มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 ตอนที่ 49 รักษาโดยการลูบไปทั่วร่าง

          เมิ่งฝานเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ขณะที่วิ่งหนีอย่างสุดชีวิตก็ยังคงกอดสตรีชุดขาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

          หลังจากที่วิ่งมาได้นับพันเมตร เมิ่งฝานก็กระอักเลือดรู้สึกคล้ายดั่งว่าพลังในร่างกายมีไม่เพียงพอ นัยน์ตาของเขาวาวโรจน์เพราะบังเอิญพบถ้ำร้างแห่งหนึ่ง และรู้ดีว่านี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายในการรอดชีวิต

          จากสภาพถ้ำเมิ่งฝานก็รู้ได้ว่าก่อนหน้านี้นี่เป็นถ้ำของสัตว์อสูร แต่ในยามนี้มันกลับรกร้างและยังมีกลิ่นของมูลสัตว์คงค้างอยู่ภายใน ทว่าเมิ่งฝานก็หาได้มีเวลาไปสนใจสิ่งเหล่านั้นไม่ เพราะเวลานี้เขาเหมือนคนใกล้ตายเต็มทีแล้ว จึงพุ่งตัวเข้าไปจากนั้นนำสตรีผู้นั้นวางลงข้างกาย

          ในเวลาต่อมาเมิ่งฝานที่นั่งอยู่ภายในถ้ำก็ไอออกมาอย่างรุนแรง เลือดสีแดงสดทะลักออกมาพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าน

          การฝืนเผชิญหน้ากับอสรพิษทมิฬตัวยักษ์เมื่อครู่ได้ทำให้เมิ่งฝานเกือบเอาชีวิตไม่รอด แม้ว่าจะยังไม่ตายแต่เส้นแขนงปราณและกระดูกภายในร่างกายของเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หากไม่ใช่เพราะปณิธานที่ยังอยากมีชีวิตต่อไปเขาก็คงจะตายไปแล้ว

          และในยามนี้เมิ่งฝานก็ยังสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายที่เย็นยะเยือกกำลังกลืนกินเส้นแขนงปราณของตนเองอยู่ภายในร่างกาย เป็นกลิ่นอายแห่งพลังเดียวกับที่อสรพิษทมิฬตัวนั้นปล่อยออกมา เมิ่งฝานตระหนักได้ทันทีว่าตนเองจะต้องถูกพิษของมันเล่นงานแล้วเป็นแน่!

          เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างกายของเด็กหนุ่มก็สั่นเทาเพราะสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของตนเองที่เริ่มลดน้อยถอยลงไป อีกเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเขาก็คงจะกลายเป็นศพชั่วพริบตาต่อมาเด็กหนุ่มก็กัดฟันแน่นแล้วนำลูกปัดสีดำนั้นออกมา นิ้วทั้งห้ากอบกุมมันเอาไว้แน่นก่อนจะดูดซับพลังอันร้อนผ่าวอย่างบ้าคลั่ง

          พลังร้อนผ่าวพลันแล่นไปทั่วร่างของเมิ่งฝานเพื่อทำการฟื้นฟูซ่อมแซมเส้นแขนงปราณที่เสียหายเหล่านั้นในทันใด เมิ่งฝานรู้สึกราวกับว่าตนเองนั่งอยู่ท่ามกลางบ่อน้ำพุร้อนก็ไม่ปาน เมื่อเห็นว่าพลังจากลูกปัดนั้นสามารถสยบความเย็นในร่างกายได้ เขาจึงหลับตาลงไปพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าน

          มันได้ผลจริงๆ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับพิษร้ายของสัตว์อสูรในระดับห้าก็ยังมีประสิทธิภาพอันเลิศล้ำไม่ธรรมดา พลังร้อนผ่าวแล่นไปทั่วร่างกายของเมิ่งฝานเพื่อฟื้นฟูเส้นแขนงปราณที่เสียหายคล้ายดั่งเช่นที่ผ่านมา ส่วนไอเย็นที่อยู่ภายในร่างของเมิ่งฝานก็ค่อยๆ จางหายไป

