มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 3 บทที่ 78 รากวิญญาณเพลิงที่สมบูรณ์แบบ

        บทที่ 78 รากวิญญาณเพลิงที่สมบูรณ์แบบ

        ป่าผืนนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาลนัก กระทั่งตัวลั่วถูเองก็ไม่รู้ว่าควรไปทางไหน แต่เมื่อคิดดูแล้วการเดินตามแม่น้ำลงไปทิศใต้น่าจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิด แม่น้ำเล็กๆ สายนี้คงไหลไปรวมกับลำธาร และลำธารก็อาจไหลไปรวมเป็นแม่น้ำสายใหญ่หรือทะเลสาบ ในมิติลับเพลิงต้นกำเนิดนี้ไม่แน่อาจมีที่อยู่อาศัยของมนุษย์หรือเมืองอยู่ก็เป็นได้ แต่สถานที่ที่มีน้ำต่อให้ภูเขาไฟระเบิดก็คงดีกว่า นี่เป็นความคิดของลั่วถู เขาคิดจะตามหาเจียงหมิ่นก่อน จากนั้นช่วยกันสำรวจดูว่าพอจะหาโชคหาลาภได้บ้างหรือไม่ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นเขาคงหาสถานที่สักแห่งเพื่อดูดซับพลังธาตุเพลิงในฟ้าดิน เช่นนี้อย่างน้อยก็รอจนมิติลับจะส่งพวกเขากลับไปอย่างปลอดภัย

        เมื่อเดินทางลงทิศใต้ตามแม่น้ำไปตลอดทาง ลั่วถูกลับพบว่าเขาคิดผิดอย่างมหันต์ แม่น้ำน้อยๆ สายนี้ไหลไปใต้ภูเขาและรวมตัวกลายเป็นแม่น้ำบาดาลไปเสียแทน

        ลั่วถูถึงกับเหม่อมองฟ้าแล้วถอนหายใจ นี่มันเป็นสถานที่บ้าบออะไรกันแน่? อีกทั้งเมื่อไปถึงตีนเขาก็แทบไม่มีทางให้เดินต่อแล้ว พอเป็นเช่นนี้เขามีแต่ต้องยอมปล่อยเจ้าอสูรเขาม้าที่กว่าจะเข้ากันได้ดีก็ทุลักทุเลพอควรไปอย่างเสียมิได้ และปีนขึ้นไปบนยอดเขา เขาต้องการขึ้นที่สูงเพื่อสำรวจดูว่าควรไปทางไหนถึงจะดีกว่า อย่างไรเสียทางอื่นก็มีภูเขาไฟปะทุ มีเพียงทางนี้ที่ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย

        แม้ไม่มีอสูรเขาม้า แต่ความเร็วในการปีนเขาของลั่วถูก็ไม่ได้ช้าเลย พลังจากเต่าลึกลับแบกหินทำให้เขามีพลังกายมากกว่าคนทั่วไป วิธีการวิ่งปีนผาก็ไม่ต่างอะไรกับการฝึกร่างกาย ทำให้ทุกอณูในร่างกายของเขาคล่องแคล่วยิ่งขึ้น ความเร็วและประสิทธิภาพของการดูดซับพลังธาตุเพลิงในฟ้าดินก็เพิ่มขึ้นไปด้วย

         “ไม่จริงน่า… ” ลั่วถูใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามกว่าจะปีนถึงยอดเขาได้ ทว่าเมื่อมองลงไป ก็ได้แต่ตะลึงงัน ทิวทัศน์ทั้งสองฟากเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้านหนึ่งอุดมสมบูรณ์ เป็นแมกไม้สีแดงและเขียวขึ้นแซมปะปนกันไป ทว่าอีกฟากหนึ่งของภูเขากลับเป็นลานหินสีเทาโล้นเตียน แทบไม่มีหญ้าขึ้นสักต้น มีเงาพืชสีแดงขึ้นอยู่บนซอกหินบ้างเล็กน้อย แต่กลับดูเปี่ยมด้วยพลังชีวิตอันแข็งแกร่ง เมื่อมองผ่านยอดเขาลงไปที่ตีนเขา กลับเห็นเป็นธารลาวาที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด แถมด้วยไอน้ำเดือดพล่านราวกับหมอกขึ้นมาอีกต่างหาก ลมที่พัดมาก็หอบเอาอากาศที่ร้อนระอุเสียจนย่างพืชจำนวนน้อยนิดที่อยู่ในฟากนี้จนแห้งกรอบ ลั่วถูเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดทิวทัศน์ทั้งสองฝั่งเขาถึงได้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้

