มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 2 บทที่ 43 หกสำนักแห่งเทียนตู

        บทที่ 43 หกสำนักแห่งเทียนตู

        ค่ำคืนในเมืองเว่ยยางยังคงคึกคักเช่นเดิม บรรดาร้านรวงก็เปิดกันจนดึก ลั่วถูก็คร้านจะสนใจแล้วว่าเจียงหมิ่นจะเลือกเสื้อผ้าแบบไหน คิดเสียว่าให้เงินนางใช้แล้วกัน เรื่องสำคัญตอนนี้คือต้องหาโรงเตี๊ยมพักคืนหนึ่งเสียก่อน คิดจะเร่งเดินทางกลับสำนักทั้งวันทั้งคืนคงเป็นไปไม่ได้ แน่นอนว่าสำนักจ๋าเสวียก็มีสาขาในเมืองเว่ยยาง ศิษย์มากมายของสำนักจะไปฝึกฝนในสถานที่ต่างๆ บางส่วนเข้าไปยังสนามรบฝานเหริน ใช้สารพัดวิชาที่มีเพื่อแสวงหาคะแนน

        คะแนนที่ได้มาศิษย์แต่ละคนจะเก็บไว้ที่ตัวเอง ทว่าป้ายคะแนนในมือของศิษย์สำนักจ๋าเสวียทุกคน จะแสดงถึงสถานภาพของสาขาต่างๆ ในสำนักจ๋าเสวีย ศิษย์ทุกคนได้รับคะแนนมาเท่าไร จะถูกบันทึกไว้ที่สำนักด้วย

        ในสงครามทุกครั้ง สำหรับทุกสาขาของสำนักจ๋าเสวีย และกระทั่งสำหรับศิษย์ทุกคนล้วนเป็นโอกาสครั้งใหญ่ จำนวนของศิษย์ที่อยู่ในสนามรบเอย คะแนนที่ได้รับจากภารกิจเอย จะเกี่ยวพันถึงการจัดอันดับในสาขาของสำนักขั้นต้น และลำดับสูงต่ำส่งผลถึงทรัพยากรที่ใช้ได้

        ทุกสาขาของสำนักจ๋าเสวียให้ความสำคัญการฝึกฝนทุกครั้งอย่างมาก ถึงขั้นไปส่งศิษย์ของตัวเองไปถึงที่ทำภารกิจเลยทีเดียว

        ศิษย์ที่ได้รับคะแนนสูงสุดภารกิจสิบอันดับแรกจากสำนักขั้นต้น จะมีโอกาสได้รับการคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาต่อที่สำนักจ๋าเสวียขั้นกลาง สำหรับบรรดาศิษย์หรือกระทั่งเหล่าตระกูลทั้งหลายล้วนเป็นรางวัลชิ้นโต

        แน่นอนว่า กับพวกที่ไม่มีไม่มีหวังเปิดวิญญาณสำเร็จอย่างลั่วถู แถมยังเป็นแค่คนขนศพ เดิมทีสำนักก็ไม่ได้สนใจพวกเขานักอยู่แล้ว คนที่สำนักสนใจคือพวกคนชั้นสูงในสำนักต่างหาก

        เหมือนกับสนามรบในครั้งนี้ที่ศิษย์ของสำนักเจิ้นเต้าได้ทำงานภายใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เหมิงเถิง ในสมรภูมิระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ ศิษย์นับสิบร่วมมือกันวางอาคมสยบพยัคฆ์จับมังกร ทำให้กองทัพเผ่ามนุษย์ใช้คนน้อยกว่าเอาชนะเผ่าปีศาจได้ สร้างความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ให้แก่กองทัพเผ่าปีศาจจนแม่ทัพใหญ่เหมิงเถิงพอใจมาก ถึงขั้นมอบรางวัลให้ศิษย์กลุ่มนี้รายบุคคลคน หรือทางด้านศิษย์ฝูเต้ากลุ่มหนึ่งที่เขียนยันต์อาทิตย์ผลาญชั้นเลิศจำนวนมากให้กองทัพ ประจวบเหมาะกับที่ครั้งนี้กองทัพของตงหลี่เช่อถูกลอบโจมตีกลางทาง ทำให้ไปเสริมทัพไม่ทัน จึงเป็นโอกาสของยันต์อาทิตย์ผลาญนี่เองที่ได้ทำผลงานครั้งใหญ่ สกัดการตามล่าและล้อมรอบของเผ่ามารเอาไว้ ทำให้กองทัพฝ่ายซ้ายของแม่ทัพใหญ่ทะลวงออกไปได้ ถึงจะสูญเสียไม่น้อย แต่ก็รักษากองทัพหลักไว้ได้ รอดพ้นจากการถูกเผ่ามารทำลายล้างไปได้

