มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 1 ออกจากสำนัก

        เย่เฉินศิษย์สำนักนอก เนื่องจากตันเถียนแตก ไร้วาสนาฝึกตน นับแต่บัดนี้ถูกขับออกจากสำนัก ไม่อนุญาตให้ก้าวเข้าสู่เขาวิญญาณเจิ้งหยางแม้เพียงครึ่งก้าว

        ในวิหารโอ่อ่าปรากฏน้ำเสียงเยือกเย็นดุจคำพิพากษาจากสวรรค์ เสียงที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามที่ไม่อาจล่วงเกิน

        ณ เบื้องล่าง เย่เฉินยืนนิ่งอยู่กลางวิหาร สีหน้าซีดขาวราวกระดาษ ฟังคำพิพากษาอันไร้ซึ่งความปราณี มือของเขานั้นกำหมัดแน่น และอาจจะเป็นเพราะออกแรงมากเกินไปทำให้เล็บจิกเข้าใจกลางฝ่ามือจนเลือดสดๆ ไหลออกมา

        ตันเถียนแตก ไร้วาสนาฝึกตน

        เย่เฉินฝืนยิ้ม ทว่าดวงตานั้นกลับเต็มไปด้วยความเศร้ารันทด

        สามวันก่อนเขาลงเขาไปรับยาวิญญาณให้ทางสำนัก แต่กลับถูกยอดฝีมือจากสำนักคู่อริลอบทำร้าย เขาสู้สุดชีวิตเพื่อรักษายาวิญญาณ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดกลับมาสำนัก และนั้นทำให้ตันเถียนของเขาถูกทำลายจนกลายเป็นคนไร้ค่าโดยสมบูรณ์

        เพียงแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าในสายตาของเบื้องบนความภักดีของเขานั้นแทบไม่มีค่าเลยแม้แต่น้อย พวกเขารอที่จะขับไล่เขาออกจากสำนักแทบทนไม่ไหวเหมือนเขาเป็นเพียงขยะไร้ประโยชน์ชิ้นหนึ่ง

        ยังไม่ไปอีก?” เห็นเย่เฉินยังยืนนิ่งไม่ไหวติง ในวิหารก็มีเสียงหมดความอดทนดังขึ้นอีกครั้ง

        ตันเถียนก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว อยู่ต่อไปจะยังมีประโยชน์อันใด? แต่ไหนแต่ไรมาสำนักเจิ้งหยางเรามิเคยเก็บคนไร้ค่าเยี่ยงนี้ไว้

        รักษาเจ้าสามวันก็นับว่ามีเมตตามากแล้ว

        น้ำเสียงดูถูกในวิหารที่ดังบาดหูลอยเข้าหูเย่เฉิน ราวกับเข็มทิ่มแทงหัวใจเขาก็มิปาน

        สำนักเยี่ยงนี้ช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”

        เสียงแหบพร่าเจือด้วยความเศร้าโศกดังขึ้น เย่เฉินค่อยๆ หันกายจากไป

        นอกวิหาร ทั่วภูเขาวิญญาณเต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน พลังวิญญาณปกคลุมหนาแน่น เมฆหมอกลอยทั่ว นกกระสาร่ายรำ ที่นี่สงบร่มเย็นดุจแดนเซียนในโลกมนุษย์

        ที่นี่ก็คือสำนักเจิ้งหยาง สำนักฝึกตนทางตอนใต้ของแคว้นต้าฉู่

        ทว่าในวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาของเย่เฉินกลับเยือกเย็นเสียเหลือเกิน มันทำให้เขาอดที่จะกอดร่างอันสั่นเทาของตัวเองไว้ไม่ได้

        ข้าบอกแล้ว! เขาถูกขับออกจากสำนักจริงด้วย!”

        เย่เฉินเพิ่งจะก้าวออกมาก็มีเหล่าศิษย์ต่างพากันชี้ไม้ชี้มือ บ้างก็เยาะเย้ยถากถาง บ้างก็ทอดถอนใจ

        จะว่าไปศิษย์พี่เย่ช่างน่าสงสารนัก ก่อนหน้านี้เขาดีกับพวกเรามาก พวกเราไปส่งเขากันเถอะ!”

