ช่วยฯตอบ “พวกเขาเข้าไปได้สักพักแล้วก่อนที่คุณจะมา”

        “ขอบคุณค่ะ” หานรั่วซีตอบสีหน้าเรียบก่อนจะเดินออกไป

        ผู้ช่วยฯมองตามแผ่นหลังของหานรั่วซีไปพลางถอนหายใจ ดูท่างานเลี้ยงครบรอบของเครือลู่ปีนี้ คงมีอะไรสนุกๆ ให้ดูแน่ๆ ไม่รู้ว่าศึกนี้จะเป็นหานรั่วซีหรือซูเจี่ยนอันกันแน่ที่จะชนะ

        ซูเจี่ยนอันเข้าไปนั่งในรถก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง อย่างไม่สนใจว่าคนข้างๆ กำลังสงสัยว่าเธอเป็นอะไรไป

        ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนลู่เป๋าเหยียนเริ่มทนไม่ไหว

        “หานรั่วซีพูดอะไรกับเธอ”

        “ไม่มีอะไร” ซูเจี่ยนอันยกมือเท้าคาง

        “นอกจากเรื่องที่เธอรู้ว่าพวกเราจะหย่ากันในอีกสองปี เธอจะเอาอะไรมาขู่ฉันได้อีก”

        ลู่เป๋าเหยียนลดความเร็วลง

        “เจี่ยนอัน…” เขาพูดก่อนจะหยุดอยู่แค่นั้น

        ซูเจี่ยนอันหันไปมองลู่เป๋าเหยียนอย่างสงสัย น้อยครั้งที่จะเห็นเขาดูลำบากใจขนาดนี้

        เธอยิ้มก่อนจะพูดแหย่ “นายอย่าบอกนะว่า อีกสองปีเราจะไม่ได้หย่ากัน”

        ตอนแต่งงานใหม่ๆ ลู่เป๋าเหยียนเอาคำว่าหย่ามาใช้เตือนสติและควบคุมใจตัวเอง

        แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่เขาเริ่มเกลียดคำคำนี้

        “ไม่แน่บางที อีกสองปีพวกเราอาจจะไม่ได้หย่ากัน”

        ซูเจี่ยนอันตาโต “ทำไมล่ะนายบอกเองนี่ว่าจะหย่าในอีกสองปี”

        สีหน้าแปลกใจของเธอง่ายต่อการเข้าใจผิด ราวกับว่า…เธอกำลังตั้งตารอคอยการหย่า จนไม่อาจยอมรับได้หากพวกเขาไม่หย่ากันภายในสองปีนี้

        เอี๊ยด!

        ลู่เป๋าเหยียนเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงเสียดสีของยางรถกับพื้นถนนดังขึ้นแสบหู นี่ถ้าไม่ได้รัดเข็มขัด ซูเจี่ยนอันคงหน้ากระแทกกับคอนโซลรถแน่ๆ

        เธอมองลู่เป๋าเหยียนอย่างงงๆ

        “อยู่ๆ หยุดรถทำไม”

        ลู่เป๋าเหยียนมองเธอสายตาเย็น

        “ซูเจี่ยนอัน เธออยากจะหย่าขนาดนั้นเลย?

        “…” ซูเจี่ยนอันยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ ลู่เป๋าเหยียนเรียกเธอเต็มยศอีกแล้ว แสดงว่าเขากำลังโมโหสินะ

        แต่ว่าทำไมเขาถึงกล่าวหาเธอแบบนั้นในเมื่อเขาเป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเองตอนวันแต่งงาน เธอก็ให้ความร่วมมือกับเขาแล้ว ยังจะโมโหอะไรอีก

        อีกอย่าง เธอเคยบอกเขาตอนไหนว่าเธออยากจะหย่า?

        “ลู่เป๋าเหยียน นายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ซูเจี่ยนอันถาม

        “เปล่า” ลู่เป๋าเหยียนตอบเสียงเย็น “วางใจเถอะ หากซูอี้เฉิงเทคโอเวอร์เครือซูได้ และซูหงเยวี่ยนหมดอำนาจเมื่อไร ฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอเอง”

        แค่ชั่วพริบตา ลู่เป๋าเหยียนก็กลับมาเป็นคนเดิมเหมือนตอนแต่งงานใหม่ๆ

        ลู่เป๋าเหยียนคนที่เย็นชา เย่อหยิ่ง และไร้หัวใจ

        เมื่อกี้ในห้องลองเสื้อ ซูเจี่ยนอันเผลอคิดว่าลู่เป๋าเหยียนคงรู้สึกดีกับเธออยู่บ้าง

        แต่การกระทำของเขาในตอนนี้ ทำให้เธอได้สติสักที ว่าแท้ที่จริงแล้วเธออยู่ในฐานะอะไรในใจเขา

