แค่จินตนาการภาพตอนที่เขาเสยผมไปข้างหลัง ซูเจี่ยนอันก็อดตื่นเต้นอยากเห็นเร็วๆ ไม่ได้
เธอรีบคว้าหวีไม้ ก่อนจะเก๊กท่าราวกับช่างทำผมมืออาชีพพลางหวีผมเขาไปมา ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วนิดๆ เพราะเริ่มมึนหัว ซูเจี่ยนอันจึงกดไหล่เขาเอาไว้ก่อนเอ่ย
“อย่าขยับ ผมนายยุ่งไปนิดหนึ่ง”
ลู่เป๋าเหยียนเป็นคนค่อนข้างใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ภายนอก เขาจึงนั่งนิ่งๆ ตามคำบอก ซูเจี่ยนอันยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหวีผมเขาเสยไปด้านหลัง
“อยู่นิ่งๆ ล่ะเด็กดี” เธอโอ๋เขาอย่างกับเด็ก “อีกแป๊บก็เสร็จแล้ว”
เธอไม่กล้าใช้เจลแต่งผมจึงใช้แค่หวีกับไดร์เป่าผมแต่งทรงให้เขา ไม่นานก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ซูเจี่ยนอันมองเขาอย่างพิจารณา แต่แล้วก็ถึงกับถอนหายใจออกมา
ถ้าพูดกันตามจริง ผมทรงนี้ค่อนข้างหายากที่ใครทำแล้วดูดี ต้องคนที่มั่นใจหรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้นถึงจะเอาอยู่ หากไม่ได้สวมชุดทางการหรือเสื้อคลุมตัวยาวดูน่าเกรงขามแล้ว หายากที่ใครจะเข้ากับผมทรงนี้ได้
สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม ทำไมถึงได้มีคนที่ไม่ว่าจะทำผมทรงอะไรก็ดูดีไปหมดแบบนี้เนี่ย
ซูเจี่ยนอันอยากจะทำให้เขาดูน่าเกลียดขึ้นสักหน่อย แต่พอทำเสร็จปุ๊บ เขาก็แย้มยิ้มมุมปากน้อยๆ ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลสุดๆไปเลย
…จนเธอเผลอใจเต้นไปกับรอยยิ้มนั้นไม่ได้
หลังนิ่งอึ้งไปนาน ซูเจี่ยนอันก็กระแอมเล็กน้อยก่อนพูดว่า
“แป๊บนะ เดี๋ยวฉันไปหยิบกระจกมาให้นาย”
เธอรีบวิ่งไปหยิบกระจกบานเล็ก ก่อนจะยิ้มและยื่นมันให้เขา
“นายลองดูสิ รู้จักคนในกระจกหรือเปล่า? เขาชื่ออะไร?”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตาลงแล้วจู่ๆ เขาก็ดึงมือเธออย่างแรง ยังไม่ทันได้ถามว่าเขาจะทำอะไร เธอก็ล้มลงมานอนบนเตียงเสียแล้ว
ทรงผมเมื่อครู่เริ่มคลายตัว เส้นผมสีดำสนิทของเขาจึงดูยุ่งเหยิง นัยน์ตาของเขาฉายแววอันตราย นั่นทำให้เขาดูหล่อคมคายแต่ก็ไม่น่าไว้ใจในเวลาเดียวกัน
เธอตกใจจนชักอยากจะร้องไห้
“ฮือๆ ฉันผิดไปแล้ว…”
เมื่อกี้เธอไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงแกล้งเขาไปแบบนั้น
ทว่าลู่เป๋าเหยียนยังไม่ยอมปล่อยเธอ แถมยังคร่อมทับเธอไว้
ซูเจี่ยนอันตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
“นะ…นายลุกเดี๋ยวนี้นะ! ทับคนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาทรู้ไหม!”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปาก ก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวลูบไล้เรียวปากเธอเบาๆ
“ทำไงดีล่ะ ตอนนี้ฉันอยากจะทำเรื่องเสียมารยาทมากกว่านี้อีก”
สมองของซูเจี่ยนอันขาวโพลน และวินาทีต่อมาเขาก็เข้ามาครอบครองริมฝีปากของเธอไว้
เขาไม่ได้จูบเธออย่างอ่อนโยน แต่ก็ไม่เร่าร้อนดุดัน ในครั้งนี้เขาจูบเธออย่างตั้งใจ ค่อยๆ ลิ้มรสเรียวปากเธออย่างละเอียดลออราวกับกำลังชิมอาหารเลิศรสที่ตัวเองเฝ้ารอมานาน
ซูเจี่ยนอันกะพริบตาปริบๆ จนขนตางอนยาวของเธอไปโดนใบหน้าของลู่เป๋าเหยียน เขาหยุดชะงักก่อนจะเลื่อนมาจูบเปลือกตาของเธอ ซูเจี่ยนอันหลับตาพริ้ม จนเขาหัวเยาะในลำคอเบาๆ อย่างพอใจ
