มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 ตอนที่ 56 ตั้งตัวไม่ทัน

 

 

        มือที่ง้างดาบขึ้นสูงหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน ทันทีที่เห็นรูปโฉมของคนตรงหน้าอย่างเต็มตา เขาก็หน้าเสียไปในทันที

        เพราะเขาเพิ่งเห็นใบหน้านี้เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนเท่านั้น

        ท่านเทพนักรบ ท่านชูดาบเยี่ยงนี้ หมายความว่าอย่างไร? ข้าเคยล่วงเกินท่านรึ? ” คนตรงหน้ากล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ทั้งน้ำเสียงก็เรียบเฉย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดไปเองหรือไร แต่ตู้เหว่ยกลับรู้สึกราวคนตรงหน้าพูดไปพลาง พลางก็ประกายรอยยิ้มบางๆ ออกมาด้วย

        ในที่สุดตู้เหว่ยก็ได้สติกลับมาจากความตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นความละอายใจอันแสนมหาศาลก็ปะทุขึ้นมาแทนที่

        ม้าใต้หว่างขา เป็นสัตว์สายพันธุ์พิเศษที่มีชื่อเสียงของแผ่นดินต้าเว่ย ทั้งยังเป็นสิ่งที่เขาได้รับพระราชทานมาจากองค์จักรพรรดิหลังสร้างผลงานใหญ่ในสงครามสำเร็จ มันมีนามว่าปีกปักษา เป็นหนึ่งในม้าที่ดีที่สุดของแผ่นดินเลยทีเดียว เดิมเขาคิดว่าด้วยฝีเท้าอันแสนรวดเร็วของเจ้าม้าตัวนี้ เขาต้องนำหน้าฉู่ซีฟง และทิ้งช่วงห่างจากฉู่ซีฟงได้อย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อพบว่ามีคนยืนอยู่เบื้องหน้า เขาก็ตัดความเป็นไปได้เรื่องที่คนตรงหน้าออกไปทันที เขาจึงแสดงท่าทางน่าขัน ราวกับนกน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนายพรานเมื่อครู่ออกมานั่นเอง

        แน่นอน เรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่น่าอายเหลือเกิน ทั้งเรื่องที่ม้าของเขาถึงที่หมายช้ากว่าฉู่ซีฟงที่เดินเท้า และเรื่องท่าทีระแวดระวังเมื่อครู่ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่เขายังเกือบจะเหวี่ยงดาบใส่พวกเดียวกันอีก หากเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปถึงหูของเพื่อนทหารผู้ใดผู้หนึ่งเสีย พวกเขาต้องเอาเรื่องนี้มาพูดวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากไปอีกนานแน่ๆ

        ตู้เหว่ยเป็นคนรอบคอบ ระมัดระวัง แต่ก็กลัวเสียหน้ามากเช่นกัน

        ดังนั้น เขาจึงฝืนข่มใจให้สงบ แล้วหัวเราะแห้งๆ ออกมา แสร้งทำราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเลิกดูถูกความสามารถของคนตรงหน้าในที่สุด

        ตู้เหว่ยครองตำแหน่งเทพนักรบแห่งแผ่นดินต้าเว่ยมานานกว่าสิบปีแล้ว หากเขาเป็นคนหยิ่งผยอง เกรงว่าคงสิ้นชีพในดินแดนตะวันตกหรือสงครามใดสงครามหนึ่งในดินแดนทางเหนือไปเสียนานแล้ว ทว่าเขาไม่ได้ตาย เขายังมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นพายุหิมะของดินแดนทางเหนือ หรือทะเลทรายของดินแดนตะวันตก ก็มิอาจกลบฝังร่างของเขาลงได้ แม้แต่ในเมืองฉางอันที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลและกับดัก เขาก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบมาโดยตลอด ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่คนประมาท หรือวู่วามเหมือนที่รูปลักษณ์ภายนอกแสดงให้เห็น

        เรื่องการสืบคดีของเมืองหลานหลิงในครั้งนี้ หาใช่งานที่ดีไม่ ไม่ว่าใคร หากยังพอจะมีสมองอยู่บ้างต่างก็ต้องคิดได้อยู่แล้ว ว่าคนที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ใกล้ตัวองค์จักรพรรดิแห่งแผ่นดินต้าเว่ย ย่อมไม่ใช่คนที่จะสามารถต่อกรได้ง่ายๆ อยู่แล้ว การหายตัวไปของยอดนักปราบโจร โกซานหยุนกับโหวเยน้อยแห่งตระกูลกู่ เป็นเครื่องยืนยันในข้อนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

