มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 ตอนที่ 57 แยกทาง

        

        อาจเป็นเพราะสีหน้าขณะพูดของซูฉางอันแลดูจริงจังมากเกินไป ตู้เหว่ยจึงหน้าเสียไปในทันที เขาโบกมือไปมาอย่างอารมณ์ไม่ดี จากนั้นก็ปิดปากเงียบ แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ก่อนจะพาขบวนทหารสามร้อยนายที่มาด้วยกันมุ่งหน้าไปที่เมืองหลานหลิงที่ตั้งอยู่บริเวณตีนดอยในที่สุด

        ซูฉางอันมองใบหน้าบูดบึ้งของตู้เหว่ยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมคนที่เพิ่งพูดเป็นห่วงเป็นใยเรื่องการเดินทางของตนเมื่อครู่นี้ถึงทำท่าทางราวไม่อยากสนใจตน ทั้งยังมีสีหน้าเปลี่ยนไปราวคนละคน ตั้งแต่มาที่เมืองฉางอัน เขาก็พบกับเรื่องที่ไม่เข้าใจ และเจอคนที่ดูไม่ออกมามากมายเหลือเกิน เหตุนี้ เขาจึงเคยชินกับการไม่สนใจที่จะวิเคราะห์เรื่องที่ตนไม่อาจเข้าใจได้ไปตั้งนานแล้ว แถมตอนนี้ก็ยังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องไปทำ

        “ไปกันเถอะฉู่ซีฟงเดินมาแตะบ่าซูฉางอัน จากนั้นก็เดินตามหลังกองกำลังพยัคฆ์ไปที่เมืองหลานหลิงอย่างใจเย็น

        ซูฉางอันขานรับ และเตรียมจะเดินตามไป แต่จู่ๆ ก็รับรู้ได้ว่าบางอย่างในตันเถียนของตนเกิดการเคลื่อนไหวขึ้น เขาตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง จึงชะงักฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน และในตอนที่เขากำลังจะวิเคราะห์และสัมผัสให้ละเอียดว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นเพราะเหตุอันใด เมื่อเขาตั้งสติได้อีกครั้ง ความรู้สึกเมื่อครู่ก็หายไปเสียแล้ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าความรู้สึกเมื่อครู่ เป็นเรื่องที่ตนคิดไปเองหรือไม่

        เขาเงยหน้ากลับมามองทางเบื้องหน้าอีกครั้ง ตอนนี้ฉู่ซีฟงกับตู้เหว่ยเดินนำไปไกลกว่าร้อยเมตรแล้ว ซูฉางอันส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดในหัวออกไป จากนั้นจึงวิ่งเหยาะๆ ตามฉู่ซีฟงไปอย่างรวดเร็ว

        ทันใดนั้น จู่ๆ ลมอันแสนพิสดารก็พัดผ่านตำแหน่งที่ซูฉางอันเคยยืนอยู่ไปอย่างกะทันหัน พลันเงาสีดำก็ค่อยๆ ปรากฏอยู่เหนือกองใบไม้แห้งในเวลาต่อมา

        ร่างนั้นอยู่ในชุดคลุมสีดำขนาดใหญ่ เผยให้เห็นเพียงดวงตาสีแดงเข้มที่ไม่มีลูกตาขาวเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะแยกเพศไม่ออกแล้ว ยังไม่เห็นใบหน้าของคนผู้นี้อีกด้วย ขณะจ้องไปยังกลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองหลานหลิง เงาดำก็กระเพื่อมขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกำลังหัวเราะอย่างไร้เสียงเช่นนั้น ในขณะเดียวกัน หมอกที่แต่เดิมค่อยๆ สลายไป ก็หนาทึบมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวในพริบตา

        ซูฉางอันที่เพิ่งเดินไปประชิดตัวฉู่ซีฟงราวจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาหันกลับไปมองเนินเขาด้านหลังด้วยความสงสัย เงาในชุดคลุมสีดำจึงสะดุ้งเฮือก ดวงตาสีแดงเบิกกว้าง ทันใดนั้น ลมอันแสนพิสดารก็พัดเข้ามาอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างนั้นก็หายวับไปเสียแล้ว

