มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 30 ล่องูออกจากโพรง

        จากคำพูด เหตุผลของหลี่เยว่หรูก็สามารถอธิบายได้เช่นกัน

        เธอไม่ใช่หญิงสาวไร้เดียงสา แต่เป็นหญิงแกร่งที่มีอิสระ เธอจะชอบบอดี้การ์ดที่ใช้หมัดมวยมากกว่าสมองได้อย่างไร แม้จะต้องหาบอดี้การ์ดที่ฐานะต่ำกว่าแต่งเข้ามา แต่ก็ต้องหาผู้ที่โดดเด่นที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าครอบครัวจนๆ ทั่วไป

        คุณหลี่เยว่หรู คุณรู้ไหมครับว่าบอดี้การ์ดประจำตัวคนก่อนของคุณ ซุนหงโปน่ะ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อวานเช่นกัน เขาถูกยิงเสียชีวิตแล้วครับ

        โอ้เรื่องนั้นฉันไม่ทราบเลยค่ะ เขาลาออกไปสามเดือนแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้ติดกันอีกเลยค่ะ” ใบหน้าของหลี่เยว่หรูแสดงความประหลาดใจ แม้จะไม่สนิทแต่ก็ไม่ห่างเหิน

        จริงเหรอครับงั้นทำไมเขาถึงลาออกล่ะตามที่เรารู้มา เขาติดตามคุณมาหลายปีแล้วนี่ครับ อยู่ๆ ก็มาลาออกกะทันหัน มันแปลกมากเลยไม่ใช่เหรอครับ?”

        จ้าวอี้ถามถึงซุนหงโปทันที

        ใช่ค่ะ ตอนที่เขาขอลาออก ฉันพยายามยื้อเขาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่เฉพาะเจาะจง รวมถึงความเป็นส่วนตัวของเขา ฉันไม่สะดวกที่จะเปิดเผยเท่าไร แล้วก็หนังสือลาออกของเขามีไฟล์อยู่ในบริษัทของเรา ถ้าพวกคุณต้องการล่ะก็ ฉันจะหาคนมาส่งให้ก็ได้นะคะ

        หลี่เยว่หรูเล่าให้ฟังอย่างใจเย็น

        ไม่ใช่ว่าผมไม่เคารพความเป็นส่วนตัวนะครับ แต่เขาถูกยิงตายไปแล้ว พวกเราแค่หวังว่าจะหาเบาะแสเพิ่มเติมได้บ้าง และมีไม่กี่คนที่รู้เหตุผลในการลาออกของเขา ผมหวังว่าคุณจะบอกพวกเราได้นะครับ

        เพราะอาชีพบอดี้การ์ดทำให้หาแฟนได้ยาก โดยเฉพาะบอดี้การ์ดระดับสูงอย่างเขาที่แทบจะไม่เคยพักผ่อนเลยตลอดทั้งปี ฉันไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนอยากได้เขามาเป็นแฟนหรอกค่ะ การเจอกันครั้งหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อายุของเขาก็ไม่น้อยแล้ว แถมร่างกายของคุณแม่เขาก็ไม่สู้ดีนัก ดังนั้น เขาเลยตัดสินใจเปลี่ยนงานและแต่งงานมีลูกแทน นี่แหละค่ะเหตุผลของเขา

        เหตุผลเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลไม่น้อย เงินเดือนบอดี้การ์ดที่สูงลิบทำให้เวลาการทำงานของพวกเขาไม่มีอิสระ ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

        จ้าวอี้รู้สึกลำบากใจเมื่อได้ยินแบบนั้น คำตอบของหลี่เยว่หรูไม่มีที่ติ ยากที่จะหาช่องโหว่ในคำพูดของเธอได้ จ้าวอี้จึงตัดสินใจเปิดไพ่ตายออกมา

        ขอโทษนะครับ คำตอบของคุณคราวก่อนน่ะ ตอนที่พ่อของคุณเสียชีวิต คุณสั่งให้อาหลงกับอาหู่ไปแจ้งอาของคุณ แต่พวกเรามีพยานยืนยันว่าตอนนั้นคุณไม่ได้ออกคำสั่งกับพวกเขาอยู่ เรื่องนี้คุณจะอธิบายยังไงเหรอครับ?”

