มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 6 บทที่ 167 จับคางคก

        สมุนไพรวิเศษที่ดีที่สุด หม้อยาระดับสอง ทำ “ยารวมพลัง” ระดับหนึ่งขั้นสูงออกมา สามารถทำได้ทั้งหมดร้อยเม็ด สุดท้ายหลินลั่วหรานสามารถทำออกมาได้สามสิบห้าเม็ด

        ดูเหมือนว่าจะมีอัตราการสำเร็จเพียงแค่สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่มันก็มากพอที่จะทำให้หลินลั่วหรานพึงพอใจแล้ว

        นี่คือการทำยาครั้งแรกของเธอ ยารวมพลังทำให้สามารถรวมพลังไว้ในกายได้โดยไม่หายไปไหน และมันก็เหมาะกับพ่อและเป่าเจียที่ยังมีระดับฝึกลมปราณขั้นแรกไม่เต็มสมบูรณ์ และมักจะดูดซึมพลังอยู่บ่อยๆ แต่กลับกักเก็บพลังเอาไว้ไม่ได้ แน่นอนว่า สำหรับการฝึกศาสตร์ในสภาพแวดล้อมที่พลังกระจัดกระจายแบบนี้ ตัวยาที่มีพลังที่บริสุทธิ์และสงบนั้น ถึงจะเป็นส่วนที่มีค่าที่สุด

        ยาหนึ่งเม็ด ย่อมมีพลังที่จำกัด แต่ว่าร้อยเม็ดล่ะ?

        การทำยาแบบนี้ หลินลั่วหรานต้องใช้เวลาถึงสองวัน เมื่อมานับดูแล้ว ตอนที่จะแลกเปลี่ยน จะต้องมีจำนวนการแลกเปลี่ยนเท่าไรเพราะว่าเธอใช้ห่อสิ่วโอวพันปี ฤทธิ์ยาจึงดีกว่าที่หลินลั่วหรานคิดเอาไว้มาก แม้ว่าเธอจะไม่เคยพบ “ยารวมพลัง” มาก่อน แต่ว่าเธอก็คิดว่ามันน่าจะมีฤทธิ์มากกว่าเป็นสองเท่าได้

        ดังนั้นแม้ว่าอัตราความสำเร็จจะไม่ได้สูง แต่หลินลั่วหรานก็ยังคงพึงพอใจ อย่างไรนี่ก็เป็นยาที่เธอทำขึ้นมาเป็นครั้งแรก เส้นทางหลังจากนี้ยังอีกยาวไกลไม่ใช่เหรอ?

        แต่ว่า มีเพียงยารวมพลังแบบเดียว ก็คงจะมีชนิดน้อยเกินไปหน่อย…หลินลั่วหรานจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ยาอีกอย่าง มันคือ “ยาฟื้นฟู” ที่อยู่ในระดับสองขั้นสูง ไม่เหมือนกับยารวมพลัง ความสามารถของมันก็คือ การรักษาอาการบาดเจ็บ

        หากจะนำมารักษาอาการของกัวเหล่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะทำได้ แต่หากว่าใช้กับนักปราชญ์ที่ยังไม่ถึงระดับพื้นฐานนั้น แม้ว่าจะใกล้ตายแล้วก็ยังมีโอกาสที่จะรักษาได้อยู่ คนที่จะสามารถใช้ยารวมพลังในระยะยาวนั้นไม่ได้มีอยู่มากนัก ดังนั้น “ยาฟื้นฟู” นี้ก็น่าจะขายได้ดีทีเดียว

        แต่ว่าในสูตรยาของมันนั้น มียาชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่สมุนไพรวิเศษ แต่ว่าก็ไม่ใช่สมุนไพรทั่วไป แต่ว่ามันกลับเป็นสิ่งที่หลินลั่วหรานต้องไปหาด้วยตัวเอง อย่างพิษคางคก

        ในสูตรยานั้นบันทึกเอาไว้ว่า “ของเหลวจากขู่หลง” หลินลั่วหรานไปหาข้อมูลมาถึงได้รู้ว่ามันคือพิษคางคกนั่นเอง ความจริงแล้ว ขู่หลงก็คืออีกชื่อหนึ่งของคางคก ตอนนี้เป็นช่วงหน้าร้อน สิ่งที่เขาชิงเฉิงมีไม่ขาดก็น่าจะเป็นพวกบรรดากบทั้งหลายไม่ใช่เหรอ?