          เมื่อเวลาผ่านพ้นไปสีหน้าของเมิ่งฝานก็กลับมาเหมือนดั่งที่เคยเป็น แม้ว่าจะยังคงมีรอยเลือดปรากฏ แต่ในร่างกายก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง เด็กหนุ่มสะกดความสงสัยที่มีต่อลูกปัดสีดำพร้อมทั้งกัดฟันแน่นแล้วปล่อยให้พลังของมันไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง กระทั่งไอความเย็นจากพิษร้ายนั้นจางหายไปเมิ่งฝานจึงลืมตาขึ้นมา

          เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ามืดลงเมิ่งฝานจึงรู้ว่าผ่านไปนานถึงสามชั่วยามแล้วเขาลอบถอนหายใจออกมาเสียงเบาเพราะรู้ดีว่าการฟื้นฟูพลังในครั้งนี้เป็นการช่วยให้เขารอดพ้นจากความตาย หากอาการบาดเจ็บรุนแรงยิ่งกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย หรือหากไร้ซึ่งลูกปัดสีดำคอยช่วยเหลือเขาก็คงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงยามนี้

          เมื่อคิดได้ดังนั้นเมิ่งฝานก็รู้สึกโกรธแค้นสตรีชุดขาวผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อเงยหน้าแล้วมองไปอย่างดุดันได้เพียงชั่วครู่เมิ่งฝานก็ไม่อาจโกรธแค้นนางได้อีกต่อไป

          ในจุดที่ไม่ไกลนัก สตรีชุดขาวนอนขดตัวอยู่ในมุมหนึ่งของถ้ำ เลือดสีแดงสดของนางไหลออกมาเปื้อนชุดที่สวมใส่ทั้งยังส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลายครา 

          เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้เกรงว่าต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขั้นหลอมปราณก็คงจะมีชีวิตได้อีกเพียงไม่นานเมิ่งฝานลูบปลายจมูกของตนเองก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังข้างกายของสตรีชุดขาว เขาคว้าเข้าที่ข้อมือของนางเอาไว้ก่อนจะสัมผัสผิวพรรณนุ่มลื่นของอีกฝ่าย

          ผิวพรรณเช่นนี้ คล้ายดั่งว่าหากถูกปัดเป่าก็พร้อมที่จะเกิดบาดแผลขึ้นในทันใด!

          นับเป็นสิ่งที่เลิศล้ำแห่งแดนมนุษย์เสียจริงในยามนี้ใบหน้าสวยสดงดงามที่อยู่ใต้ผ้าผืนบางนั้นปรากฏให้เห็นอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งมันก็สร้างแรงดึงดูดให้แก่เมิ่งฝานไม่น้อย เขานึกไม่ถึงเลยว่าตนเองจะต้องมาอยู่ในถ้ำกับสตรีงามสองต่อสองเช่นนี้ แต่สตรีลึกลับตรงหน้าเขาก็ช่างเลิศล้ำเสียจริง

          เมื่อคิดได้ดังนั้นโทสะในหัวใจของเมิ่งฝานก็เลือนหายไป เพราะถึงแม้ว่าสตรีตรงหน้าจะเกือบทำให้ตนเองต้องตาย แต่ในขณะนี้ทั้งสองก็อยู่ในสภาพที่น่าเวทนาไม่ต่างกัน

        “อย่าแตะต้องตัวข้า!

          แล้วในวินาทีต่อมานางก็พึมพำออกมาเสียงเบา นางอยากจะดึงข้อมือที่เมิ่งฝานจับเอาไว้กลับไปแต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เมิ่งฝาย่นคิ้วก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น ข้ากำลังจะช่วยเจ้า

          “ข้าไม่ต้องการ!

          นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น นัยน์ตาที่พยายามมองไปยังเมิ่งฝานแฝงไปด้วยความเย็นชา หากเจ้าคิดจะทำมิดีมิร้ายกับข้าละก็ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะลุกขึ้นไปสังหารเจ้าเสีย!