        แต่ต่อให้เขาจะรอบคอบ หรือระวังตัวมากขนาดไหน แต่อย่างไรเสีย เขาก็เป็นถึงเทพนักรบแห่งแผ่นดินต้าเว่ย ย่อมรู้สึกดูแคลนฉู่ซีฟง คนรุ่นหลังที่มีอายุน้อยกว่าตนถึงหนึ่งระดับอยู่เป็นแน่ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็มีสมองที่เฉลียวฉลาดมากเช่นกัน เพราะทันทีที่ได้ประจักษ์ในความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉู่ซีฟง เขาก็สลัดความดูแคลนในจิตใจทิ้งไปทันที

        เขาจัดให้ฉู่ซีฟงกลายเป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกันในที่สุด ตู้เหว่ยกระโดดลงมาจากหลังม้า ไม่ได้นั่งอยู่บนนั้น แล้วทอดมองลงมาราวกับผู้ที่อยู่เหนือกว่าอีกต่อไป แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้ว ว่าเขาไม่ได้ดูถูกฉู่ซีฟงเหมือนแต่ก่อน

        แน่นอน ระดับเดียวกันในที่นี้ หมายถึงท่าทีที่ทั้งสองมีต่อกันเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น หรือร่วมมือกันอย่างจริงใจ อาจกล่าวได้ว่า เพราะเหตุผลบางประการ ทั้งสองจึงไม่มีวันร่วมมือกันอย่างแน่นอน

        เพราะแท้จริงแล้ว การสืบคดีที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษในครั้งนี้ สามารถส่งผลไปถึงเรื่องราวที่สลับซับซ้อนได้นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นเรื่องประมุขของแผ่นดินต้าเว่ย และเรื่องอนาคตของเผ่ามนุษย์ในอีกร้อยปีข้างหน้า

        เมื่อหลายปีก่อน องค์จักรพรรดิแต่งตั้งให้องค์ชายใหญ่ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดิน ซึ่งนับเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการแต่งตั้งบุตรคนโตให้เป็นคนสืบทอดราชบัลลังก์ นับเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดมาช้านานแล้ว ทางด้านขุนนางทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือสามัญชนทั่วไป ทั้งเมืองน้อยใหญ่ภายในแผ่นดิน ไม่มีใครคัดค้านต่อเรื่องนี้เลยสักคน เพราะในสายตาของพวกเขา นี่นับเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

        แต่เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เมื่อองค์จักรพรรดิมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้พระองค์จะดูคล้ายเป็นเพียงชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเท่านั้น แต่คนที่พอจะมีความรู้ มีความเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง ย่อมดูออกอยู่แล้วว่ามหาจักรพรรดิแก่ชราลงทุกที แม้พระองค์จะพยายามปกปิดมากเท่าไหร่ แต่ชีพดาราที่หมองแสงลงทุกวัน ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่มิอาจเก็บซ่อนเอาไว้

        องค์จักรพรรดิแข็งแกร่งเกินไป ทั้งยังชราภาพมากเกินไปแล้ว พระองค์ทรงครองตำแหน่งจักรพรรดิมานานนับร้อยปีแล้ว และองค์ชายใหญ่ก็รอมานานเกือบห้าสิบปีแล้วเช่นกัน

        ห้าสิบปีที่ผ่านมา องค์ชายใหญ่ตรากตรำทำงานหนัก ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ และให้ความเคารพต่อทุกคนมาโดยตลอด ทำให้คนในใต้หล้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก องค์จักรพรรดิเองก็รู้สึกพึงพอใจในตัวบุตรชายไม่ต่างกัน แต่ในตอนนี้ ในที่สุดก็กำลังจะได้ครองตำแหน่งที่ใฝ่ฝันมานานแสนนานแล้ว ทว่านั่นกลับทำให้องค์รัชทายาทรู้สึกร้อนรน และทนรอไม่ไหวอีกต่อไป จึงเริ่มยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเรื่องทางการเมือง และเริ่มแสดงความคิดเห็นที่ค้านกับองค์จักรพรรดิออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเรื่องที่ทำให้องค์จักรพรรดิทนไม่ได้คือการที่องค์รัชทายาทสนิทสนมกับเสนาบดีซือหม่าสวี่มากจนเกินไปนั่นเอง

        องค์รัชทายาทสนิทสนมกับขุนนางชั้นสูงแห่งแผ่นดิน นี่นับเป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายความว่าอะไร มีหรือที่องค์จักรพรรดิจะปล่อยเอาไว้ ดังนั้น พระองค์จึงมีความคิดว่าจะปลดองค์ชายใหญ่ออกจากตำแหน่งรัชทายาท

