มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 21 ชนเครื่องเคลือบ? (1)

        ตอนเช้าช่วงเวลาเพียงเจ็ดโมงกว่าๆ เท่านั้น บนถนนหินหยกวัตถุโบราณก็มีคนมาถึงเต็มไปหมด นกที่ออกหากินแต่เช้าย่อมมีหนอนกินเสมอ คนที่ขยันทำมาหากินก็เช่นกัน ดังนั้น คนที่มาตั้งแผงขายของจึงมักจะมาตั้งแต่เช้า แต่คนที่ตั้งใจมาเก็บตกหาของแท้ในราคาถูกมักจะมาเช้ายิ่งกว่า หากมีของดีน่าสนใจปรากฏขึ้นบนถนนเส้นนี้ก็จะมีคนมาหาซื้ออย่างไม่รอช้า เพราะสถานที่แห่งนี้มีคนที่มีสายตาเฉียบคมอยู่ไม่น้อยเลย

        ถึงแม้ว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาตรงหน้านี้จะไม่ได้สวมชุดหรูหรา แต่หลินเยว่กลับไม่กล้าประเมินค่าคนอื่นต่ำเลยสักคน เพราะคนร่ำรวยแต่ไม่อวดตัวก็มีอยู่ไม่น้อย หากจู่ๆ ดึงใครในที่แห่งนี้ออกมาสักคน ไม่แน่พวกเขาเหล่านั้นอาจจะมีเงินเยอะกว่าเขาเสียอีก

        หลังจากที่หลินเยว่สอบถามคนแถวนั้นว่าร้านของหรงเล่อเซวียนตั้งอยู่ตรงไหนแล้ว เขาจึงเริ่มเดินดูของบนถนนเส้นนี้อย่างช้าๆ เพราะตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้ามาก อีกครึ่งชั่วโมงค่อยเดินไปที่หรงเล่อเซวียนก็ไม่มีปัญหาอะไร

        หลินเยว่เดินเล่นตามสบายอยู่บนถนนเส้นนี้ บนถนนสองข้างทางเต็มไปด้วยคนที่มาตั้งแผงขายวัตถุโบราณรวมทั้งภาพวาดพู่กัน มีอยู่หลายแผงที่มีคนยืนล้อมเต็มอยู่หน้าแผง ส่วนร้านวัตถุโบราณนั้นเมื่อเทียบกับบรรดาแผงเล็กๆ ด้านหน้ากลับดูเงียบไปถนัดตา เพราะแทบจะไม่มีลูกค้าเข้าไป

        ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณจะชอบเดินเก็บตกหาของแท้ตามแผงเล็กๆ ส่วนคนที่ดูไม่เป็นมักจะไปซื้อตามร้านใหญ่มากกว่า นั่นเป็นเพราะการเก็บตกของแท้ตามแผงเล็กๆ จะมีโอกาสได้ของแท้ในราคาถูกมากกว่า แต่ทว่าตามแผงพวกนี้จะมีของปลอมจำนวนเยอะมาก ส่วนร้านวัตถุโบราณ ถึงแม้ว่าจะมีของแท้เยอะกว่า แต่ราคาตามป้ายก็สูงมากเช่นกัน คนที่ดูวัตถุโบราณไม่เป็นแต่คิดอยากซื้อของแท้ก็จะไปดูของตามร้านวัตถุโบราณ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้การันตีว่าเป็นของแท้ 100% แต่โอกาสได้ของแท้ก็สูงกว่าการซื้อตามแผงมากกว่าหลายเท่าตัว ส่วนร้านวัตถุโบราณเหล่านี้ไม่ได้คิดจะทำธุรกิจค้าขายกับคนต้องการเก็บตกซื้อของถูกอยู่แล้ว ดังนั้น ถึงจะเห็นว่าแผงขายวัตถุโบราณมีลูกค้าเยอะ พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาแต่อย่างใด

