มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 3 บทที่ 62 บ้าคลั่งถึงขนาดนี้

        บทที่ 62 บ้าคลั่งถึงขนาดนี้

        การที่หอการค้าทั้งสามสามารถยืนหยัดในเมืองเทียนตูได้ ย่อมมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังพวกเขาเป็นธรรมดา ถึงยอดฝีมือตระกูลว่าน หลิวและจ้าวทั้งสามตระกูลจะไม่ได้ลงมือทำเรื่องเล็กน้อยทางการค้าด้วยตัวเอง ก็ไม่ได้แปลว่าเบื้องหลังของทั้งสามตระกูลจะอ่อนแอ ความจริงแล้วได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของหอการค้าทั้งสามถึงกับทะลวงขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์ได้แล้ว เพียงแต่ยอดฝีมือที่ทะลวงสู่ระดับปรมาจารย์ได้จะต้องมีสัญญาข้อจำกัด อีกทั้งยังใช้เวลาส่วนมากในการฝึกฝน ไม่มีกะใจมาทำเรื่องเล็กน้อยวุ่นวายเช่นนี้แน่ แต่ระดับพลังของคนรับใช้ในตระกูลของหอการค้าทั้งสามกลับไม่สูงนัก พวกเขาจึงต้องจ้างทหารรับจ้างจำนวนมาก

        เหล่าทหารรับจ้างล้วนผ่านประสบการณ์รบมาเป็นร้อยศึก ต่อให้ระดับพลังของบางคนจะไม่สูงนัก อาจเป็นเพียงศิษย์สงครามขั้นหนึ่งหรือศิษย์สงครามขั้นสองด้วยซ้ำ ทว่าประสบการณ์ในสนามรบของพวกเขาเหนือชั้นกว่ามากนัก อย่างน้อยหากเทียบกับคนป้องกันค่ายของค่ายของตระกูลลั่วแล้วก็ยังแข็งแกร่งกว่าโข ดังนั้นถึงตระกูลลั่วจะมีข้อได้เปรียบด้านชัยภูมิ แต่ข้อได้เปรียบนั้นก็ถูกพวกเขาทำลายได้อย่างรวดเร็ว หลังจากทหารรับจ้างเหล่านี้บุกเข้าไปในค่ายสำเร็จ คนของตระกูลลั่วก็หมดอำนาจต่อกรโดยสมบูรณ์

        ลั่วเฉิงเจียงแข็งแกร่งมาก อย่างน้อยในกลุ่มทหารรับจ้างทั้งสามก็ไม่มีใครมีฝีมือพอจะเป็นคู่มือของเขาได้สักคน แต่ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ในเมื่อเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งตระกูลลั่ว ทั้งยังเป็นคนที่มีพลังสู้รบแข็งแกร่งที่สุด จึงถูกดูแลเป็นพิเศษไปโดยปริยาย เพียงกู้อวิ๋นเซียวและพวกหัวหน้าจากอีกสองกลุ่มทหารรับจ้างร่วมมือกันสามคน ทำให้เขาหัวหมุนเสียจนไม่อาจปลีกตัวออกไปได้แล้ว

        ว่านเจียฉาย หลิวซื่อและคนอื่นๆไม่คิดจะเข้าปะทะตัวต่อตัวกับลั่วเฉิงเจียงอยู่แล้ว พวกเขาเพียงมารับสินค้าของตนกลับไป แต่หากใครหนาไหนกล้าขวางทางเขาไปหาสินค้าของพวกเขา พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะกำจัดทิ้งโดยไม่เกี่ยงวิธี ดังนั้นหลังจากทั้งสามหอการค้าสังหารคนของค่ายตระกูลลั่วเรียบร้อยแล้ว รอบตัวของลั่วเฉิงเจียงก็ถูกมือดีปิดล้อมไว้นับสิบกว่าคน ถึงลั่วเฉิงเจียงจะเก่งกาจ สุดท้ายก็ทนได้ไม่เกินเวลาหนึ่งถ้วยชาได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกจับกุมในที่สุด

