มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 ตอนที่ 101 การแข่งขันคืนชีพ

        จีหนิงซวงหรือ?

        เมื่อได้ยินชื่อนี้ เย่เฉินที่มีสมาธิที่แน่วแน่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

        การปรากฏขึ้นอีกครั้งของร่างศักดิ์สิทธิ์ในต้าฉู่ทำให้เขาประหลาดใจ และยังมาปรากฏขึ้นที่สำนักเจิ้งหยางอีกก็ยิ่งเกินความคาดหมายของเขา แต่เรื่องอดีตคนรักของเขาคือร่างศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเช่นกัน

        “นึกไม่ถึงว่านางคือร่างศักดิ์สิทธิ์” เย่เฉินพึมพำกับตนเอง พร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไป ประกายตาของเขาก็ดูไม่แน่นอน

        “เพิ่งจะถูกปลุกขึ้นมาหรือเปล่า?”

        “ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

        “มิน่าล่ะระดับการฝึกตนของนางจึงก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว”

        “ถ้าจะพูดถึงจีหนิงซวง มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ” เย่เฉินพึมพำในใจ เซี่ยอวิ๋นที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับเดาะลิ้นไม่หยุด “ได้ยินมาว่าการประลองสำนักนอกของสำนักเจิ้งหยาง นางมีความแข็งแกร่งขนาดเข้าสู่สำนักในได้ และที่สำนักในนางยังทำร้ายผู้ที่เป็นศิษย์แท้จริงเก้าอันดับแรกคนหนึ่งของสำนักเจิ้งหยางจนกระอักเลือด พละกำลังของนางนี่ไม่มีสิ้นสุดจริงๆ !

        เย่เฉินนิ่งเงียบไม่พูดจา อดีตคนรักของตนเองมีสายเลือดในตำนานติดตัวมา ทำให้เขายากที่จะยอมรับมันอยู่ครู่หนึ่ง

        “ร่างศักดิ์สิทธิ์! ดูจากท่าทีนี้แล้ว การประลองครั้งใหญ่ของสามสำนักในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า สำนักเจิ้งหยางจะต้องบีบคั้นสำนักชิงอวิ๋นและสำนักเหิงเยว่ของข้าเป็นแน่” เซี่ยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะขยี้คิ้วของเขา “เท่าที่ข้ารู้มา ศิษย์แท้จริงในสำนักในของสำนักเหิงเยว่คงจะหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับนางได้ยากจริงๆ”

        “พวกเราไม่ใช่คนที่เดินร่วมทางเดียวกันแล้วจริงๆ” เมื่อได้ฟังเซี่ยอวิ๋นพูดถึงความแข็งแกร่งที่โดดเด่นของจีหนิงซวง เย่เฉินก็นิ่งเงียบ และแสดงรอยยิ้มที่เย้ยหยันออกมา

        เขาแน่ใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าในวันนั้นจุดตันเถียนของเขาจะไม่ถูกทำลาย เขาและจีหนิงซวงก็ไม่อาจจะลงเอยกันได้อย่างแน่นอน

        ร่างศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสายเลือดที่สูงส่งมาก จีหนิงซวงเป็นบุคคลที่สูงส่งมาก ในเมื่อรู้ว่าตนเองคือร่างศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความทะนงตนของนาง จะอยู่กับเขาซึ่งเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นธรรมดาผู้หนึ่งได้หรือ?

        ไม่ได้อย่างแน่นอน!

