มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 บทที่ 118 ลั่วเสี่ยวซีอยู่ในอันตราย

        ซูอี้เฉิงตั้งใจมาเอาของที่เขาฝากซูเจี่ยนอันซื้อ เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ ซูเจี่ยนอันจึงพาเขาขึ้นไปที่ชั้นบน

        “พวกน้องแยกห้องนอนกัน?” ซูอี้เฉิงถาม

        “ค่ะ” ซูเจี่ยนอันเคยบอกกับซูอี้เฉิงเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ยังอดหน้าแดงไม่ได้

        ซูอี้เฉิงยิ้มบาง เขานึกว่าลู่เป๋าเหยียนจะคืบหน้าไปได้มากกว่านี้ ที่ไหนได้ยังย่ำอยู่ที่เดิม

        “วันไหนย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันแล้วไม่ต้องมาบอกพี่นะ” เขาเน้นย้ำ “ตอนนี้พี่ก็ยังปวดใจไม่หายทุกครั้งที่คิดว่าน้องแต่งงานไปแล้ว”

        เขากับลู่เป๋าเหยียนอายุเท่ากัน พวกเขาโตกว่าซูเจี่ยนอันหกปี เขายังคงจำคำที่แม่พูดไว้ได้ แม่บอกเขาว่าอีกไม่นานเขาจะมีน้องชายหรือไม่ก็น้องสาวแล้ว

        แน่นอนว่าช่วงแรกๆ เขาไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร เขาครอบครองความรักของแม่คนเดียวมาโดยตลอด แน่นอนว่าคงไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักนั้นจากเขาไป

        ตอนนั้นเขาไม่อยากให้ซูเจี่ยนอันเกิดมาด้วยซ้ำ

        แต่แล้วเธอก็เกิดมาพร้อมกับเสียงร้องไห้จ้าแสบหู ดวงตาของเธอเหมือนกับแม่ไม่มีผิด แถมยังดูสวยงามใสบริสุทธิ์กว่าด้วยซ้ำ เธออมกำปั้นของตัวเองขณะมองเขา ทำหน้าเหมือนกำลังยิ้ม

        ภาพนั้นทำให้ใจเขาอ่อนยวบ ตอนนั้นเองเขาจึงเริ่มรู้ตัวว่าตนมีหน้าที่ต้องดูแลน้องในฐานะพี่ชาย และเธอก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เจี่ยนอันยิ่งโตก็ยิ่งสวย เวลาเพื่อนของเขามาที่บ้านชวนกันเตะบอลไม่ก็ว่ายน้ำด้วยกันทีไร ผลสุดท้ายพวกเขากลับเข้าไปรายล้อมเจี่ยนอันกันทุกคน บางคนถึงกับเอ่ยปากเรียกเขาว่าพี่ชาย พลางบอกว่าอยากจะเป็นน้องเขยของเขา เขาเลยรีบกำหมัดวิ่งไล่เพื่อนพวกนั้นกลับบ้านไปแทบไม่ทัน

        ตอนนั้นเขาอายุแค่สิบห้าปี ส่วนซูเจี่ยนอันเพิ่งจะเก้าขวบ เด็กสาวมีใบหน้างดงามราวนางฟ้า เธอมักจะเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน เขาตัดสินใจแล้วว่า ชีวิตนี้เขาจะดูแลปกป้องเจี่ยนอันให้ดีที่สุด และมีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่จะทำหน้าที่นี้ได้

        ส่วนพวกที่จะมาเป็นน้องเขยเขาน่ะเหรอ น้องสาวที่เขารักดั่งไข่ในหินคนนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่เหมาะสมกับเธอทั้งนั้น

        หลังจากผ่านพ้นวันเวลาอันโศกเศร้าของการสูญเสียแม่อันเป็นที่รัก เขาก็พบว่าน้องสาวที่เขาคอยปกป้องมาโดยตลอดไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่เคยคิด เธอนั่งเฝ้าอยู่ที่หลุมศพของแม่ข้ามวันข้ามคืน และใช้วิธีนี้บอกตัวเองว่าแม่ได้จากเธอไปแล้วจริงๆ เธอโตขึ้นมากหลังจากผ่านพ้นค่ำคืนนั้นไปได้