        ว่านเจียฉายเจอรถขนของที่หายไปของตนหลายคันในโกดังตระกูลลั่ว เพียงแต่สินค้ากลับหายไปแล้ว รถที่ว่างเปล่าทำให้ว่านเจียฉายแทบเป็นลม เหมือนว่าเขายังมาช้าไปเล็กน้อย เพราะสินค้าของพวกเขาถูกฝ่ายตรงข้ามส่งต่อไปแล้ว

        สีหน้าของหลิวซื่อกับจ้าวผู่มืดมนอย่างมาก สีหน้าของเหล่าทหารรับจ้างจากกลุ่มทหารรับจ้างของแต่ตระกูลก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร และลั่วเฉิงเจียงที่ถูกจับกลับมีเพียงหน้ามึนงง

        นี่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด รถขนของหลายคันเป็นของที่ทั้งสามหอการค้าใช้เดินทางมาจนถึงนอกเมืองเทียนตูตลอดสิบกว่าวัน คนของหอการค้าทั้งสามมีหรือจะจำผิดอย่างไร เดิมทีพวกเขายังแคลงใจสงสัยในเรื่องนี้อยู่บ้าง ทว่าเมื่อพวกเขาได้เห็นรถที่ว่างเปล่า ความสงสัยเล็กน้อยในใจของพวกเขาทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นจนถึงที่สุด

        ในใจของลั่วเฉิงเจียงหนักอึ้งไปหมด รถเหล่านี้ไม่ใช่ของตระกูลลั่วแน่ เขาไม่สงสัยเลยสักนิด แต่รถขนสินค้าเหล่านี้มาอยู่ในโกดังของพวกเขาได้อย่างไร? เขาไม่เคยได้รับข่าวนี้มาก่อน เพียงมองสีหน้าของว่านเจียฉายและคนอื่นๆ ก็รู้ได้ทันทีเกรงว่าของพวกนี้คือสินค้าที่หายไปของทั้งสามหอการค้า

        ในขณะที่ว่านเจียฉายและคนอื่นๆ พุ่งเข้าโจมตี ลั่วเฉิงเจียงก็เห็นแล้วว่าคนเหล่านี้แทบไม่ได้ขี่ม้าเลย และไม่ได้ลากรถอะไรมาด้วย ของชิ้นใหญ่ขนาดนั้น ถ้ามีคนลากเข้ามา มีหรือเขาจะมองไม่เห็น ดังนั้นตัดเรื่องที่หอการค้าทั้งสามร่วมมือกันใส่ร้ายเขาไปได้เลย ทว่าในค่ายนี้เป็นใครกันแน่ที่ลากรถพวกนี้เข้ามา ถ้าเขารู้ว่าที่จริงแล้วเป็นฝีมือของใคร เขาจะใช้กฎตระกูลที่รุนแรงที่สุดสังหารมันเสีย…

         “ลั่วเฉิงเจียง เจ้ายังจะมีอะไรจะพูดอีกไหม? ถ้าเจ้ายอมคืนสินค้าของพวกเราออกมาเสียดีๆ บางทีข้าอาจยอมไว้ชีวิตเจ้า!” คำกล่าวของหลิวซื่ออัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร เรื่องนี้ตระกูลลั่วต้องหาคำอธิบายให้กับพวกเขา

         “เรื่องนี้ข้าจะตรวจสอบให้ชัดเจน… ” ลั่วเฉิงเจียงลังเลเล็กน้อย แต่ยังคงกล่าวออกมาด้วยความโมโห

         “ลั่วเฉิงเจียง มีอะไรก็กล่าวออกมาตรงๆ เสีย สินค้าของพวกข้าถูกเอาไปไว้ที่ไหนกันแน่ ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมส่งมันคืนมาแต่โดยดี หากเป็นเช่นนั้น บางทีความสัมพันธ์ของพวกเราอาจยังพอเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ถ้าเจ้าคิดจะกินรวบสินค้าของพวกเราสามตระกูลเข้าไปจริงๆ เช่นนั้น ดีไม่ดีพวกเราคงต้องไปเจรจากับพวกเจ้าที่เจียงหยิน!” ว่านเจียฉายกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ในเวลานี้เขาไม่เหลือความกังขาใดเลยสักนิด

         “ผู้อาวุโส ท่านคืนสินค้าให้พวกเถ้าแก่ว่าน เถ้าแก่หลิวกับเถ้าแก่จ้าวไปเถอะ ต่อให้พวกเราตระกูลลั่วจะร้อนเงิน ก็ยังพอใช้วิธีอื่นหามาได้ จะมาทำเรื่องอย่างการกินยาพิษดับกระหายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ต่อให้ข้าเป็นคนของตระกูลลั่ว แต่ข้าว่าครั้งนี้ท่านผู้อาวุโสทำผิดไปแล้ว!”

