มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 20 ร้อยหลอม?

        ฉินจ้านยิ้มด้วยความโล่งอก รอยยิ้มนี้มาจากหัวใจกวาดล้างความหดหู่และความเศร้าโศกที่สะสมอยู่ในใจเขามานานหลายปีออกไป

        “เสี่ยวอวี่ เจ้ารู้ไว้เพียงว่าการทำงานหนักนานหลายปีของข้า เพียงแค่รอให้เจ้าและเสวี่ยเอ๋อเข้าสู่สำนักได้ นี่เป็นความปรารถนาทั่วไปของข้าและแม่ของเจ้า!” ฉินจ้านกล่าวช้าๆ

        “จริงหรือ? เจ้าปกปิดทุกอย่าง เห็นพวกข้าเป็นอะไร? หุ่นเชิดของเจ้า? เสวี่ยเอ๋อและข้าต้องไปตามเส้นทางที่เจ้าวางแผนไว้?” ฉินอวี่ ตะโกนอย่างเย็นชาเขาไม่ต้องการถามคำถามเกี่ยวกับตระกูลฉิน เขาเป็นเพียงผู้ผ่านทางคนหนึ่ง อีกไม่นานเขาก็จะไปตามหนทางของตนเอง แต่ในตอนนี้ สถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ทำให้ไม่อาจหันหลังกลับได้ เขาต้องการออกจากตระกูลฉินมุ่งหน้าไปยังสำนักยุทธ์ว่านจ้ง ซึ่งยังต้องผ่านพ้นช่วงเวลาอีกครึ่งปีนี้ไปให้ได้

        นอกจากนี้ เสวี่ยเอ๋อยังคงอยู่ที่นี่ ฉินอวี่ไม่ต้องการทำให้เสวี่ยเอ๋อต้องเศร้าใจ และยังมีเรื่องที่ฉินจ้านยอมคุกเข่าสามวันสามคืน ที่ทำให้ฉินอวี่ทรมานใจและซาบซึ้ง

        สีหน้าของฉินจ้านดูผิดไปจากปกติ เปลือกตาคล้อยต่ำ ตกเข้าสู่ความครุ่นคิดละดิ้นรนในใจ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นทันที “เจ้าไม่คิดบ้างหรือ ว่าจู่ๆ ทำไมเจ้าจึงได้ปราดเปรื่องขึ้นมามากเช่นนี้? อีกอย่าง…ตอนที่เจ้าสู้กับชุยซั่ว ล้วนแต่ใช้กลวิชายุทธ์ว่านจ้ง? นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะศึกษาสำเร็จได้เร็วขนาดนี้”

        ฉินอวี่ตกใจ เขายังคงคิดอยู่เช่นกันว่าสิ่งนี้จะทำให้ฉินจ้านเกิดความสงสัยหรือไม่ แต่ตอนนี้ จู่ๆ ฉินจ้านก็พูดขึ้นเช่นนี้ ทำให้ฉินอวี่สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาจ้องไปที่ฉินจ้าน และไม่ตอบอะไร

        “แม่ของเจ้าทิ้งอะไรบางอย่างไว้ในตัวเจ้า ส่วนมันคืออะไรนั้นข้าเองก็ไม่แน่ใจ นางบอกแค่ว่าเมื่อเจ้าอายุประมาณสิบหกปีเจ้าจะสามารถเปิดการใช้งานสิ่งที่นางทิ้งเอาไว้ให้ได้ สิ่งที่ทำให้ข้านึกไม่ถึงและดีใจมากคือ เจ้าสามารถเปิดใช้งานมันได้ล่วงหน้าแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มีบางเรื่องที่เจ้ามีสิทธิ์ที่ควรจะรู้แล้ว” ฉินจ้านกล่าวอย่างเศร้าใจ ราวกับว่ามันทำให้เขาหวนนึกถึงหลายสิ่งหลายอย่าง

        ทิ้งอะไรไว้?

        ฉินอวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาไม่รู้สึกอะไรเลยในร่างกายของตนเอง หรืออาจเป็นเพราะระดับการฝึกฝนของเขายังไม่เพียงพอ?

