มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 ตอนที่ 56 สระเองได้หรือไม่?

         ส่งพวกเขาไปแล้ว เจินจูกลับมายังในบ้าน หลี่ซื่อกำลังรีบเร่งทำเสื้อผ้าใหม่ให้ผิงอัน ส่วนหูฉางกุ้ยก็ใช้ตอกไม้ไผ่ถักตะกร้าไผ่สานต่อไป ทั้งสองคนคนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียง คนหนึ่งนั่งอยู่มุมเตียง เงยหน้ามองกันและกันแล้วยิ้มบ่อยๆ เจินจูรู้สึกว่าตนเองเป็นหลอดไฟใหญ่ที่ส่องแสงทันที [1] จึงหนีออกไปนอกห้องอย่างรู้ตัว

เดินมาถึงกระท่อมกระต่ายสำรวจรอบด้านหนึ่งรอบ ผิงอันดูแลกระท่อมกระต่ายดีมากนัก มีลูกกระต่ายหนึ่งรุ่นที่โตเป็นกระต่ายเต็มวัยแล้ว ผ่านไปไม่กี่วันก็จะขายกระต่ายตัวผู้ได้อีกหนึ่งรุ่น

         ควานหาฟางข้าวโพดออกมาไม่กี่ท่อนอย่างแอบๆ วางทีละอันลงในกรง บรรดากระต่ายเกิดความวุ่นวายขึ้นฉับพลัน พากันโผเข้าหาอาหาร

         ในมิติช่องว่างเก็บเกี่ยวฝักข้าวโพดได้สองรอบแล้ว ฟางข้าวโพดจำนวนมากกองอยู่มุมกำแพง นางไม่กล้าป้อนให้กระต่ายมากเกินไป กลัวมากว่าจะเลี้ยงกระต่ายฉลาดออกมา ทำได้เพียงหยิบมาเลี้ยงหนึ่งครั้งเว้นสามวันถึงห้าวัน บางครั้งก็สับให้ละเอียดมาเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ฟางในมิติช่องว่างก็ยังกองจนสูงพูน

         เมื่อออกมาจากกระท่อมกระต่าย แล้วกลับมาที่ลานบ้านในห้องของหลัวจิ่งสะท้อนเสียงพูดคุยเบาๆ ออกมา ผิงอันกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับหลัวจิ่งอยู่ จึงเข้าไปใกล้ฟังให้ละเอียด ผิงอันกำลังขอให้หลัวจิ่งสอนว่าทำอย่างไรให้เขียนตัวอักษรออกมาสวย เจินจูได้ฟังก็ชะงักงัน ไม่คิดเลยว่าเจ้าหนูน้อยผิงอันจะชอบการเล่าเรียนเช่นนี้ ดูท่าว่าจะเป็นคนที่สั่งสอนให้มีความสามารถได้ ต่อไปไม่แน่ว่าสกุลหูอาจจะกำเนิดบุรุษจอหงวนออกมาก็เป็นได้ เจินจูเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มจนสว่างเจิดจ้า

         เดินเข้าห้องครัวมา ในเตายังมีไฟที่ถ่านมอดไปเพียงครึ่งหนึ่ง เจินจูเกาศีรษะ ตนเองไม่ได้สระผมมาห้าวันแล้ว พอดีที่ในหม้อมีน้ำอุ่นๆ อยู่ครึ่งหนึ่ง อุณหภูมิความร้อนเพียงพอ จึงตักน้ำออกมาครึ่งกะละมัง พร้อมกับเติมฟืนเข้าปากเตา แล้วค่อยเติมน้ำลงไปในหม้ออีกครึ่งหม้อ จึงได้เริ่มสระผม

         ล้างเส้นผมให้สะอาดอย่างสบายใจ เจินจูใช้ผ้าขนหนูบิดผมให้แห้ง น้ำในหม้อเริ่มเดือดอีกครั้ง เจินจูยื่นศีรษะออกมา เห็นว่าผิงอันกำลังเดินออกจากในห้อง

         ผิงอัน มานี่”

         ท่านพี่ ทำอันใด?”

         สระผม”

         “… เหตุใดสระผมอีกแล้ว ไม่กี่วันก่อนไม่ใช่ว่าสระไปแล้วหรือ?”

         “… ไม่กี่วันก่อนเจ้ายังทานข้าวแล้วเลย! แล้วเหตุใดวันนี้เจ้าทานอีกเล่า”

         “… จะเปรียบเทียบเช่นนี้ได้อย่างไร?”

