มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 3 บทที่ 70 เจ้าของที่มีอาหารเหลือเฟือ

        เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปากอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม เธอทำเพื่อเขาทั้งนั้น ทำไมต้องมีทิฐิขนาดนี้ด้วย

        เหลียนเซวียน หากท่านถูกหมูป่าไล่ขวิด แล้วจะทำอย่างไรล่ะ

        ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นเลื่อนไปรอบๆ ดวงหน้าหยาบกร้านแฝงแววทระนงของชายหนุ่ม น้ำเสียงสั่นเครือเจือไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

        แล้วเหตุใดเขาต้องถูกหมูป่าไล่ขวิดด้วยล่ะเหลียนเซวียนละเหี่ยใจยิ่ง แต่เสียงสะอื้นของเธอทำให้เขาว้าวุ่นใจ

        เหลียนเซวียนถอนใจเงียบๆ ท้ายที่สุดก็ปล่อยให้เซวียเสี่ยวหรั่นประคองขึ้นไปบนโขดหินอย่างหมดสภาพ

        เซวียเสี่ยวหรั่นลอบชูสองนิ้วพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ กระดี๊กระด๊าขนของกลับไป

        ฮิๆ ที่แท้จอมยุทธ์ผู้นี้ชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม่แข็ง

        กว่าจะขนกระดูกตะกร้าสุดท้ายกลับมาถึงถ้ำ ก็เป็นเรื่องหลังจากนั้นสองชั่วโมง

        เธอประเมินร่างกายของตัวเองสูงเกินไป การไปกลับรอบแล้วรอบเล่าทำให้เธออ่อนเปลี้ยจนหมดแรง โดยเฉพาะสองรอบท้ายสุดเธอแทบจะหยุดพักหายใจทุกสองสามก้าว ไม่ต้องพูดถึงความเร็ว

        โชคดีฝูงหมูป่าไม่ได้ตามมา หลังจากขุดหลุมฝังหัวหมูป่าบริเวณต้นเถาเฮ่อแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็ประคองเหลียนเซวียนลงมาจากโขดหิน

        เซวียเสี่ยวหรั่นหิ้วกระดูกตะกร้าสุดท้ายเดินกลับมาพร้อมเหลียนเซวียนที่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ กับอาเหลยซึ่งเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นนานแล้วด้วยความเร็วราวกับเต่าคลาน

        ทันทีที่กลับไปถึงถ้ำ เซวียเสี่ยวหรั่นก็โยนตะกร้าลงพื้น นอนแผ่หราบนเสื่อของตัวเอง เหนื่อยจนไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกาย

        อาเหลยเลียนแบบท่าทางของเธอ กลับไปนอนบนรังน้อยๆ ของมัน

        เหลียนเซวียนเองก็เหนื่อยมาก เขาใช้พลังโจมตีต่อเนื่องกันถึงสองครั้ง กำลังภายในทั้งหมดถูกใช้ไปจนหมดสิ้น ประกอบกับระยะทางไกล แค่เดินไปเดินกลับก็สูบพลังไปเยอะแล้ว

        แต่เขามีความมุ่งมั่นกับจิตใจที่แข็งแกร่ง การสูญเสียพลังกายไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา

        ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือเซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น

        สตรีอ่อนแอไม่มีวรยุทธ์แม้แต่กระผีกริ้นคนหนึ่งกัดฟันขนย้ายสิ่งของไปกลับรอบแล้วรอบเล่า เหลียนเซวียนอยากให้เธอทิ้งของไปบ้างบางส่วน แต่เธอกลับถลึงตาใส่แล้วกล่าวว่า

        ได้ยังไงล่ะ กว่าท่านจะล่าสัตว์ใหญ่มาได้ไม่ใช่ง่าย กระดูกสักชิ้นก็ให้สิ้นเปลืองไม่ได้ มีเนื้อเหล่านี้ก็ไม่ต้องวิตกว่าจะไม่มีเนื้อกินอีกเป็นเดือน ดังนั้นห้ามโยนทิ้งเด็ดขาด

        นางยืนกรานหัวชนฝาขนาดนั้น เขาจะพูดอะไรได้

        เหลียนเซวียนเติมฟืนใส่เข้าไปในกองไฟ อุณหภูมิภายในถ้ำค่อยๆ อุ่นขึ้น

        เซวียเสี่ยวหรั่นนอนนิ่งเป็นศพอยู่ราวสิบกว่านาที ก่อนเลื้อยขึ้นมา ยกหม้อตั้งบนเตาหิน โยนกระดูกเลียงผาที่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้นลงไป เดิมทีคิดว่ากระดูกเลียงผาเหลือน้อยแล้ว ควรประหยัดหน่อย แต่ตอนนี้มีกระดูกหมูป่ากองเป็นภูเขา ย่อมไม่ต้องประหยัดอีกต่อไป

