มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 5 บทที่ 123 หนีไม่พ้น

        ถังชิงหรูยังคิดจะหนี แต่ครานี้คงไปไหนไม่พ้น

        เจ้าหนุ่มสองคนนี้เจ้าเล่ห์นัก นางไม่ได้พูด ไม่ได้ทำอันใดสักอย่าง พวกเขาก็คะเนได้แล้วว่านางกำลังคิดสิ่งใดในใจ

        ด้วยอุปนิสัยของพวกเขาคืนนี้คงต้องหาคนมาเฝ้านางไว้แน่

        ราตรีนี้บุรุษสองคนดื่มจนเมาหัวราน้ำ ขับร้องบทเพลงสงครามปลุกใจให้ถังชิงหรูรู้สึกฮึกเหิม นางตัดสินใจแน่วแน่ บอกความคิดอ่านของตนเองหลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมาแล้ว

        “เจ้าว่าอะไรนะ” น่าหลันหลิงหน้าดำทะมึน มองนางอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

        เฉินหมิงนิ่งงันสงวนวาจา ทว่าใบหน้าหล่อเหลาเยียบเย็นดั่งน้ำค้างเหมันต์ แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย

        “พวกท่านอยากให้ข้ารั้งอยู่ในค่ายทหารก็ได้ แต่ข้าจะไม่เป็นทหารติดตาม ข้าต้องการประจันหน้ากับศัตรูเหมือนพวกท่าน ช่วงแรกยังไม่ต้องแต่งตั้งตำแหน่งใหญ่โตให้ข้าก็ได้ มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นที่ครหา พวกท่านแค่มอบตำแหน่งนายกองเล็กๆ ให้ข้าเป็นผู้นำของคนสักไม่กี่คนก็พอ

        “เหลวไหล” น่าหลันหลิงไม่เคยขึ้นเสียงกับนางเช่นนี้ก่อน “ทุกคนในกองทัพล้วนกินนอนด้วยกัน เจ้าเป็นสตรีจะไปนอนรวมกับบุรุษหยาบกระด้างเหล่านั้นได้อย่างไร ต่อให้ข้าเห็นด้วย ชิ่งอ๋องก็ไม่เห็นด้วย ชิ่งอ๋อง ท่านรีบบอกนางไปสิ

        ยามนี้เฉินหมิงกำลังเหนื่อยใจ สตรีคนนี้ก่อแต่เรื่อง หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่รู้จะนำพาหายนะอันใดมาให้อีกบ้าง

        “เจ้าคงได้ยินชัดแล้ว เรื่องพรรค์นี้ข้าไม่มีทางรับปากเจ้า” เฉินหมิงเอ่ยเสียงเบา “หากยังวุ่นวายไม่เลิก ข้าจะให้คนจับเจ้ามัดไว้เสียเลย จะได้ก่อปัญหาไม่ได้อีก

        “ในสายตาของพวกท่าน ข้าเป็นตัวปัญหารึ” ถังชิงหรูนิ่วหน้า “สาเหตุที่พวกท่านปฏิเสธข้าก็เพราะกลัวว่าข้าจะทำให้พวกท่านเดือดร้อน?”

        “ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น พวกเราเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องกับเจ้าต่างหาก มีดดาบไร้ดวงตา ในสงครามจะบาดเจ็บล้มตายล้วนขึ้นอยู่กับลิขิตสวรรค์ พวกเราไม่อาจให้เจ้าไปทำเรื่องอันตรายแบบนี้” เฉินหมิงโอบกอดนาง

        น่าหลันหลิงมองสองคนอิงแอบแนบชิดกัน นัยน์ตาพลันหม่นแสง

        “ข้าจะไปดูเสบียงก่อนว่าต้องเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง” น่าหลันหลิงตัดบท “พวกเจ้าคุยกันไปเถอะ