         พอแล้ว ให้เจ้าสระก็รีบสระ ถือโอกาสตอนน้ำร้อน สระสะอาดแล้วสบายมากนัก”

         การประท้วงไร้ผล ผิงอันทำได้เพียงไปสระผมอย่างโดยดี

         ตักน้ำไปครึ่งหม้อ ยังเหลือครึ่งหม้อ เจินจูเอาน้ำร้อนที่เหลืออยู่ทั้งหมดเทใส่อีกกะละมังหนึ่ง เติมน้ำไปในหม้อจนเต็ม และเติมฟืน ทันทีหลังจากนั้นก็ยกกะละมังเดินไปยังห้องหลัวจิ่ง

         เสียงบทสนทนาของเจินจูกับผิงอันไม่เบา หลัวจิ่งที่อยู่ภายในห้องได้ยินอย่างชัดเจน มิใช่เพราะเช่นนี้หรอกหรือ ที่เสียงฝีเท้าของเจินจูเดินเข้ามาทางนี้ ร่างกายเขานั่งเรียบร้อยอย่างอัตโนมัติ

         ยู่เซิง ข้าเข้าไปนะ…” เจินจูตะโกนหนึ่งเสียงอยู่นอกห้อง ทันทีหลังจากนั้นก็ผลักประตูห้องเปิดออก

         เจ้าไม่ได้สระผมมาหลายวันแล้ว วันนี้ถือโอกาสยามว่าง สระผมเถิด” ขณะกล่าว ก็วางกะละมังไว้บนโต๊ะ หันหน้ากลับมามองเขา “สระเองได้หรือไม่?

         “…อืม ได้” หลัวจิ่งพยักหน้า ขณะนี้บาดแผลบนร่างกาย ล้วนหายเป็นปกติมากกว่าครึ่งแล้ว เหลือเพียงอาการบาดเจ็บของส่วนขาที่ยังค่อนข้างรุนแรง แต่ สระผมใช้เวลาไม่นาน ยืนขาเดียวสระผมน่าจะได้กระมัง

         ดี รอสักครู่ ข้าจะไปหยิบจ้าวเจี่ยวให้เจ้าสองท่อน” หยิบจ้าวเจี่ยวในครัวให้เขาแล้ว ก็หักออกให้ละเอียดใส่ลงไปในกะละมัง

         ได้แล้ว เจ้าก้มเอวสระเถิด อีกเดี๋ยวข้าค่อยมายกไป ช้าๆ หน่อยเล่า อย่าให้น้ำสาดออกมาเยอะเกินไป” เจินจูกำชับ ไม่รู้ว่าคุณชายคนนี้จะสระผมเองได้หรือไม่ แต่ ถึงเมื่อก่อนจะไม่เป็น ตอนนี้ก็ต้องเป็นแล้วล่ะ

         ไม่นานผิงอันก็สระผมตนเองเสร็จ เจินจูเขี่ยศีรษะของเขาตรวจสอบเล็กน้อย แล้วจึงปล่อยไปอย่างพอใจ “ไปเรียกท่านแม่ออกมา เย็บเสื้อผ้ามาครึ่งค่อนวัน คอน่าจะปวด พอดีเลยจะได้พักสักครู่ บอกไปว่าน้ำเดือดแล้วให้ท่านแม่มาสระผมสักหน่อย”

         จำได้ว่าสองสามีภรรยาก็ไม่ได้สระผมนานมากแล้ว เจินจูไม่เพียงทนความมันบนศีรษะตนเองไม่ไหว แม้แต่บนศีรษะที่มันเยิ้มของคนใกล้ชิด เจินจูก็รู้สึกไม่ชอบอย่างมาก

         หลี่ซื่อถูกผิงอันดึงออกมานอกประตูอย่างช่วยไม่ได้ มองเจินจูที่ตักน้ำร้อนกรุ่นไว้เรียบร้อย เลยต้องยกน้ำในกะละมังไปสระผม

         บุตรสาวของนางช่วงนี้เปลี่ยนไปรักสะอาดมากนัก หน้าหนาวอุณหภูมิต่ำ เมื่อก่อนมักครึ่งเดือนแล้วจึงจะสระผมอาบน้ำ แต่ช่วงนี้ เป็นเพราะเจินจู เวลาจึงย่นลงครึ่งหนึ่ง แม้รักสะอาดจะเป็นเรื่องดี แต่อากาศหนาวเหน็บ ง่ายต่อการเป็นหวัด