        หลินเยว่เดินซอกแซกไปเรื่อยๆ เขาเห็นแผงขายของแห่งหนึ่งที่ขายหินหยกจำนวนมาก แต่เป็นเพราะพื้นที่มีจำกัด ทำให้ส่วนบนของหินหยกแต่ละก้อนดูเล็กนิดเดียว อีกทั้งลักษณะภายนอกดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร โอกาสการพนันได้มีไม่สูง หินหยกพวกนี้มีไว้สำหรับคนที่คิดจะลองพนันดูเล่นๆ เพราะดีไม่ดีอาจจะตัดหินหยกพบหยกด้านในได้เหมือนกัน และก็สามารถร่ำรวยขึ้นในข้ามคืนทีเดียว คนเราหากไม่มีลาภลอยจะไม่มีโอกาสร่ำรวยอย่างรวดเร็ว หากม้าไม่ได้กินหญ้ามื้อดึกเพิ่มอีกมื้อย่อมไม่อ้วนพี แต่ละคนจึงมีความคิดแบบคนขี้เกียจที่อยากจะมีโอกาสร่ำรวยกันข้ามคืน แต่ความคิดเช่นนี้ก็ทำลายชีวิตคนมาไม่น้อยเลย

        หลินเยว่เดินเลี้ยวไปยังมุมถนนแห่งหนึ่ง ทางที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ามีขนาดไม่ค่อยกว้างนัก ทั้งสองข้างทางเป็นร้านหินหยกและร้านที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหยกโดยตรงและทางด้านหน้าร้านเหล่านี้มีหินหยกวางเรียงเต็มไปหมด หินหยกมีขนาดหลากหลายแบบ เมื่อเทียบกับร้านวัตถุโบราณเมื่อสักครู่นี้ การตกแต่งของร้านหยกจะมีความทันสมัยมากกว่า แต่ทว่ากลิ่นอายวัฒนธรรมโบราณก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าร้านวัตถุโบราณเลยสักนิด มีบางร้านมีการวางหินหยกขนาดใหญ่ไว้ตรงหน้าประตู ด้านบนหินหยกนั้นได้แกะสลักชื่อของร้านไว้ ตัวหนังสือที่แกะสลักดูหนักแน่นมีพลัง ใช้สีแดงลงเส้น ซึ่งก็ทำให้ดูเป็นสิริมงคล

        หลินเยว่เกิดอาการอยากลองขึ้นมาทันที เขาทำงานในโรงงานมาเป็นเวลาพอสมควร ตอนนี้เขาก็มีความรู้อยู่ไม่น้อย ขณะที่เขากำลังคิดจะลองดูความโชคดีรวมทั้งสายตาการมองหินหยกของตัวเองนั้น เขาพลันคิดได้ว่าอีกไม่นานเขายังต้องไปพบท่านเฮ่อฉางเหอที่หรงเล่อเซวียน ดังนั้น เขาจึงเดินออกมาจากจากสถานที่แห่งนี้อย่างเสียดาย แต่ต่อไปเขายังมีโอกาสอีกมาก ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนลองวิชากันในตอนนี้

        ขณะที่หลินเยว่กำลังหมุนตัวเพื่อเดินออกไปนั้น พลันมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามากระแทกเขา

        “โอ๊ย!

        คนคนนั้นอุทานออกมาคำหนึ่งและล้มลงบนพื้น ส่วนแจกันดอกไม้ในมือของเขาก็หลุดมือกระเด็นออกไปในเวลาเดียวกัน

        ถึงแม้ว่าหลินเยว่จะตาไวมือไว แต่ทว่าเขากลับทำอะไรไม่ทันเสียแล้ว เสียง “เพล้ง” ดังขึ้น แจกันใบนั้นก็แตกกระจาย

        หลินเยว่มองเศษแจกันเคลือบชิ้นเล็กๆ บนพื้นอย่างตกตะลึง เขาคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

        และ ณ เวลานี้เอง เมื่อคนที่ล้มบนพื้นคนนั้นเห็นแจกันเคลือบของตัวเองตกแตกกระจาย เขาจึงคร่ำครวญออกมา หลังจากนั้นจึงยันตัวลุกขึ้นและพุ่งตัวเข้าหาหลินเยว่ด้วยความโกรธจัด เขาคว้าคอเสื้อของหลินเยว่พร้อมตะคอกด้วยความโมโห “คุณชดใช้แจกันหูช้างของผมมานะ!!!