        ถังชิงหรูเห็นน่าหลันหลิงไปแล้ว เป้าหมายการเกลี้ยกล่อมจึงเหลือแค่เฉินหมิง แต่อย่าเห็นว่าปรกติเขามักตามใจให้ท้ายนางเสมอ ไม่ว่าจะขอสิ่งใดล้วนได้หมด เพราะหากเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ เขาคุยยากยิ่งกว่าน่าหลันหลิงเสียอีก

        ดังนั้นถังชิงหรูจึงไม่คิดรบเร้าต่อไป พวกเขาไม่เห็นด้วย นางก็ต้องไม่ทำงั้นหรือ คราก่อนพวกเขาให้นางติดตามอยู่ข้างหลัง แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไรเล่า?

        “เอาล่ะ ข้าไม่ทำก็ได้” ถังชิงหรูยอมตกลงอย่างใจกว้าง

        ดวงตาของเฉินหมิงเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ เขาไม่คิดว่าถังชิงหรูจะตอบตกลง เดิมทีก็เตรียมรับมือกับการแผลงฤทธิ์ของนางไว้แล้ว

        ยามดึกสงัด ถังชิงหรูมองเฉินหมิงที่นอนบนเตียงพลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ก่อความวุ่นวาย ท่านยังใช้วิธีนี้จับตามองข้าอีก ไม่รู้สึกลำบากบ้างเลยหรือ

        สู้รบต่อเนื่องมานาน เขาซูบผอมลงไปมาก ตอนนี้ยังไม่อาจหลับได้เต็มตา นางพลันรู้สึกผิดอย่างล้ำลึก

        “แค่มีเจ้าอยู่ด้วย ข้าไม่รู้สึกลำบาก อีกอย่างตอนนี้ยังพอมีเวลานอนบ้าง เมื่อหลายวันก่อนตอนออกรบแม้แต่เวลานอนยังไม่มีเลย” ด้วยเหตุนี้ทั้งเฉินหมิงและน่าหลันหลิงจึงมีวงคล้ำใหญ่รอบดวงตาคนละสองวง ดูราวกับสยงเมา[1]ก็มิปาน

        “นอนเถอะ ข้าไม่กวนท่านแล้ว” ครานี้ นางไม่ทรมานเขาอีก

        วันต่อมา หลังจากรับมอบหมายงานเสร็จสิ้น เฉินหมิงกับน่าหลันหลิงก็มาตรวจสอบด้านเสบียงกรัง

        ยามเห็นพวกเขาขนย้ายเสบียงกรังเหล่านั้นอย่างยากลำบาก ถังชิงหรูก็นึกถึงคลังในระบบของตนเอง จึงตัดสินใจช่วยพวกเขาขนเสบียงไปด้วยส่วนหนึ่ง

        ไม่รู้ว่าสงครามครานี้จะยืดเยื้อไปนานแค่ไหน เพื่อมิให้พวกเขาต้องเป็นกังวล นางตัดสินใจจะใช้เงินทั้งหมดซื้อเสบียงตุนไว้ ด้วยวิธีนี้ มาตรว่าเมืองท่าเอ๋อร์ตีชิงยากนัก พวกเขาก็สามารถยืนหยัดต่อไป จนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่อาจหาเสบียงกรังมาเติมได้อีก

        ถังชิงหรูค่อยๆ ลอบทำสิ่งเหล่านี้อย่างไม่กระโตกกระตาก อย่างไรเสียคลังในระบบของนางก็เป็นความลับ สามารถซุกซ่อนเสบียงกรังจำนวนมหาศาลได้โดยไม่มีคนรู้เห็น หากน่าหลันหลิงกับเฉินหมิงทราบเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเห็นว่าตนเองเป็นปีศาจหรือเปล่า ตอนนี้นางยังไม่อยากให้ใครล่วงรู้ความลับนี้ เหลิ่งหลินเทียนสวามิภักดิ์ สกุลเหลิ่งไม่เอาเขาไว้อยู่แล้ว อย่างไรเสียเมืองอู๋ซีก็ยังอยู่ภายใต้การดูแลของเขา เพียงแต่มีข้อผูกมัดกับเฉินหมิง เชื่อว่าไม่ช้าเขาคงได้รับสารจากสกุลเหลิ่ง สารจากตระกูลฉบับนั้นหาใช่หนังสือถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเหมือนเช่นยามปรกติ แต่เป็นหนังสือแจ้งการขับออกจากตระกูล