        ตอนนั้นเขากำลังเรียนอยู่ที่อเมริกา ยังไม่มีความสามารถมากพอจะพาน้องสาวตัวเองไปอยู่ด้วยกัน หลายครั้งที่เขาคิดอยากจะลาออก เพราะเป็นห่วงว่าเจี่ยนอันจะถูกสองแม่ลูกคู่นั้นรังแกตอนอยู่บ้าน เขากลัวว่าเจี่ยนอันจะดูแลตัวเองไม่ดีพอ กังวลว่าจะมีใครฉวยโอกาสนี้เข้ามาทำอะไรน้องสาวสุดที่รักของเขา

        แต่เด็กสาววัยสิบห้าปีอย่างซูเจี่ยนอันกลับบอกกับเขาว่า

        “พี่กลับไปเถอะ หนูรับปากว่าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกหนูได้ หนูจะใช้ชีวิตให้เหมือนตอนที่พี่กับแม่ยังอยู่เคียงข้าง”

        แววตาในตอนนั้นของเจี่ยนอันเต็มไปด้วยความเข้มแข็งแน่วแน่เกินวัย

        เขาสงสัยมาโดยตลอดว่า อะไรกันที่ทำให้น้องสาวของเขายืนหยัดอดทนมาได้ถึงทุกวันนี้

        หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็รู้ความลับของเจี่ยนอันจนได้

        น้องสาวของเขาชอบลู่เป๋าเหยียน

        เธอไม่ค่อยอ่านข่าวหรือนิตยสารสักเท่าไร แต่ถ้าวันใดสื่อพวกนั้นปรากฏชื่อของลู่เป๋าเหยียนแล้วล่ะก็ เธอมักจะหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่เขาแกล้งเอ่ยถึงลู่เป๋าเหยียน นัยน์ตาของเจี่ยนอันมักจะเปล่งประกาย ก่อนจะเลียบๆเคียงๆถามเขาถึงข่าวคราวของลู่เป๋าเหยียนด้วยสีหน้าท่าทางที่แนบเนียน

        ตอนนั้นเองเขาถึงรู้ว่าน้องสาวตัวน้อยของเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอสามารถถือมีดผ่าตัดเผชิญหน้ากับศพเย็นๆ ได้ แถมยังมีคนที่ชอบแล้วอีกด้วย ในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใจว่า ตนคงไม่สามารถเหนี่ยวรั้งน้องสาวเอาไว้ข้างกายไปได้ตลอด คงมีสักวันที่น้องสาวคนนี้จะต้องอยู่ในอ้อมกอดของชายคนอื่น

        แต่ยังโชคดีที่คนคนนั้นคือลู่เป๋าเหยียน

        ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่ลู่เป๋าเหยียนและเจี่ยนอันจะมีใคร เขากับถังอวี้หลันจึงวางแผนให้พวกเขาแต่งงานกัน

        ส่วนเรื่องความรู้สึกของทั้งสองคน เขามั่นใจว่าสักวันระหว่างซูเจี่ยนอันกับลู่เป๋าเหยียนจะก่อเกิดสิ่งที่เรียกว่าความรักได้

        ซูเจี่ยนอันจัดการเอาของใช้ของซูอี้เฉิงแยกเป็นสองถุง

        ปวดใจอะไรกัน หนูไม่ได้แต่งงานไปไหนไกลสักหน่อย พี่คิดถึงหนูเมื่อไรก็มาหาได้เสมอนี่คะ”

        “น้องไม่เข้าใจ พี่เห็นน้องตั้งแต่เกิด เฝ้ามองน้องค่อยๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่พี่ไม่เคยนึกเลยว่าน้องจะกลายเป็นสาวเต็มตัวพอที่จะแต่งงานได้แล้ว จู่ๆ น้องก็กลายเป็นของคนอื่นแบบนี้ เป็นคณนายลู่ของทุกคนไปซะแล้ว” ซูอี้เฉิงถอนหายใจ “พี่รู้สึกเหมือนลู่เป๋าเหยียนมาเฉือนเนื้อของพี่ไปไม่มีผิด พี่ไม่เคยถูกใครเอาเปรียบมาก่อนในโลกธุรกิจ แต่คราวนี้พี่ขาดทุนเต็มๆ”