          เสียงนั้นจบลงไปพร้อมกับจิตสังหารที่เย็นชา แม้แต่บรรยากาศภายในถ้ำก็ยังเย็นยะเยือกลงไปตามเสียงของนาง แต่ในชั่วพริบตาต่อมาเมิ่งฝานยังไม่ทันได้เอ่ยตอบอันใด นางก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะสลบไปอีกครั้ง มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากแต่มันกลับเป็นเลือดสีดำ

          และนั่นก็ทำให้เมิ่งฝานรู้ว่าพิษได้แทรกซึมเข้าสู่อวัยวะของนางแล้ว!

          เมิ่งฝานลูบปลายจมูกของตนเองพร้อมทั้งขมวดคิ้ว แม้ว่าสตรีตรงหน้าจะมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรต่อตน แต่เมิ่งฝานก็จำต้องช่วยชีวิตนางเอาไว้เสียก่อน

          เมิ่งฝานกระตุกยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า ไม่ใช่เพราะข้าอยากช่วยเจ้า แต่เพราะหากไม่ช่วยเจ้าข้าก็จะออกไปจากที่นี่ไม่ได้!

          เพราะถึงอย่างไรแล้วนั้น แม้ว่าอสรพิษทมิฬตัวนั้นจะบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจจู่โจมเมิ่งฝานและสตรีลึกลับต่อไป ทว่ามันก็ยังคงมีชีวิตอยู่

          สัตว์อสูรยิ่งมีระดับพลังสูงเท่าใดก็ยิ่งแค้นฝังลึกเท่านั้น เมื่อใดที่มันรักษาตัวจนหายจะต้องออกตามกลิ่นมาจนเจอตนเองและสตรีลึกลับผู้นี้เป็นแน่ เมื่อนึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของอสรพิษทมิฬตัวนั้น เมิ่งฝานก็มั่นใจว่าตนเองไม่อาจลงจากเขาเยียนหลางแห่งนี้ไปได้อย่างง่ายดายแน่นอน

          ฉะนั้นเขาจำเป็นต้องช่วยชีวิตสตรีลึกลับผู้นี้ หากไม่มีนางเขาเองก็ไม่มีทางรอดเช่นกันเมิ่งฝานกัดฟันแน่นก่อนจะฉีกเสื้อผ้าท่อนบนของสตรีลึกลับออก เมื่อสิ้นเสียงดัง ‘แคว้ก’ ผ้าไหมบนตัวของนางก็หายไป เผยให้เห็นบาดแผลลึกจนเห็นกระดูกที่มีเลือดไหลออกมาบริเวณหัวไหล่ขาว                 

          ขณะเดียวกันผ้าผืนบางที่นางใช้ปิดบังใบหน้าก็ร่วงลงไปด้วย พลันใบหน้างามเช่นสตรีเมืองหลวงก็ทำให้เมิ่งฝานถึงกับชะงักงัน ทั้งคิ้วและนัยน์ตาของนางล้วนแต่ให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ทั้งสิ้น ใบหน้าของนางช่างเลิศล้ำงดงามปานเทพธิดาเช่นเดียวกับร่างกายที่น่าหลงใหล!

          นางดูราวกับเทพธิดาผู้ลงมาเยือนโลกมนุษย์ ยิ่งสวมใส่เพียงตู้โตว[1]และเผยให้เห็นเนื้อนวลของแผ่นหลังที่ขาวเนียนก็ยิ่งทำให้น่าหลงใหลยิ่งนักสตรีที่อยู่เบื้องหน้าเขาในยามนี้มีใบหน้าประหนึ่งเทพธิดา มีรูปร่างที่น่าหลงใหลราวกับปีศาจ แม้แต่เมิ่งฝานก็ยังอดไม่ได้ที่จะร้อนรุ่มไปทั้งร่างและเกิดความต้องการขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง

          ให้ตายสิ นี่มันใช่เวลาเสียที่ไหน!