        ซูฉางอันมองเนินเขาที่ว่างเปล่าเบื้องหลัง ก่อนจะส่ายหัว แล้วตำหนิตัวเองที่หวาดระแวงมากจนเกินไปในใจ ลดความกระวนกระวายที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจลง แล้ววิ่งตามกลุ่มคน มุ่งหน้าไปที่เมืองหลานหลิงต่อทันที

        ประตูเมืองของเมืองหลานหลิงช่างใหญ่โตโอ่อ่า ทั้งกว้างราวห้าเมตร และสูงถึงสี่เมตรเลยทีเดียว กล่าวได้ว่า มีขนาดใหญ่ไม่แพ้ประตูเมืองของเมืองติดชายแดนก็ว่าได้ อย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นเมืองที่อยู่ติดกับเมืองฉางอัน จึงมีหลายเรื่องที่พิเศษไปจากที่อื่นๆ แต่นั่นก็แสดงให้เห็นแล้ว ว่าก่อนหน้านี้ เมืองหลานหลิงเคยรุ่งเรืองมากถึงเพียงใด

        ยามพวกเขามาถึงที่หน้าประตูเมือง ก็พบว่าบานประตูตรงหน้ายังคงแง้มเปิดอยู่ บนกำแพงเมือง ธงที่เขียนคำว่ากู่เขียนติดเอาไว้ยังโบกไสวไปตามแรงลม ทุกอย่างดูจะปกติมาก ราวกับเมืองตรงหน้าเป็นเมืองเล็กๆ ที่แสนธรรมดา เมืองที่เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไป ก็จะพบกับบ้านเรือนของประชาชน ได้เห็นวิถีชีวิตอันแสนเรียบง่ายของชาวเมือง ราวกับว่าทุกอย่างยังคงปกติดี ไม่มีสิ่งใดแปลกไปเช่นนั้น

        แต่กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งแสบจมูก ผนวกกับกลิ่นเหม็นเน่าจากศพที่กระจายออกมาจากเมือง ส่งกลิ่นย้ำเตือนพวกเขาเสมอว่าด้านหลังของประตูบานนี้ เป็นศพของประชาชนนับหลายพัน ณ เวลาช่วงหนึ่ง เมืองหลานหลิงแห่งนี้เคยเป็นมาตุภูมิ เป็นนครที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างผาสุข แต่ ณ ปัจจุบัน นคราแห่งนี้ กลับกลายเป็นสุสานที่แม้นยามอาสัญก็มิอาจตายตาหลับของพวกเขา

        ตู้เหว่ยที่เดินนำอยู่หน้าสุดยืนลังเลอยู่หน้าประตูเมืองเล็กน้อย จนเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาสงสัยจากซูฉีฟง จึงยอมกัดฟัน แล้วเดินนำเข้าไปในที่สุด