         หลี่ซื่อยิ้มอย่างไม่มีทางเลี่ยง

         ท่านพ่อเล่า?“ เจินจูถาม

         ท่านพ่ออยู่ในห้อง บอกว่าให้ท่านแม่สระก่อน” ผิงอันสะบัดผมที่กึ่งแห้ง แล้วกล่าวพลางโยกไปโยกมา

         เจ้าไปอยู่บนเตียง รอให้ผมแห้งค่อยลงมา ระวังเป็นหวัดเล่า” เจินจูขมวดคิ้ว ผมยังไม่แห้งยังจะวิ่งไปทั่ว จึงจูงผิงอันเข้าไปในห้อง

         หูฉางกุ้ยที่ยังคงก้มหน้าอยู่ ตอกไผ่ในมือขยับขึ้นลงไม่หยุด เห็นว่าสองพี่น้องหญิงชายเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นยิ้ม แล้วทำงานต่อ

         ท่านพ่อ ท่านพักสักเดี๋ยวแล้วค่อยทำ ก้มหน้าอยู่นานแล้ว คอน่าจะปวด” เจินจูเม้มมุมปากเบาๆ กล่าวโน้มน้าว

         ไม่เป็นไร จะเสร็จแล้ว” หูฉางกุ้ยก้มหน้าตอบ

         “…” เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเพิ่งทำได้ครึ่งหนึ่ง นี่เรียกว่าใกล้เสร็จแล้วหรือ เจินจูจนปัญญา นิสัยใจคอของ “งานที่เกลียด” นี้ เหมือนกับชายชราหูทุกประการ

         จึงแสร้งทำท่าไม่พอใจ กล่าวเสียงต่ำ “ท่านพ่อ นี่เพิ่งจะทำไปครึ่งเดียว ยังต้องทำอีกนาน ท่านไปสระผมก่อน แล้วค่อยถักต่อ ได้หรือไม่?”

         น้ำเสียงเย็นชาราวกับไม่มีความอ่อนโยนอยู่ หูฉางกุ้ยจึงเงยหน้ามองไปยังบุตรสาว เป็นไปดังที่คิด ใบหน้าเล็กบึ้งตึง มองมาที่เขาด้วยสายตาอึมครึม

         หูฉางกุ้ยอยากอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอพูดออกมาไม่ได้ จึงทำตามคำของบุตรสาวแต่โดยดีแล้ววางตะกร้าไผ่สานที่ถักไปครึ่งหนึ่งในมือลง ยิ้มเจื่อนๆ “ได้ พ่อจะไปแล้ว”

         ทันใดนั้นเจินจูก็คลายสีหน้ายิ้มแย้มออกมา “น้ำร้อนอยู่ในหม้อ ข้าจะไปตักน้ำให้ท่าน” ขณะเอ่ย วิ่งออกไปด้วยกายเบาดุจนกนางแอ่น [2] ก็ไม่ปาน

         หูฉางกุ้ยอ้าปากครึ่งหนึ่ง และอึ้งไปสักพัก

         เจินจูวิ่งเข้ามาในห้องหลัวจิ่งก่อน เตรียมยกกะละมังกลับไป พอเข้าประตูก็เห็นหลัวจิ่งที่จับโต๊ะประคองตนเองอยู่ เช็ดผมไปด้วยอย่างลำบาก และคาดไม่ถึงเลยว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาจะเปียกไปครึ่งหนึ่ง

         “…”

         ดูท่าว่านางจะเดาได้ไม่ผิดนัก เจ้าหนุ่มนี่เป็นคุณชายที่ไม่เคยสระผมให้ตนเองมาก่อน ดูคราบน้ำที่เต็มพื้นนั่น แล้วมองเสื้อนวมที่เปียกโชกไปครึ่งหนึ่งนั่นอีกครั้ง หางตาเจินจูกระตุก พยายามอดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะด่าคนไว้ แล้วเดินมาข้างหน้าหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดคราบน้ำให้แห้งแก่เขา

         หลัวจิ่งหยุดการกระทำบนมือไปพักหนึ่ง ในใจเก้อเขินไม่หยุด เขานึกว่าเรื่องสระผมง่ายๆ เช่นนี้ ตัวเขาเองทำได้แน่นอน ผู้ใดจะรู้ว่าพอสระขึ้นมาจริงๆ จะไม่ราบรื่นเสียเลย