        คำพูดของจ้าวอี้ทำให้หลี่เยว่หรูตะลึงไปชั่วขณะ เธอชะงักก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันขอนึกรายละเอียดตรงนี้ก่อนนะคะ…ใช่แล้ว ฉันเป็นคนสั่งให้พวกเขาไปบอกคุณอาของฉันเองค่ะ ตอนนั้นฉันเสียใจมาก ร้องไห้ซบอยู่ข้างๆ คุณพ่อ แต่อาหลงกับอาหู่กลับเข้ามาช่วยฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเกลียดพวกเขา พวกเขาจะมากไปแล้ว เพราะงั้นฉันเลยสั่งให้พวกเขาไปบอกคุณอาของฉัน เรื่องนี้ฉันยืนยันได้ค่ะ ตอนนั้นฉันเห็นป้าเฉียนอยู่ในห้องด้วย เธอกับเทียนหมิงเป็นพยานในจุดนี้ได้

        หลี่เยว่หรูมั่นใจอย่างมาก แต่จ้าวอี้กลับยิ้ม “ตรงกันข้ามเลยครับ คำให้การของพวกเขากลับบอกว่าไม่เห็นคุณเรียกอาหลงกับอาหู่เลย คุณจะอธิบายยังไงล่ะครับ?”

        อาจเป็นเพราะสถานการณ์ตอนนั้นมันวุ่นวายมาก เพราะงั้นพวกเขาเลยไม่ได้สังเกตถึงจุดนี้ล่ะมั้งคะมันสำคัญมากเลยเหรอคะยืนยันแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าคุณอาของฉันฆ่าตัวตายน่ะจะบอกว่า…” หลี่เยว่หรูตอบอย่างลังเล แววตาของเธอฉายความหวาดกลัว

        ในส่วนของคำให้การที่แตกต่างกัน ความจริงแล้วมันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น อย่างมากก็เพิ่มความสงสัยในใจ ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักฐานที่แท้จริงได้

        มันก็ยากจะพูดนะครับ ว่าลายมือในจดหมายสั่งเสียก็อาจปลอมแปลงกันได้ พวกเราแค่สงสัยเท่านั้น ในตู้เซฟของคุณอาของคุณ เราพบสูติบัตรของคุณ รวมไปถึงเอกสารผลการตรวจร่างกายของคุณด้วย ผมคิดว่าคุณคงจะเข้าใจนะครับ ว่ามันหมายความว่าอะไร?”

        สีหน้าของหลี่เยว่หรูเปลี่ยนไปทันที เธอขยับตัวอย่างอึดอัด แสดงอารมณ์เศร้าหมอง “คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ของแบบนี้พวกคุณก็สามารถหามาได้ ใช่แล้วค่ะ ฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ได้ไม่นาน และเขาเลือกที่จะบอกฉัน

        โอ้คุณหมายความว่า คุณพ่อของคุณบอกเรื่องนี้แล้ว?”

        ใช่ค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณอาไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน เขาบอกคุณพ่อ แล้วคุณพ่อก็มาบอกฉันอีกที บอกว่า เขาไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณแม่เสียชีวิตจากการคลอดยาก เขาเชื่อว่าคุณแม่ไม่มีทางนอกใจเขา ตามที่คุณพ่อเล่ามา ความสัมพันธ์ของเขาและคุณแม่ก็ดีมาก คุณแม่เป็นคนอ่อนโยน แต่ทำไมดีเอ็นเอของฉันกับคุณพ่อถึงไม่ตรงกันนั้น ตรงจุดนี้เขาก็ไม่แน่ใจเท่าไรนัก

        หลี่เยว่หรูเล่าถึงเหตุการณ์นี้อย่างตรงไปตรงมา

        ความสัมพันธ์อันดี?

        จ้าวอี้ยิ้มเยาะให้กับคำพูดนี้ ถ้ามันดีจริงๆ แล้วหลี่ต้าเฮิงจะไปมีลูกนอกสมรสที่ข้างนอกนั่นทำไมกันมีลูกนอกสมรสสองคนที่อายุมากกว่าหลี่เยว่หรูเสียอีก ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีจริง ตอนหลี่ต้าเฮิงยังหนุ่มจะนอกลู่นอกทางได้เหรอ?