         “ฝั่งนี้ดูท่าคงไปไม่ได้แล้ว!” ลั่วถูถอนหายใจอย่างหมดทางเลือก เดิมทีเขาคิดจะปีนขึ้นยอดเขานี้เพื่อดูว่ายังพอมีทางหนีรอดหรือไม่ ตอนนี้ดูท่าจะหมดหวังเข้าแล้ว แต่ในขณะที่ลั่วถูกำลังถอนหายใจนั้นเองสายตากลับมองไปเห็นแสงสีขาวเหนือธารลาวา

        เห็นเพียงแสงขาวจุดนั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นปรากฏเป็นประตูขนาดไม่ใหญ่นักบานหนึ่ง ดูเหมือนกับประตูมิติขนาดย่อม ในความว่างเปล่าราวกับมีผิวน้ำที่กระเพื่อมไหว ในขณะที่ลั่วถูกำลังรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดในทะเลสาบถึงมีประตูโผล่ออกมาได้ ก็เห็นเงาหลายร่างทะลุออกมาจากประตูมิติบานนั้นเสียแล้ว

         “เวรเอ๊ย…” ลั่วถูหลุดสบถออกมา ในใจนึกไว้อาลัยหนึ่งนาทีให้กับผู้ฝึกตนที่ทะลุออกมาจากประตูมิติอย่างไม่อาจฝืน เพราะเงาหลายร่างที่เพิ่งออกจากประตูมิติ ดูราวกับเม็ดบัวลอยร่วงดัง “ตุบ ตุบ… ” ไปในธารลาวา และที่ทำให้ลั่วถูถึงกับพูดไม่ออกคือ หลังจากเงาหลายร่างตกลงไปในธารลาวา คนที่ตามมาด้านหลังอีกหลายกลุ่ม กลุ่มละเจ็ดแปดคน ก็ร่วงไปในธารลาวาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นตะเกียกตะกายอยู่สักพัก กรีดร้องไปหลายครา จากนั้นกลายเป็นลูกไฟบนธารลาวากลุ่มหนึ่ง และสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย

        ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ประตูมิติบานนั้นก็หายไปอย่างลึกลับเหมือนกับตอนที่ปรากฏออกมา ทำเอาลั่วถูถึงกับพูดไม่ออกสักคำ กฎของฟ้าดินแห่งนี้ช่างโหดเหี้ยมนัก ไม่รู้ว่าเป็นคนของมหาอำนาจไหน เป็นยอดฝีมือจากเผ่าใด คาดว่าคนในเผ่าของพวกเขายังคงรออยู่นอกประตูมิติลับด้วยความหวังว่าพวกเขาจะได้พบพานสิ่งใดบ้าง นำอะไรที่น่ายินดีกลับไป พอเทียบกันแล้ว ลั่วถูรู้สึกว่าตัวเขาที่ตกลงบนภูเขาที่ใกล้ปะทุ ช่างเป็นเรื่องที่โชคดีขนาดไหน อย่างน้อยยังพอขัดขืนได้ ยังมีโอกาสหนีรอด ทว่ากลุ่มคนผู้น่าสงสารที่ตกลงลาวาราวกับเม็ดบัวลอย แม้แต่โอกาสขัดขืนก็ไม่มีด้วยซ้ำ…

        หลังจากได้เห็นคนเหล่านั้นเผชิญเข้ากับโศกนาฏกรรม ลั่วถูก็เริ่มเป็นห่วงเจียงหมิ่นขึ้นมาแล้ว ท่ามกลางมิติสุดพิสดารแห่งนี้ มีเพียงฟ้าที่รู้ว่ามีกี่คนที่เพิ่งเข้ามาก็ตายทันที แม้จำนวนคนที่แผ่นดินต่างๆ ส่งเข้ามาในมิติลับเพลิงต้นกำเนิดอาจดูมหาศาล แต่เมื่อเจอกับความตายเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้รอดชีวิตรอดได้สักเท่าไร

        ในมิติลับเพลิงต้นกำเนิด คล้ายว่าท้องฟ้าจะมืดมิดตลอดเวลา มืดเสียจนมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ กระทั่งแสงดาวแสงเดือนก็ไม่มีให้เห็น มีเพียงแสงสลัวรำไรที่พอจะทำให้ผืนดินอันมืดมิดสว่างขึ้นได้บ้าง เมื่อทอดสายตามองไกลออกไป ก็เห็นเพียงเงามืดที่เลือนราง อาจเป็นเพราะพื้นดินส่วนมากถูกเถ้าภูเขาไฟกลบจนมิด ดังนั้นพื้นที่ที่มีหมู่พืชพรรณและฝูงสัตว์อสูร ตอนนี้เหลือเพียงผืนป่าที่มอดไหม้เป็นหย่อมๆ ในป่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไป บรรดาสัตว์อสูรไม่รู้จะหนีไปทางไหน แม้แต่ลั่วถูเองตอนนี้ก็เริ่มสับสนแล้ว เจียงหมิ่นอยู่ที่ใดกันแน่? ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? โลกใบนี้ใหญ่ขนาดไหนกัน? ต้องเดินไปทางไหนถึงจะออกจากเขตภูเขาไฟได้