        “และเจ้าน่าจะสังเกตเห็นแล้วใช่หรือไม่ ว่าฐานการฝึกฝนของข้าไม่ใช่ระดับที่เก้าของขั้นยุทธ์” ฉินจ้านกล่าวอีกครั้ง

        ดวงตาของฉินอวี่หรี่ลงเล็กน้อย ในตอนแรกฉินจ้านใช้พลังค้ำจุนวัตถุ เขาใช้หนึ่งฝ่ามือโจมตีกลสามภูผาป้องสวรรค์ที่เขาสร้างไว้ ฉินอวี่จึงแน่ใจว่าระดับการฝึกฝนของฉินจ้านจะต้องอยู่ในระดับปราณเสถียรเป็นอย่างน้อย เพียงแต่ ฉินอวี่ยังสงสัยว่าเขาปกปิดตนเองไว้ได้อย่างไร ท้ายที่สุด ตอนนั้นเขาต้องสัมผัสกับผู้ฝึกตนระดับต่างๆ มา ซึ่งเป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้คนจะสามารถแยกแยะระดับการฝึกฝนของเขาได้

        “สามสิบปีก่อน ข้าก็เข้าสู่ขั้นยุทธ์แล้ว ยี่สิบปีก่อนข้าก้าวเข้าสู่ขั้นปราณเสถียรระดับต้น สิบเจ็ดปีก่อนข้าเข้าสู่ขั้นปราณเสถียรระดับกลาง!” ประกายสีแปลกๆ ปรากฏขึ้นในสายตาของฉินจ้าน

        ฉินอวี่ขมวดคิ้ว ในเวลาสิบปีสามารถก้าวข้ามขั้นยุทธ์ระดับหนึ่งเข้าสู่ขั้นยุทธ์ระดับเก้า? เพียงสามปีก็ข้ามจากขั้นปราณเสถียรระดับต้นไปสู่ขั้นปราณเสถียรระดับกลาง?

        “เหตุผลที่ข้าในระดับการฝึกฝนของข้าตกลง เกี่ยวข้องกับวิชาวิเศษที่ข้าฝึกฝน วิชาวิเศษที่ข้าฝึกฝนเป็นสิ่งที่ข้าได้รับมาโดยไม่ตั้งใจเมื่อตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก วิชาวิเศษเหล่านี้ เมื่อฝึกฝนแล้วความเร็วจะช้ามาก แต่ในระดับขั้นเดียวกัน หากต่อสู้กันระยะประชิดแบบตัวต่อตัวข้าไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด”

        “เมื่อยี่สิบสามปีก่อน ข้าบังเอิญพบว่าวิชาวิเศษนี้ค่อนข้างแปลก ข้าสามารถเผาผลาญฐานระดับการฝึกฝนเพื่อสร้างพลังอันแข็งแกร่งได้ และเป็นเพราะครั้งนั้น ข้าก็เป็นที่สนใจของชุยหง แต่งตั้งข้าให้เป็นแม่ทัพ และยกชุยหลิ่วให้แต่งกับข้า แต่ในตอนนั้น ชุยหลิ่วตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้ว หลายปีต่อมา ข้ากับชุยหลิ่วเป็นเหมือนดั่งสหาย เป็นสามีภรรยาแต่ในนาม ไม่ใช่ความเป็นจริง”

        ดวงตาของฉินอวี่เปล่งประกายสว่างไสว ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันในความเป็นจริง? กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า ฉินเฟิงและฉินหย่งไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของฉินจ้าน? หลายปีมานี้ ฉินจ้านได้แต่ปกปิดไว้ในใจมาโดยตลอด

        ฉินอวี่รู้สึกเป็นทุกข์อย่างอธิบายไม่ถูก บอกได้เลยว่าฉินจ้านถูกบังคับให้อยู่ในอำนาจของตระกูลฉินมาตั้งแต่ต้น แต่ตอนนี้…ต้องอดทนมานานหลายปี ก็คงจะเพื่อตนเองและเสวี่ยเอ๋อ!

        ยากที่จะจินตนาการได้ ถึงเวลากว่าสิบปีที่ฉินจ้านเลี้ยงดูลูกชายของคนอื่น โดยไม่เปิดเผยอะไรเลยแม้แต่น้อย และชุยหลิ่วเองก็ไม่กล้าประกาศต่อสาธารณะเช่นกัน เพราะกลัวว่าจะถูกคำตำหนิจากชุยหง ดังนั้นชุยหงจึงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย จะเห็นได้ว่า ฉินจ้านต้องพบกับความยากลำบากมากมายเพียงใดตลอดหลายปีที่ผ่านมา

