มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 5 ตอนที่ 121 ไม่เจอกันนาน

        เขาพูดจาอ่อนโยน การกระทำสง่างามมีมารยาท แถมยังเป็นคนละเอียดอ่อน รู้ใจไปเสียทุกเรื่อง จึงเป็นเรื่องยากที่ซูเหลียนหรูจะไม่รู้สึกดีไปกับเขา นางไม่อยากปิดบังตัวตนที่แท้จริง จึงพูดขึ้น “ส่งข้าไปถึงประตูวังก็พอ”

        หลานเยว่ไม่มีท่าทีตกใจเลยสักนิด เขาเปิดม่านออก แล้วสั่งให้ขับรถม้าไปที่ประตูวังอย่างราบเรียบ ราวกับไม่รู้สึกตกใจหรือให้ความสนใจกับฐานะของซูเหลียนหรูเลยด้วยซ้ำ

        ซูเหลียนหรูถามอย่างอดไม่ได้ “เจ้าไม่สงสัยหรือว่าข้าเป็นใคร?”

        หลานเยว่ตอบ “โรงดนตรีหลานเยว่เป็นโรงดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง จึงมีราคาแพงกว่าที่อื่นไม่น้อย โรงดนตรีมีลูกค้ามากหน้าหลายตา มีทั้งชนชั้นสูงในเมืองหลวงและเศรษฐีจากต่างแดน หากต้องจดจำฐานะของลูกค้าทุกคน ย่อมไม่มีทางจำได้อยู่แล้ว อีกอย่าง การไม่รู้อะไรเลย ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”

        ซูเหลียนหรูสบถเสียงในลำคอเบาๆ นางไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนใกล้ชิดกับนางขนาดนี้มาก่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของบุรุษแฝงเข้ามาในลมหายใจของนาง น่าแปลกที่นางไม่ได้รู้สึกเกลียดกลิ่นนี้แต่อย่างใด ที่ผ่านมา นางไม่เห็นบุตรชายของขุนนางทั้งหลายอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่บัดนี้กลับแอบมองหลานเยว่ด้วยหางตาตลอดทาง คงเป็นเพราะความหยิ่งทะนงที่มี ทำให้ซูเหลียนหรูไม่พอใจเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายมองว่านางเป็นแค่ลูกค้าธรรมดาๆ คนหนึ่ง

        รถม้าเคลื่อนไปหยุดอยู่ในจุดที่ไม่ห่างจากประตูวัง ซูเหลียนหรูกระโดดลงจากรถม้า จากนั้นก็หันหน้าไปมองหลานเยว่แวบหนึ่ง นางคิดในใจ… เขาไม่อยากรู้ว่านางเป็นใคร แต่นางจะทำให้เขารู้ และจดจำให้ขึ้นใจเลยว่านางมีฐานะอย่างไร

        ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซูเหลียนหรูก็คล้ายกับคนที่เสพติด เมื่อเลิกเรียนและมีเวลาว่าง นางก็จะเดินทางไปที่โรงดนตรีหลานเยว่ทันที เพื่อไม่ให้หลานเยว่ต้อนรับลูกค้าคนอื่น นางยังทุ่มเงินซื้อเวลาของหลานเยว่เอาไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืน เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่านางไปถึงเวลาใด หลานเยว่ก็มีเวลาว่างมาพบนางได้ทั้งนั้น อีกทั้งยังบรรเลงเพลงให้นางฟังแค่คนเดียวอีกด้วย

        นางได้รับคำปลอบใจและคำปรึกษาจนค่อยๆ ปลงได้แล้ว อารมณ์จึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง อย่างไรเสียก็เหลือเวลาอีกเกือบเดือนกว่าการสอบจอหงวนจะเริ่มขึ้น มาเครียดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี รอให้ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นางก็ไม่มีทางแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์กับแคว้นเป่ยหรงเด็ดขาด หากต้องแต่งงาน นางจะแต่งกับคนที่นางเลือกเองเท่านั้น

        วันนี้ก็เป็นเช่นเคย หลังเลิกเรียน ซูเหลียนหรูไล่หญิงรับใช้ออกไปจนหมด และเตรียมจะไปที่โรงดนตรีเหมือนทุกวัน คิดไม่ถึงว่าใครคนหนึ่งจะมาดักรอนางอยู่ที่หน้าวิทยาลัยหลวงเช่นนี้