        เมื่อเทียบกับอีกห้าสำนัก สำนักจ๋าเสวียเรียกได้ว่าร่ำรวยที่สุด ถึงจะเป็นสำนักเหรินจงที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ไม่มีทางมั่งคั่งเหนือกว่าสำนักจ๋าเสวียได้ ส่วนสำนักอื่นๆ อย่างสำนักตูหลิง สำนักฉีเหอ สำนักเทียนเหอและสำนักหลิงกวางนั้นยังห่างชั้นนัก บ่อยครั้งยังรับภารกิจจากสำนักจ๋าเสวียไปหาเงินเสียด้วยซ้ำ! เพราะทุกปีสำนักจ๋าเสวียจะขายแต่เม็ดยา ขายสมุนไพร ขายยันต์ ขายอาวุธ ขายจานอาคมต่างๆ จนแทบจะครองตลาดชั้นล่างของเผ่ามนุษย์ได้ทั้งหมด แม้กระทั่งกับชนเผ่าอื่นก็สามารถหาซื้อยา  อาวุธหรือยันต์ที่ผลิตโดยเผ่ามนุษย์ได้อย่างง่ายดาย

        มันก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อคนของสำนักจ๋าเสวียล้วนทำธุรกิจพวกนี้กันทั้งนั้น พวกเขาฝึกเขียนยันต์ ฝึกทำอาวุธ ฝึกอาคม อุปกรณ์เซ่นไหว้และอื่นๆ กระทั่งในแผ่นดินต้นกำเนิดทั้งนักดนตรี นักเต้น จิตรกรมากมายล้วนมาจากสำนักจ๋าเสวีย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อีกห้าสำนักเทียบไม่ติด

        แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้เอง ศิษย์ของอีกห้าสำนักถึงจะมีพลังรบมหาศาลน่าเกรงขาม แต่กลับไม่มีใครกล้าลงมือล่วงเกินสำนักจ๋าเสวียตามใจชอบ เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากซื้อยาและอาวุธด้วยราคาสูงกว่าคนอื่นกึ่งหนึ่ง หรืออาจมากกว่าถึงเท่าตัวอยู่แล้ว เรื่องเช่นนี้สำนักจ๋าเสวียกล้าทำแน่นอนถึงสำนักเหรินจงจะอารมณ์ร้อนเพียงไร สำนักจ๋าเสวียอย่างมากก็แค่ไม่สนใจเจ้า ยังคงค้าขายกับอีกสี่สำนักได้อยู่ดีไม่ใช่หรือ เจ้าพลังรบแข็งแกร่ง แต่ถ้าข้าเอาอุปกรณ์ชั้นเลิศให้ศิษย์อีกสี่สำนัก ถึงเวลาขึ้นสนามประลอง ดูสิว่าใครจะเหนือกว่า…

        เมื่อตอนแรกเริ่ม สำนักจ๋าเสวียเคยทำเช่นนั้นมาแล้ว ทำให้อีกห้าสำนักแห่งเทียนตูถึงในใจจะดูหมิ่นเหยียดหยามสำนักจ๋าเสวียที่มีแต่กลิ่นเงินเพียงไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าสำนักจ๋าเสวียไม่อาจล่วงเกินได้จริงๆ  แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกศิษย์ของทั้งห้าสำนักจะด้อยกว่าศิษย์สำนักจ๋าเสวียไปเสียหมด