        “แจกันหูช้าง?” เมื่อหลินเยว่ถูกตะคอกใส่ เขาจึงมีสติกลับคืนมา เขามองเศษชิ้นเล็กๆ ของแจกันเคลือบที่กระจายอยู่บนพื้น ในนั้นมีส่วนหนึ่งเป็นรูปช้าง 1 คู่ ทำให้เขาเข้าใจได้ทันที

        และเวลานี้เอง หลินเยว่จึงเพิ่งสังเกตผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าของเขา ผู้ชายคนนี้แต่งตัวเหมือนบุคคลที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เขาสวมชุดสูทรองเท้าหนัง บนข้อมือสวมนาฬิกาเรือนทองอยู่ ทรงผมจัดแต่งเป็นระเบียบ แต่เพราะความโกรธทำให้สีหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวทันที

        อันที่จริง ตัวหลินเยว่แทบจะไม่ได้ขยับเลยด้วยซ้ำ แล้วเขาจะเป็นคนไปชนผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร?

        หลินเยว่มองเศษแจกันดอกไม้บนพื้น พลันเขาคิดถึงคำว่า  “ชนเครื่องเคลือบ” ที่เขาเคยได้ยินจากคนบนถนนหินหยกวัตถุโบราณในอำเภอชางขึ้นทันที

        “ชนเครื่องเคลือบ” เป็นคำศัพท์ในวงการวัตถุโบราณ ว่ากันว่าคำว่า “ชนเครื่องเคลือบ” เป็นคำที่คนของแปดกองธงในสมัยปลายราชวงศ์ชิง “คิดค้น” ขึ้น ปกติคนพวกนี้จะถือเครื่องเคลือบปลอมไว้ในมือ และจะเดินไปตามถนนที่มีคนเยอะ หลังจากนั้นเมื่อเล็งเป้าหมายได้แล้ว เขาจะจงใจสร้างเรื่องให้คนเดินบนถนนหรือคนที่กำลังใช้รถม้าอยู่ “ชน” เขาอย่างไม่ตั้งใจ เครื่องเคลือบในมือของเขาก็จะตกแตกกระจายลงบนพื้น สุดท้ายเจ้าของเครื่องเคลือบนั้นก็จะใช้ “ความชอบธรรมตามกฎหมาย” เรียกร้องเอาค่าเสียหายจากเจ้าของรถม้าหรือคนที่ชนตามราคาเครื่องเคลือบของแท้ที่มีราคาแพงมากนั่นเอง

        หรือว่าวันนี้เขากำลังเผชิญกับเหตุการณ์ “ชนเครื่องเคลือบ” อยู่?

        หลินเยว่มองชายหนุ่มที่กำลังโกรธจัดอยู่เบื้องหน้า ดูจากสีหน้าท่าทางของเขาก็ไม่เหมือนเป็นการเสแสร้งแกล้งทำเลยสักนิด

        “คุณปล่อยมือก่อน ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่ชดใช้เสียหน่อย! ขอผมดูแจกันเคลือบก่อน!” หลินเยว่ปัดมือของชายหนุ่มผู้นี้ที่กำลังคว้าคอเสื้อของเขาไว้ออก

        “ชดใช้? คุณชดใช้ไหวหรอ? ดูจากท่าทางของคุณก็รู้แล้วว่าเป็นแค่คนยากจนคนหนึ่งเท่านั้น คุณชดใช้ไม่ไหวหรอก!” ชายหนุ่มมองหลินเยว่ด้วยสายตาดูถูก