        คำตอบของเย่เฉินคือการปฏิเสธ

        นี่คือโลกของผู้ฝึกตน แม้ว่าจะดูสวยงามล้ำค่า แต่กลับโหดร้ายเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคู่รักและเหมาะสมกันก็ตาม

        ในตอนนี้ ก็เข้าสู่ยามวิกาลโดยสมบูรณ์

        เซียวจิ้งผู้นำศิษย์ของตำหนักบังคับคดี ได้เอาชนะศิษย์คนหนึ่งของยอดเขาเทียนหยางจนผ่านไปได้ การประลองในรอบที่สามของการประลองของสำนักนอกก็ได้สิ้นสุดลง

        และในตอนนี้ ศิษย์จำนวนมากต่างยืดตัวนั่งตรง พวกเขาล้วนเป็นศิษย์ที่จะเข้าแข่งขันการคืนชีพ และจะสามารถเข้าสู่สำนักในได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการแข่งขันคืนชีพที่กำลังจะมาถึงต่อไปนี้

        บนก้อนเมฆ นักพรตเต้าเสวียนได้ใช้ลำแสงศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งเจาะเข้าไปยังแกนกลางของจานเข็มทิศขนาดใหญ่ และมีเสียงหนึ่งล่องลอยออกมา

        “การแข่งขันคืนชีพในการประลองของสำนักนอก เริ่มได้ ณ บัดนี้”

        เวิง!

        เสียงเวิงๆ ของจานเข็มทิศดังขึ้น จานเข็มทิศขนาดใหญ่นั้นก็เริ่มหมุนช้าๆ

        จากนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์สองสายก็ตกลงมาพร้อมกัน ตกลงไปยังทิศตะวันออกและทิศตะวันตก นั่นคือศิษย์ของสวนผลไม้วิญญาณและหอคัมภีร์

        ทั้งสองกระโดดเข้าสู่ลานประลองในทันที การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง

        บางทีอาจเป็นเพราะการคืนชีพมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นทุกคนจึงใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ และแสดงวิชาลับออกมากันอย่างต่อเนื่องและบ้าคลั่ง

        พัฟ!

        ด้วยลำแสงกระบี่ที่น่ากลัวของศิษย์หอคัมภีร์ที่พุ่งออกมา ทำให้ศิษย์ของสวนผลไม้วิญญาณต้องร่วงตกลงไปบนลานประลอง

        การประลองต่อมานั้น มีความดุเดือดเป็นอย่างมาก สามารถพูดได้ว่าเป็นการประลองขั้นนองเลือดเลยทีเดียว ศิษย์ที่ขึ้นไปบนเวทีแต่ละคนจะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพราะว่าการประลองจะจัดขึ้นอีกครั้งในอีกสามปีข้างหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจที่จะใช้โอกาสเพียงครั้งเดียวนี้ให้ดีที่สุด

        “ล้วนแต่คึกคักและบ้าคลั่งจริงๆ” เซี่ยอวิ๋นที่อยู่ด้านข้างของเย่เฉิน ได้ดื่มจนคอแดงหน้าแดงอีกครั้ง คอยดูการประลองไปทีละฉากๆ จนต้องถอนหายใจด้วยความตื่นเต้น

        “เจ้าคิดว่าทุกคนจะนิ่งได้แบบเจ้าหรือไง” เย่เฉินเหลือบมองไปยังเซี่ยอวิ๋นด้วยความไม่พอใจ

        “ไร้สาระ!” เซี่ยอวิ๋นคัดค้าน “พวกเขาหลายคนเข้าร่วมการประลองของสำนักนอกเป็นครั้งแรก และยังมีโอกาสที่จะคืนชีพ ครั้งก่อนที่ข้าเข้าร่วมการประลองของสำนักนอก หากเป็นผู้แพ้จะต้องหดหู่ใจเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม มันก็ดูจะไม่มีอะไรต่างจากเดิมไม่ใช่หรือ?”

        เมื่อได้ยินเซี่ยอวิ๋นพูดแบบนี้ เย่เฉินก็เริ่มจะสนใจ “การประลองของสำนักนอกในครั้งก่อน ตกลงเจ้าแพ้ให้กับผู้ใด”

        “เจียงหยาง” เซี่ยอวิ๋นกัดฟันพูดคำสองคำนั้นออกมา ระหว่างที่พูดก็มองไปยังทิศทางของยอดเขาเหรินหยาง “เขาเป็นศิษย์แท้จริงอันดับหนึ่งในครั้งแรกของยอดเขาเหรินหยาง จะว่าไปเจ้าก็มีความคุ้นเคยกับน้องของเขา”

        “เจียงเฮ่าหรือ?” เย่เฉินถามอย่างไม่แน่ใจ

        เซี่ยอวิ๋นพยักหน้า จากนั้นก็กรอกเหล้าเข้าปาก และโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ “ไม่ใช่ว่าพละกำลังของข้าจะสู้เขาไม่ได้ และยิ่งไม่ใช่เพราะระดับการฝึกตนจะด้อยกว่ากัน เพียงแต่ต่างกันตรงโชคเล็กๆ เท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเมฆดำที่มาปกคลุมในตอนนั้น ข้าจะแพ้หรือ?”