        ตกกลางคืน หลินลั่วหรานก็แอบสะพายตะกร้าขึ้นบนหลัง พร้อมทั้งเตรียมเอาขวดแก้วไปด้วย เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าแขนยาวและขายาวเรียบร้อย ก่อนจะเห็นว่าผู้เป็นพ่อแต่งตัวเหมือนกันกับเธอ ยืนรออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้ว

        “เดาว่าสาวน้อยจะแอบออกไปคนเดียวสินะ ทำไมล่ะ จะทิ้งคนแก่อย่างพ่อแล้วเหรอ?”                 คำพูดขอเขาทำให้หลินลั่วหรานละอายขึ้นมา แม้ว่าจะดูเด็กลงเท่าไร ในความทรงจำของหลินลั่วหราน สุดท้ายเขาก็คือพ่อกับแม่ที่ต้องทำงานจนเส้นผมกลายเป็นสีขาวโพลนเพื่อส่งเธอเรียนอยู่ดี ในตอนนั้นเธอยังไม่สามารถจะทำอะไร วันนี้จึงอยากให้พวกเขาได้พักผ่อนสบายๆ…แต่ว่า ดูจากสายตาดุๆ ของพ่อแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะทำมากเกินไป

        เมื่อก่อนพ่อของเธอนั้นก็เก็บสมุนไพรเลี้ยงชีวิต ดังนั้นสำหรับเขาแล้วคางคกก็ไม่ใช่ของแปลกอะไร อย่างไรก็ไปกับพ่อน่าจะดีกว่า อาจจะช้าลงหน่อย แต่ว่าการทำให้พ่อได้รู้สึกว่า “ตัวเองก็มีประโยชน์” ทำไมถึงจะไม่ดีล่ะ?

        สองพ่อลูกแบกตะกร้าขึ้นหลังเดินผ่านแสงจันทร์เข้าไปยังด้านหลังป่า

        แสงจันทร์ในวันนี้สวยงามทีเดียว ความจริงแล้วหลินลั่วหรานสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ในเส้นทางเล็กๆ เส้นนี้ แต่ว่าพ่อของเธอก็ยังคงเอาไฟฉายมาด้วย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อคอยใช้มีดตัดหญ้าเปิดทางให้เธอ ราวกับว่าจะลืมไปแล้วว่าลูกสาวของเขาในตอนนี้คือนักปราชญ์ที่มีความสามารถมากมาย แต่เป็นเพียงเด็กน้อยที่ต้องได้รับการปกป้อง ตอนเด็กๆ เวลาที่ปิดเทอมฤดูร้อน เธอเองก็มักจะติดตามพ่อเข้าไปในป่าแบบนี้ ดังนั้นหลินลั่วหรานจึงไม่ได้ใช้พลังเวทอะไร และไม่ได้แสดงความสามารถของตัวเองออกมา แต่กลับเดินตามอยู่ที่ด้านหลังของผู้เป็นพ่อ และกลับไปเป็นเด็กสาวที่ต้องให้พ่อมาปกป้องอีกครั้งหนึ่ง

        “สาวน้อย ดูนั่น!” อยู่ๆ ผู้เป็นพ่อก็หยุดฝีเท้าลง ก่อนที่จะชี้ไปยังใต้ต้นสนก่อนจะพูดขึ้น

        สิ่งที่ไฟฉายส่องไปนั้น คือดอกเห็ดที่กระจายไปทั่วพื้นดินใต้ต้นสน มันมีสีน้ำตาลแซมแดง และอยู่ในช่วงเริ่มบานออก “นั่นมันเห็ดสน!