         เจินจูเช็ดผมของเขาแห้งไปครึ่งหนึ่ง “ได้แล้ว เจ้ารอสักครู่ ข้าจะหาเสื้อผ้าให้เจ้าเปลี่ยน”

         เสื้อนวมบนกายหลัวจิ่งเป็นหวังซื่อที่เร่งทำขึ้น ทำไว้เพียงหนึ่งตัวเป็นการชั่วคราว ตัวนี้เปียกแล้ว ก็ทำได้เพียงเปลี่ยนเป็นของท่านพ่อหู สองวันก่อนหลี่ซื่อเย็บเสื้อหนาวตัวใหม่ของหูฉางกุ้ยขึ้นมา แม้ชุดจะใหญ่ แต่ใช้แก้ขัดไปก่อนแล้วกัน

         มองหลัวจิ่งที่สวมเสื้อนวมตัวใหญ่สีน้ำตาล ท่าทางศีรษะเล็กตัวใหญ่ เจินจูกลั้นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาไม่ได้ “เฮ่อ… ไม่ค่อยพอดีเลย สวมไว้ก่อนนะ อีกเดี๋ยว จะเอาเสื้อนวมเจ้าไปอังข้างไฟ”

         “…เป็นความผิดของข้า” หลัวจิ่งหน้าเหยเกเล็กน้อย นั่งอยู่ขอบเตียงก้มหน้ายอมรับผิดแต่โดยดี

         ไม่เป็นไร ต่อไปสระบ่อยๆ ก็จะชินไปเอง” เจินจูเม้มปากหัวเราะเบาๆ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่มักจะตามมาด้วยการกระทบกระทั่งเสมอ เมื่อออกจากการปกป้องของครอบครัว ก็ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตให้ได้ด้วยตัวเอง “เอ้า หวี หวีผมให้เรียบเสีย”

         หลัวจิ่งรับมา หวีผมยาวของตนเองด้วยท่าทางที่ไม่คุ้นชิน

         ผมของหลัวจิ่งดำยาวและหนาเหยียดตรง ทำให้รูปโฉมที่สง่างามของเขาดูแข็งแกร่งและหล่อเหลาหลายส่วน

         เจินจูอิจฉา ผมของนางนิ่มๆ เล็กๆ ปลายผมยังมีหลายส่วนเริ่มเหลืองแตกปลาย นางจับปลายผมไว้แน่นอย่างกลัดกลุ้มใจ รอให้ผมยาวกว่านี้อีกหน่อย นางจะตัดปลายผมที่แห้งและเหลืองออกสักครั้ง

         ยามพลบค่ำ สีท้องฟ้าค่อยๆ เข้มขึ้น เกวียนวัวของสกุลหูก็โคลงเคลงกลับมา

         ดึงประตูลานบ้านเปิดออก ให้วัวตรงเข้ามาในลาน คนชราและเด็กครอบครัวหูที่ได้ยินเสียงก็ทยอยออกมา พากันก้าวเข้าไปช่วยเหลือ เอาตะกร้าไผ่สานที่หนักหน่วงลงจากเกวียนวัว หูฉางกุ้ยอดไม่ได้ที่จะผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง นี่ซื้อของมาเท่าไรกัน เหตุใดหนักเช่นนี้?

         ท่านย่า ทำไมกลับช้าเช่นนี้? ผิงซุ่นเล่า?” เจินจูถาม

         ให้เขากลับบ้านไปก่อนแล้ว” หวังซื่อจัดการผมที่ถูกลมหนาวพัดจนยุ่งเป็นกระเซิงให้เรียบร้อย “ของที่ซื้อมีมากขึ้นเล็กน้อย เลยกลับมาค่อนข้างเย็น”

         ท่านแม่ หนาวยิ่งนัก เข้าบ้านไปอบอุ่นร่างกายก่อน” เสียงแหบของหลี่ซื่อกล่าว

         หวังซื่อมองนางอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ยิ้มแล้วพยักหน้า

         เจินจูนำน้ำขิงที่อุ่นอยู่ตลอดเวลาออกจากหม้อ หยดน้ำแร่จิตวิญญาณลงไปข้างในเล็กน้อย แล้วยกออกไปให้ทั้งสองคน

         หวังซื่อดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ลงไปรวดเดียว ชั่วเวลาพริบตา ทั้งร่างกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก มีความสุขอย่างยิ่ง

