มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 5 บทที่ 125 ทองแท้เผาไม่ไหม้

        คนมักพูดกันว่า ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ หรือก็คือการที่ของจำพวกทองนั้น ยิ่งเผาไหม้มากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถเผาเอาสิ่งแปลกปลอมออกไปได้มากเท่านั้น ทำให้ตัวมันยิ่งบริสุทธิ์ ยิ่งส่องสว่าง และเปล่งประกาย

        และยังมีอีกอย่างหนึ่ง ที่ว่ากันว่านกมหัศจรรย์อย่างนกฟีนิกซ์นั้น สืบทอดต่อกันรุ่นสู่รุ่น และมันก็จะไข่เอาไว้ในเปลวไฟร้อน ให้ไข่ได้ผ่านการเผาไหม้ของเปลวไฟอยู่ตลอดเวลา ลูกนกฟีนิกซ์จึงจะสามารถฟักออกมาได้และเกิดใหม่อีกครั้ง

        ตอนแรกหลินลั่วหรานถูกตาข่ายยักษ์คลุมเอาไว้ และเพราะว่าจิตความคิดกำลังโดนไฟเผาไหม้อยู่ จึงไม่มีส่วนไหนที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมาน ในตอนแรกความเจ็บปวดยังคงสัมผัสได้จากร่างกาย แต่หลังจากที่ร่างกายถูกยึดไปแล้ว ความเจ็บปวดก็เข้ามารวมกันที่จิตความคิด และความเจ็บปวดทรมานก็เพิ่มมากขึ้นกว่าร้อยเท่า

        ถ้าหากไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมแพ้หรือแม้แต่มีความคิดจะย่อท้อ ก็คงจะทำให้ผีสาวนั้นได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ และเผาไหม้เธอจนกลายเป็นผุยผงไป

        แต่ยิ่งหลินลั่วหรานดิ้นรนมากเท่าไร เธอก็ยิ่งเจ็บปวดทรมานมากเท่านั้น จนเธอเริ่มรู้สึกว่าสติของตัวเองนั้นเลือนรางไปทุกที ถูกเผาไหม้จนแยกไม่ออกว่าคืออะไร ได้แต่ห่อตัวเป็นก้อน

        ในตอนแรกเธอยังสามารถรับรู้ได้ถึงการสนทนาระหว่างเหวินกวนจิ่งและผีสาวที่แย่งร่างของเธอไป ก่อนจะรู้สึกว่าเสียงของภายนอกค่อยๆ เบาลง หลังจากนั้นเธอก็จำได้เพียงแค่ชื่อของตัวเอง ไม่นานนัก เธอก็ถูกไฟแห่งจิตความคิดเผาไหม้จนแม้แต่เข้ามาอยู่ในสถานการณ์นี้ได้อย่างไรก็ยังคิดไม่ออก

        หดเล็กลง หดเล็กลงอีก อาจไม่เจ็บปวดแล้วใช่ไหม?

        จิตความคิดของหลินลั่วหรานค่อยๆ หดตัวเล็กลง ก่อนจะเหลือขนาดเพียงเท่าเมล็ดท้อ มันคือการปกป้องตัวเองของจิตใต้สำนึกของเธอ ความจริงแล้วจิตความคิดของเธอนั้นก็ไม่ได้ใหญ่อะไร แต่ด้วยความช่วยเหลือจากดอกไม้สีดำจากหน้าผา เมื่อหลินลั่วหรานเริ่มสร้างจิตความคิดขึ้นมา มันก็มากกว่านักปราชญ์ทั่วไปแล้ว ตลอดที่ผ่านมา ในใจของเธอเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายครั้ง ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งเหมาะสมแก่การฝึกศาสตร์ จิตความคิดของเธอแข็งแกร่ง และมันไม่สามารถเทียบเคียงกันได้กับนักฝึกระดับลมปราณทั่วไป

        แต่สิ่งที่ลำบากก็คือ เธอต้องปกป้องจิตของเธอเอาไว้ แม้ว่าที่นี่จะเป็นแหล่งรับรู้ของตัวเธอเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากพื้นที่นี้โต้กลับอย่างไร ได้แต่ถูกผีสาวนั่นบังคับให้ถอยออกไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ติดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ไม่สามารถจะขยับหนีไปไหนได้