        และเพราะความคิดนี้ขององค์จักรพรรดิ พวกคนที่ไม่สนิทสนมกับองค์รัชทายาทจึงเริ่มเลือกพรรคเลือกพวก เพื่อผลักดันคนที่จะทำให้ตนได้รับประโยชน์ได้เป็นใหญ่นั่นเอง หลังผ่านการวางแผน ใช้เล่ห์กล ใส่ร้ายป้ายสี และต่อสู้มานานหลายปี ในที่สุด ผู้เข้าชิงตำแหน่งก็เหลือเพียงสองมหาอำนาจเท่านั้น… องค์รัชทายาทและองค์ชายห้า

        และบังเอิญที่วันนี้ ฉู่ซีฟงกับตู้เหว่ย ล้วนถูกเสนอชื่อโดยมหาอำนาจทั้งสองฝ่าย จนได้สืบคดีนี้ด้วยกันทั้งคู่

        ซือหม่าสวี่ที่อยู่ฝ่ายรัชทายาทสนับสนุนตู้เหว่ย ส่วนองค์หญิงใหญ่ที่เป็นฝ่ายขององค์ชายห้าก็สนับสนุนฉู่ซีฟง

        แทนที่จะบอกว่าเป็นการสืบคดีฆ่าล้างเมือง สู้บอกว่าเป็นการเดินหมากแข่งขันระหว่างมหาอำนาจฝ่ายองค์รัชทายาทและองค์ชายห้ายังเสียดีกว่า

        องค์จักรพรรดิเหลือเวลาอีกเพียงไม่มากแล้ว และในช่วงเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ไม่ว่าอะไร ก็กลายเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิได้ทั้งนั้น

        ตู้เหว่ยไม่รู้ว่าฉู่ซีฟงรู้หรือไม่ ว่าเรื่องนี้สำคัญอย่างไรบ้าง แต่เพราะเขารู้เรื่องนี้ดี ดังนั้น ไม่ว่าฉู่ซีฟงจะแสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยมขนาดไหนออกมา พวกเขาก็ไม่อาจร่วมมือกันได้อยู่ดี

        ขณะที่ตู้เหว่ยกำลังคิดเรื่องพวกนี้ขึ้นในใจ บัดนี้ ทหารในชุดเกราะสามร้อยนายต่างก็เดินเข้ามาอยู่ในรัศมีสายตาของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทหารเหล่านั้นยังคงก้าวเดินอย่างใจเย็นไม่ต่างไปจากเดิม พวกเขามีลมหายใจที่เป็นจังหวะมั่นคง ก้าวไปพลาง พลางก็แกว่งมือไปด้วย นอกจากนี้ ดูเหมือนทุกคนจะหายใจพร้อมกัน เริ่มพร้อมกัน และจบพร้อมกันไปเสียทุกครั้ง แม้พวกเขาจะมีจำนวนกว่าหลายร้อยคน แต่ทั้งหมดกลับทำทุกอย่างพร้อมกัน ราวเป็นคนๆ เดียวกันไม่ผิดเพี้ยน

        ตู้เหว่ยประกายรอยยิ้มออกมาทางใบหน้า แม้ฉู่ซีฟงจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ตนมีกองกำลังพยัคฆ์แห่งแผ่นดินต้าเว่ยมาด้วยกว่าสามร้อยคน ทว่าฉู่ซีฟงกลับมีเพียงซูฉางอันที่เพิ่งจะมีพลังอยู่ในระดับหลอมจิตเท่านั้น แม้จะลือกันว่าเมื่อหลายเดือนก่อน เขาสามารถเอาชนะนักรบระดับเก้าดาราถึงเจ็ดคนได้ด้วยเพียงคนเดียวก็เถอะ แต่ตู้เหว่ยที่เคยผ่านโลกมามากย่อมไม่หลงเชื่อข่าวลือที่เกินจริงเช่นนี้อยู่แล้ว แม้คนที่นำข่าวนี้มาเล่าให้ฟังจะเป็นตู้หงฉาง ลูกชายแท้ๆ ของตนก็ตาม