        อย่างไรความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์ไม่ได้เกี่ยวพันถึงความสัมพันธ์ของระหว่างสำนักแต่อย่างใด การวิวาทของคนผู้น้อย ย่อมไม่อาจส่งผลกระทบถึงความขัดแย้งระหว่างสำนักได้อยู่แล้ว

        แต่เทียบกับคุณสมบัติการรับสมัครที่โหดร้ายของอีกห้าสำนัก สำนักจ๋าเสวียมีเงื่อนไขการรับสมัครต่ำกว่ามาก เหมือนกับสำนักสาขาซินตัน สวนปลูกสมุนไพรก็มีนับแสนไร่ นั่นต้องใช้ศิษย์รับใช้มากเท่าไรถึงจะดูแลสวนสมุนไพรพวกนี้ได้ ไหนจะยังการเก็บสมุนไพร บดยา คุมไฟ ทดลองยาและขั้นตอนอื่นๆ อีกซึ่งต้องการคนจำนวนมาก ทำให้สำนักจ๋าเสวียมีข้อกำเนิดเพียงอย่างเดียวคือผู้ที่คิดจะเข้าสำนักต้องมีสติปัญญาครบถ้วนสมประกอบ ก็เข้าร่วมได้แล้ว อย่างไรเสียการอยู่ในสำนักก็ช่วยให้พวกเขามีชีวิตอยู่รอดได้ซ้ำยังประหยัดอีกด้วย เรื่องนี้ยังช่วยให้สำนักประหยัดเงินได้มากกว่าการจ้างคนนอกมาทำงานมากมายนัก

        ส่วนเรื่องที่ว่าศิษย์รับใช้พวกนี้จะเรียนรู้อะไรได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของแต่ละคนแล้ว ในแต่ละเดือนจะมีอยู่สักสองสามวันที่มีการเปิดห้องเรียนของแต่ละสาขา ไปทำการเรียนการสอนที่ลานกว้างขนาดใหญ่ ถ้าอยากฟัง ก็ไปฟัง จะเก็บเกี่ยวได้เท่าไร อาจารย์ผู้สอนก็คร้านจะสนใจ หากศิษย์รับใช้มีโอกาสได้แสดงความสามารถจนทำให้อาจารย์เห็น เช่นนั้นก็อาจได้เป็นศิษย์ของสำนักจ๋าเสวียจริงๆ ก็ได้

        เมื่อกลายเป็นศิษย์ ก็สามารถได้เรียนรู้มากขึ้น เช่นทดลองยา จัดยา คัดแยกสมุนไพร อาจารย์จะให้เวลากับศิษย์มากขึ้น เข้าใกล้อาจารย์ได้มากขึ้น ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้นตามไปด้วย… ซ้ำยังมีโอกาสได้ฟังบรรยายมากขึ้นไปอีก มีโอกาสหาคะแนนมากขึ้น และคะแนนพวกนี้เองที่สามารถใช้แลกเป็นยากับทางสำนักได้ หรือกระทั่งแลกกับการอ่านตำราให้หอสมุดได้…

        โดยรวมแล้วจากที่ลั่วถูสังเกต สำนักจ๋าเสวียเป็นเหมือนอาณาจักรย่อส่วน มีผู้คนหลากชนชั้น มีธุรกิจมากมาย… แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างยุติธรรม นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกคนเท่ากัน เพียงแค่คว้าโอกาสได้ หรือทุ่มเทมาพอ ก็จะสามารถเลื่อนสถานะของตัวเองได้เร็วขึ้น หรือกระทั่งมีโอกาสเข้าสำนักขั้นกลางด้วยซ้ำ

        ที่จริงแล้วสำนักขั้นกลางเป็นที่รวมตัวของยอดฝีมือแห่งโลกชั้นล่างก็ว่าได้ เพียงแต่รายชื่อของผู้ที่จะได้เข้าสู่สำนักขั้นกลางนั้นไม่ใช่ของที่จะหาได้ง่ายๆ เพื่อจะได้รับการเสนอรายชื่อเข้าสู่สำนักขั้นกลางแล้ว ตระกูลมากมายต่างแย่งชิงกันจนเลือดตาแทบกระเด็น ท้ายที่สุดก็ไม่เห็นว่าจะสำเร็จแต่อย่างใด

