มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 5 บทที่ 139 ให้นางถอดเสื้อผ้าเปลือยเปล่า

        นิสัยของอวี้เสวียนจีลึกลับพิสดารชวนสยอง เดี๋ยวอยู่ในด้านสว่างเดี๋ยวอยู่ในด้านมืดไม่แน่นอน นั่นคือสิ่งที่นางรู้

        แต่หลายครั้งก่อนหน้านี้นางล้วนสามารถเดาเหตุผลได้ แต่ครั้งนี้กลับ…

        มาถึงที่ก็เกือบจะรื้อเรือนของนาง ที่แท้แล้วเขามีความแค้นยิ่งใหญ่เท่าใดกัน?

        “ไม่มีเรื่องอะไร เพียงแต่มีข้อสงสัยคิดขอคำชี้แนะจากคุณหนูสาม” อวี้เสวียนจีหรี่แววตาอันชั่วร้ายและคมกริบลง คุณสมบัติทั้งห้าล้วนประณีตงดงามจนเขย่าสติของผู้คน

        ซูเฟยซื่อกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว “ท่านอ๋องมีเรื่องใด ขอเพียงกล่าวให้ชัดเจน เฟยซื่อต้องบอกสิ่งที่รู้ให้ท่านทั้งหมดแน่นอนเจ้าค่ะ”

        บ้าฉิบ อวี้เสวียนจีเป็นขันทีคนหนึ่งชัดๆ ทำไมถึงได้เกิดมางดงามล่มเมืองเช่นนี้

        ทำเอาทุกครั้งที่นางพูดจากับเขา อดไม่ได้ที่หัวใจเต้นระส่ำระส่าย พลาดไปหลายจังหวะเชียว

        “ทำไมต้องริเริ่มความคิดเรื่องทำโทษยี่สิบไม้กระดานใหญ่? คิดอยากตายเร็ว มาหาข้าอุปราชไม่ใช่ยิ่งเร็วกว่าหรือ? ” อวี้เสวียนจีกล่าวพลาง แรงที่จับไหล่ของนางก็เพิ่มความหนักขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ราวกับกำลังจับศีรษะใครปานนั้น

        ซูเฟยซื่อปวดจนสูดอากาศเย็นคำหนึ่งเข้าปอด หน้าของนางสีหน้าซีดเซียว “ถ้าท่านอ๋องคิดล้อเล่นแล้ว วันหน้าเฟยซื่อจะเล่นเป็นเพื่อนท่านจนถึงที่สุด เพียงแต่วันนี้…”

        แม้ในช่วงเวลาที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อชาติที่แล้วของนาง โดนฟาดยี่สิบไม้กระดานใหญ่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เจ็บไม่ปวดไม่คัน

        ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบัดนี้ในคราบร่างที่ขาดสารอาหารมาตั้งแต่เด็ก ขาดการฝึกฝนออกกำลังกายร่างนี้

        แม้ว่านางได้มุมานะเพิ่มการฝึกหนัก ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบไม่สามารถเปรียบเทียบกับชีวิตในชาติที่แล้วได้เลย

        “ฮึ รู้ว่าตนเองไม่ไหว ทำไมยังคิดรับโทษเป็นยี่สิบไม้กระดานใหญ่นี้? ” อวี้เสวียนจีกล่าวอย่างเย็นชา ในสายตากลับมีประกายความรู้สึกที่บอกไม่ชัดกะพริบผ่านวาบไปอย่างรวดเร็วกระแสหนึ่ง

        ปวดใจ?

        ไม่ นางต้องดูผิดแล้วแน่ๆ

        อวี้เสวียนจีจะปวดใจเพราะนางได้อย่างไร!