        ซูเจี่ยนอันยิ้ม “อีกหน่อยจะเป็นยังไงก็ยังไม่แน่ บางที…”

        ซูอี้เฉิงรู้ดีว่าน้องสาวจะพูดอะไรจึงรีบขัด

        “เจี่ยนอัน อย่ามองโลกในแง่ร้ายตั้งแต่แรกสิ บางที…ถ้าน้องกล้ามากกว่านี้ พี่เชื่อว่าถ้าน้องเริ่มเข้าหาลู่เป๋าเหยียนก่อนบ้างจะต้องได้ผลแน่”

        ซูเจี่ยนอันโต้กลับพี่ชายสีหน้านิ่ง

        “พี่คะ ในโลกนี้มีพี่นี่แหละที่ต่อให้เข้าหาก่อนยังไงก็ไม่ได้ผล”

        ลั่วเสี่ยวซีเข้าหาพี่ชายเธอก่อนมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เห็นได้ผลตรงไหน

        ซูอี้เฉิงได้ยินดังนั้นจึงรีบจบหัวข้อสนทนานี้อย่างรวดเร็ว เขาเผลอไปเห็นกล่องเนกไทที่วางอยู่บนเตียงของน้องสาวจึงยื่นมือไปหยิบ

        “อันนี้ก็ของพี่งั้นเหรอ”

        เขายังไม่ทันมองเนกไทในกล่อง ซูเจี่ยนอันก็ดึงกลับไป

        “ไม่ใช่…มัน…”

        “ซื้อให้เป๋าเหยียนล่ะสิ” ซูอี้เฉิงหิ้วถุงขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจยาวและเดินลงไปที่ชั้นล่าง

        ซูเจี่ยนอันวิ่งตามไป “พี่จะกลับแล้วเหรอคะ”

        “ตอนที่พี่มา พี่เห็นพวกลุงสวีนั่งคุยกันอยู่ข้างนอก ดูแวบเดียวก็รู้ว่าพวกเขาไม่อยากเข้ามารบกวนน้องกับเป๋าเหยียน” ซูอี้เฉิงอธิบาย “พี่เองก็ไม่อยากกลายเป็น กขค”

        ซูเจี่ยนอันทำหน้าไม่ถูก “ยังเช้าอยู่เลย พี่กลับไปคงเบื่อแย่ ไปกินข้าวกับเสี่ยวซีก่อนดีไหม”

        พูดจบไม่ทันไรซูเจี่ยนอันก็แย้งความคิดของตัวเองทันที

        “แต่ว่าวันนี้เธอกำลังเทรนอยู่ เห็นว่ากว่าจะเลิกก็คงสี่ทุ่ม ดูท่าต่อให้เป็นพี่ก็คงนัดเธอได้ยาก”

        “วันนี้ไม่ใช่วันหยุดเหรอ” ซูอี้เฉิงถาม

        “ลู่เป๋าเหยียนบอกว่าจะให้เธอเข้าวงการเร็วกว่ากำหนด เสี่ยวซีเองก็รับข้อเสนอเลยต้องฝึกเข้มกว่าเดิม แม้แต่วันหยุดก็ไม่ได้พักค่ะ” ซูเจี่ยนอันตอบพลางสำรวจสีหน้าของคนเป็นพี่ ว่าพอจะหลุดแววตาเห็นอกเห็นใจออกมาบ้างหรือไม่

        แต่มันไม่มีสักนิด

        ซูอี้เฉิงขึ้นรถก่อนจะโยนถุงของใช้ไว้ตรงที่นั่งด้านหลัง

        “เธอเป็นคนเลือกเอง ไม่เกี่ยวกับพี่ พี่กลับก่อนนะ”

        ซูเจี่ยนอันโบกมือลาพี่ชายก่อนจะยืนส่งเขาจนลับสายตา

        รถปอร์เช่สีขาวเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านก่อนจะขึ้นทางด่วนไป

        ซูเจี่ยนอันพูดถูกแล้ว ตอนนี้ซูอี้เฉิงพบว่าตัวเองนอกจากจะเบื่อแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดีอีกด้วย

        ที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่มีที่ไป ที่ผับหลายแห่งคงมีเพื่อนเขาอยู่เหมือนกัน ในมือถือของเขาก็มีเบอร์สาวๆ มากมายที่จะนัดเดทเมื่อไรก็ได้