         “ลั่วถู… ” ลั่วเฉิงเจียงกำลังจะอธิบาย แต่กลับได้ยินเสียงที่ยังเยาว์วัยเสียงหนึ่งดังขึ้น ภายใต้แสงสว่างจากคบเพลิง สายตาของเขากะพริบวาบด้วยความตกตะลึง จึงเผลอหลุดปากเรียกออกมาอย่างเสียมิได้

        ได้ยินลั่วถูกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของว่านเจียฉายกับหลิวซื่อก็ดีขึ้นมาก ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดมาตลอดว่าลั่วถูอาจเป็นไส้ศึกในเรื่องของหายครั้งนี้ แม้ตลอดทางที่ผ่านมาพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แต่ว่าสินค้าชุดหนึ่งเกี่ยวพันถึงเรื่องผลประโยชน์หลักของทั้งสามหอการค้า ต่อให้มีความสัมพันธ์ดีต่อกันขนาดไหนก็ไม่อาจทดแทนได้ แต่การที่ลั่วถูพาพวกเขาเร่งเดินทางมาจนถึงค่ายตระกูลลั่วโดยไม่ลังเล ซ้ำยังเป็นฝ่ายไปเคาะประตูเรียกด้วยตัวเอง แถมตอนนี้ยังกล่าวออกมาอย่างซื่อตรง ก็ทำให้พวกเขาเชื่อแล้วว่าลั่วถูเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำให้ความรู้สึกที่เขามีต่อลั่วถูดีขึ้นมาก

         “ผู้อาวุโส เป็นข้าเอง ครั้งนี้ที่ข้าน้อยกลับมาได้อย่างราบรื่น ก็เพราะลำบากเถ้าแก่ทั้งสามดูแลมาตลอดทาง แค่บุญคุณครั้งนี้ ตระกูลลั่วของพวกเราก็ไม่ควรทำเรื่องไม่ถูกต้องกับเถ้าแก่ทั้งสามท่านแล้ว สินค้าชุดนี้สำคัญมาก หวังว่าผู้อาวุโสจะไม่ตัดสินใจพลาด ถ้าสร้างศัตรูให้กับตระกูลลั่วขึ้นมา ผู้อาวุโส ท่านจะเป็นคนบาปของพวกเราตระกูลลั่ว!” ลั่วถูกล่าวต่อไป

         “ลั่วถู คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร? ตระกูลลั่วของพวกเรามีหรือจะทำเรื่องเช่นนี้ได้… ” ทว่ากล่าวออกมาได้เพียงครึ่งเดียว เขาก็กล่าวต่อไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อเขาหวนนึกถึงบรรดารถที่ว่างเปล่า ถึงจะไม่เห็นสินค้า แต่ก็เป็นหลักฐานสำคัญ เป็นหลักฐานที่ทำให้เขาไม่มีทางแก้ต่างได้อีก

        แต่เมื่อเขาเห็นลั่วถู อารมณ์ที่แสนซับซ้อนวุ่นวายก็ผุดขึ้นในใจ เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้เดิมทีควรเป็นผู้ที่ตระกูลลั่วแห่งเจียงหยินให้การดูแลเป็นพิเศษ เพราะเขามาจากโลกชั้นสูง แต่ในตอนที่เขาถูกทอดทิ้งลงมา ทรัพยากรที่ติดตัวมาด้วยกลับทำให้ตระกูลเกิดความละโมบ เรียกได้ว่าตั้งแต่แรกพบก็โดนคนใจดำมากมายวางแผนทำร้ายเสียแล้ว หลังจากทรัพยากรของเจ้าหนุ่มผู้น่าสงสารหมดลง บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกผิดในใจของคนเหล่านั้น ทำให้พวกเขาไม่ยอมพบหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ หวังเพียงผลักไสเขาไปให้ไกล เป็นเพราะท่าทางเช่นนี้เองที่ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหนุ่มคนนี้กับตระกูลลั่วห่างไกลกันออกไปทุกที และตอนนี้ถึงกับกลายเป็นคนที่คนตระกูลลั่วส่วนใหญ่อยากสังหารทิ้งให้ได้ถึงจะสุขใจ…