        แม้ว่าจะเป็นหลินลั่วหรานในตอนนี้ ก็อดที่จะหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้ เห็ดสนเป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าสน รสชาติของมันนั้นดีเหลือเชื่อ หมู่บ้านหลี่นั้นอยู่ติดกับเขาลูกใหญ่ หลินลั่วหรานจึงรู้จักเห็ดป่าเหล่านี้ แต่ว่าเห็ดสนแบบนี้ ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ ที่บ้านก็เคยเก็บมาได้เพียงสองสามครั้งเท่านั้น เพราะว่าหายาก จึงทำให้รสชาติยิ่งดีขึ้น หลินลั่วหรานประทับใจต่อมันมาก หลังจากเรียนมหาลัยแล้ว เธอก็เคยไปหาข้อมูลมา ถึงได้รู้ว่ามันมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “เห็ดหมุดแดง” และเป็นสินค้าขึ้นชื่อของเขาเพ็กตู ดังนั้นจึงไม่แปลกหากจะหาได้ยากในเขาชู่ชาน

        “พ่อนี่ตาดีไม่เปลี่ยนเลยนะ!” หลินลั่วหรานเก็บเห็ดด้วยความดีใจ ไปพร้อมกับพูดจาประจบขึ้นมาด้วย ทำเอาผู้เป็นพ่อต้องส่ายหน้าไปมาจนมึนหัว แต่ว่าในแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิไม่ใช่เหรอ!

        มีเพียงกองเล็กๆ กองหนึ่งเท่านั้น เมื่อถูกใส่ลงไปยังตะกร้าบนหลังของหลินลั่วหราน มันก็กินพื้นที่ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลินลั่วหรานยังคงไม่พอใจ จึงลงมือหาเห็ดสนอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียแล้ว และในขณะเดียวกันเธอก็ได้พบกับหินชนิดเดียวกับเห็ดหูหนูอย่าง “เห็ดหูม้า” ยังไงก็สามารถทานได้เช่นกัน เธอจึงเก็บมันมาจนเกลี้ยง

        ผู้เป็นพ่อมองไปยังลูกสาวที่แววตาเปล่งประกายขึ้นมา ก่อนจะต้องส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ หลินลั่วหรานชอบเข้าป่ามาตั้งแต่เด็ก เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่า ลูกสาวของเขาคนนี้ ปกติแล้วจะไม่ชอบพูดจาอะไร แต่เมื่อเข้ามาในป่าทีไร ทุกๆ อย่างก็ดูน่าสนุก น่าตื่นเต้นไปเสียหมด สำหรับเรื่องการหาของกิน หรือสมุนไพรแล้ว เธอก็มีพรสวรรค์ด้านนี้จริงๆ…หาของกินก็เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งเหรอผู้เป็นพ่อลังเลขึ้นมา ก่อนที่จะเพิ่ม “ข้อดี” นี้ให้กับลูกสาวของตัวเอง

        ทั้งสองพ่อลูกเดินๆ หยุดๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกลางดึก พวกเขาถึงได้พบกับแอ่งน้ำแอ่งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงร้องของกบที่ดังขึ้นไม่หยุด หลินลั่วหรานและพ่อของเธอก็เผยรอยยิ้มออกมา ที่นี่ล่ะ!