        แต่สุดท้าย เขาก็เลือกที่จะขับรถไปบริษัท

        สถานที่แห่งแสงสีแบบนั้นมีไว้สำหรับผลาญชีวิตตัวเองไปวันๆ เขาไม่อยากไปที่แบบนั้น ส่วนนัดเดทงั้นเหรอ…ตอนนี้เขายังไม่อยากนัดใคร

        ว่าแล้วเขาจึงปิดมือถือ ก่อนจะจอดรถไว้หน้าบริษัท

        เมื่อรปภ.เห็นเขาก็ทักอย่างแปลกใจ

        “สวีสดีครับผอ.ซู”

        เขาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวตรงไปยังห้องทำงาน

        ในวันหยุดแบบนี้ห้องของเลขาและออฟฟิศของผู้ช่วยมืดสนิท เขาเปิดประตูห้องทำงานของตัวเอง สิ่งที่ต้อนรับเขาอยู่คือห้องที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟจากวิวภายนอกในยามค่ำคืนเท่านั้น

        เขาตั้งใจไม่เปิดไฟ ก่อนจะอาศัยแสงสว่างจากตึกอาคารภายนอกเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน พลางจุดบุหรี่ในมืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะพ่นควันของมันให้ล่องลอยไปพร้อมกับภาพตรงหน้า จู่ๆ เขาก็นึกอิจฉาลู่เป๋าเหยียนขึ้นมา

        เดิมทีลู่เป๋าเหยียนก็เหมือนกับเขาไม่มีผิด วันๆ เอาแต่ทำงาน ชีวิตมีแค่บ้านกับที่ทำงาน บางครั้งอาจจะออกงานสังคมบ้าง ไปออกกำลังกายบ้าง ไม่เคยได้ใช้ชีวิตในวันหยุดจริงๆ จังๆ

        แต่เขาได้ยินมาว่า ตั้งแต่ลู่เป๋าเหยียนแต่งงานก็ทำโอทีน้อยลง วันหยุดก็ไม่ไปบริษัทอีก

        อย่างว่า ที่บ้านมีภรรยาแสนสวยรออยู่แบบนั้น ใครกันจะมานั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์กับเอกสารอยู่ที่ทำงานในวันหยุดกัน

        ซูอี้เฉิงดับบุหรี่ก่อนจะกดสวิตช์ไฟ แสงสว่างเข้าปกคลุมไปทั่วห้องในทันที เขาเปิดคอมพิวเตอร์และเอกสารตรงหน้า ก่อนจะเริ่มลงมือทำงานเหมือนทุกๆ วัน

        ตอนทำงานเวลามักจะผ่านไปไวเสมอ แค่ชั่วพริบตาก็สี่ทุ่มแล้ว

        เมื่อก่อนซูเจี่ยนอันมักจะดุเขาเรื่องสูบบุหรี่ แต่ช่วงนี้มักจะบ่นเขาเรื่องการพักผ่อน น้องสาวของเขาชอบกำชับไม่ให้เขานอนดึกเกินไป ทำให้เขาติดนิสัยนอนเร็วตื่นเร็วไปแล้ว นี่ก็ดึกแล้วเขาจึงปิดคอมเตรียมตัวกลับบ้าน

        ทว่าเขาขับรถไปขับรถมาดันผ่านมาหน้าประตู Lu Media ซะได้ ทั้งๆ ที่เขาสามารถตรงไปยังอพาร์ทเมนต์ของตัวเองได้แท้ๆ แล้วอ้อมมาที่นี่ทำไม?

        ขณะที่เขากำลังบ่นกับตัวเอง ทันใดนั้นก็เห็นเงาอันคุ้นเคยของใครบางคนกำลังเดินออกจากประตูของ Lu Media

        ลั่วเสี่ยวซี

        เธอสวมชุดกระโปรงสั้นสีฟ้าที่อวดเรียวขางาม ใบหน้าไม่ได้แต่งเติมใดๆ แต่ก็ยังดูสวยยั่วเย้าใจคนไม่มีเปลี่ยน