“เด็กดี ต้องแบบนี้สิ หลับตาไว้นะ”
น้ำเสียงของเขาต้องมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รู้สึกมึนเมาไปกับเสียงของเขาแบบนี้
ซูเจี่ยนอันยกมือโอบรอบคอลู่เป๋าเหยียนอย่างลืมตัว และเปิดริมฝีปากเพื่อรับสัมผัสของเขา
ลู่เป๋าเหยียนประคองใบหน้าของเธอก่อนจะรุกล้ำเข้าไปหาความหวานอย่างเชี่ยวชาญ สักพักเขาก็เริ่มไล่จูบร้อนลงไปตามลำคอระหงและแนวหัวไหล่ของซูเจี่ยนอัน
ซูเจี่ยนอันเริ่มได้สติพลางหอบหายใจ
เอ่อ ตอนแรกเป็นเธอที่จะแกล้งเขาไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นเธอที่กำลังโดนเขาเอาเปรียบอยู่ซะงั้น
จู่ๆ เสียงรูดซิปก็ดังขึ้น
ลู่เป๋าเหยียนค่อยๆ รูดซิปชุดราตรีของเธอ
ซูเจี่ยนอันตกใจและรีบคว้ามือของลู่เป๋าเหยียนไว้
“ละ ลู่เป๋าเหยียน ฉะ ฉันอยากไปอาบน้ำ”
ตอนนี้เธอจะปฏิเสธเขาตรงๆ ไม่ได้ เขากำลังเมาแบบนี้อาจจะบังคับเธอหรือปล่อยเธอก็ไม่แน่
เพราะฉะนั้นการหาข้ออ้างคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ลู่เป๋าเหยียนมองเธออย่างแคลงใจ หัวใจของซูเจี่ยนอันเต้นระรัว แต่โชคดีที่ลู่เป๋าเหยียนยอมลุกขึ้น
“รีบไป”
ซูเจี่ยนอันรูดซิปชุดราตรีของตนก่อนจะรีบเดินออกไป แต่ไม่ทันไรก็ถูกเขาเรียกเอาไว้
“เจี่ยนอัน” เขาชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำ “ห้องน้ำอยู่ทางนู้น เธอจะไปไหน”
“ฉัน…” ซูเจี่ยนอันขบเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะหันกลับมา เธอกำลังคิดจะกลับไปที่ห้องตัวเองน่ะสิ!
“เธอจะหนี?” ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตามองอย่างน่ากลัว
ท่าจะไม่ดีซะแล้ว ซูเจี่ยนอันรีบส่ายหน้า
“เปล่า ฉัน…ฉันก็แค่เดินผิดทางน่ะ”
เธอฝืนยิ้มก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ทว่าลู่เป๋าเหยียนกลับเรียกเธอไว้อีกครั้ง
“ชุดนอนเธอล่ะ?”
เธอรีบวิ่งไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อหยิบชุดนอนออกมา เมื่อลู่เป๋าเหยียนเห็นชุดนอนสุดแสนเรียบร้อยของเธอ เขาก็หยิบมันโยนลงถังขยะทันที ซูเจี่ยนอันช็อกตาค้าง
“ลู่เป๋าเหยียน นายทำอะไรเนี่ย! นายโยนชุดนอนฉันทิ้งไปแบบนั้น แล้วฉันจะใส่อะไรล่ะ?”
ลู่เป๋าเหยียนลูบแก้มเธอเบาๆ ก่อนตอบ
“งั้นก็ไม่ต้องใส่”
“ตาบ้า!” ซูเจี่ยนอันโวยหน้าแดงก่ำ
ดีที่ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้คิดจริงจังอย่างที่พูด เขาจูงมือเธอเข้าห้องแต่งตัวไปอีกครั้ง ก่อนจะมองไปยังตู้เสื้อผ้าอีกฝั่งที่แทบไม่มีเสื้อผ้าแขวนอยู่
“ทำไมชุดของเธอน้อยจัง”
ซูเจี่ยนอันมั่นใจทันทีว่าเขาคงลืมไปว่าเธอกับเขาแยกห้องนอนกัน ว่าแล้วจึงแกล้งกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ
“ก็เพราะนายไม่ยอมซื้อให้ฉันน่ะสิ!”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อว่าตนจะเป็นคนขี้เหนียวแบบนั้น เขาจึงหยิบเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกมาให้ซูเจี่ยนอัน
“อย่าโกรธเลยนะ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เดี๋ยวฉันพาเธอไปซื้อเสื้อผ้ามาใส่ให้เต็มตู้ไปเลย ต่อไปนี้ถ้าเสื้อผ้าแบรนด์ที่เธอชอบออกชุดใหม่ ฉันจะให้พวกเขาเอามาให้เธอลองที่บ้านเลยดีไหม?”