        เมื่อเหลิ่งหลินเทียนตัดสินใจทำลงไป ย่อมไม่เสียใจภายหลัง จะว่าไปแล้วเขากับเฉินหมิงก็นับว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

        การเกี่ยวดองด้วยการแต่งงานระหว่างชนชั้นสูง ก็เพื่อขยายฐานอำนาจ เฉินหมิงเป็นราชนิกุล คนสกุลเหลิ่งแต่งเข้าราชวงศ์ก็เป็นเรื่องปรกติ

        วันที่สาม ถังชิงหรูเปลี่ยนมาแต่งชุดทหารติดตามข้างกายเฉินหมิง เดิมทีเฉินหมิงอยากจัดรถม้าส่วนตัวให้นาง แน่นอนว่านางปฏิเสธ ช่างน่าขัน มีใครเคยเห็นทหารรับใช้ธรรมดามีรถม้านั่งส่วนตัวกันบ้าง หากทำเช่นนี้ คงมีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นที่มองไม่ออกว่านางมีปัญหา

        จากเมืองอู๋ซีถึงเมืองท่าเอ๋อร์ใช้เวลาสองวัน ในที่สุดกองทัพของพวกเขาก็มาหยุดที่ชานเมืองอยู่ไม่ไกลจากเมืองท่าเอ๋อร์ เห็นชัดว่าเฉินหมิงกับน่าหลันหลิงให้ความสำคัญกับเมืองท่าเอ๋อร์แห่งนี้ พวกเขาคิดผิดที่เห็นเมืองท่าเอ๋อร์ดีกว่าเมืองอู๋ซี เห็นอยู่ว่าเจ้าเมืองท่าเอ๋อร์ไม่ใช่คนรับมือง่ายนัก คนผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิต ภายใต้การปกครองของเขา ประชาชนได้แต่เก็บความคับแค้นไว้ในใจแต่มิกล้าเอ่ยปากหรือทำอะไรเลยนอกจากยอมรับความโชคร้ายของตนเอง

        วันนี้พวกเขาเลือกตั้งค่ายบนภูเขา เฉินหมิงปรึกษาหารือกับแม่ทัพนายกองเหล่านั้นอยู่เป็นเวลานาน กว่าจะกลับมาถึงกระโจมก็ดึกดื่นมากแล้ว ยามกลับมาถึงก็นอนคว่ำหน้าไม่ขยับอยู่ตรงนั้น ดูท่าคงจะอ่อนเพลียมาก เดิมทีถังชิงหรูไม่พอใจสิ่งที่เขาจัดเตรียมให้ แต่พอเห็นเขาเป็นแบบนี้ ความขุ่นเคืองใจทั้งหลายก็มลายหายสิ้น

        “เป็นอะไร ดูท่าทางของท่านสิ ทุกอย่างราบรื่นดีมิใช่หรือ” ถังชิงหรูลุกขึ้นมานั่ง ช่วยนวดไหล่ให้เขา

        เฉินหมิงครางฮื่อๆ อย่างสบายตัว พลางเอ่ยเสียงเบา “ก็ไม่ราบรื่นเท่าไร แต่ข้าจัดการได้ ทำไมเจ้าถึงยังไม่พักผ่อนอีกล่ะ

        ถังชิงหรูเบ้ปาก ตัดพ้ออย่างไม่พอใจ “ก็ท่านบอกให้ข้ารอมิใช่หรือ ท่านยังบอกว่าที่นี่มีแต่บุรุษ ข้าอยู่คนเดียวไม่ปลอดภัย ให้รอทำทุกอย่างพร้อมกับท่านเป็นดีที่สุด