        ซูเจี่ยนอันพยายามฝืนยิ้มก่อนจะตอบ

        “ขอบคุณ”

        แววตาของลู่เป๋าเหยียนเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม เขาเหยียบคันเร่งอีกครั้ง ก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

        ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยตลอดทางกลับบ้าน ต่างคนต่างแยกย้ายเขาห้องนอนของตัวเอง

        หลังปิดประตูห้องของตนเรียบร้อย ซูเจี่ยนอันก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ แต่เธอก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้

        จะร้องไห้ไปทำไมกัน ไม่มีเหตุผลอะไรให้ร้องสักหน่อย

        เมื่อนึกถึงคำพูดของหานรั่วซี เธอจึงเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะพิมพ์คำว่า ‘ลู่เป๋าเหยียน ซื้อเพชร’ ลงไปก่อนจะกดปุ่มเสิร์ช

        ในยุคดิจิตอลแบบนี้ การหาข่าวสารข้อมูลเป็นเรื่องง่าย ภาพของเพชรดังกล่าวและข่าวมากมายปรากฏขึ้นมาจนซูเจี่ยนอันรู้สึกลายตา

        ก่อนหน้าที่เธอกับลู่เป๋าเหยียนจะแต่งงานกัน มีการขุดพบเพชรชิ้นหนึ่งที่แอฟริกาใต้ โดยเพชรชิ้นนี้น้ำงามยิ่งกว่าเพชรครูรีนานเสียอีก ถึงขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ก็ไม่เหมือนเพชรครูรีแนนที่มีขนาดใหญ่จนไม่มีใครกล้าซื้อ

        ในงานประมูล ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจิวเวลรี่ หรือนักสะสมทั้งหลายก็ต่างพากันแย่งประมูลเพชรชิ้นนี้กันอย่างดุเดือด ทว่าสุดท้ายลู่เป๋าเหยียนก็เป็นคนได้มันไป

        เครือลู่ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรพลอย ลู่เป๋าเหยียนก็ไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องพวกนี้ พวกนักข่าวพากันสงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องประมูลเพชรดังกล่าว แต่เขาก็ไม่ได้เปิดเผยถึงเหตุผลใดๆ

        แต่มันก็คงไม่ยากเกินไปที่พวกสื่อจะช่วยกันหาคำตอบ

        ลู่เป๋าเหยียนไม่ชอบเพชรพลอยก็จริง ทว่าหานรั่วซีชอบนี่นา!

        หานรั่วซีเคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอชอบสะสมอัญมณีมาก ที่บ้านเธอเองก็มีอัญมณีเครื่องประดับมากมายเก็บสะสมเอาไว้ ไม่ว่าเธอจะงานยุ่งขนาดไหน แต่การดูแลรักษาทั้งหมดเธอจะเป็นคนทำด้วยตัวเอง เพราะไม่ไว้ใจคนอื่น

        ดังนั้นทุกคนเลยคิดว่า ที่ลู่เป๋าเหยียนประมูลเพชรน้ำงามชิ้นนั้นมา คงเพราะต้องการให้มันกับหานรั่วซี ถึงแม้ทั้งลู่เป๋าเหยียนและหานรั่วซีจะไม่ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนก็ตาม

        ซูเจี่ยนอันปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความสับสน เธอไม่สามารถควบคุมสภาพจิตใจอันปั่นป่วนของตนในตอนนี้ได้อีกต่อไป จึงหยิบเสื้อคลุมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปนอนปิดตาแช่น้ำอุ่นๆ ให้จิตใจสงบลงสักหน่อย

        ทำไมต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ในตอนที่เธอตัดสินใจแล้วว่า จะพยายามเอาชนะใจลู่เป๋าเหยียน

        นี่มันเรื่องบังเอิญ หรือว่าโชคชะตากำลังจะบอกเธอว่า อย่าเสียเวลาเปล่ากับเรื่องนี้อีกเลยกันแน่นะ…

************************

1 เพชรครูรีนาน (Cullinan) คือเพชรที่ยังไม่เจียระไนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถูกค้นพบโดย Frederick Wells ที่ เหมืองครูรินาน (Cullinan Mine) เมือง Gauteng ประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) เมื่อวันที่ 26 มกราคม 1905 มีน้ำหนัก 3,106.75 กะรัต (621.35 กรัม) โดยครูรินานเม็ดนี้สามารถตัดแบ่งเป็นเพชรเม็ดใหญ่ 9 เม็ด และเพชรเม็ดเล็กๆ อีกหลายเม็ด

อ้างอิงจาก http://wowboom.blogspot.com/2009/03/biggestdiamond.html

Author สายลมสงบ