        เมื่อเฟิ่งสือจาวถือพัดลงมาจากเกี้ยว ซูเหลียนหรูถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าตนไม่ได้เจอนางมาระยะหนึ่งแล้ว ทันทีที่เห็นซูเหลียนหรู เฟิ่งสือจาวก็มีสีหน้าดีอกดีใจเป็นอย่างมาก นางรีบเข้ามาโค้งคำนับซูเหลียนหรู “ถวายบังคมองค์หญิง ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ทราบว่าองค์หญิงหายจากการประชวรแล้วหรือยัง? ก่อนหน้านี้ องค์หญิงไม่ยอมพบหน้าข้า ข้าจนปัญญา จึงต้องมารออยู่หน้าวิทยาลัยหลวงเช่นนี้ องค์หญิงหลบหน้าข้าเพราะโกรธอะไรข้าหรือไม่?”

        ซูเหลียนหรูนึกถึงคำพูดของซูจื่อฉิน จนถึงตอนนี้ นางยังรู้สึกสงสัยเฟิ่งสือจาวอยู่เล็กน้อย จึงพูดขึ้น “แล้วเจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงโกรธเจ้าล่ะ?”

        เฟิ่งสือจาวชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เรื่องเมื่อคราวก่อน เป็นความผิดของข้าเองที่ทำพลาด ก็ถูกแล้วที่องค์หญิงจะโทษข้าเช่นนี้ เพียงแต่ ข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะ… หากไม่ใช่เพราะองค์ชายสองพาทหารไปจับโจร เฟิ่งสือจิ่นกับหลิวอวิ๋นชูจะได้กลับมาเรียนในวิทยาลัยหลวงหรือ” พูดจบก็จ้องเข้าไปในวิทยาลัยหลวงอย่างอาฆาตแค้น

        ในขณะเดียวกัน หลิวอวิ๋นชูกับเฟิ่งสือจิ่นกำลังเดินออกมาจากประตูวิทยาลัยอย่างเอื่อยเฉื่อย ทันทีที่ออกมา หลิวอวิ๋นชูก็วิ่งวนไปทั่ว และสูดจมูกฟุดฟิดเหมือนกับสุนัข เขาดึงรั้งเฟิ่งสือจิ่นเอาไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง “รอก่อน ข้ารับรู้ได้ถึงรังสีสังหาร”

        เฟิ่งสือจิ่นหันไปเห็นเฟิ่งสือจาวกับซูเหลียนหรูที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้พอดี ไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังวางแผนอะไรกันอีก สายตาของนางกับเฟิ่งสือจาวประสานเข้าด้วยกัน เฟิ่งสือจิ่นพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “นอกจากรังสีสังหาร ยังมีอย่างอื่นอีกไหม?”

        หลิวอวิ๋นชูสูดดมอีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้น “ยังมีกลิ่นเหม็นเน่าน่าขยะแขยงด้วย”

        ซูเหลียนหรูมองตามสายตาของเฟิ่งสือจาว จึงมองเห็นเฟิ่งสือจิ่นกับหลิวอวิ๋นชูเช่นกัน หลิวอวิ๋นชูแสดงสีหน้ากระจ่างแจ้ง “ว่าแล้วเชียวว่าทำไมในอากาศถึงมีกลิ่นอายของแผนชั่วลอยคลุ้งอยู่ ที่แท้สองคนนั้นก็ประชุมลับกันอีกแล้วนี่เอง”

        เฟิ่งสือจิ่นดึงหลิวอวิ๋นชูเดินไปอีกทาง หลิวอวิ๋นชูไม่อยากจากไปเพียงเท่านี้ จึงดิ้นขัดขืนพลางพูดขึ้น “จะไปกลัวทำไม ปกติพวกเราก็เดินกลับทางนั้นอยู่แล้ว ทำไมวันนี้ต้องเดินอ้อมไปทางอื่นด้วย สองคนนั้นมาเจอกันทีไรก็มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นทุกที เฟิ่งสือจิ่น เจ้ากลัวพวกนางหรือไง?” เฟิ่งสือจิ่นไม่ได้ตอบอะไร นางดึงหลิวอวิ๋นชูไปข้างหน้าเรื่อยๆ หลิวอวิ๋นชูจึงต่อว่าในความไม่เอาไหนของนาง “เจ้าขี้ขลาดเกินไปแล้ว เอาความกล้าตอนที่สู้กับโจรพวกนั้นมาใช้หน่อยไม่ได้หรือไง? ทำไมต้องไปกลัวพวกนางด้วย!