        ฮ่า… ต่อให้หิมะตกก็ไม่ต้องกังวล เนื้อเยอะขนาดนี้ พออยู่ได้หนึ่งเดือนสบายๆ ยังมีปลา เกาลัด ซันเหอเถา ลูกพลับ กล้วยน้ำว้าก็ยังเหลือไม่น้อย อื้อหือ… บ้านเจ้าของที่มีอาหารเหลือเฟือไปจนถึงปีใหม่แล้ว [1] ฮ่าๆ “

        เซวียเสี่ยวหรั่นนับปริมาณเสบียงอาหารที่มีเก็บไว้ด้วยหัวใจเบิกบาน

        มีของอยู่แค่นี้ยังมีหน้าเรียกตนเองว่าเป็นเจ้าของที่ เหลียนเซวียนทั้งฉิวทั้งขัน

        เซวียเสี่ยวหรั่นไม่สนใจว่าเขาจะคิดอย่างไร วันเวลาต่อจากนี้ไม่ต้องวิตกเรื่องอาหารการกินชั่วคราว เธอย่อมรู้สึกเบาสบาย

        โอย ต้นขาก็ปวดแขนก็เมื่อย ยังมีปลาอีกกองใหญ่ต้องไปจัดการ” เซวียเสี่ยวหรั่นบ่นงึมงำ “กางเกงก็เลอะ ต้องซัก เนื้อมากมายขนาดนั้นต้องเอามาตากแห้ง ลูกพลับปอกเปลือกแล้วก็ยังไม่ได้ตากเลย มีงานอีกมากมายต้องทำ โชคดีอากาศหนาว ไม่อย่างนั้นปลาตายนานขนาดนี้ก็เหม็นหมดแล้ว ไปจัดการปลาก่อนดีกว่า

        แม้ปากจะพร่ำบ่น แต่พอนึกถึงคลังเสบียง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยังยิ้มโดยไม่รู้ตัว ก้าวขาที่ปวดเมื่อยวิ่งออกไปข้างนอก

        งานเยอะจริง เหลียนเซวียนแค่ฟังอย่างเดียวก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว แต่นางก็ยังเริงร่า

        สองวันต่อจากนั้น เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยุ่งอยู่กับการจัดการอาหารแต่ละชนิด

        เหลียนเซวียนช่วยต้มเถาเฮ่อแล้วฟั่นเป็นเส้นด้านแล้วเอามาม้วนเป็นปมเล็กๆ

        จนกระทั่งจัดการอาหารทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ฝนห่าใหญ่ก็มาอย่างเงียบเชียบ

        เซวียเสี่ยวหรั่นใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายช่วงกลางวัน และหลับเป็นตายตอนกลางคืน

        จนกระทั่งตื่นขึ้นมาตอนเช้า อ้าปากหาวสองสามครั้ง ถึงรู้สึกว่าอุณหภูมิลดลงอีก

        บ้าฉิบ เมื่อคืนฝนตกหนักขนาดนี้เลยเหรอ

        เซวียเสี่ยวหรั่นเปิดประตูบานเล็ก มองต้นไม้ด้านนอกที่ถูกฝนชะมาตลอดทั้งคืน พลันสึกทึ่มทื่อไปชั่วขณะ

        ฝนตกหนักเสียงดังขนาดนั้นก็ยังปลุกให้เธอตื่นไม่ได้ เหลียนเซวียนนับถือเธอเลย

        โอย พอฝนหยุด อากาศก็ยิ่งหนาวน่ะสิ

        เซวียเสี่ยวหรั่นตัวสั่นวิ่งกลับมาข้างกองไฟ เอื้อมมือไปยกเตาร้าวใบนั้นขึ้นตั้งบนเตาหิน

        อาเหลยล่ะ?”

        ตื่นมาก็ไม่เห็นมันแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นถามประโยคหนึ่ง

        เหลียนเซวียนชี้ไปข้างนอก พอฟ้าสางมันก็แอบย่องออกไปแล้ว

        อากาศเย็นแบบนี้ยังหนีออกไปอีก ตัวมีขนก็ดีอย่างนี้ ไม่ต้องกลัวหนาว” เซวียเสี่ยวหรั่นอาศัยช่วงเวลาว่าง หยิบเสื้อที่ถักเสร็จไปแล้วครึ่งตัวมาถักต่อ

        ตัวมีขนก็ดีถ้าเกิดมันขึ้นบนตัวเจ้าจริงๆ เกรงว่าจะร้องไห้แทบไม่ทัน เหลียนเซวียนสบประมาทอยู่ในใจ

        หนาวจังเลย หิมะใกล้จะตกแล้วแน่เลย ต้องรีบถักเสื้อแล้ว มิเช่นนั้นแม้ว่าจะมีกองไฟยามค่ำคืน ก็อาจยังแข็งตายได้

        สองวันก่อน เซวียเสี่ยวหรั่นถักชุดของตนเองเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังถักเสื้อกับกางเกงให้เหลียนเซวียน