        สภาพภายในเมือง ช่างน่าสังเวชมากกว่าที่ตู้เหว่ยจิตนาการเอาไว้มากเหลือเกิน เหตุการณ์การฆ่าล้างเมืองผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว และเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้โหดร้ายและทารุณมากกว่าครั้งใดใด ทางราชสำนักจึงไม่ได้ส่งทหาร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการเรื่องศพ แต่กลับสั่งให้ยอดนักปราบโจร โกซานหยุน และกู่เซี่ยนจวินที่รับอาสามาด้วยตนเองเข้ามาสืบคดีนี้แทน บางทีสำหรับราชสำนักแล้ว การตามหาคนร้ายที่แท้จริง และนำตัวมาลงโทษเพื่อให้ประชาชนหายแค้นดูจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดแล้ว และการหายตัวไปอย่างปริศนาของกู่เซี่ยนจวินกับโกซานหยุนในเวลาต่อมา ก็ทำให้เหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อนี้แลดูน่าหวาดหวั่นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ข่าวลือที่น่าหวาดกลัวย่อมทำให้เจ้าหน้าที่เก็บศพรู้สึกหวาดกลัวไปด้วย จึงละเลยเรื่องการเก็บศพภายในเมือง แล้วหันไปสืบเรื่องการหายตัวไปแทน ทางราชสำนักถึงขั้นส่งเทพนักรบแห่งแผ่นดินต้าเว่ย และกองกำลังพยัคฆ์ กองกำลังพิเศษที่มีจำนวนพลเพียงไม่มาก แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าราชสำนักให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเพียงใด อย่าเพิ่งนับรวมเรื่องความไม่พอใจที่ประชาชนมีต่อเรื่องนี้เลย ลำพังแค่เรื่องการหายตัวไปของกู่เซี่ยนจวิน โหวเยหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลกู่ ก็ทำให้ราชสำนักหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ได้มาก อย่าลืมเสียเล่าว่ากู่ชิงฟง ประมุขแห่งตระกูลกู่ เป็นถึงหนึ่งในเจ็ดนักรบแห่งดาราจักร เขาออกไปปกป้องบ้านเมือง ไปปกปักแผ่นดินทางเหนือแทนต้าเว่ยมาเป็นเวลานาน หากเขาโกรธ ความโมโหของเขา ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะยอมรับได้แน่…

        และเป็นเพราะเหตุผลนี้ ศพที่นอนเกลื่อนไปทั้งเมืองจึงถูกทิ้งเอาไว้ ไม่มีใครมาเก็บศพ จำต้องทิ้งให้พวกเขาเน่าและนอนเกลื่อนอยู่บนพื้นดินต่อไป

        ตู้เหว่ยเป็นถึงเทพนักรบแห่งแผ่นดินต้าเว่ย เคยเจอคนตายมามากจนนับไม่ถ้วนแล้ว อย่าว่าแต่แค่หนึ่งพันคนเลย แม้แต่ในหลุมที่ใช้ฝังคนหลักหมื่น เขาก็เคยขุดมาแล้ว แต่เพราะคนเหล่านั้นเป็นทหารในกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นทหารของฝ่ายเรา หรือศัตรู ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นเผ่าปีศาจ หรือเผ่าหมานจากตะวันตก ทุกคนล้วนเป็นนักรบในสงคราม ดังนั้น วินาทีที่ก้าวเข้าไปในสนามรบ ก็เท่ากับว่าคนเหล่านี้เตรียมพร้อมสำหรับความตายแล้ว

        แต่ภาพตรงหน้าต่างออกไป เพราะศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นดินเบื้องหน้าไม่ใช่ทหาร แต่เป็นเพียงสามัญชนที่ไม่มีทางสู้เท่านั้น ตู้เหว่ยไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเป็นเพราะอะไร เหตุใดคนชั่วพวกนั้นถึงยอมเสี่ยงตายมาทำเรื่องชั่วช้าสารเลวเพียงนี้ได้

        เขาหน้าเสียไปทันทีที่ได้เห็นภาพของศพที่นอนเกลื่อนอยู่เต็มเมืองในสภาพเละจนแทบจะมองไม่ออกตรงหน้า แม้แต่กองกำลังพยัคฆ์ที่มาด้วยกัน เหล่าทหารชั้นดีที่มีสีหน้านิ่งเรียบมาตลอดทางก็ยังหน้าถอดสีกับภาพที่น่าสยดสยองไม่ต่างไปจากขุมนรกตรงหน้าเลย