เอ๋? เขาหลอกง่ายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ซูเจี่ยนอันนึกอยากจะแกล้งหลอกเขาอีกสักเรื่อง แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับลากเธอออกมาก่อนเร่ง
“รีบไปอาบน้ำ ฉันรอเธอ”
สามคำสุดท้ายของเขาทำเอาซูเจี่ยนอันนิ่งอึ้ง เธอกลืนน้ำลายลงคอก่อนเอ่ย
“ฉันเป็นคนอาบน้ำนาน นายจะนอนก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรอ”
ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงออกและก้าวลงไปแช่ตัวในอ่างพลางถอนหายใจ
คืนนี้คนที่เธอต้องรับมือด้วยทำไมมีเยอะจัง รวมๆ กันแล้วเยอะกว่าจำนวนคนที่เธอเจอมาทั้งชีวิตอีกมั้งเนี่ย แถมลู่เป๋าเหยียนยังมาเมาจนทำตัวเป็นเด็กๆ แบบนี้อีก…
แต่จะว่าไป เขาเป็นแบบนี้น่ารักกว่าปกติเยอะเลย ไม่เหมือนทุกทีที่เอาแต่ดุเธอ ข่มขู่เธอ
ซูเจี่ยนอันแช่น้ำอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ลู่เป๋าเหยียนก็คงหลับไปแล้ว เธอสวมเสื้อเชิ้ตของเขาก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำอย่างเงียบเชียบ แล้วก็เห็นลู่เป๋าเหยียนนอนนิ่งอยู่บนเตียงตามคาด ดูท่าเขาคงหลับไปแล้ว
เธอค่อยๆ ย่างก้าวอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง และค่อยๆ ย่องไปยังหน้าประตู
ทว่าขณะที่เธอเพิ่งได้สัมผัสลูกบิดประตูสู่การเป็นอิสระ ทันใดนั้น…
“เธอจะไปไหน”
เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอรีบหน้าไปมอง ไม่รู้ลู่เป๋าเหยียนตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นของเขากำลังจับจ้องเธออยู่จนเธออดหวั่นใจไม่ได้
“ฉัน…” หลังอ้ำอึ้งอยู่นานเธอก็หาข้ออ้างจนได้ “ฉันจะลงไปกินน้ำ”
คิ้วของลู่เป๋าเหยียนขมวดมุ่น
“ในห้องก็มี”
“อ้อ ฉันลืมไปได้ไงเนี่ย”
ซูเจี่ยนอันแกล้งทำเป็นหงุดหงิดตัวเองก่อนจะปล่อยมือออกจากลูกบิด เธอเดินไปรินน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่งก่อนจะถามเขา
“เอาด้วยไหม”
เขาไม่ตอบ เธอจึงวางแก้วลงก่อนเดินเข้าไปหา
“นอนกันเถอะ”
“เมื่อกี้เธอคิดจะหนีหรือเปล่า” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมา
ไม่ใช่แค่แผ่นหลังเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอเย็นวาบไปทั้งตัว เธอไม่แน่ใจว่าลู่เป๋าเหยียนเริ่มโมโหแล้วหรือไม่ จึงรีบเข้าไปกอดเขาไว้แน่น
“เปล่านะ พวกเราอยู่ที่บ้านแบบนี้ แล้วฉันจะหนีไปไหนได้ล่ะ”
หลังนิ่งเงียบไปสักพัก ลู่เป๋าเหยียนก็ยกมือกอดตอบ
“อย่าไปไหนนะ”
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” ซูเจี่ยนอันให้คำสัญญา
“ฉันรับรองว่าจะไม่หนีไปไหน พวกเรานอนกันเถอะดีไหม”
เธอดึงผ้าห่มก่อนจะเอนตัวลงนอน เมื่อลู่เป๋าเหยียนเห็นดังนั้นจึงรั้งตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอดทันที มีแต่การทำแบบนี้เท่านั้นเขาถึงจะสบายใจ
ซูเจี่ยนอันเองก็ไม่ได้ขัดขืน ถ้าลู่เป๋าเหยียนไม่คิดจะทำอะไรมากกว่านี้ก็โอเค เธอขยับตัวหาตำแหน่งที่นอนได้อย่างสบายในอ้อมกอดของเขา
“ฉันนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์”
ช่างเถอะ ไม่ว่าลู่เป๋าเหยียนจะเมาหรือจะอะไร ถ้าเขาอยากให้เธออยู่ที่นี่ เธอก็จะอยู่
รอให้เขาสร่างเมา พวกเราค่อยกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็แล้วกัน
หลังจากนั้นแค่ไม่กี่นาทีซูเจี่ยนอันก็หลับไป เธอไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหนแล้ว ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของคนข้างกาย
“พ่อ…พ่อครับ…”
ขณะกำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น ซูเจี่ยนอันได้ยินเสียงงึมงำของลู่เป๋าเหยียนดังขึ้น เธอจึงลืมตาตื่นทันที แล้วก็พบว่าลู่เป๋าเหยียนกำลังกอดเธอแน่นจนเธอแทบหายใจไม่ออก
แสงไฟสีเหลืองนวลในห้อง ทำให้เธอมองเห็นหยดเหงื่อที่ซึมออกมาเต็มหน้าผากของลู่เป๋าเหยียน
เขา…กำลังฝันร้าย?