        ซูเฟยซื่อกวาดความคิดที่เหลวไหลในสมองทิ้งทันที นางเอ่ยปากอย่างเฉยเมย “สังหารศัตรูหนึ่งหมื่นส่วนตนเองสูญเสียแปดพัน เหตุผลนี้เป็นไปไม่ได้ที่ท่านอ๋องจะไม่เข้าใจ ทำไมยังต้องมาถามข้าอีก? ”

        “ทำไมงั้นหรือ? จากผลักเรือตามน้ำ ทำตามสถานการณ์ใช้ต่งชิงหว่านจนถึงวันนี้ เจ้าไม่เสียดายที่จะสละชีวิตตนเอง แต่ต้องให้ซูจิ้งเถียนถูกเฆี่ยนสี่สิบไม้กระดานใหญ่ เจ้าเป็นคุณหนูสามของจวนอัครมหาเสนาบดีแท้ๆ เหตุใดถึงเกลียดชังจวนอัครมหาเสนาบดีขนาดนั้น? อย่าบอกนะว่าที่เจ้ากำลังทำสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเพื่อชิงความโปรดปรานกับซูจิ้งเถียน เรื่องที่เจ้าได้ทำเกินขอบข่ายชิงความโปรดปรานไปนานแล้ว” เสียงของอวี้เสวียนจีเฉยเมย แต่กลับทำให้ผู้คนไม่หนาวเหน็บก็สั่นเทิ้มเหมือนเดิม

         “ในใจท่านอ๋องมิใช่จำกัดวงแคบลงถึงห้าคนตั้งนานแล้วหรอกหรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านว่าข้าทำไปเพื่ออะไรเล่า? ” กลยุทธ์นี้ของซูเฟยซื่อเรียกว่าถอนฟืนที่กำลังเผาไหม้ออกจากใต้กะทะ เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ

        นางไม่คิดตอบคำถามของอวี้เสวียนจีซึ่งๆ หน้า แต่ก็คิดอยากรู้ว่าที่แท้ในใจของอวี้เสวียนจีแล้ว นางเป็นใคร

        ดังนั้นจึงได้ลองใช้วิธีเสี่ยงอันตรายสืบหา

        ยังไงๆ ก็นางที่ควรถูกเปิดเผยก็เปิดโปงตนเองมานานแล้ว

        เมื่อได้ยินอย่างนั้น ร่างของอวี้เสวียนจีก็แข็งทื่อไปตามที่คาดไว้

        แต่เขาไม่ได้โง่ ถึงกับฉลาดกว่าที่ซูเฟยซื่อคิดจินตนาการไว้ เขาเข้าใจเจตนาของซูเฟยซื่อในทันที 

        เพียงเห็นเขากระดกริมฝีปากเบาๆ รอยยิ้มงดงามหาใดเปรียบปานได้ “คิดลองใจข้าอุปราช? ”

        “เฟยซื่อไม่กล้า” ซูเฟยซื่อยิ้มหวานทันที “เฟยซื่อเพียงคิดออกหน้าเท่านั้น ท่านอ๋องอาจจะพูดไม่ผิด ทุกสิ่งที่ข้าทำได้เกินขอบข่ายการชิงความโปรดปรานไปนานแล้ว แต่ความมุมานะทั้งหมดของข้าล้วนเพื่อทำให้ข้าสามารถได้รับสิทธิอำนาจในการริเริ่ม ข้าจะควบคุมโชคชะตาของตนเอง โชคชะตาของคนข้างกาย คนอื่นใครตายล้วนไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่ข้ากับคนข้างกายของข้า ความเป็นความตายต้องเป็นข้าอนุญาตจึงจะเป็นหรือตายได้”

        ในเมื่อลองใจไม่ได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็จงพูดความจริงซะ

        ประสบการณ์ส่วนตัวของนางบอกนางว่าแกล้งทำเป็นโง่กับอวี้เสวียนจีคนแบบนี้ บทสรุปมีเพียงถูกตีจนกลายเป็นคนโง่ของจริง