        เฟิ่งสือจิ่นชะงักฝีเท้าลง นางหันไปมองหลิวอวิ๋นชูอย่างไม่ละสายตา “หากยังอยากมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขละก็ หุบปากเดี๋ยวนี้เลย!

        หลิวอวิ๋นชูมองเขม่นนางหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ยอมปิดปากลงจนได้

        ซูเหลียนหรูกับเฟิ่งสือจาวมองตามแผ่นหลังของทั้งสองจนพวกเขาเดินออกไปไกลลับตา เฟิ่งสือจิ่นที่เดินนำอยู่ข้างหน้าพูดกับหลิวอวิ๋นชู “ไม่ว่าเจ้าจะไม่ชอบหน้าพวกนางแค่ไหน วันหลัง ถ้าเจอพวกนางอีก พยายามอยู่ให้ห่างจากพวกนางเข้าไว้”

         “ทำไมล่ะ?”

         “ไม่ทำไม เอาเป็นว่า ข้าพูดเพราะหวังดีกับเจ้าก็แล้วกัน”

        ซูเหลียนหรูหลุดออกจากภวังค์ นางพูดต่อบทสนทนาเมื่อครู่ “เจ้าหมายความว่า พี่รองของข้ายุ่งไม่เข้าเรื่องเองใช่หรือไม่ ข้าก็อยากจะถามเจ้าเหมือนกัน เจ้าเกลียดเฟิ่งสือจิ่น และอยากจะเล่นงานหลิวอวิ๋นชูขนาดนั้น ทำไมไม่ไปติดต่อกับโจรพวกนั้นเอง แต่ปล่อยให้ข้าเป็นคนทำแทนล่ะ? วันนั้น ที่เจ้าสาธยายยาวเหยียดให้ข้าฟัง ก็เพราะอยากให้ข้ากำจัดหลิวอวิ๋นชูแทนเจ้าเท่านั้นสินะ?”

        เฟิ่งสือจาวชะงักลงชั่วครู่ เพียงไม่นาน สายตากดดันของซูเหลียนหรูก็ทำให้นางขอบตาแดงขึ้นมาอย่างกะทันหัน

        ซูเหลียนหรูถาม “เจ้าจะร้องไห้ทำไม ข้ารังแกอะไรเจ้าหรือไง?”

        เฟิ่งสือจาวใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหางตาเบาๆ “ที่แท้ องค์หญิงเห็นสือจาวเป็นคนเช่นนี้นั่นเอง ที่องค์หญิงหลบหน้าข้าก็คงเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยใช่หรือไม่? จริงอยู่ที่ข้าเป็นคนหาทางให้องค์หญิงกับคนพวกนั้นติดต่อกัน แต่ข้าทำไปเพราะอยากแก้แค้นแทนองค์หญิงเท่านั้น ข้ากับท่านชายหลิวไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ทำไมข้าต้องหลอกใช้องค์หญิงเพื่อกำจัดเขาด้วย? หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงโกรธแค้นเขา ข้าก็คงไม่วางแผนแบบนั้นขึ้นมาหรอก แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อองค์หญิงคิดเช่นนั้น ถือว่าสือจาวคิดผิดไปเองว่าเราเป็นเพื่อนกัน พูดกันให้รู้เรื่องไปเลยก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มและเป็นห่วงองค์หญิงอีก สือจาวไม่รบกวนองค์หญิงแล้ว ข้าขอตัวลา”

        “รอก่อน” ซูเหลียนหรูเห็นนางร้องห่มร้องไห้ด้วยท่าทางเศร้าเสียใจเช่นนี้ก็อดใจอ่อนไม่ได้ จึงเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ สิ่งที่เฟิ่งสือจาวพูดมาก็มีเหตุผลไม่น้อย คนที่มีความแค้นกับหลิวอวิ๋นชูไม่ใช่เฟิ่งสือจาว แต่เป็นนางเองต่างหาก คนที่อยากจะกำจัดหลิวอวิ๋นชูก็คือนางอีกเช่นกัน เฟิ่งสือจาวเพียงคิดแผนให้นางเท่านั้น ในที่สุดซูเหลียนหรูก็ปล่อยวางความสงสัยในใจลง นางเชื่อว่าเฟิ่งสือจาวไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์อะไร “เรื่องนี้ ในเมื่อผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ อย่าไปใส่ใจเลย ถือว่าข้าคิดมากไปเองก็แล้วกัน แต่ถ้าเจ้ากล้าหลอกใช้ข้าจริงๆ ละก็ อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย ที่จะตัดขาดกับเจ้าไปตลอดชีวิต”

Author Jinovel