        ตู้เหว่ยปรายตามองไปที่ซูฉางอันกับฉู่ซีฟงครู่หนึ่ง ฉู่ซีฟงยังมีสีหน้าเย็นชา นิ่งเรียบ ราวกับมองไม่เห็นภาพรอบๆ อย่างไรอย่างนั้น ทางด้านซูฉางอันเอง แม้จะมีสีหน้าเย็นยะเยือกลงไปกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีประหลาด หรือตกอกตกใจอะไรมากมาย นั่นทำให้ตู้เหว่ยรู้สึกยกย่องเด็กหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาเล็กน้อย อย่าว่าแต่ประชาชนธรรมดาเลย แม้แต่ทหารทั่วไปที่เคยทำสงครามมาหลายปี เมื่อได้มาเห็นภาพเช่นนี้ก็ยังอดคลื่นไส้ไม่ได้ แม้แต่กองกำลังพยัคฆ์ กองกำลังชั้นดีของแผ่นดินต้าเว่ยที่มาด้วยกันก็ยังมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเลย ทว่าซูฉางอันเป็นเด็กที่เพิ่งมีอายุเพียงไม่มากเท่านั้น แต่เขากลับยังรักษาความสงบเอาไว้ได้ เหตุการณ์นี้ ทำให้ตู้เหว่ยต้องมองจอมดาราหนุ่มที่ทำให้ลูกชายของตนอับอายขายหน้าใหม่อีกครั้ง

        เมื่อได้เห็นเช่นนั้น หากตู้เหว่ยยังดูไม่ออกว่าฉู่ซีฟงกับซูฉางอันพิเศษไปจากคนอื่นอย่างไรแล้วก็ คงเสียชื่อเทพนักรบแห่งแผ่นดินต้าเว่ยมิใช่น้อย

        ตอนนี้ เขาเลิกรู้สึกดูถูกซูฉางอันกับฉู่ซีฟงอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่ตู้เหว่ยก็ยังโยนความชื่นชมที่เกิดขึ้นหลังได้เห็นปฏิกิริยาของคนทั้งสองหลังเข้ามาในเมืองทิ้งไปอยู่ดี เพราะเขาเข้าใจดีว่าในครั้งนี้ นอกจากการสืบหาความจริงเรื่องการหายตัวไปของโหวเยแห่งตระกูลกู่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากยิ่งไปกว่านั้นก็คือการแย่งผลงานในครั้งนี้มาเป็นของตน เพื่อช่วยให้องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์ เพื่อช่วยให้องค์รัชทายาทมีอำนาจมากขึ้นนั่นเอง

        เขามองไปที่ฉู่ซีฟง แล้วประสานมือเข้าด้วยกันในท่าทำความเคารพสหายฉู่ เมืองหลานหลิงแห่งนี้มีขนาดใหญ่ไม่น้อย หากเราหาหลักฐานพร้อมกัน เกรงว่าย่อมทำให้เรื่องนี้ล่าช้ามากกว่าที่ควร แต่ตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าโหวเยน้อยแห่งตระกูลกู่กับโกซานหยุนเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ข้าว่าเราแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่ม แล้วหาหลักฐานรวมไปถึงเบาะแสที่ตนต้องการกันเองดีไหม

        เขาพูดราวเป็นบุรุษผู้ทรงคุณธรรม น่าสนใจจริงๆ ฟังเผินๆ อาจเหมือนที่เขาพูดมามีเหตุผล แต่ความจริงแล้ว เขาเพียงต้องการกำจัดซูฉางอันกับฉู่ซีฟงไปให้พ้นทางเสียต่างหาก เช่นนั้นย่อมได้สะดวกต่อการทำงานมากขึ้น และแน่นอนว่าตู้เหว่ยที่มีทหารมาด้วยมากถึงสามร้อยคน ย่อมทำงานสำเร็จอยู่แล้ว ในตอนแรก เขาคิดว่าฉู่ซีฟงจะมาขอยืมกำลังทหารไปจากตน จึงคิดข้ออ้างที่จะใช้ในการปฏิเสธเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

        แต่คิดไม่ถึงว่าทันทีที่สิ้นเสียง ฉู่ซีฟงก็พยักหน้าขึ้นมาเสียนี่ได้

        เขาตอบกลับไปเร็วมาก ทั้งยังสั้นและกระชับมาก ราวรอให้อีกฝ่ายพูดคำๆ นี้มานานแสนนานแล้ว

 

Author Glory Forever