        “มันเกี่ยวอะไรกับสภาพดินฟ้าอากาศ! แพ้ก็แพ้ไปแล้ว จะมาพูดแบบนี้ก็เปล่าประโยชน์”

        “เจ้าจะไปรู้อะไร” เซี่ยอวิ๋นด่ากลับไป “ในวันนั้นพวกเรากำลังต่อสู้ในกระบวนท่าสุดท้าย และวิชาลับของข้า จำเป็นจะต้องอาศัยแสงแดด แต่กลับมีเมฆดำปรากฏขึ้นมา ทำให้พลังปรากฏออกมาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว”

        “โชคชะตา ล้วนแต่เป็นโชคชะตา” เย่เฉินใช้คำพูดของเซี่ยอวิ๋นก่อนหน้านี้ย้อนกลับมาพูดอีกครั้ง และยังแสดงสีหน้าที่ดูมีนัยออกมา

        “อือ นี้เป็นโชคชะตา” เซี่ยอวิ๋นถอนหายใจ แต่เมื่อมองไปยังฮั่วเถิง ชายผู้นี้ก็ยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ข้าคิดว่าข้าโชคร้ายพอแล้วนะ แต่ไม่นึกเลยว่าฮั่วเถิงจะโชคร้ายกว่าข้าเสียอีก”

        “ทำไมกัน เขาโชคร้ายกว่าเจ้าอย่างไร?” เย่เฉินมองไปยังฮั่วเถิง และมองกลับมายังเซี่ยอวิ๋น

        “ข้าหมายถึงว่า ในตอนนั้นที่ฮั่วเถิงต้องเผชิญหน้ากับข่งเฉา สู้กันอย่างสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน แต่เมื่อโจมตีจนถึงช่วงสุดท้าย ค้อนม่วงทองของเขาก็ระเบิดออก และเขาก็ถูกแรงระเบิดนั่นจนกระเด็นออกไป สุดท้ายข่งเฉาจึงเป็นผู้ชนะในการประลอง เจ้าว่ามันงี่เง่าไหมล่ะ”

        “มันช่างน่าหดหู่ใจยิ่งนัก” เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

        “หากในวันนี้เขาต้องพ่ายแพ้ให้กับจื่อซานแห่งยอดเขาตี้หยาง ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าโมโหยิ่งนัก” เซี่ยอวิ๋นกอดน้ำเต้าใส่เหล้าเอาไว้และพูดอีกครั้ง “ต่อไปหากได้เข้าไปสำนักใน เจ้าต้องระวังข่งเฉาให้ดี เจ้าคนนั้นเป็นพวกที่ไม่ยอมเอาชีวิตเข้าแลก มันจะมีแผนชั่วร้ายต่างๆ อยู่เสมอ อ้อจริงสิ และยังมีจั่วชิวหมิง ผู้นำศิษย์ของวิหารประกาศิตด้วย เจ้าคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไรเลย”

        “เข้าใจแล้ว” เย่เฉินพยักหน้าอย่างขอไปที

        “เรื่องที่ข้าพูดให้ฟัง ไม่ได้มาพูดเล่นๆ นะ” เมื่อเห็นว่าเย่เฉินไม่ได้ให้ความใส่ใจมากนัก เซี่ยอวิ๋นจึงตำหนิออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ใช่ว่าชนะการประลองของสำนักนอกแล้วจะสามารถเข้าสำนักในได้ทันทีนะ ยังจะต้องผ่านการทดสอบที่ป่าร้างก่อน”