        งั้นคุณคิดยังไงกับหลิวฉินล่ะครับอย่าบอกนะครับว่าคุณไม่รู้ถึงการมีตัวตนของเธอ

        จ้าวอี้จ้องหลี่เยว่หรู ไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย

        หลี่เยว่หรูมีสีหน้าเย็นชา “ก็เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้นแหละค่ะ คุณพ่อของฉันเป็นคนตรงไปตรงมา มีลูกนอกสมรสก็จริง แต่ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้แย่ เพราะแบบนี้คุณพ่อถึงไม่พาพวกเขากลับมาที่บ้านตระกูลหลี่ เพราะกังวลว่าจะทำให้กิจการตระกูลหลี่เข้าสู่ความวุ่นวาย ถ้าหลิวฉินเป็นลูกสาวของคุณพ่อจริง คุณพ่อของฉันไม่มีทางไม่รู้แน่ค่ะ คุณต้องรู้นะคะว่า ในบรรดาลูกนอกสมรสของเขายังมีเหตุการณ์ที่แม่ของพวกเขากับคุณพ่อของฉันไม่เคยไปมาหาสู่กันอยู่ แต่คุณพ่อก็ยังจ่ายเงินให้มากพอที่จะใช้ชีวิตได้ทั้งเดือน ดังนั้น หลิวฉินคนนี้เป็นคนโกหกค่ะ

        งั้นเหรอครับข้อสรุปคงจะออกมาเร็วๆ นี้ แล้วพวกเราจะได้รู้ข้อสรุปกัน พวกเราได้เจอสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ด้วยล่ะครับ เธอเกิดวันเดียวกันกับคุณ ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดที่โรงพยาบาลเดียวกันอีกด้วย ต้องขอบคุณในความร่วมมือของคุณ ที่ทำให้การสอบปากคำมาถึงตรงนี้ได้

        ท่าทางของจ้าวอี้ดูผ่อนคลายอย่างมาก เขายืนขึ้นพลางหัวเราะ และจับมือกับหลี่เยว่หรู

        เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของจ้าวอี้ ทั้งร่างหลี่เยว่หรูก็รู้สึกไม่ดีแล้ว เป็นเวลานานกว่าเธอจะตอบสนอง “พวกคุณจะปล่อยฉันกลับไปแบบนี้เหรอคะ?”

        แน่นอนสิครับ คุณหลี่อยากให้ผมเลี้ยงอาหารด้วยเหรอครับแต่ผมเกรงว่าที่ที่ผมจะเลี้ยงอาหารคุณคงเป็นระดับพื้นๆ และคงไม่ถูกปากคุณหลี่เท่าไร

        จ้าวอี้เกือบจะเปลี่ยนเป็นคนละคน แถมยังพูดล้อเล่นอีก

        แน่นอนว่าไม่ใช่หรอกค่ะ ถ้าจะเลี้ยงอาหารต้องเป็นฉันที่เลี้ยงค่ะ เพียงแต่ช่วงหลายวันมานี้ฉันยุ่งมาก งั้นฉันคงต้องขอกลับไปก่อน” หลี่เยว่หรูรีบร้อนจากไป เธอคล้ายจะลืมทนายซ่งผู้โชคร้ายไปหมดสิ้นแล้ว

        คุณทำบ้าอะไรเนี่ย! ถ้าตีงูไม่ตายมันจะแว้งมากัดเอานะ คุณล่วงเกินเธอไปแล้ว ทำไมถึงไม่กักตัวเธอไว้เล่า! แล้วค่อยๆ สืบสวนต่อไปล่ะ?” ฉือผิงฮุยคำรามเสียงต่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ! ในความคิดของเขานั้น การกระทำของจ้าวอี้ช่างไร้สาระสิ้นดี

        เป็นความจริงที่ว่า จ้าวอี้เป็นผู้ที่ล่วงเกินหลี่เยว่หรูอย่างร้ายแรง แต่ถ้าผู้หญิงคนนี้มีจิตใจคับแคบล่ะหรือแม้แต่คิดแค้นเขา ในอนาคตเขาต้องเสียใจเป็นอย่างมากแน่