        การจับคางคกนั้นก็จำเป็นที่จะต้องใช้เทคนิคเล็กน้อย หากจะให้กระโดดลงน้ำไปจับก็คงจะไม่ดี ตอนกลางคืนนั้นเป็นเวลาหาอาหารของพวกคางคกและกบ พวกมันมักจะซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าข้างแอ่งน้ำเพื่อจับแมลงกิน ในตอนนี้ขอเพียงแค่เดินตามแอ่งน้ำไป เมื่อพบสถานที่ที่มีเสียงกบ ก็ใช้ไฟฉายส่องเข้าไป

        พวกกบนั้นต่างก็จะมึนงงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะฟุบลงที่พงหญ้าและไม่ขยับไปไหน จากนั้นก็รีบจับใส่ถุงก็พอแล้ว เสียงร้องของกบและคางคกนั้นแตกต่างกัน คนที่ไม่ได้รู้อะไรมากอย่างหลินลั่วหรานนั้นไม่สามารถแยกได้ แต่คนที่เป็นมืออาชีพอย่างพ่อของเธอ สามารถใช้เสียงที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการแยกแยะได้ ทุกๆ ครั้งที่เขาฉายไฟไปนั้น ก็มักจะได้พบกับคางคกอยู่เสมอ

        พ่อของเธอรับหน้าที่ในการจับคางคก หลินลั่วหรานถูกผู้เป็นพ่อแบ่งให้ทำการรีดของเหลวจากตัวคางคก ส่วนเรื่องของพิษคางคกน่ะเหรอมันคือของเหลวที่ได้จากคางคกหลังจากทำการเพิ่มเติมจนมีฤทธิ์ยาแล้วเท่านั้น

        หลินลั่วหรานเคยทำอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กมาก่อน แต่ว่าเมื่อเทียบกันกับตอนเด็กๆ แล้ว ตอนนี้เธอก็เป็นนักปราชญ์ระดับพื้นฐานแล้วไม่ใช่หรือไงเรื่องการที่จะล้างคางคกแบบนี้ เธอก็ไม่จำเป็นจะต้องลงมือจับคางคกเหนียวๆ ลื่นๆ น่ารังเกียจแบบนั้นเองแล้ว เธอใช้เวทธาตุน้ำเวทหนึ่งทำให้คางคกในตะกร้าสะอาดขึ้นมา

        นิ้วหัวแม่มือของเธอกดลงบริเวณคอของมัน ส่วนนิ้วที่เหลือก็จับตัวของมันไว้ ก่อนที่จะใช้แท่งทองแดงกดลงที่ต่อมบริเวณหลังหูของมัน ไม่นานนักของเหลวสีขาวก็ไหลออกมา หลินลั่วหรานนำเอาขวดแก้วที่เตรียมเอาไว้ออกมารอง

        การเก็บของเหลวจากพวกมันนั้นไม่ได้จำเป็นที่จะต้องฆ่าพวกมัน เมื่อเก็บของเหลวมาแล้ว เธอก็เอาตัวของพวกมันไว้ที่ตะกร้าข้างหลัง ก่อนที่จะเตรียมเอาไปปล่อยพร้อมกันทีเดียว จากนั้นพ่อของเธอก็จับ ตัวเธอเองก็รีดน้ำ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ขวดแก้วที่เธอนำมาก็มีของเหลวจากคางคกอยู่ไม่น้อยแล้ว แต่มันกลับเป็นจำนวนที่ทำให้พ่อของเธอต้องจับคางคกมากว่าร้อยตัว

        “พ่อ พอแล้ว!

        คางคกจากที่แอ่งน้ำใกล้ๆ ถูกจับมาจนเกือบจะหมดแล้ว เมื่อเห็นว่าร่างของพ่อเริ่มไกลห่างออกไป หลินลั่วหรานก็รีบเรียกเขาเอาไว้

        พ่อของเธอใช้ไฟฉายส่ายไปมา หลินลั่วหรานควักมือเรียกไม่หยุด “พอแล้วจริงๆ พวกเรากลับกันเถอะ!” เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เป็นพ่อถึงได้เดินกลับมา หลินลั่วหรานเห็นว่ากางเกงของเขาเปียก ก่อนจะบ่นขึ้น “ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ หนูน่าจะไปจับเอง ทำไมถึงลงน้ำไปได้ล่ะ