        ส่งทำไมกัน พวกเราเป็นผู้ฝึกตน ส่วนเขานับเป็นตัวอะไร

        ตอนนี้มันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

        เสียงหัวเราะเยาะและเสียงถอนหายใจรอบด้านทำให้เย่เฉินก้มหน้าลง เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่คำพูดของเขานั้นกลับติดอยู่ในคอราวกับว่าถูกก้างปลาทิ่มแทงคอ เวลานี้เขาเหมือนนักโทษที่ถูกแห่ประจานรอบเมือง เป็นผู้ที่ถูกโลกทอดทิ้ง

        ใช่สิ! เขาไม่ใช่เย่เฉินคนก่อนอีกต่อไปแล้ว

        นับจากวันนี้ไปเขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนเป็นเพียงแค่คนไร้ค่าผู้หนึ่งที่ตันเถียนถูกทำลาย ความภาคภูมิใจในอดีตบัดนี้ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว เขาต้องเผชิญหน้ากับโลกที่แสนเย็นชา และทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับมัน

        โอ๊ะโอ!

        เสียงหัวเราะขบขันดังมาจากข้างหน้า ศิษย์ชุดขาวในมือถือพัดผู้หนึ่งเดินเข้ามา สายตาเต็มไปด้วยความขบขันจ้องมองเย่เฉินนี่ใครกัน! นี่มิใช่ศิษย์พี่เย่ของพวกเราหรอกหรือ!”

        เย่เฉินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองคนที่เดินเข้ามาผ่านเส้นผมที่ปรกใบหน้า เขามีใบหน้าขาวหมดจด ริมฝีปากบางแฝงแววร้ายกาจ เขานับว่ามีใบหน้าหล่อเหลาแต่กลับมีดวงตาดุจหงส์

        จ้าวคัง” เย่เฉินจำชื่อคนผู้นี้ได้ จ้าวคังในตอนนั้นมิได้มีท่าทางเย่อหยิ่งเฉกเช่นตอนนี้ ตอนนั้นเขาเคารพศิษย์พี่เย่อย่างเขายิ่งนัก

        จุ๊ๆ!

        ความคิดของเขาถูกขัดจังหวะลง จ้าวคังเดินวนรอบเย่เฉินหนึ่งรอบ พลางกวาดสายตามองประเมินอีกฝ่าย ปากก็ส่งเสียงไม่หยุดศิษย์พี่เย่! วันนี้ไฉนจึงมีสภาพตกอับเช่นนี้เล่า เห็นศิษย์พี่แล้วข้าช่างปวดใจเสียจริง!”

        เย่เฉินรู้ว่านี่เป็นคำถากถาง เขาจึงไม่คิดจะพูดอะไรให้มากความ พลางก้าวเดินต่อทันที

        หยุดก่อน!” จ้าวคังก้าวเข้ามาขวางเย่เฉิน พลางโบกพัดเบาๆ มองเย่เฉินด้วยท่าทางสนุกสนาน

        ถอยไป

        กลายเป็นคนไร้ค่าไปแล้ว ยังจะทะนงตนอีกจ้าวคังรวบพัดเข้าด้วยกัน รอยยิ้มบนใบหน้าพลันสลายไปเจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นเย่เฉินคนเดิมอยู่อีกหรือ?”

        เย่เฉินร่างสั่นสะท้าน อยากจะโต้ตอบกลับไป แต่ไม่มีแรงจะเอ่ยปาก

        อยากไปงั้นหรือ? ย่อมได้จ้าวคังเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พูดพลางกางขาออก มองเย่เฉินอย่างขบขันคลานลอดหว่างขาข้าไปสิ! บางทีข้าอาจจะให้หินวิญญาณเป็นค่าเดินทางกับเจ้าสักสองสามก้อนก็ได้

        จ้าวคังมีเสียงหนึ่งดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมอง ในดวงตามืดดำไร้แสงของเย่เฉินมีประกายเยือกเย็นวาบผ่าน

        ศิษย์พี่จ้าวคัง ท่านทำเช่นนี้…” ท่ามกลางฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบด้านมีเสียงศิษย์ดังขึ้น เขาคิดจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้เย่เฉิน เพียงแต่เขานั้นช่างอ่อนแอยิ่งนัก คำพูดจึงไร้น้ำหนัก

        รนหาที่ตาย?” จ้าวคังหันหน้าไปตวาดกร้าว ถลึงตาจ้องศิษย์ผู้นั้น รอบด้านพลันเงียบสงัด คล้ายหวาดกลัวในพลังของจ้าวคัง กระทั่งหายใจก็ยังไม่กล้าส่งเสียงดัง

        เมื่อกำราบศิษย์รอบด้านลงได้ จ้าวคังก็มองไปทางเย่เฉินอีกครั้ง พลางหัวเราะเยาะเย่เฉิน เจ้าจะคลานหรือไม่คลาน? ข้า…”

        พูดยังไม่ทันจบจ้าวคังก็หยุดไว้ก่อน เพราะไม่ไกลออกไปเขาเห็นเงาร่างหนึ่งกำลังเดินเข้ามา