        แน่นอนครับว่าต้องปล่อยเธอไปก่อน พวกเราไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ได้เลย ตอนนี้ผมจะพูดถึงหลิวฉิน ผมคิดว่าถ้าหลี่เยว่หรูเป็นฆาตกรจริง เธอต้องลงมือทำอะไรสักอย่างไปแล้วล่ะครับ เพราะหลี่เยว่หรูคงไม่คิดว่าลูกนอกสมรสแต่ละคนจะออกมาต่อสู้แย่งชิงมรดกกันในภายหลังแน่ๆ! มันไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของหลี่ต้าเฮิง แต่ยังทำให้ยุ่งยากมากขึ้นอีกด้วย

        จ้าวอี้เพิ่งคิดคิดถึงแผนการนี้ได้ เขาจึงทำเช่นนี้

        คุณตั้งใจจะล่องูออกจากโพรงเหรอ?”

        ฉือผิงฮุยเข้าใจในทันที

        ใช่ครับ ตอนนี้พวกเราต้องแยกเป็นสองกลุ่ม คุณไปสถานที่ที่ตรวจดีเอ็นเอ แล้วดูว่าหลี่เยว่หรูติดสินบนคนในให้เปลี่ยนผลการตรวจหรือไม่ ส่วนผมจะไปคุ้มกันหลิวฉิน ผมกังวลว่าหลี่เยว่หรูคนนี้อาจเป็นสุนัขจนตรอก แล้วก่อเรื่องน่าเศร้าบางอย่างขึ้นมาอีก มันคงแย่น่าดู

        ได้เลย!

        ฉือผิงฮุยเห็นด้วยกับวิธีการนี้ทันที

        ตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน จ้าวอี้และเสี่ยวหลินก็มาถึงบ้านของหลิวฉิน

        บริเวณนี้ธรรมดามาก กล่าวได้ว่าเป็นชุมชนที่มีประวัติอยู่บ้าง

        ใบไม้แห้งที่ไม่มีใครเก็บกวาดมาทั้งปีกระจัดกระจายอยู่บนท้องถนน ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา ใต้อาคารแต่ละหลังถ้าไม่เต็มไปด้วยกองขยะสกปรก ก็เป็นจักรยานไฟฟ้าที่จอดระเกะระกะอยู่ตรงนั้น ทั้งคับแคบและแออัด นี่เป็นความประทับใจแรกของจ้าวอี้

        ห้องของหลิวฉินอยู่ที่ชั้นหกซึ่งเป็นชั้นบนสุด ไม่มีลิฟต์

        จ้าวอี้สั่งให้เสี่ยวหลินไปสอบถามเพื่อนบ้านเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นของหลิวฉิน ส่วนเขาจะรออยู่ที่ชั้นล่างของบ้านหลิวฉิน

        ใช้เวลาไม่นาน เสี่ยวหลินก็กลับมา

        จากการสอบถามข้อมูลอย่างชัดเจนแล้ว บ้านของเด็กสาวหลิวฉินเพิ่งประสบอุบัติเหตุมาครับ แม่ของเธอเสียชีวิตหนึ่งวันก่อนที่หลี่ต้าเฮิงจะเสียชีวิต สาเหตุการเสียชีวิตคือลื่นล้มครับ สภาพจิตใจของเธอก็ไม่ค่อยปกติ เวลานั้นหลิวฉินกำลังทำงานอยู่ เธอไม่ได้อยู่ที่บ้าน ปกติแล้วครอบครัวของเธอจะอยู่กันแค่สองคนแม่ลูก ทางตำรวจสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุและทำพิธีเผาศพในวันถัดมา เธอเป็นแคชเชียร์อยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่แห่งหนึ่งครับ

        เสี่ยวหลินเล่าถึงสิ่งที่ตนได้ยินมาแล้วกลับมาบอกจ้าวอี้

        โอ้บังเอิญขนาดนี้เชียว?”