        ในระหว่างที่เธอกำลังมึนงงอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องก้องวานของนกฟีนิกซ์ดังขึ้นมา มันเหมือนดั่งนาฬิกาที่ส่งเสียงปลุกในยามเช้า ดังซ้ำไปซ้ำมา ปลุกให้จิตความคิดที่กำลังค่อยๆ ยอมแพ้ของหลินลั่วหรานให้ตื่นขึ้นมา

        ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการถูกเปลวไฟเผาไหม้ ไฟจากจิตความคิดของผีสาวกำลังเผาไหม้เธอ ความเจ็บปวดที่ชัดเจนเข้ามาถึงจิตวิญญาณนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าทางร่างกายหลายร้อยเท่า

        ในตอนที่หลินลั่วหรานไร้กำลัง เสียงร้องกังวานของฟีนิกซ์ก็ดังขึ้นในหูของเธออีกครั้ง เธอไม่ทันได้คิดว่าทำไมถึงมีเสียงร้องของฟีนิกซ์ได้ เธอก็คิดถึงเรื่องตำนานการเกิดใหม่ของฟีนิกซ์ขึ้นมาเสียก่อน

        ลูกนกฟีนิกซ์นั้นเกิดขึ้นมาท่ามกลางไฟที่แผดเผา ทำไมมันถึงไม่ทรมานเพราะความร้อนของเปลวไฟกัน?

        เมื่อก่อนหลินลั่วหรานดูถูกตำนานเหล่านี้ แต่เมื่อเธอได้ก้าวเข้ามาสู่โลกฝึกศาสตร์ ในสายตาของนักปราชญ์แล้ว ก็สามารถอธิบายได้ว่า เป็นเพราะฟีนิกซ์นั้น เดิมทีก็เป็นธาตุไฟอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รับความเจ็บปวดจากเปลวไฟงั้นสินะ?

        ในตอนนี้เธอเองก็เหมือนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยเปลวไฟ ไม่มีตอนไหนที่มันจะไม่เผาไหม้ตัวเธอ ในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกันนี้ ฟีนิกซ์สามารถอาบไฟจนเกิดขึ้นมาใหม่ได้ แต่ที่ตัวเองกลับต้องทรมานอยู่แบบนั้น เพราะว่ามันเกิดมาเป็นนกมหัศจรรย์ที่ได้รับการเคารพ หรือว่ายังมีความลับอื่นอีก?

        ถ้าหากว่าตัวเราเป็นธาตุไฟละก็…หลินลั่วหรานถูกความคิดนี้ทำเอาตกใจขึ้นมา จนทำให้แม้แต่อาการเจ็บปวดก็ถูกทำให้ลืมเลือนไป เธอได้เพียงแต่คิดว่า ความคิดนี้มีความเป็นไปได้อยู่เท่าไร

        อย่างแรกคือเธอคิดถึงพลังธาตุไฟที่แบ่งออกมาในร่างของตัวเอง ก่อนจะนึกไปถึงสาเหตุที่มาของพวกมัน

        หลินลั่วหรานจำได้ว่า ตอนนั้นเธออยู่บนดาดฟ้าของบ้านเป่าเจีย เธอไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลย เธอในตอนนั้นกำลังพยายามไตร่ตรองเวทลูกไฟที่เหวินกวนจิ่งปล่อยออกมา และในความบังเอิญของโชคชะตานั้นเอง เธอก็เข้าสู่สมาธิและสัมผัสได้ถึงเหล่าเม็ดพลังธาตุต่างๆ ที่อยู่บนโลก

        พลังธาตุไฟที่ปล่อยแสงราวกับดาวหางที่ซุกซนที่สุด ในตอนนั้นจิตความคิดของหลินลั่วหรานได้รับความเสียหาย พลังพวกนั้นก็คิดว่าเธอรังแกได้ง่าย ต่างพากันเข้ามาหยอกล้อเธอ

        ในตอนที่เธอกำลังมัวเมาไปกับดวงตาทั้งห้าสี เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พลังในร่างก็แบ่งออกมาเป็นธาตุไฟส่วนหนึ่ง…ความรู้สึกในตอนนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนี้สินะ?