        ครั้งนี้ตัดเถาเฮ่อมาไม่น้อย เส้นใยที่ต้มออกมาก็เยอะมาก ส่วนที่เหลือเอามาใช้ถักถุงเท้ากับถุงมือดีกว่า

        เซวียเสี่ยวหรั่นขยับมืออย่างรวดเร็ว หิมะจะตกแล้ว อุณหภูมิต้องต่ำลงมากแน่ๆ ขนาดตอนนี้เธอสวมใส่เสื้อผ้าที่ถักเสร็จแล้วยังรู้สึกหนาว เหลียนเซวียนสวมแค่เสื้อกางเกงอย่างละตัวจะหนาวแค่ไหน

        หลังน้ำเดือดแล้ว ก็ตักออกมาล้างหน้าบ้วนปาก และเริ่มตุ๋นกระดูก

        ประตูเล็กที่ปิดอยู่ถูกเปิดออก หลังจากอาเหลยวิ่งเข้ามาแล้วก็หันไปปิดประตู แล้วค่อยเดินเข้ามา

        ขาของมันข้างที่หักสามารถแตะพื้นได้บ้างแล้ว บนเขาไม่มียาสมานแผล เซวียเสี่ยวหรั่นใช้น้ำมันเลียงผาทาบางๆ ให้ ตอนนี้แผลตกสะเก็ดแล้ว รอแค่กระดูกส่วนที่หักค่อยๆ สมานกัน

        แหม เจ้าตัวน้อยนี่แสนรู้ไม่เบา กลับมาแล้วรู้จักปิดประตูด้วย” เซวียเสี่ยวหรั่นเอื้อมมือไปลูบหัวของมัน

        เจี๊ยกๆ ” อาเหลยนั่งลงผิงไฟรับความอบอุ่น พอได้สัมผัสกับกองไฟนานวันเข้า มันจึงเคยชินกับการผิงไฟแล้ว

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองมันอย่างเวทนา “มันต้องไปหาฝูงลิงที่ดงกล้วยแน่ๆ

        อาเหลยย่องไปแถวดงกล้วยแทบจะทุกวัน

        ฝูงลิงอพยพทิ้งลูกลิงบาดเจ็บสาหัสเอาไว้ โอกาสที่จะไม่กลับมาอีกมีถึงแปดเก้าส่วน ลิงน้อยไปหาทุกวันก็ไร้ประโยชน์

        เหลียนเซวียนเห็นลิงบนเขาราชันโอสถมามาก จึงเข้าใจลักษณะนิสัยของพวกมันเป็นอย่างดี ลิงน้อยตัวนี้ถูกทอดทิ้งโดยสิ้นเชิง ไม่มีทางหาฝูงพบ หรือต่อให้วันหนึ่งได้เจอฝูง ฝูงลิงก็อาจไม่ยอมรับมัน

        ลิงที่ได้รับการเลี้ยงดูจากมนุษย์ ย่อมติดกลิ่นอายมนุษย์ ฝูงลิงความรู้สึกไว คิดจะกลับไปฝูงเดิมก็คงยากแล้ว

        แม้ว่าแม่นางผู้นี้จะไม่ได้ฝึกลิงน้อยเป็นพิเศษ แต่แค่เธอพูดซ้ำบ่อยๆ กระบวนการฝึกฝนก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

        อาเหลย บนพื้นมันเย็น อย่านั่งพื้น ไปลากเสื่อมา อ้า ใช่แล้ว ต้องแบบนี้สิ ฉลาดจริงๆ เดี๋ยวจะให้รางวัลเจ้าเป็นกระดูกชิ้นโตๆ” เซวียเสี่ยวหรั่นขยับนิ้วอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ลืมชื่นชมมันด้วยรอยยิ้ม

        เจี๊ยกๆ” อาเหลยตอบรับด้วยความดีใจ พลางตั้งหน้าตั้งตารอรางวัลของมัน

        ดูสิ แค่ทำซ้ำแบบนี้ทุกวัน ลิงน้อยก็เคยชินตกหลุมพราง รู้ว่าอีกประเดี๋ยวจะได้กินกระดูก ก็ยิ่งแสดงความเฉลียวฉลาดออกมาเป็นพิเศษ

        มุมปากของเหลียนเซวียนยกขึ้นน้อยๆ

        

        [1] คำพูดนี้มาจากภาพยนตร์เรื่อง 甲方乙方 สมัยก่อนผู้เช่าที่ดินเพาะปลูกจะจ่ายค่าเช่าและมอบพืชพรรณธัญญาหารที่เพาะปลูกให้เจ้าของที่ทุกปี แต่ผู้เช่าก็มักผัดผ่อน ขอยืดเวลาบ้างอะไรบ้าง เจ้าของที่ก็จะตอบไปว่า เจ้าของที่ก็ไม่มีพืชพรรณธัญญาหารเหลือแล้ว ถ้าผู้เช่าไม่จ่าย เจ้าของที่ก็ลำบากเหมือนกัน

Author Jinovel