        นี่ไม่ใช่ความผิดของฝ่ายตรงข้ามเลย แต่เป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามมีทรัพยากรและโอกาสที่ไม่สมกับฐานะและพลังต่างหาก! เพียงแต่การที่ลั่วถูปรากฏตัวอยู่ที่นี่และตอนนี้ ย่อมหมายความว่าเรื่องที่เกิดกับพวกลั่วฉวินอิงคงเป็นเรื่องร้ายมากกว่าดี เขาถึงกับสังหรณ์ว่า เรื่องในคืนนี้เกรงว่าคงไม่แคล้วเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มผู้นี่แน่นอน แต่ว่าเขาเองก็จนปัญญาจะจินตนาการว่าลั่วถูทำเรื่องครั้งนี้ได้อย่างไรกันแน่ อย่างไรเสียการที่รถขนสินค้าหลายคันกลับปรากฏตัวออกจากความว่างเปล่าในโกดังของเขาได้ มันช่างลึกลับเหลือเกิน ต่อให้บนโลกชั้นล่างในมือของพวกมหาอำนาจจะมีสมบัติมิติอยู่บ้าง แต่แหวนมิติที่ถึงขั้นใส่รถม้าหลายคันได้ ของแบบนั้นเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ถึงจะเป็นวิหารเสินจั้นหรือวิหารอิงหลง ก็ไม่เคยปรากฏสมบัติมิติที่มีมิติกว้างใหญ่เช่นนั้นเลย ดังนั้นเขาจึงตัดความเป็นไปได้ที่คนนอกจะเข้ามาวางกับดักออกไป จึงเหลือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือมีคนปิดบังเขาไปปล้นสินค้าของหอการค้าทั้งสาม ทั้งยังลอบนำสินค้าเข้ามาในโกดังของเขา และท้ายที่สุดเหลือทิ้งไว้เพียงรถว่างเปล่าไม่กี่คันที่ไม่มีโอกาสขนไป…

         “ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราก็ไปคุยกันที่เจียงหยินเลยเถอะ… ” น้ำเสียงของหลิวซื่อที่เอ่ยออกมาแฝงไว้ด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น

         “ห่างไปอีกสามสิบลี้ ยังมีค่ายของตระกูลลั่วอีกแห่งหนึ่ง บางทีพวกเขาอาจส่งสินค้าไปที่ค่ายนั้นแล้วก็เป็นได้!” ในตอนนั้นเอง ลั่วถูได้กล่าวเสริมอีกครั้ง

        สีหน้าของลั่วเฉิงเจียงดูถมึงทึงในทันที เขามองไปยังลั่วถูด้วยสายตาเหี้ยมโหด ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาเป็นรอบยิ้มไม่แยแสจากลั่วถู เพียงได้เห็นสายตาเจ้าเล่ห์คู่นั้น ลั่วเฉิงเจียงปักใจเชื่อในทันทีว่าลั่วถูตั้งใจทำเช่นนี้แน่นอน ในเวลานี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังจนล้นปรี่ ค่ายทั้งสองของตระกูลลั่วมีผู้คุ้มกันราวค่ายละห้าสิบถึงหกสิบคน ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ การป้องกันย่อมไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย ทว่าภายใต้การร่วมมือกันของทั้งสามหอการค้า การป้องกันเท่านี้ของพวกเขาไม่เพียงพอให้ชายตาแลด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำพวกเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าถูกหอการค้าทั้งสามเข้าโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวก็ไม่ผิดนัก

         “เช่นนั้นก็รบกวนน้องลั่วนำทางแล้ว!” สายตาของว่านเจียฉายเปี่ยมด้วยความยินดี พลางกล่าวออกมาอย่างรีบร้อน