        “ข้ารู้อยู่แล้ว ด้านในนั้นมีกับดักและค่ายกล มีสัตว์อสูร หุ่นเชิดและยังมีการไล่ล่าของศิษย์สำนักในอีกด้วย”

        “ปัญหามันก็อยู่ตรงนี้แหละ คนที่ข้าเพิ่งจะเอ่ยถึงอย่าง เจียงหยาง ข่งเฉาและจั่วชิวหมิง คือคนที่สำนักในส่งให้มาคอยทดสอบพวกเรา ทั้งสามคนนี้เป็นพวกคนชั่วช้าที่มารวมตัวกัน ซึ่งหากให้พวกเขารวมตัวกันได้แล้ว มันย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับพวกเราแน่นอน”

        เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เฉินจึงขมวดคิ้วขึ้น

        หากเซี่ยอวิ๋นไม่ได้บอก เขาก็คงจะไม่นึกถึงเรื่องพวกนี้ ทั้งสามคนนั้นคือผู้มีความโดดเด่นเหนือคนอื่นในการประลองครั้งก่อน แน่นอนว่าคงไม่ได้มีจิตใจดีงามอะไรแน่ บวกกับสามปีที่พวกเขาได้ฝึกฝนในสำนักใน พละกำลังจะต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน และความแค้นของเขากับสองยอดเขาและวิหารประกาศิต หากต้องพบกันในป่าร้าง ถ้าไม่ถูกฆ่าตายคงจะแปลกน่าดู

        “แบบนั้นก็อวยพรให้ตนเองก็แล้วกัน! หวังว่าสวรรค์จะให้เราได้อยู่กลุ่มเดียวกันนะ” เซี่ยอวิ๋นตบบ่าของเย่เฉิน

        เย่เฉินก็คิดอย่างเดียวกัน การทดสอบในป่าร้างจะต้องปฏิบัติกันเป็นกลุ่ม หากสามารถจะรวมกลุ่มกับเซี่ยอวิ๋นและฮั่วเถิงได้ พละกำลังการต่อสู้ของพวกเขาก็จะดุดันมากขึ้น เรื่องการเข้าสู่สำนักในก็คงเป็นเรื่องที่จะสำเร็จได้อย่างแน่นอน

        แต่ก็ไม่มีอะไรที่แน่นอน เย่เฉินลูบคางตนเอง หากโชคร้ายละก็ เรื่องไร้สาระก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ

        เมื่อคิดขึ้นมาเช่นนี้ในใจ เย่เฉินก็มองไปยังลานประลองอีกครั้ง

        การแข่งขันคืนชีพใช้เวลายาวนานและมีความรุนแรงกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก ลานประลองที่ราบเรียบและแข็งแกร่ง ได้เต็มไปด้วยคราบเลือด และกลายเป็นหลุมบ่อจากการโจมตีของวิชาลึกลับที่ทรงพลัง

        เมื่อเวลาเคลื่อนผ่านไป ม่านฉากแห่งราตรีก็ค่อยๆ เลือนหาย การแข่งขันคืนชีพที่ดำเนินมาตลอดทั้งคืนใกล้สิ้นสุดลงแล้ว

        “จะให้ข้ามารอเป็นคนสุดท้ายเช่นนี้ไม่ได้สิ!” เย่เฉินแอบบ่นเบาๆ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังจานเข็มทิศขนาดใหญ่นั่น

        เมื่อเขามองไปแล้ว อย่าบอกนะว่า ดูเหมือนจานเข็มทิศนั่นจะเข้าใจความหมายของเขา ทันใดนั้นก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกมา และตกลงมายังตัวเขาพอดี และเมื่อมองไปยังแสงศักดิ์สิทธิ์อีกสายหนึ่ง เขาถึงกับต้องยิ้มเยาะที่มุมปาก

        เมื่อมองไปยังด้านตรงข้ามอีกครั้ง คนที่ต้องต่อสู้กับเย่เฉินนั้นก็คือ จื่อซานแห่งยอดเขาตี้หยาง

Author Glory Forever