        “สิบเก้าปีก่อนข้าได้พบกับแม่ของเจ้า เราทั้งสองคนต่างตกหลุมรักกัน เกิดความเสน่หา แต่ช่วงเวลาดีๆ ไม่ยาวนาน วันหนึ่งเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน มีคนลอบเข้ามาโจมตีค่ายทหาร แม่ของเจ้ารีบตามคนกลุ่มนั้นไป ส่วนข้าเผาผลาญระดับฝึกฝนของตนเองในระดับปราณเสถียรระดับกลาง เพื่อสังหารผู้ฝึกตนขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สอง แต่แล้วระดับการฝึกตนของข้าจึงลดลงจากขั้นปราณเสถียรระดับกลางถอยไปสู่ขั้นยุทธ์ระดับสอง หลายปีมานี้ยังไม่ง่ายเลยที่จะกลับมาสู่ขันยุทธ์ระดับเก้า!” ฉินจ้านพูดพลางเบือนหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนจะหวนนึกถึงช่วงเวลาอันงดงามนั้น แม้ว่ามันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม

        หากจะว่าไปก่อนหน้านี้ฉินอวี่เองก็ถูกเหยียดหยามมาก่อน นี่มันความสามารถแบบไหนกัน อยู่ในขั้นยุทธ์เป็นเวลาถึงสิบปี? แต่เมื่อได้ฟังคำพูดที่ตามมาของฉินจ้าน ฉินอวี่จึงตกใจอย่างมาก!!

        เผาผลาญฐานการฝึกฝน? สังหารผู้ฝึกตนระดับสูงสุดของขั้นเทียนชุ่ยขั้นที่สองด้วยระดับปราณเสถียรระดับกลาง?

        นี่คือวิชาวิเศษที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้?

        แม้ว่าฉินอวี่จะเคยอ่านตำราในหอตำราสำนักเทียนฉีมา แต่เขาก็ไม่เคยเห็นวิชาวิเศษที่แปลกประหลาดและทรงพลังเช่นนี้มาก่อน!

        อย่างไรก็ตาม ระดับฝึกตนยิ่งสูง ช่องว่างระหว่างชั้นยิ่งมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เขาซึ่งอยู่ขั้นยุทธ์ระดับหกได้ใช้วิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรตในการต่อสู้กับชุยซั่วในขั้นปราณเสถียรระดับต้น แต่เขายังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นเดียวกับการสังหารผู้ฝึกตนระดับสูงสุดของขั้นเทียนชุ่ยชั้นที่สองด้วยขั้นปราณเสถียรระดับกลางแน่นอน แม้ว่าจะใช้วิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรตก็นับว่ายากที่จะทำได้!!

        “และครั้งนั้นเช่นกัน ที่แม่ของเจ้าได้ช่วยชีวิตของชุยหงไว้ และชิวหงก็ได้รู้ว่าแม่ของเจ้าเป็นคนของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง และนี่คือเหตุผลที่ชุยหงแอบสนับสนุนข้าอย่างลับๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างที่เจ้าพูดมานั้นล่ะ เขาต้องการจะเข้าสู่สายของสำนักยุทธ์ว่าจ้ง!

        “หลังจากเสร็จสิ้นการรบครั้งนั้น ข้าและแม่ของเจ้าก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาสองสามปี ชุยหงและชุยหลิวก็ไม่กล้ารบกวนพวกเรา และในช่วงเวลานั้นเอง แม่ของเจ้าก็ให้กำเนิดเจ้าและเสวี่ยเอ๋อ แต่หลังจากเสวี่ยเอ๋อคลอดออกมา แม่ของเจ้าก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ข้ายังเชื่อมั่นว่าแม่ของเจ้ายังไม่ตาย และยังคิดจะตามหาแม่ของเจ้า”

        “แต่ความจริงที่ทำให้ข้าต้องอยู่ที่นี่ ประการแรกคือพวกเจ้าสองคนยังเด็กอยู่ และประการที่สองเป็นเพราะความเร็วในการฝึกฝนครั้งใหม่กลับช้ามากขึ้น หลังจากที่สูญเสียฐานระดับฝึกตนไป หลายปีมานี้ข้าหมกมุ่นอยู่กับการค้า และข้าต้องการทุ่มเททรัพยากรอย่างบ้าคลั่งเพื่อจะยกระดับการฝึกฝนให้รวดเร็วขึ้น แต่กลับไม่มีประโยชน์เลย แต่ก็ยังดีที่มีสิ่งให้ข้าพอจะได้ดีใจ นั่นคือ แม้ว่าระดับการฝึกฝนจะค่อยๆ ก้าวหน้า แต่ทุกครั้งที่ระดับเปลี่ยนแปลงไป พละกำลังก็ดูเหมือนจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วย”