        “ความเป็นความตายต้องเป็นเจ้าพูดจึงจะเป็นหรือตายได้? เจ้าตัวเล็ก ท่าทีการพูดใหญ่โต” อวี้เสวียนจีเดินไปนั่งลงในตำแหน่งประธาน แววตาส่องประกายแสงระยิบระยับเหมือนดวงดารา แต่กลับแฝงความชั่วร้ายเป็นกระสาย

         “ข้าพูดออกมาได้ ก็ต้องทำให้ได้ แต่ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ต้องดูว่าท่านอ๋องมีสายตากว้างไกลหรือไม่แล้ว” ซูเฟยซื่อยิ้มอย่างยโสทันที นั่นเป็นความมั่นใจในตนเองอย่างเด็ดขาด

        “ดี มีปณิธานบ้าง หากแต่ข้าตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยชอบคำโม้โอ้อวดคำโต มีแววตากว้างไกลหรือไม่ ต้องดูว่าเจ้ามีการกระทำจริงไหมมากกว่า” อวี้เสวียนจีเล่นกับเกราะทองหุ้มบนนิ้วหัวแม่มือกล่าวพลาง ดูเหมือนคิดให้โอกาสนี้แก่ซูเฟยซื่อ

        ซูเฟยซื่อตะลึงไป คำพูดนี้หมายถึงอะไร?

        หรือว่านางหากนางตั้งใจจะการกระทำจริง อวี้เสวียนจีก็ยินดีที่จะช่วยเหลือนางแรงหนึ่ง?

         “ไม่ทราบที่ท่านอุปราชเรียกการกระทำที่แท้จริง นั่นหมายถึงอะไร?” ซูเฟยซื่อเก็บงำสมาธิกล่าวพลาง

        เพียงเห็นอวี้เสวียนจีกระดกมุมปากเบาๆ ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ราวกับปีศาจที่อยู่ท่ามกลางมนุษย์ “ถอดเสื้อผ้าให้ล่อนจ้อน ไปนอนบนเตียง”

        อะไรนะ?

        หูของนางไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่!

        คาดไม่ถึงว่าอวี้เสวียนจีจะให้นางถอดเสื้อผ้าออกหมดจนเปลือยเปล่าแล้วไปนอนบนเตียง?

        เขาเป็นขันทีคนหนึ่ง เขา…

        “อะไร? ทำไม่ได้หรือ? กระทั่งเรื่องง่ายๆ แบบนี้กลับทำไม่ได้แล้วเรื่องยากกว่านี้เจ้าจะออกหน้าออกตาได้อย่างไร? ที่คุยว่าจะควบคุมความเป็นความตายได้คือเจ้าแค่คุยโม้ไปเพียงแค่นั้นหรือ?” อวี้เสวียนจีเลิกคิ้ว ไม่รู้เจตนาที่ชัดเจน

        จากการที่นางได้สนทนากับอวี้เสวียนจี อวี้เสวียนจีไม่ได้เป็นคนลุ่มหลงในราคะอย่างแน่นอน

        ถ้าเช่นนั้นจุดประสงค์ที่เขาทำแบบนี้ ที่แท้แล้วเป็นเพราะอะไร?

        หรือคิดอยากให้นางรู้ว่า หากยากเกินไปก็จงถอยเสีย!

        ซูเฟยซื่อกัดฟัน “ถ้านี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านอ๋องเรียกว่าการกระทำที่แท้จริง หากท่านอ๋องสามารถรับประกันว่าดูการกระทำที่แท้จริงแล้วจะมีสายตากว้างไกล…”