        วันนี้เธอไม่ได้ขับรถมา จึงโบกมือเรียกแท็กซี่และขึ้นไปนั่งบนนั้น

        ยัยนี่โง่หรือไงซูอี้เฉิงคิดอยากจะลงไปลากลั่วเสี่ยวซีให้ออกจากรถแท็กซี่ ดึกขนาดนี้แล้วยังจะกล้านั่งแท็กซี่ทั้งๆ ที่อยู่ในชุดแบบนั้นอีก

        เขาสตาร์ทรถในทันที ถ้าพูดกันตามจริงก็ไม่นับว่าเขาขับรถตามแท็กซี่ของลั่วเสี่ยวซี เพราะตอนนี้เธอพักอยู่ที่บ้าน ซึ่งเป็นทางเดียวกันหากเขาต้องการกลับไปที่บ้านในเขตชานเมือง

        หลังรถลงจากทางด่วน ถนนหนทางก็เริ่มแคบลง ซูอี้เฉิงขับรถตามหลังแท็กซี่คันนั้นอยู่ตลอด ถ้าขับต่อไปอีกสักห้านาที รถแท็กซี่ก็คงเลี้ยวไปอีกทาง

        แต่เขาไม่นึกเลยว่า รถแท็กซี่สีเขียวคันนั้นจะเลี้ยวเข้าไปในถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง

        ถนนเส้นนั้นคือทางขึ้นภูเขา อย่าว่าแต่คนเดินสัญจรไปมาเลย รถสักคันยังแทบไม่มี เพราะมันเป็นทางขึ้นภูเขาที่แสนแห้งแล้ง ลั่วเสี่ยวซีบ้าหรือเปล่า?

        ซูอี้เฉิงไม่คิดต่อให้มากความ เขาขับรถตามแท็กซี่ไปด้วยสายตาที่เริ่มเย็นเยียบขึ้นทุกทีๆ…

        ทั้งที่ความจริงลั่วเสี่ยวซีไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย

        วันนี้หกโมงเช้าเธอก็ถูกเทรนเนอร์โทรมาปลุก เขาบอกให้เธอไปที่บริษัทก่อนเจ็ดโมงครึ่ง เธอจึงรีบลุกขึ้นมากินข้าวเช้าก่อนจะบอกให้คนขับรถไปส่งเธอ เธอจะได้นอนพักระหว่างทางเพื่อเตรียมรับมือกับการฝึกหนักที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

        สองชั่วโมงกับการออกกำลังกาย ต่อด้วยฝึกเดินแบบอีกครั้งวัน ตามด้วยอบรมความรู้เรื่องเวทีต่างๆ กว่าจะเสร็จวิญญาณเธอก็เหมือนออกจากร่างไปแล้ว เธอเหนื่อยจนเหมือนจะลอยได้ หลังบอกที่อยู่กับคนขับแท็กซี่เรียบร้อย เธอก็ปิดตาลงและหลับไปในทันที

        เธอหลับสนิทโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า คนขับรถแท็กซี่กำลังลอบมองเธอผ่านกระจกหลัง สีหน้าและแววตาของเขาเต็มไปด้วยหื่นกระหาย

        เพราะฉะนั้นเธอยิ่งไม่มีทางรู้เลยว่าคนขับแท็กซี่กำลังขับรถพาเธอขึ้นเขา

        ที่เธอตื่นขึ้นมา เพราะร่างกายรู้สึกถึงสัมผัสแปลกๆ บางอย่าง

        มีอะไรบางอย่างกำลังสัมผัสใบหน้าของเธอ ตามมาด้วยลมหายใจอุ่นร้อนที่อยู่ตรงซอกคอ กลิ่นเหงื่อของใครบางคนลอยเข้าจมูก

        เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น สมองเหมือนโดนฟ้าผ่า เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าคนขับแท็กซี่ตัวอ้วนคนนี้คร่อมทับร่างของเธอตั้งแต่เมื่อไร ขณะนี้มือของเขากำลังรูดซิปกระโปรงของเธอ

        “กรี๊ด!”

        เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวดังขึ้นท่ามกลางความมืดบนทางขึ้นเขาอันไร้ผู้คน ซูเจี่ยนอันลองผลักชายตรงหน้า แต่เพราะเขาตัวหนักเกินไปทำอย่างไรก็ไม่ขยับสักนิด

        จบกัน วันนี้เธอตายแน่ๆ

Author สายลมสงบ