         “ตลอดทางมานี้เถ้าแก่ทั้งสามดูแลลั่วถูเป็นอย่างดี ข้าลั่วถูไม่ใช่คนไม่รู้คุณคน เรื่องนี้เป็นตระกูลลั่วของข้าเองที่ทำผิดไป เถ้าแก่ทั้งสามท่านจะทิ้งคนไว้เก็บกวาดที่นี่ส่วนหนึ่งก็ได้ แม้ไม่อาจทดแทนความเสียหายของทั้งสามท่านได้ แต่อย่างน้อยคงพอชดเชยได้บ้าง หากตามหาสินค้าที่หายไปเจอก็คงดี แต่ถ้าหาไม่เจอ ย่อมไม่อาจกลับไปมือเปล่าได้!” ลั่วถูกล่าวออกมาอย่างจริงจัง

         “ลั่วถู เจ้าสารเลวเลี้ยงเสียข้าวสุก!” ลั่วเฉิงเจียงโมโหแทบคลั่ง ถึงกับด่าออกมาเสียใหญ่โต

         “ผู้อาวุโสเฉิงเจียง เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นตระกูลลั่วของพวกเราที่ทำไม่ถูก ข้าขอเตือนท่านลองคิดให้ดีเถิด สินค้าที่หายไปอยู่ที่ไหนกันแน่ เถ้าแก่ทั้งสามไม่ใช่ศัตรูของตระกูลลั่ว เป็นมิตรสหาย การกระทำเช่นนี้ช่างทำร้ายน้ำใจนัก! ดังนั้นข้าไม่อาจทำผิดตามพวกท่านได้ ต่อให้ต้องทำลายญาติกันเองก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้แล้ว” ลั่วถูกล่าวออกมาอย่างชอบธรรม

         “ไอ้เฒ่าหน้าไม่อาย สู้เด็กคนหนึ่งก็ไม่ได้! พาตัวมันไปด้วย!” จ้าวผู่ถึงกับด่าออกไปอย่างโหดเหี้ยม เขาถูกใจลั่วถูมากขึ้นอีกหลายส่วนทีเดียว รู้สึกว่าเจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ช่างเข้าอกเข้าใจคนอื่นดีจริงๆ ส่วนเรื่องโกดังของตระกูลลั่ว พวกเขาไม่คิดเกรงใจเป็นธรรมดา เพราะความสูญเสียของพวกเขาก็ไม่ใช่น้อย ต้องหาอะไรทดแทนกลับคืนมาบ้างถึงจะถูก

         “ลั่วถู เจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวกฎของตระกูลหรือ?” ลั่วเฉิงเจียงกล่าวออกมาด้วยโทสะอันเดือดพล่าน

         “ผู้อาวุโสเฉิงเจียง คนที่ต้องได้รับบทลงโทษกฎตระกูลคือท่านต่างหาก ท่านไปปล้นสินค้าของหอการค้าทั้งสามโดยไม่มีเหตุผล เป็นเหตุให้ตระกูลลั่วของพวกเราเสื่อมเสียชื่อเสียง หลังจากนี้ตระกูลลั่วของพวกเราจะมีไปสู้หน้าใครในเมืองเทียนตูได้อีก? ถ้าข้าเป็นท่าน ข้าจะยอมคืนสินค้าที่ขโมยไปแต่โดยดี บางทีอาจยังพอขอให้เถ้าแก่ทั้งสามอภัยให้ได้ ไม่เช่นนั้นหากให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูวิหารอิงหลิงหรือวิหารจั้นเสินเข้า ก็เป็นตระกูลลั่วของพวกเราเองที่กระทำผิดโดยไร้เหตุผล ท่านจะไปอธิบายกับท่านผู้นำตระกูลได้อย่างไรหรือ?” ลั่วถูกล่าวอย่างเย็นชา ถึงฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้อาวุโสตระกูลลั่วแล้วอย่างไร ในเมื่อตระกูลลั่วอยากจะฆ่าเขาเสียให้ได้ เช่นนั้นเหตุใดเขาจะต้องยั้งมือด้วยเล่า

Author Glory Forever