          เขาสบถกับตนเองก่อนจะพยายามตั้งสติ ต่อมาจึงขยับฝ่ามือสัมผัสลงไปบนเรือนร่างของนางเบาๆ เมื่อมาถึงยามนี้เขาก็จำต้องลองเดิมพันกันสักครั้ง เมิ่งฝานรู้ดีว่าลูกปัดสีดำนั้นมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายตนเอง แต่เขาก็ไม่เคยใช้มันกับผู้อื่น

          ทว่าในยามนี้เขาไร้ซึ่งหนทางอื่นแล้ว เมิ่งฝานกอบกุมลูกปัดสีดำนั้นเอาไว้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ส่งพลังของลูกปัดเข้าไปยังร่างกายของหญิงสาว พลังร้อนผ่าวนั้นพลันแล่นตามฝ่ามือของเมิ่งฝานเข้าไปยังร่างกายของอีกฝ่าย เมื่อมันแผ่กระจายไปทั่วร่างก็ทำให้นางส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามันได้ผล

          เมื่อเห็นว่าได้ผลเมิ่งฝานก็เริ่มขยับฝ่ามือไปตามร่างกายของนางอย่างแผ่วเบา เพราะถึงอย่างไรสตรีผู้นี้ก็หาได้คล้ายดั่งเมิ่งฝานที่สามารถใช้พลังของลูกปัดได้ตามอำเภอใจ ฉะนั้นแล้วผู้ที่มีบาดแผลสาหัสยิ่งกว่าเมิ่งฝานก็จำต้องให้เขาช่วยเท่านั้น

          เมื่อฝ่ามือของเมิ่งฝานเคลื่อนไปตามร่างกายจุดที่ได้รับการรักษาก็เริ่มทำการฟื้นฟูตัวเอง แต่ในขณะที่ทำการรักษาเมิ่งฝานก็จำต้องสัมผัสเรือนร่างของนางอยู่บ่อยครั้งรวมถึงตำแหน่งที่ไม่ควรสัมผัสด้วย

          เมื่อมีสตรีผู้เลอโฉมผู้ตรงหน้าจะบอกว่าเมิ่งฝานไม่หวั่นไหวก็คงเป็นเพียงการโกหกเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นเมิ่งฝานก็รู้ดีว่าหากตนเองคิดนอกลู่นอกทางละก็ เมื่อใดที่นางหายดีสิ่งแรกที่จะทำก็คือจัดการเขาเสีย สุดท้ายเมิ่งฝานจึงทำได้เพียงตั้งใจรักษาอย่างจริงจังพร้อมทั้งต้องสะกดไฟร้อนในร่างกายไปด้วย และการกระทำเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายเอาเสียเลย!

          สุดท้ายเมื่อได้ลูบขึ้นมาในส่วนบนเมิ่งฝานก็จำต้องหลับตาลงและไม่สนใจความรู้สึกนุ่มนิ่มบนฝ่ามือ เพื่อส่งพลังร้อนผ่าวเข้าสู่ร่างกายของสตรีตรงหน้า เมื่อได้รับพลังจากเมิ่งฝานก็ทำให้ร่างกายของนางฟื้นตัว สีหน้าเริ่มดีขึ้นและมีสีเลือดปรากฏ ไม่ได้ซีดเผือดเช่นเดิม

          ขณะที่นางสะลึมสะลือไม่ได้สติ ก็พึมพำออกมาเสียงเบา ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ อวี่อินจะตั้งใจบำเพ็ญตนเป็นแน่!

          อวี่อิน!

          เมิ่งฝานย่นคิ้วมองสตรีลึกลับที่ยังคงไร้สติก่อนจะลูบปลายจมูกตนเอง ดูท่าเมื่อครู่นั้นก็คือนามของสตรีผู้นี้ ซึ่งนามว่าอวี่อินก็ฟังดูแล้วนุ่มนวลอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าฝีมือความสามารถของนางกลับเรียกได้ว่าจอมยุทธ์ชั้นสูงเลยทีเดียว

          เมิ่งฝานส่ายหน้าแล้วเคลื่อนพลังของลูกปัดสีดำต่อไป ผ่านไปหนึ่งชั่วยามการรักษาก็เสร็จสมบูรณ์ เมิ่งฝานถอนหายใจออกมาเสียงยาวและมีเหงื่อเปียกโชกไปทั้งร่าง

          รักษานางทำให้เขาเหนื่อยยิ่งกว่ารักษาตนเองเสียอีก!