        สถานะของลั่วถูค่อนข้างพิเศษทีเดียว เพราะความจริงแล้วเขาเป็นศิษย์ของสำนักจ๋าเสวียสาขาเทียนอี้นั่นเอง เป็นเพราะการแสดงอาคมของเขามีพรสวรรค์ไม่เลว ทำให้อาจารย์ชื่นชอบ ทว่าหลังจากเขาได้เป็นศิษย์ของสาขาเทียนอี้ เขากลับวิ่งไปฟังบรรยายของสาขาซินตันหลายต่อหลายครั้งเพื่อศึกษายาเปิดวิญญาณ จากนั้นด้วยเหตุบางอย่าง เขาก็ได้กลายเป็นศิษย์รับใช้พิเศษของสาขาซินตัน อย่างน้อยในสาขาซินตันเขาก็เป็นเพียงศิษย์รับใช้ การปลูกสมุนไพร จัดยา คุมไฟ แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ศิษย์ควรทำ ทว่าลั่วถูกลับแย่งหน้าที่พวกนั้นมา เพราะเขาสามารถสร้างจานอาคมและธงอาคมได้ อีกทั้งยังมีความรู้พิเศษเฉพาะตัวเกี่ยวกับด้านกลไก เรื่องพวกนี้พอจะช่วยอาจารย์ได้เล็กน้อย ดังนั้นเมื่อเห็นว่าลั่วถูขยันขันแข็ง ก็จัดเตรียมเรื่องพวกนี้ให้เขา ส่วนเรื่องที่เขาจะเรียนรู้การปรุงยาได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของลั่วถู พวกอาจารย์ไม่ได้สนใจนักอยู่แล้ว

         “นี่มันศิษย์น้องลั่วไม่ใช่หรือ?” ขณะที่ลั่วถูเตรียมเข้าไปในโรงเตี๊ยมฉางหลาย เสียงทักทายเสียงหนึ่งดังได้ขึ้นอย่างกะทันหันจนทำให้เท้าของลั่วถูถึงกับชะงักลง แต่เขาไม่ได้หันกลับไป ทำเพียงเดินเข้าสู่โรงเตี๊ยมต่อ แค่ได้ยินเสียงเขาก็รู้ตัวเจ้าของเสียงแล้ว

        หม่าทงเทียนเป็นคนที่ลั่วถูไม่อยากพบมากที่สุดในชีวิตนี้ สาเหตุที่เขาต้องออกจากสาขาเทียนอี้ย้ายไปยังสาขาซินตันส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหม่าทงเทียนผู้นี้นี่เอง

        พรสวรรค์ด้านอาคมของหม่าทงเทียนไม่เลวเลย กอปรกับความสัมพันธ์กับสำนักอย่างลึกซึ้ง จึงถือได้ว่าเป็นกลุ่มคุณชายก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าใครไปขยายข่าวเรื่องที่เดิมทีลั่วถูเป็นขยะที่ถูกส่งมาจากโลกชั้นสูง หม่าทงเทียนจึงแวะเวียนไปหยอกล้ออยู่บ่อยครั้ง และในเวลานั้นตัวลั่วถูเองก็หยิ่งทะนงไม่เบาเช่นกัน อย่างไรเสียเขาก็มาจากโลกชั้นสูง ไม่มีวันยำเกรงพวกนักเลงเสเพลอยู่แล้ว จนกระทั่งใช้อาคมสั่งสอนหม่าทงเทียนไปหนหนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นความแค้นไม่รู้จบ

        ภูมิหลังของหม่าทงเทียนเกี่ยวพันกับสาขาเทียนอี้อย่างลึกซึ้งทีเดียว ถึงลั่วถูจะเป็นศิษย์ของสาขาเทียนอี้ แต่กลับถูกบีบให้ออกด้วยสารพันวิธีการน่ารำคาญ และตัวเขาที่เป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดา จะเก่งเพียงไหนก็ไม่อาจรับมือกับแผนลอบกัดมากมายขนาดนั้นไหว เขาจึงย้ายไปยังสาขาซินตันเสียดีกว่า เกรงว่าการเป็นศิษย์รับยังดูจะสบายกว่าถูกรังแกในสาขาเทียนอี้มากโข 