        จ้าวอี้ค่อนข้างแปลกใจ มันออกจะบังเอิญเกินไปหน่อย อีกทั้งในเหตุการณ์ก็ไม่มีคนอื่นอยู่เลย ที่ตำรวจตัดสินไปอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้

        ใช่ครับ โชคชะตาของหลิวฉินคนนี้ไม่ดีเอาเสียเลย พ่อก็เสียชีวิต แม่ก็มาเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก แถมอายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว แม้แต่แฟนหนุ่มยังไม่มีเลย

        เสี่ยวหลินถอนหายใจทีหนึ่ง คล้ายกับสงสารเด็กสาว

        จะเป็นไปได้ยังไง ฉันเห็นรูปของเธอก็ว่าสวยอยู่นะ

        จ้าวอี้อดถามขึ้นมาไม่ได้

        ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ ที่จริงแล้วเคยมีคนแนะนำแฟนหนุ่มให้เธอด้วย แต่แค่ได้ยินเรื่องภาระทางบ้านของเธอก็พากันถอยไปหมด

        เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ให้ทิ้งแม่ที่เลี้ยงดูตนอย่างดีจนเติบโต ส่วนตนเองหนีไปมีชีวิตที่ดี คนแบบนี้ใช่ว่าจะไม่มี แต่จะมีสักกี่คนที่ใจร้ายได้ขนาดนี้?

        ตอนนี้หลิวฉินอยู่ไหนที่ทำงานเหรอ?”

        ไม่ใช่เลยครับ เขาบอกว่าเธอลาหยุดหนึ่งสัปดาห์เพื่อมาจัดการเรื่องของแม่เธอ ไม่รู้ว่าเธอไปรู้ภูมิหลังของตัวเองมาจากไหน ไม่สำคัญว่าเธอจะทำงานอยู่หรือเปล่า แต่ตอนนี้เธอน่าจะอยู่ที่บ้าน พวกเรารออยู่ที่นี่ดีไหมครับ?”

        เอาอย่างนี้ละกัน ย้ายรถปฏิบัติการมาสักคัน ระหว่างทางก็เอารายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของแม่หลิวฉินมาด้วย ฉันจะลองดูก่อน

        รับทราบครับ!

        หลังผ่านการอำพรางมาแล้ว รถปฏิบัติการก็มีสภาพเหมือนรถตู้ขนาดกลางคันหนึ่ง ไม่นานก็มาถึงด้านนอกชุมชน ซึ่งมันแออัดเกินกว่าจะขับรถเข้าไปได้

        กล้องวงจรปิดแบบพกพาถูกติดตั้งอยู่ตรงบันไดและทางเดินในชุมชนอย่างราบรื่น จ้าวอี้และคนอื่นๆ นั่งอยู่ในรถปฏิบัติการ เสี่ยวหลินจ้องที่หน้าจอ พร้อมจัดการกับสถานการณ์รอบข้างอยู่ตลอดเวลา

        จ้าวอี้อ่านข้อมูลของแม่หลิวฉินและรายงานการเสียชีวิต เดิมเธอเคยเป็นหัวหน้าพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพียงแต่ภายหลังมีสภาพจิตใจผิดปกติ เธอจึงถูกไล่ออกซึ่งผ่านมาหลายปีแล้ว รายงานการเสียชีวิตสันนิษฐานไว้ว่าแม่ของเธอลื่นล้มอย่างไม่ทันตั้งตัวในช่วงเที่ยง ตอนนั้นในอ้อมแขนของเธอยังโอบชามอาหารเอาไว้อยู่เลย ตามที่เข้าใจ หลิวฉินไม่ได้กลับมาที่บ้านตอนเที่ยงทุกวัน แต่เธอจะทำอาหารกลางวันเตรียมไว้ให้แม่ล่วงหน้า

        อาหารถูกตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ไม่พบปัญหาใดๆ ในบ้านก็ไม่มีร่องรอยการบุกรุกของผู้อื่น ตอนนั้นหลิวฉินอยู่ที่ทำงานจึงถูกตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรม และระบุว่าเป็นของอุบัติเหตุ

        หัวหน้าครับ เกิดเรื่องแล้วครับ!

        เสี่ยวหลินตะโกนขึ้นมา ทันใดนั้นจ้าวอี้ก็ตื่นตัว

        ตรงไหน?”

        ดูสิครับ!

        นอกชุมชนมีรถหรูสามคันจอดอยู่ เป็นเรื่องที่เห็นได้ยากสำหรับคนแถวนี้

        ในตอนแรกมีบอดี้การ์ดชุดดำหลายคนลงมาจากรถ และคนที่ลงมาเป็นคนสุดท้ายไม่ใช่ใคร แต่เป็นหลี่เยว่หรูนั่นเอง!

Author Glory Forever