        ผู้เป็นพ่อโบกมือปัด “นี่มันจะอะไรกัน วันนี้ร่างกายพ่อสุดยอดไปเลยนะ จับคางคกสักตัวสองตัวจะเป็นอะไรไป!” คำพูดของเขาทำให้หลินลั่วหรานต้องเม้มปากกลั้นยิ้มเอาไว้ เธอทำการปล่อยเหล่าคางคกที่ถูกรีดของเหลวออกมาแล้วไป อีกทั้งเธอยังแอบทำให้กางเกงของผู้เป็นพ่อแห้งก่อนที่จะเดินไปด้วย

        เมื่อทั้งสองเดินกลับมาถึงที่บ้าน ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมาแล้ว

        คนอื่นจะไม่พูดถึง แต่ว่าแม่ของเธอนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นสองพ่อลูกที่เปียกปอนไปหมดยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า เธอก็ขยี้ดวงตาของตัวเอง “เช้าขนาดนี้ไปไหนกันมา?”

        ผู้เป็นพ่อยกมือข้างขวาขึ้นมาแกว่งหน้าผู้เป็นแม่ มันคือกระต่ายป่าอ้วนสองตัว ที่พวกเขาจับมาได้ระหว่างทางกลับ ใครบ้างจะไม่ชอบรสอาหารป่าแต่ผู้เป็นแม่กลับเลิกคิ้วขึ้น “โอเค สองพ่อลูกแอบเข้าไปในป่าใช่ไหม?”

        พ่อของเธอส่ายหน้า หลินลั่วหรานแอบเข้าไปก่อนแล้ว ก่อนที่จะทิ้งให้ผู้เป็นพ่อรับมือกับแม่ที่กำลังออกปากบ่นไป หลายปีที่ผ่านมา คนที่นิสัยต่างกันสองคนนั้น ก็จะต้องมีวิธีการพูดคุยสำหรับตัวเองอยู่ เธอที่เป็นลูกสาวคนนี้ จะไปอยู่เป็นก้างขวางคอพวกเขาทำไมล่ะ?

        ไม่ต้องพูดไปถึงอาหารกลางวันที่มีเนื้อกระต่ายและเห็ดป่ารสชาติดี แม้แต่คู่สามีภรรยาก็ยังต้องมาทานข้าวด้วย เพราะว่าหลินลั่วหรานนั้นเป็นนักฝึกศาสตร์ การใช้ของเหลวจากคางคกให้เป็นพิษคางคกนั้นจึงทำได้ว่องไว

        เมื่อถึงคืนวันถัดมา วัตถุดิบในการทำ “ยาฟื้นฟู” ของเธอก็เตรียมพร้อมแล้ว

        แม่ของหลินลั่วหรานนั้นมีความสามารถพิเศษในการเลี้ยงให้ลูกของเธออิ่มหนำ ก่อนที่จะปล่อยให้เธอเข้าไปในห้องใต้ดินที่ถูกใช้เป็นห้องยาชั่วคราว

        การทำยาในครั้งนี้ ก็ยังคงใช้เวลาสองวันสองคืนเช่นเดิม

        หลินลั่วหรานมองไปยัง “ยาฟื้นฟู” ยี่สิบเม็ดที่ถูกวางเอาไว้บนกล่องหยก เธอเหนื่อยเสียจนอยากจะโยนทิ้งแล้วเลิกทำไปซะ สุดท้ายอารมณ์เด็กๆ ก็เกิดขึ้นมาจนได้ เธอจึงคิดขึ้นมาอย่างโหดร้ายว่า จะต้องตั้งราคายาพวกนี้ให้สูงเสียหน่อย ถึงจะคุ้มค่าแก่ความลำบากของเธอ!

Author ก้อนพีช