        เสียงของหม่าทงเทียนถึงลั่วถูจะไม่ได้ยินนานนับปีแต่เขาไม่มีทางลืมเด็ดขาด และครั้งนี้ก็ไม่รู้เป็นเพราะโชคชะตาบันดาลหรือไร ในบรรดาศิษย์สาขาเทียนอี้ที่ทำผลงานครั้งใหญ่ให้กับแม่ทัพใหญ่เหมิงเถิง ก็มีหม่าทงเทียนผู้นี้รวมอยู่ด้วย อาคมที่พวกเขาติดตั้งไว้สร้างความเสียหายให้เผ่าปีศาจไม่น้อย ทำให้ได้รับรางวัลมากมาย ลั่วถูคิดว่าคนกลุ่มนี้ยังอยู่ในกองทัพเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะกลับมายังเมืองเว่ยยางก่อนเขาก้าวหนึ่งเช่นนี้

         “เถ้าแก่ ขอห้องธรรมดาสองห้องให้ข้า… ” ลั่วถูกล่าวอย่างเรียบเฉย เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนคุณชายหม่าผู้นี้ จะสู้ก็ไม่ได้ จะหนีก็ไม่พ้น ขืนต่อความยาวสาวความยืดกับหม่าทงเทียนอีก เขาคงรู้สึกขยะแขยงเกินทน

         “ไม่มีปัญหา… ”

         “เถ้าแก่ห้องพักทั้งหมดของเจ้า คุณชายผู้นี้ขอเหมาเอง นี่คือเงินมัดจำ ตอนนี้ห้องพักทั้งหมดเป็นของข้าแล้ว” เถ้าแก่ยังพูดไม่ทันจบดี เหรียญฟ้าถุงหนึ่งก็ถูกเทลงบนโต๊ะเสียแล้ว แสงสีฟ้าส่องประกาย ช่างเป็นความงดงานที่น่ารื่นรมย์ไม่หยอก เป็นฝีมือของหม่าทงเทียนที่กำลังส่งรอยยิ้มจอมปลอมให้กับลั่วถูนั่นเอง

        เถ้าแก่ตะลึงไปแล้ว บนใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มกว้างพลางกล่าวว่า “คุณชายเป็นแขกผู้มีเกียรติ ในเมื่อคุณชายเหมาทั้งหมดแล้ว เช่นนั้น ห้องพักพวกนี้ทั้งหมดก็เป็นของ… ”

         “เถ้าแก่ โรงเตี๊ยมของท่านเหมาทั้งหมดหนึ่งคืนคิดเท่าไรหรือ?” เถ้าแก่พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงของลั่วถูก็ทำให้มือที่กวาดเก็บเหรียญฟ้าเข้ากระเป๋าต้องชะงักไป

         “โรงเตี๊ยมของข้าเล็กนัก ถึงจะเหมาทั้งหมดก็ไม่เยอะสักเท่าไร พวกข้ามีห้องพักทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ห้อง มีแขกเข้าพักหกสิบหกห้อง เหลืออีกเพียงห้าสิบกว่าห้อง ห้องที่มีคนอยู่แล้ว แน่นอนว่าข้าไม่อาจไล่พวกเขาไปได้ อย่างไรเสียที่นี่ก็ต้องรักษาจรรยาบรรณ สวนห้องที่เหลือห้าสิบกว่าห้อง มีห้องระดับสูงสิบสามห้อง ห้องระดับกลางยี่สิบห้อง ที่เหลือเป็นห้องธรรมดา ถ้าเหมาทั้งหมด เพียงสิบสามเหรียญฟ้าก็พอแล้ว”

         “เช่นนั้นข้าให้ยี่สิบเหรียญฟ้า เหมาห้องทั้งหมด” ลั่วถูหยิบถุงเงินเล็กๆ ขึ้นมาถุงหนึ่ง เทลงบนโต๊ะนับด้วยสายตาแล้วมียี่สิบเหรียญพอดี

Author Glory Forever