        “คุณพูดอะไรนะ?” หลินเยว่มองหน้าอีกฝ่ายใกล้ๆ ด้วยสายตาเย็นชา

        ชายหนุ่มเห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของหลินเยว่ เขาจึงถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นจึงยืดอกขึ้น แกล้งทำท่าแข็งกร้าวใส่หลินเยว่พร้อมพูดขึ้น “ผมพูดผิดอย่างนั้นหรอ? ถ้าผมบอกราคาที่แท้จริงของแจกันเคลือบใบนี้ออกมาคุณต้องตกใจอย่างแน่นอน นี่เป็นของขวัญที่ผมเตรียมไว้สำหรับงานวันเกิดครบรอบ 80 ปีของคุณย่า แจกันใบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ คุณย่าของผมท่านชอบเครื่องเคลือบมาก แต่ตอนนี้กลับถูกคุณทำแตกไปแล้ว คุณจะชดใช้อย่างไร? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ แจกันเคลือบใบนี้เป็นแจกันเคลือบเอกรงค์หูช้างสีถั่วเขียวในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ราคาตลาดอยู่ที่ 6 แสนหยวน! คุณชดใช้ไหวหรอ? ถึงคุณจะขายตัว เกรงว่าจะไม่ได้ราคาสูงขนาดนี้หรอก!

        6 แสนหยวน?” หลินเยว่ขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินคนพูดถึงแจกันเคลือบเอกรงค์หูช้างสีถั่วเขียวมาก่อน แต่ราคา 6 แสนหยวนเป็นราคาที่เขารับผิดชอบไม่ไหวจริงๆ

        “ทำไม? หรือว่าชดใช้ไม่ไหว? คุณรอเลยนะ ผมจะฟ้องคุณ ผมจะทำให้คุณต้องขึ้นศาล ทำให้คุณต้องติดคุก!” ชายหนุ่มพูดจาเสียดสีหลินเยว่ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธจัด

        ณ เวลานี้ คนที่อยู่แถวนั้นต่างเริ่มล้อมเข้ามา พวกเขาสอบถามว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ชายหนุ่มจึงเล่าปัญหาของตัวเองให้ฟังอีกครั้ง คนรอบๆ ต่างทยอยพูดแสดงความเห็นใจเขา เมื่อได้ยินชายหนุ่มบอกว่าจะฟ้องหลินเยว่ ส่งหลินเยว่เข้าคุก คนที่เจตนาดีแถวนั้นจึงรีบพูดแนะนำขึ้น

        “อย่าทำรุนแรงเกินไปเลย ต่อไปในอนาคตอาจจะต้องเจอกันอีกก็ได้”

        “นั่นสิ ก็แค่ปัญหาเรื่องเงินไม่ใช่หรอ หากชดใช้เงินคืนก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้วหรือเปล่า”

        ณ เวลานี้ก็เริ่มมีคนพูดแนะนำหลินเยว่ “พ่อหนุ่ม อย่ารู้สึกเสียดายเงินแล้วต้องสูญเสียเวลาวัยหนุ่มไปอย่างเปล่าประโยชน์ ลองคิดหาวิธีรวบรวมเงินดูก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ลองปรึกษาอีกฝ่าย ดูว่าจะลดลงหน่อยได้ไหม”

        “เงินเป็นเรื่องเล็ก แต่อนาคตของคุณเป็นเรื่องใหญ่ หากคุณติดคุกแล้ว แฟนของคุณและคนในครอบครัวจะทำอย่างไร แล้วยังทำให้ชีวิตของคุณมีรอยด่างพร้อยอีกนะ ได้ไม่คุ้มเสียหรอก!

          ……

        หลินเยว่ฟังเสียงพูดแนะนำจากคนรอบๆ ตัวอย่างเงียบๆ ตอนนี้เขากลับรู้สึกมีสติมากกว่าตอนแรกเสียอีก เขาพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อสักครู่กลับไปกลับมา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องเป็นการ “ชนเครื่องเคลือบ” จริงๆ

        อย่างแรก ตอนที่เขาหมุนตัว เขาไม่ได้ขยับตัวเดินไปทางไหน จึงไม่ควรจะเป็นเขาที่เข้าไปชนอีกฝ่าย แต่น่าจะเป็นอีกฝ่ายที่เข้ามาชนเขามากกว่า ถ้าเป็นเช่นนี้เงินก้อนนี้เขาอาจจะไม่ต้องชดใช้เลยก็ได้

        อย่างที่สอง อีกฝ่ายเริ่มใช้สายตาดูถูกเพื่อเป็นการยั่วยุให้เขาโมโห ทำให้เขาขาดสติ หลังจากนั้นถึงได้พูดราคาออกมา เพื่อเป็นการบังคับให้เขาต้องควักเงินชดใช้ 

Author Glory Forever