        ผู้มาเยือนอาภรณ์พลิ้วไหว ผมยาวราวกับคลื่นทะเลเป็นประกาย ใบหน้างดงามหมดจดจนทำให้คนหยุดหายใจ นางเปรียบเสมือนเซียนหญิงที่ลงมาเยือนโลกมนุษย์ บริสุทธิ์เหนือโลกีย์

        เป็นศิษย์พี่จีหนิงซวงศิษย์รอบด้านดวงตาเป็นประกาย

        โดยเฉพาะบุรุษเพศ ในดวงตายิ่งเจือประกายร้อนแรง เผยให้เห็นความชื่นชมและความปรารถนาอย่างไม่ปิดบัง นางเป็นถึงเซียนหญิงผู้งดงามไร้ที่ติแห่งสำนักนอกเจิ้งหยาง เป็นที่หมายตาของบุรุษทั้งหลาย

        ทั่วทั้งสำนักเจิ้งหยางมีใครบ้างไม่รู้ ยามจีหนิงซวงอยู่เบื้องหน้าเหล่าศิษย์นางเย็นชาราวกับกีดกันผู้คนออกไปพันลี้ ทว่ามีเพียงอยู่ต่อหน้าเย่เฉินเท่านั้นนางถึงจะเผยด้านอ่อนหวานออกมา พวกเขาทั้งคู่ได้รับยกย่องให้เป็นดั่งกิ่งทองใบหยกแห่งสำนักเจิ้งหยาง

        แน่นอนว่าภาพเช่นนั้นเป็นเพียงอดีตไปเสียแล้ว

        บัดนี้เย่เฉินตกต่ำลง จีหนิงซวงผู้สูงส่งไม่มีทางยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวานดั่งในวันวานอีกต่อไป

        จีหนิงซวงเย่เฉินเอ่ยเสียงแหบพร่า เขาไม่ได้หันไป ทว่าในดวงตากลับเจือแววสลับซับซ้อน

        นางเป็นคนที่เขาเคยยอมทุ่มชีวิตปกป้อง แต่นับจากที่ตันเถียนของเขาถูกทำลาย และสูญเสียพลังฝึกฝน จีหนิงซวงที่มักจะยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวานตอนนี้กลับกลายเป็นมีท่าทีเย็นชา

        นับตั้งแต่บัดนั้นเย่เฉินก็เข้าใจแล้วว่า ความรู้สึกและมิตรภาพที่เคยหนักแน่นดุจขุนเขา ทั้งหมดล้วนสลายไปแล้ว

        ศิษย์น้องหนิงซวงทางด้านจ้าวคังกางพัดออกด้วยท่าทางสบาย ใบหน้ายิ้มต้อนรับอีกฝ่าย ต่างจากท่าทางร้ายกาจก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน

        จีหนิงซวงเพียงพยักหน้ารับอย่างสุภาพให้จ้าวคังที่ยิ้มให้ ทว่าสีหน้ายังคงเย็นชา ราวกับว่าความวุ่นวายใดๆ ในโลกล้วนไม่อาจทำให้ดวงตาอันงดงามของนางปรากฏระลอกความรู้สึกได้

        นางค่อยๆ เดินมาตรงหน้าเย่เฉิน แม้ในใจจีหนิงซวงจะมีความเสียใจ แต่ทว่าในดวงตากลับมีเพียงความเย็นชา คล้ายกำลังกล่าวว่า พวกเราไม่ได้เดินบนเส้นทางเดียวกันอีกแล้ว

        เดินทางปลอดภัยเพียงสี่คำสั้นๆ แม้จะไพเราะดุจเสียงสวรรค์ แต่กลับไม่สามารถปกปิดความเย็นชาในน้ำเสียงของจีหนิงซวงได้

        ท่าทางเช่นนี้ของเจ้า เวทนาหรือ?” เย่เฉินไม่ได้หันมองจีหนิงซวง เขาทำเพียงก้มลงเก็บย่ามที่ตกอยู่บนพื้น ในคำพูดปราศจากความอบอุ่นเช่นวันวาน คำพูดเช่นนี้ทำให้คนฟังปวดใจยิ่งนัก

        จีหนิงซวงไม่กล่าวอันใด ความรู้สึกในอดีตเหลือเพียงความทรงจำอันเลือนลาง

        ข้าไปล่ะเย่เฉินปัดฝุ่นบนย่าม แล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินจากไปอย่างเหนื่อยล้า ใต้แสงจันทร์เงาร่างผอมแลดูอ้างวางโดดเดี่ยว

Author Glory Forever