        จิตความคิดของเธอยังคงถูกไฟแผดเผา ความจริงแล้วเป็นเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ แต่หลินลั่วหรานกลับรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน ยาวนานจนเธอรับรู้ได้เพียงความเจ็บปวด สร้างจิตใจที่ดื้อรั้นขึ้นมา และไม่ต้องการให้ไฟนี้จำกัดเธออีกต่อไป

        เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการมองข้ามความเจ็บปวดเหล่านี้ไป ก่อนจะค่อยๆ เข้าไปทำความรู้จักกับพวกไฟแห่งจิตความคิด

        เมื่อไร้การปกป้องจากร่างกาย อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในแหล่งรับรู้ของตัวเธอเอง จิตความคิดก็ไวต่อความรู้สึกขึ้นหลายเท่า ไฟในโลกนี้ต่างก็เกิดมาจากโมเลกุลเล็กๆ พวกนี้ทั้งนั้น จิตความคิดขนาดเท่าเมล็ดท้อของหลินลั่วหรานกำลังรู้สึกได้ถึงสิ่งเล็กๆ ที่เปล่งกายเหล่านั้นอีกครั้ง

        พวกนั้นมีนิสัยแย่กว่าพลังธรรมชาติภายนอกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าจิตความคิดของหลินลั่วหรานไม่ได้จับกลุ่มเป็นก้อนแล้ว ก็ต่างพุ่งเข้ามากัดเธอโดยไม่พูดอะไรสักนิด ดุร้ายจนผิดปกติ

        ความคิดที่ว่าจะทำให้พวกมันใจอ่อนของหลินลั่วหรานตกลงไป ก่อนที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นพลังที่ดุร้ายขึ้นมาแทน ท่าทางดุร้ายของเธอทำให้พวกมันตกใจ ไฟแห่งจิตความคิดเหล่านี้เริ่มเกิดความลังเลขึ้นมาแล้ว และไม่กล้ามาเผาไหม้เธอเหมือนอย่างตอนแรก

        ในใจของหลินลั่วหรานดีใจขึ้นมา ก่อนจะกลับไปเป็นมารร้ายอีกครั้ง เธอแบ่งจิตความคิดของตัวเองเข้าไปยังช่องว่างของพวกจิตไฟทั้งหลาย ทุกๆ กลุ่มก้อนต่างเป็นหลินลั่วหรานที่แสนจะดุร้ายทั้งนั้น แม้ว่าพวกจิตไฟอยากจะหนีไป แต่ก็ถูกผีสาวควบคุมเอาไว้อยู่ดี พวกมันไร้สิทธิ์ในการควบคุมตัวเอง และกลายเป็นตัวรับอารมณ์อยู่ตรงกลาง

        เมื่อมีความไม่มั่นคงเกิดขึ้น เห็นว่าคนนี้ดุร้ายมาก มันก็ถือโอกาส โดยการเข้าหาหลินลั่วหรานผู้เป็น “ศัตรู” คนนี้

        ในตอนที่หลินลั่วหรานกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน มือทั้งสองของเธอกลับขยับร่ายเวทขึ้นมา เธอเสพติดความรุนแรงมาจากเหล่าพลังธาตุไฟเสียแล้ว เธอสั่งให้พลังธาตุไฟที่ยอมแพ้ย้อนกลับไปเผาไหม้เจ้าของของมันแทนโดยไม่แม้แต่จะคิด เมื่อได้ยินเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดและคำด่ากราดของผีสาว หลินลั่วหรานก็ยิ่งมีความสุขจนส่งเสียงหัวเราะเยาะออกไป

        ผีสาวโมโหมาก “ออกไปเดี๋ยวนี้!

        หลินลั่วหรานถูกพลังไฟทรยศพวกนั้นปกป้องเอาไว้ และไม่ได้รับความทรมานจากการเผาไหม้อีกแล้ว แต่อย่างไรนั่นก็เป็นร่างของตัวเธอเอง เพียงแต่ถูกผีสาวอาศัยสักพักเท่านั้นจึงทำให้อันตรายขึ้นมา จะไม่สนใจก็ไม่ได้ อีกทั้งเธอก็รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถหลบซ่อนตลอดไปได้ แน่นอนว่าเธอต้องอยากออกไป

        แต่ว่าภายนอกนั้นต่างถูกล้อมไปด้วยจิตไฟ อีกทั้งยังอยู่ภายใต้การควบคุมของผีสาว ตัวเธอถูกล้อมให้อยู่ตรงกลาง แล้วจะออกไปได้อย่างไร?

        ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังสับสนนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของฟีนิกซ์ดังขึ้น เธอข่มฟันแน่น ก่อนที่จะเสี่ยงชีวิตพุ่งออกไป ถ้าเกิดใหม่ไม่ได้ ก็ต้องตายอย่างเจิดจรัส ทองแท้นั้นต่างก็ต้องผ่านเส้นทางทะเลไฟนี้ไปกันทั้งนั้น!

        เด็กฝึกหัดมือใหม่ที่ไม่รู้ถึงการใช้จิตความคิดโจมตี แม้แต่ชีวิตก็ยังนำออกมาเสี่ยง แล้วเธอจะไปสนใจอะไรกับภาพลักษณ์ เธอใช้จิตความคิดของตัวเองผสมเข้ากับจิตไฟที่ยอมโอนอ่อนให้ ก่อนจะพุ่งเข้าฉีกจิตไฟที่ล้อมอยู่ออก

        จิตไฟที่ล้อมอยู่ภายนอกนั้น ราวกับกองทัพที่ถูกคนควบคุม จิตไฟที่ยอมโอนอ่อนให้ขยับเข้าใกล้จิตความคิด แล้วกระโดดข้ามผ่านไปยังยุคสงครามแรกๆ ต่อสู้กันอย่างไม่คิดชีวิต มันไม่ใช่พลังของเธอ ดังนั้นหลินลั่วหรานจึงไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิด หลังจากที่พวกจิตไฟล้มตายกันไปกว่าครึ่ง สุดท้ายก็ยังนับได้ว่าโชคดี เมื่อได้กำลังเข้า ในที่สุดก็หลุดออกมาจากพวกกองทัพศัตรูได้!

        เมื่อทางหลินลั่วหรานกำลังจะได้รับชัยชนะ การที่ผีสาวจะรับรู้ได้นั้นเป็นเรื่องตามสัญชาตญาณ เริ่มจากการที่หลินลั่วหรานแปลงร่างกายเป็นมารสาว ใช้ตัวเองเข้าไปรวมกับพวกจิตไฟ แน่นอนว่าผีสาวนั้นไม่อาจรับรู้ได้ แต่หลังจากที่เธอสั่งให้พวกกองทัพจิตไฟโจมตีผู้เป็นนายก่อนหน้า ความรู้สึกก็ชัดเจนขึ้นทันที

        เธอไม่เคยพบกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และคิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นแผนการรบของนักปราชญ์ระดับฝึกลมปราณคนหนึ่ง เธอจึงคิดว่านี่เป็นแผนการของหั่วเฟิ่ง(นกฟีนิกซ์ไฟ)ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปในพื้นที่ลึกลับ เธอทั้งตกใจและโมโหผสมกัน เมื่อกำลังจะโต้กลับก็ค่อยๆ รู้สึกได้ว่าตัวของเธอไม่อาจจะควบคุมไฟเหล่านั้นได้อีกต่อไปแล้ว

        ในตอนที่หลินลั่วหรานสั่งให้กองทัพของเธอจัดการพวกศัตรู ในสายตาของผีสาวนั้น เห็นเพียงเปลวไฟที่ยืดหดสลับกันไป ก่อนจะกลายเป็นกองไฟที่เปลี่ยนรูปร่างไปไม่หยุด จากเล็กเป็นใหญ่ จนสุดท้ายก็กลายเป็นรูปร่างนกฟีนิกซ์ขึ้นมา

        ผีสาวถอยหลังกลับ ก่อนจะกัดปากของตัวเองแน่น

        ภายในหั่วเฟิ่งนั้นราวกับมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่ด้านใน แม้ว่าจะเป็นเพียงรูปร่างของจิตความคิด แต่ก็ยังคงสร้างความตกใจให้แก่ผู้คน

        “พรึ่บ”

        ขนของหั่วเฟิ่งร่วงโรยลง ปลิวไสวราวกับกลีบดอกไม้ กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ หลินลั่วหรานสวมชุดสีแดงเพลิง ก่อนจะค่อยๆ เผยร่างออกมา อย่างแรกคือแขนและขา ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะค่อยๆ ชัดขึ้น จนกระทั่งแสงไฟเข้าไปในดวงตาของเธอจนกลายเป็นนัยน์ตา เธอมองมาที่ผีสาวด้วยสายตาเย็นยะเยือก มันคือความรู้สึกเย็นเฉียบที่ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความกลัวเหมือนกับนกฟินิกซ์ไฟตัวนั้น!

Author ก้อนพีช