“ลู่เป๋าเหยียน” ซูเจี่ยนอันเช็ดเหงื่อให้เขาก่อนส่งเสียงเรียก
“ลู่เป๋าเหยียน ตื่นสิ”
คนที่กำลังหลับฝันยังคงขมวดคิ้วยุ่งไม่มีทีท่าที่จะตื่นแม้แต่น้อย ซูเจี่ยนอันจึงทำได้แต่กอดเขาไว้
“ลู่เป๋าเหยียน นายฝันเห็นอะไรกันนะ”
ถ้าเธอฟังไม่ผิด เมื่อกี้เขากำลังเรียกหาพ่อ
สิบกว่าปีก่อน พ่อของเขาเป็นทนายความชื่อดังที่เก่งที่สุดของวงการนักกฎหมาย แต่แล้วตอนที่ลู่เป๋าเหยียนอายุได้สิบหกปี พ่อของเขาก็เกิดอุบัติเหตุรถยนต์จนเสียชีวิตคาที่
ซูเจี่ยนอันรู้เพียงเท่านี้ตามคำเล่าของแม่ ตอนนั้นแม่ยังบอกเธออีกว่า พ่อของพี่ชายคนนั้นเพิ่งเสียไป ให้เธอช่วยไปปลอบใจเขา
แต่ทำไมหลังจากที่พ่อของเขาเสีย เขากับแม่ถึงต้องมาอยู่ที่บ้านเก่าของยายเธอ?
เพราะอะไรพวกเขาถึงต้องรีบออกนอกประเทศแบบนั้นนะ?
ตอนนั้นเธอยังเด็กจึงไม่ทันสงสัย พอตอนนี้มาย้อนคิดดู เรื่องราวทั้งหมดดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผล
แต่ถ้ามันทำให้ลู่เป๋าเหยียนถึงกับนอนฝันร้ายแบบนี้ เรื่องในตอนนั้นคงส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขามากแน่ๆ
เธอกอดเขาเอาไว้แน่น “ลู่เป๋าเหยียน ทุกอย่างผ่านไปแล้ว เรื่องทั้งหมดผ่านไปนานหลายปีแล้ว”
ลู่เป๋าเหยียนยังคงไม่ตื่นก็จริง แต่เขาเริ่มคลายอ้อมกอดที่รัดตัวเธอ ไม่ได้นิ่งเกร็งเหมือนเมื่อครู่ราวกับได้ยินเสียงซูเจี่ยนอันอย่างไรอย่างนั้น ซูเจี่ยนอันยังคงกอดเขาเอาไว้แน่นพลางมองสำรวจใบหน้าของเขา
ใบหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ในทุกการกระทำของลู่เป๋าเหยียนนั้น เธอคิดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจแข็งแกร่ง เธอไม่เคยคิดสงสัยเลยว่าสาเหตุอะไรกันที่ทำให้เขากลายเป็นคนแบบนี้
ที่จริงประสบการณ์ของพวกเธอค่อนข้างคล้ายกัน ต่างคนต่างก็สูญเสียคนสำคัญของตัวเองไปในช่วงอายุสิบห้าถึงสิบหกปี
เธอรู้จักความเจ็บปวดเหล่านั้นดี แต่เธอไม่ได้กลายเป็นคนเย็นชาแบบเขา เขากลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ทุกคนต่างเคารพและหวั่นเกรง ส่วนเธอเป็นแค่แพทย์นิติเวชธรรมดาๆ คนหนึ่ง
นั่นอาจเป็นไปได้ว่า สิ่งที่ลู่เป๋าเหยียนเคยพบเจอมันหนักหนากว่าเธอหลายเท่า เขาจึงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำอีกครั้ง
ซูเจี่ยนอันลูบใบหน้าของเขาที่ไม่มีเหงื่อซึมออกมาอีกแล้วอย่างแผ่วเบา ยามที่เธอฝันร้าย เธอก็มักจะขดตัวอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาอย่างสบายใจ
เพราะฉะนั้นวันนี้คงถึงตาเธอบ้างแล้วสินะ นานๆ ทีพวกเธอสลับบทบาทกันบ้างก็ดีเหมือนกัน