        แต่หลังจากวิ่งมาหนึ่งวันเต็ม เขาก็เหนื่อยล้าเข้าจนได้ ถึงแม้การฝึกฝนฉบับของเต่าลึกลับแบกหินจะช่วยรักษาพลังกายของเขาให้เต็มเปี่ยมไว้ได้ตลอดเวลา ทว่าความเหนื่อยล้าของจิตใจกลับยากจะควบคุม พอคิดดูแล้ว เขาก็พบว่าการหาสถานที่บนภูเขาโล้นเตียนแห่งนี้เพื่อไตร่ตรองเกี่ยวกับรากวิญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปคงมีประโยชน์มากกว่า มีแต่ต้องรีบฟื้นพลังเท่านั้น ถึงจะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตในมิติแห่งนี้ได้ แถมการพักผ่อนที่นี่ยังมีข้อดีอีกอย่าง นั่นคือเขาไม่ต้องกังวลว่าขณะนอนหลับจะถูกไฟป่าล้อม เขาฝั่งที่โล้นเตียนไม่เหลืออะไรให้เผาแล้ว แม้สายลมที่พัดมาจากทางธารลาวาจะส่งกลิ่นกลิ่นเหม็นน่าดูชม ทว่าอุณหภูมิที่สูงเหล่านั้นกลับเป็นสารอาหารของลั่วถูได้เป็นอย่างดี

            ……

         

        พลังธาตุเพลิงอันมหาศาลของธารลาวาเป็นดั่งคลื่นน้ำที่ถูกลั่วถูดูดซับเข้าสู่ร่างกาย เงาเพลิงดาวแสงจันทร์บนศิลากำเนิดเทพราวกับสายน้ำที่หลั่งไหลและปรากฏขึ้นในสมองของเขา ตอนนี้เหมือนกับมีมือวิเศษช่วยชี้นำธาตุเพลิงที่ไหลเวียนราวกับสายน้ำไหลหลากให้หมุนเวียนเขาสู่เส้นชีพจรอย่างต่อเนื่อง ธาตุเพลิงที่มหาศาลมีคุณสมบัติในการชำระล้างชีพจรและหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ ยิ่งพวกมันหมุนเวียนอยู่ภายในร่างหลายรอบก็ยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น ถึงกับมีบางส่วนที่หลอมรวมเข้ากับเพลิงนรกต้นกำเนิดในจิตวิญญาณของเขาด้วยซ้ำ และอีกส่วนไหลเข้าสู่ต้นอ่อนสีแดงในส่วนลึกของรากวิญญาณของเขา ทำให้มันแข็งแรงยิ่งขึ้นไปอีก

        ลั่วถูราวกับได้เข้าใจถึงบางอย่าง สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณฟ้าดิน แท้จริงเป็นเพียงรูปหนึ่งของพลังธาตุบางอย่างที่เข้มข้นจนถึงระดับหนึ่ง ไม่ว่าโลกไหนๆ ล้วนมีพลังวิญญาณอยู่ เพียงแต่ระดับความหนาแน่นของพลังวิญญาณต่างกันไป หรืออาจเป็นแค่เพราะบางคนไม่อาจสัมผัสพลังธาตุที่ว่าได้ หากเป็นพลังธาตุที่มีความเข้มข้นสูงเสียหน่อย ขอแค่ผู้ฝึกมีจุดกำเนิดพลังวิญญาณเดียวกันหรือมีรากวิญญาณเหมือนกันก็สัมผัสถึงมันได้แล้ว ถ้าเป็นผู้ที่มีรากวิญญาณเพลิง ต่อให้เจอกับพลังธาตุเพลิงในธารลาวาแห่งนี้ พวกเขาย่อมรู้สึกว่าอากาศที่นี่เหมาะสมกับตนเหลือเกิน แต่หากเป็นคนที่ไม่มีรากวิญญาณเพลิงจะสัมผัสได้เพียงความบ้าคลั่งของพลังฟ้าดินที่ทำให้พวกเขาอยากหนีไปให้ไกลเสียมากกว่า