        ไม่รอให้นางพูดจบ อวี้เสวียนจีได้ขัดจังหวะนางอย่างรวดเร็ว “เจ้ารู้สึกว่าตอนนี้เจ้ามีตัวหมากอะไรที่จะคุยเงื่อนไขกับข้างั้นหรือ ทั้งนางแซ่หลี่กับซูจิ้งเซียงต่างล้วนสิ้นใจไปหมดแล้ว ซูจิ้งเถียนก็พิการไปแล้ว ซูจิ้งโหยวได้ลดขั้นเป็นสนมโหยว ด้วยความสามารถในตอนนี้ของเจ้า ทำมาถึงแบบนี้ถือว่าเกินประสิทธิผลที่คาดหวังไว้ ขืนทำต่อไปก็ราวกับเป็นทางตัน เจ้ารู้สึกว่าไม่มีข้าอุปราชช่วยเจ้าอีกแรงหนึ่ง เจ้าจะไปต่อไหวหรือไม่? ”

        นี่…

        อวี้เสวียนจีพูดถูก ที่นางสามารถต่อสู้ได้ ล้วนได้ต่อสู้ไปจนหมดแล้ว

        ถ้ายังคิดต่อสู้ต่อไป ศัครูคนถัดมาก็เหลือเพียงซูเต๋อเหยียนกับซูจิ้งโหยว

        แต่พวกเขาสองคนตำแหน่งสูงส่งอำนาจศักดิ์หนัก เพียงอาศัยความมานะของนางคนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะเขย่าให้สะเทือนได้

        ไม่ผิด นางไม่ได้มีตัวหมากที่จะคุยเงื่อนไขกับอวี้เสวียนจีอย่างแท้จริง

        คิดถึงตรงนี้ มุมปากซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นปราดหนึ่งออกมา นางหันหลังก็ถอดเสื้อผ้าอย่างเงียบๆ 

        ความเจ็บปวดที่ปากแผลราวกับมีเข็มเป็นหมื่นเล่มแทงใส่ แต่หัวใจนางยิ่งเจ็บปวดกว่า

        ในอดีตตอนนั้น นางเป็นสาวน้อยคนนั้นที่อยู่เบื้องสูง ดื้อรั้นฝึกไม่เชื่อง

        ในอดีตตอนนั้น นางได้พูดคำห้าวหาญไว้ว่าจะเอาศีรษะของอวี้เสวียนจีบูชาสรวงสวรรค์

        แต่ตอนนี้นางเป็นเพียงสาวกไร้ยางอายที่ใช้เรือนร่างแลกเปลี่ยนความต้องการของคนผู้หนึ่ง

        นางตอนนี้มีความแตกต่างอะไรกับหญิงสาวของหอนางโลม

        เมื่อเสื้อผ้าทั้งหมดถูกถอดออกจนเกลี้ยง ซูเฟยซื่อกลับไม่ได้หันหน้าไปเผชิญหน้ากับอวี้เสวียนจี

        ได้แต่ปีนไปนอนลงบนเตียงอย่างมีสติ นางหลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองว่างเปล่า หวังว่าทั้งหมดนี้จะจบลงอย่างรวดเร็ว

        ข้างหูได้ยินเสียงฝีเท้าของอวี้เสวียนจี แผ่นหลังมีความเย็นยะเยือกของนิ้วอวี้เสวียนจีกรีดส่งผ่านลงมา

        นิ้วของเขาเย็นยะเยือกมากจริงๆ เหมือนผลึกน้ำแข็ง จากแผ่นหลังกรีดไปจนถึงส่วนก้น กรีดไปถึง…บริเวณที่นางได้รับบาดเจ็บ?

        “อวี้เสวียนจี เจ้า…” ซูเฟยซื่อส่งเสียงร้องด้วยความตกใจออกมา เกือบจะลืมไปว่าตอนนี้ตนเองกำลังจะลุกขึ้นโดยไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า

        แต่นางเคลื่อนไหวได้เร็ว มือของอวี้เสวียนจียิ่งเร็วกว่า เขากดเข้าที่เอวของนางโดยตรง ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อย่าขยับ นี่เป็นยาสมานแผลทองคำที่ดีที่สุด ทาไปไม่กี่วันก็สามารถหายสนิท ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้สักนิดด้วย”

Author Jinovel