         เจินจู เนื้อที่ซื้อวันนี้ค่อนข้างเยอะหน่อย” หวังซื่อหยุดเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง “วันนี้ตอนพวกเราไปถึงในเมือง ก็เย็นแล้ว ร้านขายเนื้อร้านนั้นที่พวกเราไปซื้อครั้งก่อน เนื้อของเถ้าแก่เหลืออยู่มาก แต่เขาไม่ยอมขายราคาเหมือนครั้งที่แล้ว เว้นแต่ว่าจะซื้อทั้งหมด พอข้าเห็นว่ามีห้าสิบหกสิบชั่ง จึงลังเลอยู่นานมาก”

         ท่านย่า มากหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอันใด แล้วหลังจากนั้นได้ซื้อหรือไม่?” อย่างไรเสียหน้าหนาววางเนื้อทิ้งไว้ก็ไม่เน่า เถ้าแก่ร้านขายเนื้อไม่ยอมลดราคาขายเป็นปกติมากนัก

         ข้ากับลุงเจ้าก็คิดเช่นนั้น หน้าหนาววางไว้ก็ไม่เน่า จึงกัดฟันซื้อทั้งหมดมา เนื้อทั้งหมด 56 ชั่ง เถ้าแก่ยังเอากระดูกกับเครื่องในเพิ่มให้พวกเราด้วย” หวังซื่อยิ้ม ราคานี้ซื้อเนื้อได้มากเช่นนี้ คำนวณดูแล้วคุ้มค่ามากนัก “พวกเราซื้อไส้เล็กร้านขายเนื้อบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดกลับมาด้วย ทั้งหมดเก้าเส้น น่าจะพอใช้กระมัง?”

         อื้ม พอกระมัง ไม่พอก็ไปซื้อที่ทางเข้าหมู่บ้านเพิ่มสักเส้นก็ได้” ที่นี่ไม่มีผู้ใดชอบทานเครื่องในหมู พวกตับหมู หัวใจหมูและไตหมูยังพอมีคนซื้ออยู่บ่อยๆ แต่ไส้ใหญ่ ไส้เล็กและปอดหมูน้อยคนนักที่จะสอบถามราคา

         มา นี่เป็นเครื่องเทศที่เจ้าต้องการ ลูกจ้างร้านสมุนไพรยังกระซิบถามเลย ว่าเอาสิ่งเหล่านี้ไปทำอันใด? ฮ่า ฮ่า…” หวังซื่ออารมณ์ดี นึกถึงสายตาของลูกจ้างที่หันมาทางพวกเขาอย่างแปลกประหลาด นางจึงรู้สึกขบขัน “ย่ายังซื้อหินโม่มาด้วยนะ เช่นนี้ก็ไม่ต้องยืมผู้อื่นมาใช้อีก”

         เจินจูยิ้มแล้วพยักหน้ากล่าวชม หลังจากนั้นก็เปิดห่อเครื่องเทศดูอย่างละเอียด ดมเล็กน้อย ระยะนี้จมูกของนางว่องไวและเฉียบคมอย่างยิ่ง กลิ่นเครื่องเทศหอมหวน ค่อนข้างฉุนจมูกเล็กน้อย ข่มอาการอยากจะจามไว้ ตรวจสอบทีละอย่างหนึ่งรอบ แล้วจึงเก็บอย่างระมัดระวังให้ดี

         สีของท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงแล้ว ตามความเห็นของเจินจู พรุ่งนี้เช้าค่อยหั่นหมักก็ไม่สาย แต่หวังซื่อกลับคัดค้านอย่างต่อเนื่อง คืนนี้หั่นเสร็จแล้วหมักไว้หนึ่งคืน พรุ่งนี้ก็กรอกไส้ได้แล้ว ให้เลื่อนออกไปพรุ่งนี้ได้ที่ไหน และลุกขึ้นดำเนินการทันทีทันใด

         เอาเถิด เจินจูลูบจมูก แล้วไปทำงาน

 

         เชิงอรรถ

        [1] หลอดไฟใหญ่ส่องแสง หมายถึง ก้างขวางคอ หรือบุคคลที่อยู่เป็นพยานส่วนเกินในสถานการณ์เกี้ยวพาราสีของคู่รัก

        [2] กายเบาดุจนกนางแอ่น หมายถึง ตัวเบาหวิว

Author Jinovel