        “ข้าเป็นห่วงเจ้า” เฉินหมิงขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง “เจ้าไม่พอใจหรือ

        “ท่านว่าข้าควรพอใจหรือเปล่าล่ะ” ถังชิงหรูมองค้อน “ช่างเถอะ ท่านเองก็เหนื่อยแล้ว เรื่องของข้ายังไม่ต้องเอ่ยถึงก็ได้ ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ พรุ่งนี้ยังต้องปรึกษาหารือแผนการรบอีกกระมัง รีบพักผ่อนเถอะ

        “นอนด้วยกัน” เฉินหมิงพูดจบ ก็ไม่สนว่าถังชิงหรูจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร เขารั้งเอวบางเข้ามากอดแล้วล้มตัวลงนอน

        ถังชิงหรูขยับตัวยุกยิก แต่พอได้ยินน้ำเสียงอ่อนเปลี้ยเอ่ยว่า “อย่าขยับ” นางก็ไม่ทรมานเขาอีกต่อไป

        คืนนั้นถังชิงหรูไม่รู้ว่าตนเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ยามตื่นขึ้นมา เฉินหมิงก็ลุกจากเตียงไปแล้ว

        ข้างนอกแดดจ้า เหล่าทหารต่างปฏิบัติหน้าที่ของตน มีคนมองเห็นถังชิงหรูเดินออกมาจากกระโจม สายตาก็เหลือบมองตามนางไปอย่างอดไม่ได้

        ถังชิงหรูทราบว่าก่อนหน้านี้เฉินหมิงประกาศออกไปว่านางเป็นทหารคนสนิท ไม่ว่าใครก็ไม่มีอำนาจสั่งการนาง รวมถึงแม่ทัพเหล่านั้นด้วย

        พวกเขาไม่ทราบสถานะของถังชิงหรู แต่รู้สึกได้ว่านางมีความสำคัญต่อเฉินหมิง จึงไม่มีใครกล้าล่วงเกิน

        “ได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพน่าหลันทะเลาะกับท่านอ๋อง

        “พูดจาส่งเดชอันใด พวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบาน จะทะเลาะกันได้อย่างไร ฝ่าฟันอันตรายมาด้วยกันมามาก สนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องคลานตามกันมาเสียอีก

        “เจ้าจะรู้อะไร ขนาดลิ้นกับฟันยังกระทบกระทั่งกัน นับประสาอันใดกับคนที่มีอุปนิสัยต่างกันสองคน พวกเขาจะทะเลาะกันบ้างก็เป็นเรื่องปรกติ บุตรสองคนบ้านข้ายังทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ไม่ถึงหนึ่งวันก็ดีกันแล้ว นับประสาอันใดกับมิตรภาพของลูกผู้ชายที่ร่วมจับปลาหนีชิว[2]มาด้วยกัน

        “ฮ่าๆ พูดมีเหตุผล

        ถังชิงหรูได้ยินคนเหล่านั้นคุยกันก็ถามทหารที่อยู่ข้างกาย

        “พวกเขากินข้าวหรือยัง

        ทหารผู้นั้นรู้ว่าถังชิงหรูเป็นคนสนิทของเฉินหมิง หากล่วงเกินโดยประมาท อาจทำภัยมาถึงตัว

        “ท่านอ๋องตื่นมาก็ไปปรึกษาหารือกับแม่ทัพน่าหลัน ถึงตอนนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย

        “เช้านี้มีอะไรกินบ้างล่ะ” ถังชิงหรูถามต่อ

        “ดูเหมือนว่าจะเป็นข้าวต้มกระมัง ตอนนี้สงครามยังไม่เริ่ม ทุกคนต้องกินประหยัดหน่อย อาหารเช้ามีข้าวกับหม่านโถว