         “แค่ก… ” ลั่วถูไม่รู้ว่าตัวเขานั่งอยู่ข้างธารลาวามานานแค่ไหนแล้ว ราวกับพลังธาตุเพลิงอันแน่นหนาได้ช่วยเขาชำระล้างร่างกายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ขณะที่เขาสัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมอยู่นั้นเอง ส่วนลึกในใจของเขาอย่างกับมีเสียงบางอย่างดังขึ้น ฟังดูคล้ายเสียงกิ่งไม้กิ่งหนึ่งหักออกจากลำต้น ตอนที่เสียงนั้นดังขึ้น ลั่วถูกลับรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาช่างสงบนิ่งเหลือเกิน จิตกระจ่างชัด แม้ยามหลับตา ก็ยังสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวทั้งหมดในระยะหลายสิบจั้งได้ เสียงเดือดของธารลาวา เสียงก้อนหินที่แตกออกหลังจากการผ่านลมฝนมาหลายปี… ราวใช้หูต่างตา เหมือนกับได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่… เขาเข้าใจในทันทีว่าในบรรดาอวัยวะรับสัมผัสทั้งห้าของเขา ตอนนี้โสตประสาทได้ถูกเปิดออกแล้ว ทำให้เขามีความสามารถในการฟังดีกว่าคนปกติ อย่างกับมีตาเพิ่มมาอีกคู่ก็ไม่ปาน และที่ทำให้ลั่วถูตกใจยิ่งกว่าคือความเปลี่ยนแปลงของรากวิญญาณในร่างกายของเขา กิ่งก้านของต้นอ่อนสีแดงที่งอกออกขึ้นจากบนรากวิญญาณของเขา คล้ายว่ากลายเป็นเส้นชีพจรเส้นหนึ่ง แถมยังเชื่อมต่อกับเส้นชีพจรอีกหลายเส้นในร่างกายของเขาไปแล้วเสียด้วย

        ลั่วถูไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่ารากวิญญาณสีแดงที่เชื่อมต่อกับชีพจรคืออะไรกันแน่ แต่ก็คาดเดาได้อย่างรวดเร็วว่าอาจเป็นเพราะตัวเขาใช้พลังต้นกำเนิดอันบริสุทธิ์ที่สุดต่างน้ำ เพื่อรดน้ำให้กับรากวิญญาณกลายพันธุ์ของเขา จนไปสัมผัสเข้ากับจุดชีพจรและเส้นลมปราณในร่างกายได้อย่างเลื่อนราง นำไปสู่การเปิดเส้นทางใหม่และทำให้รากวิญญาณพิเศษนี้ได้เชื่อมต่อกับร่างกายของเขา เชื่อมต่อกับเส้นชีพจรในร่างกายของเขาอย่างอิสระและสมบูรณ์แบบ และกล่าวได้ว่าเขาตอนนี้สามารถเคลื่อนพลังธาตุเพลิงเหมือนกับผู้ที่เปิดวิญญาณแล้ว

        ลั่วถูไม่คิดไม่ฝันว่าเขาผู้ที่กินยาเปิดวิญญาณไปหลายร้อยเม็ดก็เปิดวิญญาณไม่สำเร็จ ตอนนี้กลับแยกส่วนที่เป็นธาตุเพลิงในรากวิญญาณอันแสนสับสนของเขาออกมาได้สำเร็จ แม้รากวิญญาณของเขาจะยังคงย่ำแย่ดังเดิม แม้จะยังคงไม่นับว่าเปิดวิญญาณแล้ว แต่ก็ไม่ต่างกับคนที่เปิดวิญญาณแล้ว มีรากวิญญาณเส้นหนึ่งที่เปิดออกอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีสีแดงดั่งโลหิต บริสุทธิ์ราวเพชร…

        ตัวลั่วถูถึงกับตะลึง เขามีรากวิญญาณที่สับสนมาก มากจนมีถึงเก้าสีหรือบางทีอาจมากกว่าเก้าสีด้วยซ้ำ วุ่นวายเสียจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังแยกไม่ออก ทว่าตอนนี้ตัวเขาแยกหนึ่งในสีทั้งเก้าออกมาได้อย่างชัดเจนแล้ว เปรียบได้กับกระดูกซี่โครง ที่แม้จะยังเชื่อมต่ออยู่กับกระดูกสันหลังซึ่งเป็นแกนหลักของร่างกาย แต่กระดูกซี่โครงที่สมบูรณ์ยังคงยื่นออกจากกระดูกสันหลังได้โดยไม่ถูกสิ่งใดขัดขวาง… เรื่องนี้ทำเอาลั่วถูตื่นเต้นอย่างสุดแสนจนอดใจไม่ไหว หากตัวเขาสามารถพัฒนารากวิญญาณเพลิงอิสระได้เช่นนี้ แล้วหากเขานำรากวิญญาณสีอื่นๆ มาพัฒนาด้วยวิธีแบบเดียวกันนี้เล่า? เมื่อถึงตอนนั้น รากวิญญาณของเขาก็เหมือนกับกิ่งก้านสาขาขนาดใหญ่ทั้งห้า แม้จะยังเชื่อมอยู่กับลำต้น แต่ยังคงแตกแขนงออกไปได้อีกนับไม่ถ้วน…

Author Glory Forever