        “แม้ว่าตอนนี้ข้าจะอยู่ในขั้นยุทธ์ระดับเก้า แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นขั้นปราณเสถียรโดยทั่วไปอยู่ในสายตาเลย อีกอย่าง ข้ายังเปิดจุดพลังจุดอื่นที่นอกเหนือจากจุดตันเถียนไว้ด้วย” พูดจบ ฉินจ้านก็ชำเลืองมองฉินอวี่และยื่นนิ้วออกมา ชี้ไปยังจุดระหว่างคิ้วของฉินอวี่

        “ทะเลทุกข์?” ฉินอวี่ตกใจมากอยู่ในใจและพูดขึ้นเบาๆ

        “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจุดนั้นเรียกว่าทะเลทุกข์?” ฉินจ้านมองไปที่ฉินอวี่ด้วยความประหลาดใจ เขาจะต้องอ่านตำราโบราณถึงหลายเล่มจึงจะรู้ว่าจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วนั้นถูกเรียกว่าทะเลทุกข์

        เขาไม่รู้ว่าฉินอวี่ไม่เพียงแต่ตกใจกับสิ่งนี้ แต่เขายิ่งตกใจมากขึ้นกับวิชาวิเศษในการฝึกตนของฉินจ้าน เขากำลังรู้สึกอย่างคลุมเครือว่า วิชาการฝึกของฉินจ้านนั้นมีความคล้ายคลึงกับวิชาชนิดหนึ่งที่มีอธิบายไว้ในตำราโบราณของหอตำราสำนักเทียนชีอย่างมาก

        เมื่อเห็นความเงียบของฉินอวี่ ฉินจ้านก็เปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องมารดาของฉินอวี่อีกครั้ง จากนั้นฉินจ้านจึงพูดขึ้น หลังจากหายใจออกยาวๆ “ความเป็นมาของแม่เจ้าไม่ธรรมดา นางจงใจจะปิดบังข้า หลายปีมานี้ ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจเรื่องที่มาของนาง ข้ารู้เพียงว่านางเป็นศิษย์ของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง แต่ข้าเคยสอบถามมาว่า แม่ของเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักยุทธ์ว่านจ้งหรือไม่ จึงได้คำตอบว่านางคือสาวรับใช้ของบุตรสาวคนหนึ่งของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง แต่ข้ายังรู้สึกอย่างเลือนรางว่าไม่น่าจะใช่ เพราะข้าเคยพบกับบุตรสาวของสำนักยุทธ์ว่านจ้งมาก่อน นางสุภาพต่อแม่ของเจ้ามาก จึงไม่เหมือนว่าจะเป็นสาวใช้ของนาง”

        “ดังนั้น ข้าจึงเฝ้ารอมาโดยตลอด หลังจากที่เจ้าและเสวี่ยเอ๋อได้เข้าสู่สำนักเซียน และหลังจากที่ระดับการฝึกฝนของข้าดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ข้าจะออกไปตามหาแม่ของเจ้า!” ฉินจ้านถอนหายใจ สิ่งเหล่านี้ติดค้างอยู่ในตัวเขา หลังจากอดทนมานานหลายปี -เขาต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงและความทุกข์มากมาย ต้องพบเจอเรื่องราวทางโลก แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่อาจลบล้างความรักที่เขามีต่อแม่ของฉินอวี่ได้

        ฉินอวี่จ้องไปทางฉินจ้าน เขารู้สึกว่าฉินจ้านเหมือนจะแก่ลงไปมาก และรู้สึกไม่สดชื่นในใจ แต่ฉินอวี่เริ่มมีเบาะแสอย่างเลือนรางเกี่ยวกับวิชาวิเศษที่ฉินจ้านใช้ฝึกฝน

        เมื่อเห็นความเงียบของฉินอวี่ ฉินจ้านก็คิดว่าฉินอวี่ไม่สามารถยอมรับได้ในทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดต่อว่า “ในห้าเดือนครึ่งนี้ข้าจะพยายามพัฒนาการฝึกฝนของเจ้าให้ดีที่สุด เจ้าไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ” ฉินจ้านลุกขึ้นยืนช้าๆ และจากไปอย่างเหน็ดเหนื่อย

        เมื่อมองไปที่ด้านหลังของฉินจ้านซึ่งกำลังจากไป จู่ๆ ฉินอวี่ก็นึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ จนแววตาแห่งความประหลาดใจและความตกใจก็เผยผ่านดวงตาของเขาทันที

        “พันค้อนสร้างกาย ร้อยหลอมบ่มจิต หรือมันคือ ร้อยหลอม’ ?”

        “จะเป็นไปได้อย่างไร?”

Author Glory Forever