        เพราะเท่าที่ตนเห็นในวันนี้ ซูฉางอันเพิ่งจะมีปราณดาราเพียงดวงเดียวเท่านั้น แม้นว่าข่าวลือก่อนหน้านี้เป็นความจริง เยี่ยงนั้นก็แสดงว่าครึ่งปีมานี้ จอมดาราแห่งงานหลอมดาวคนนี้ไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่พลังที่เขาใช้แสดงในงานหลอมดาว ล้วนเป็นพลังที่มั่วทิงอวี่ทิ้งเอาไว้ให้ทั้งนั้น เดิมที เขายังเกรงว่าซูฉางอันจะกลายเป็นคู่แข่งและอุปสรรคในเส้นทางแห่งพลังของลูกชายตน แต่มาตอนนี้ เมื่อได้พบเขาด้วยตัวเอง ตู้เหว่ยจึงปลดความกังวลทิ้งไปจนหมด เพราะใครๆ ก็รู้ ว่าคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจก้าวหน้า ต่อให้จะแข็งแกร่งถึงเพียงไร ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด

        ตู้เหว่ยมองไปที่ท้ายขบวนของกองกำลังพยัคฆ์อย่างจงใจ จากนั้นก็หันกลับมามองฉู่ซีฟง แล้วประกายความเสียดายออกมาทางใบหน้า “ดูเหมือนคุณชายซูจะหายไปนะ หรือเขาจะพลัดหลงระหว่างทาง”

        เขาไม่ใช่คนใจแคบอะไรขนาดนั้น และไม่ได้มีนิสัยชอบหยามคนอื่นเพื่อกู้หน้าตัวเองกลับมาด้วย

        แต่ประสบการณ์การนำทัพมานานกว่าสิบปีทำให้เขาเข้าใจเรื่องหนึ่ง… การโจมตีที่หัวใจ ได้ผลมากกว่าการใช้กำลังเป็นไหนๆ

        เมื่อครู่เขาเสียท่าให้ฉู่ซีฟงไป แม้นั่นจะไม่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บตามร่างกายก็จริง แต่ก็ทำให้ความฮึกเหิมของพวกเขาลดลงไปมิใช่น้อย ดังนั้น เขาจึงต้องการจะกู้หน้ากลับคืนมาด้วยการพูดหยามซูฉางอันนั่นเอง

        ครั้งนี้ เขามั่นใจเต็มร้อยเลยว่าซูฉางอันต้องตามไม่ทันแน่ๆ เขามองเห็นเต็มตาว่าซูฉางอันมีพลังอยู่ในระดับไหนกันแน่ ต่อให้จะมีปราณดาราของมั่วทิงอวี่ก็ตาม แต่ทหารในกองกำลังพยัคฆ์ล้วนมีพลังอยู่ในระดับอรุณรุ่งกันทุกคน ทั้งยังมีวิชาลับแห่งแผ่นดินต้าเว่ยอีก แม้ดูเหมือนพวกเขาก้าวเดินธรรมดาเท่านั้น ทว่าความจริงแล้ว พวกเขาเดินทางเร็วมากจริงๆ เรื่องการเดินทางของพวกเขานับว่ารวดเร็วไม่แพ้นักรบระดับไท่ยีเลยก็ว่าได้

        ดังนั้น เขาเชื่อว่าในครั้งนี้ เขาไม่มีวันแพ้แน่

        ทว่าบางครั้ง กับบางเรื่อง ความเปลี่ยนแปลงก็มักจะมีมากกว่าที่คิดเอาไว้เสมอ

        ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ ในที่สุดตู้เหว่ยก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ว่าอะไรคือการปรับตัวตามไม่ทัน…

        ชั่ววินาทีที่สิ้นประโยค ก็มีมือข้างหนึ่งชูออกมาจากขบวนทหาร

        จากนั้น จู่ๆ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในขบวนทหารที่เป็นระเบียบเรียบร้อยตรงหน้า ราวอะไรบางอย่างกำลังพยายามจะแทรกตัวออกมาจากขบวนอย่างไรอย่างนั้น ประมาณสิบอึดใจต่อมา ในที่สุดหัวของใครบางคนก็โผล่ออกมาจากช่องว่างระหว่างหัวหน้ากองสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน จากนั้นเจ้าของหัวก็แทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนผ่านช่องแคบๆ อย่างยากลำบาก เขาจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเพราะการเบียดผ่านขบวนเมื่อครู่ จากนั้นก็ยืดตัวตรง แล้วส่งยิ้มไปให้ตู้เหว่ยท่ามกลางสายตาประหลาดใจของอีกฝ่าย เขายิ้มยิงฟันขึ้น “ขอบคุณที่ใต้เท้าตู้อุตส่าห์เป็นห่วง ข้าน้อยไม่ทำให้ผิดหวัง ข้ามาถึงแล้วขอรับ”

 

 

 

Author Glory Forever