        ถังชิงหรูได้ข่าวก็เข้าไปในครัวนำข้าวต้มและหม่านโถวสำหรับสามคนออกไป

        ปริมาณอาหารของบุรุษค่อนข้างมาก โดยเฉพาะทหารเหล่านี้ ดังนั้นข้าวต้มและหม่านโถวสำหรับสามคนจึงมีปริมาณเทียบเท่ากับอาหารของคนหกคน

        “เจ้าจะเข้าไปเสี่ยงไม่ได้” เฉินหมิงเอ่ย “แม้ข้าจะยอมรับว่าวิธีของเจ้าดีมาก แต่เจ้าไม่อาจเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เปลี่ยนคนเถอะ

        “เปลี่ยนคนแล้วท่านคิดว่าคนของเรามีใครเหมาะสมบ้างล่ะ แม่ทัพหวังกล้าหาญแต่ไร้แผนการ หากให้เขาเข่นฆ่าศัตรูย่อมไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้เขาใช้สมอง ก็คงจะลำบากสำหรับเขาเกินไป แม่ทัพหลี่อายุยังน้อย ยังอ่อนประสบการณ์ไม่อาจรับหน้าที่นี้ ส่วนแม่ทัพฉินก็แก่เกินไป ทนทรมาทรกรรมขนาดนั้นไม่ไหว ส่วนแม่ทัพถัง ท่านก็รู้ว่าเราไม่อาจไว้เนื้อเชื่อใจเขาอย่างสนิทใจ

        “นำทุกคนมาวิเคราะห์แล้ว ก็ไม่มีใครดีพอที่จะรับหน้าที่นี้ มีเพียงข้าที่ออกหน้าช่วยท่านได้” น่าหลันหลิงเอ่ยอย่างโมโหโทโส

        “ข้ารู้ว่าเจ้ามีเหตุผล แต่ข้าก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี อย่าพูดอีกเลย ข้าไม่ตกลง เจ้าเมืองท่าเอ๋อร์ไม่เหมือนกับเจ้าเมืองอู๋ซี ถ้าเจ้าเข้าไปในเมือง ก็เท่ากับเข้าถ้ำเสือของศัตรู เกรงว่ายังไม่ทันลงมือก็คงถูกอีกฝ่ายกินจนไม่เหลือกระดูกแล้ว หากเกิดความผิดพลาดอันใด หรูเอ๋อร์คงชังข้าตายแน่

        “ไม่หรอก” น่าหลันหลิงถอนใจเบาๆ “คนที่นางชอบคือท่าน ตราบใดที่ท่านปลอดภัย นางก็มีความสุข

        “ความหมายของเจ้าคือจะบอกว่านางไม่นำพาความเป็นความตายของเจ้ารึ เช่นนั้นกล้าไปบอกนางเองไหมล่ะ ไปลองถามความคิดเห็นของนางดู

        ถังชิงหรูผลักประตูเดินเข้ามา

        บุรุษสองคนพอเห็นนาง จากที่กำลังทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดง ยามนี้ก็เงียบกริบราวกับเป็นใบ้

        “ทำไมไม่คุยกันต่อเล่า ข้างนอกยังได้ยินเสียงของพวกท่านเลย” ถังชิงหรูวางถ้วยข้าวต้มกับหม่านโถวไว้บนโต๊ะ “กินอะไรก่อน ค่อยทะเลาะกันต่อ

        “พวกเราไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย” เฉินหมิงกระทุ้งศอกเข้าสีข้างของน่าหลันหลิง “จริงไหม

——————————————————————————–

[1] สยงเมา หมายถึงหมีแพนด้า

[2] ปลาหนีชิว เป็นชื่อปลาชนิดหนึ่งตัวกลมปลายหางแบน หลังสีดำ ท้องสีขาวหรือเทา หัวเล็กแหลมปากมีหนวด มักจะอยู่ในแม่น้ำ หนอง บึง ชอบซ่อนตัวอยู่ในดินเลน เนื้อใช้รับประทานได้

 

Author Glory Forever