          เมื่อเขารู้ว่าว่าสตรีลึกลับผู้นี้พ้นขีดอันตรายแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยามนี้นางก็ดูคล้ายจะเชื่อฟังมากกว่าเดิม ส่วนเขาก็นอนอยู่ในถ้ำอย่างเงียบงันเพื่อรอให้นางตื่น

          ทว่าสภาพของนางในยามนี้ช่างดูเย้ายวนอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะเขายำเกรงต่อความยิ่งใหญ่ของนางก็คงจะไม่อาจระงับความต้องการของตนเองได้อีกต่อไปเป็นแน่

          เมิ่งฝานส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นเดินไปยังปากถ้ำ เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง กว่าจะระงับความต้องการในหัวใจลงได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงทำความสะอาดสถานที่แห่งนี้อย่างดิบดีพร้อมทั้งสกัดกั้นกลิ่นอายของตนเองและสตรีลึกลับไม่ให้ลอยออกไปด้านนอก

          ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นของสัตว์อสูรว่องไวเป็นอย่างยิ่ง หากปล่อยให้มันรับรู้ร่องรอยหรือเบาะแสใดก็คงยากที่จะเอาชีวิตรอด เมิ่งฝานไม่กล้าประมาทหรือทำเป็นเรื่องล้อเล่นจึงนำก้อนหินขนาดใหญ่มาวางปิดปากถ้ำเอาไว้

          ต่อมาก็ก่อฟืนจุดไฟในจุดที่ไม่ไกลนักแล้วนำเนื้อสดในถุงสัมภาระออกมาสองสามชิ้น

          เนื้อสดดังกล่าวนั้นก็คือเนื้อของวานรอัคคีที่เมิ่งฝานเตรียมเอาไว้ โดยปกติแล้วเมื่อรู้สึกหิวเขาก็จะนำมันออกมาย่างไฟกิน นับว่าเป็นเนื้อที่มีรสชาติไม่เลวเลยก็ว่าได้

          ความมืดในยามราตรีปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้เขาเยียนหลางแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกวังเวง แม้เมิ่งฝานจะไม่รู้ว่าอสรพิษทมิฬตัวนั้นจะฟื้นตัวได้เมื่อใดแต่ก็ไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย 

          เมื่ออยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ก็ยังคงสามารถมองเห็นแสงจันทร์ได้บ้างเล็กน้อย แม้จะเลือนรางเป็นอย่างยิ่ง ครั้นย่างเนื้อเสร็จสรรพและสำรวจว่าปลอดภัยดีเมิ่งฝานจึงเดินเข้าไปในถ้ำ ทว่าเขาเพิ่งจะก้าวเข้าไปได้เพียงชั่วพริบตาก็สัมผัสได้ถึงสายลมเยือกเย็นที่พัดเข้าหาตนเอง

          ชั่วพริบตาต่อมาก็คล้ายกับว่าความเย็นยะเยือกนั้นเล็งเป้าหมายมาที่ตัวเขาอย่างแม่นยำ รูม่านตาของเมิ่งฝานหดเล็กลงอย่างรวดเร็วก่อนจะแสดงพลังออกไป ทว่าในชั่วพริบตาต่อมาฝ่ามือนุ่มทั้งงดงามดุจเนื้อหยกพลันคว้าเข้าที่ต้นคอของเมิ่งฝาน แล้วปล่อยพลังปราณออกมา เมิ่งฝานรู้สึกขนลุกและไม่กล้าขยับ

          ภายในความมืดนั้น ใบหน้าที่ทำให้เมิ่งฝานสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นและมองเมิ่งฝานอย่างเงียบงัน ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เยือกเย็น ก่อนเจ้าของใบหน้านั้นจะเอ่ยถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ เจ้าอยากตายหรือไม่

            …………………..

          [1ตู้โตว : มีลักษณะคล้ายผ้ากันเปื้อน ซึ่งผู้หญิงในสมัยก่อนมักใส่มันโดยมีข้อดีคล้ายกับเกาะอกในปัจจุบันแต่ปิดแค่เพียงด้านหน้าเท่านั้น

Author Glory Forever