มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 4 บทที่ 118 มีดกระหายเลือด

        ข่าวของกองกำลังผู้ใช้เวท 5,000 คน ซึ่งนำโดยฟลามิงโกถูกทำลายในที่สุด ก็กระจายมาถึงสำนักงานใหญ่ของทหารรับจ้างหมาป่าโลหิต ซึ่งทุกคนล้วนต่างตกใจด้วยกันทั้งสิ้น บางคนถึงกับไม่เชื่อข่าวที่ว่า นี่ถือเป็นข่าวใหญ่เลยทีเดียว จากนั้นจึงเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับเมามายซบตักสาวงามเพิ่มขึ้น ทุกคนก็รู้ว่าฟลามิงโกนั้นเป็นคนอย่างไร เขาเป็นคนที่เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มของผู้ใช้เวทเป็นอย่างดี แต่เมามายซบตักสาวงามนั้นสามารถสังหารฟลามิงโกและกลุ่มของเขาลงได้ด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรสามารถยืนยันได้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือไม่ แต่ก็รู้ได้อย่างหนึ่งว่าเมามายซบตักสาวงามนั้นไม่ธรรมดาเลย

        หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายกำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้า จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะท่าทางของเขานั้นมันค่อนข้างแปลกๆ อยู่บ้าง เหมือนจะกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้น ดูแล้วท่าทางคล้ายกับหมาป่าหรือสุนัขกำลังนั่งยองๆ บนพื้น ซึ่งดูไปแล้วค่อนข้างตลก แต่ก็ไม่มีใครในกลุ่มหมาป่าโลหิตกล้าที่จะหัวเราะเยาะหรือแม้แต่จ้องมอง และไม่เพียงแต่ท่านั่งของหมาป่าเดียวหายแห่งทะเลทรายจะแปลกแล้ว นิสัยของเขาเองก็ค่อนข้างแปลกด้วย อารมณ์ที่แปรปรวน ทำให้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาตามอารมณ์ไม่ทัน

        รองหัวหน้าทั้งสี่คนนั่งอยู่ถัดลงมา รายล้อมไปด้วยทหารยาม ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบในการประชุม เพียงแต่ว่าในขณะที่กลุ่มคนที่เหลือก็นั่งอยู่ตามทางลาดของหุบเขา เพื่อรอการประชุม แสดงออกถึงท่าทีจริงจัง ถึงแม้ว่าสภาวะแวดล้อมจะดูไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร ทำให้มองดูแล้วรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ซึ่งนั่นอาจเป็นมุมมองของบุคคลภายนอก แต่ภายในกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตนั้น พวกเขาคุ้นชินกับมันแล้ว

        อันที่จริงแล้วกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตนั้นมีสำนักงานใหญ่ ห้องประชุม สโมสรของกลุ่มทหาร และสิ่งปลูกสร้างอื่นเป็นของตนเอง ถึงแม้ว่าขนาดจะไม่อาจเทียบได้กับกลุ่มชั้นนำ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถบังลมบังฝนได้ ไม่ต้องตากแดดให้ร้อนภายใต้แสงจากดวงอาทิตย์ เพียงแต่ว่าหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายนั้นมีมุมมองที่ต่างกันออกไป โดยเขาพูดว่า “เนื่องจากเรานั้นเป็นหมาป่า ลักษณะนิสัยเองก็เป็นหมาป่า และถ้าอาศัยอยู่ในบ้าน จะยังคงเป็นหมาป่าอยู่ได้อย่างไร” ดังนั้นแล้วจากการประชุมกันก็สรุปว่า ไม่ว่าจะทำงานหรือพักผ่อน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราก็จะใช้ชีวิตเหมือนสัตว์ป่า โดยมีท้องฟ้าเป็นเหมือนผ้าห่ม มีพื้นดินแทนเตียงนอน

        ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิต ถึงแม้จะมีคนมากมายให้ความเห็นเกี่ยวกับลักษณะของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิต ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่มักจะเป็นความเห็นในด้านลบ แต่ถึงอย่างนั้นหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายเองก็ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย และยังคงยึดมั่นในแนวทางของตน จนกระทั่งรวบรวมคนที่มีจิตวิญญาณแบบเดียวกันได้นับร้อยนับพันคน

        ฟลามิงโกได้อธิบายเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบไปตามความเป็นจริง โดยไม่มีบิดเบือนแม้แต่น้อย หลังจากนั้นก็ยืนรออยู่ที่ด้านข้าง เนื่องจากเขาเองทำผิดพลาด จึงต้องยืนรอรับการลงโทษ และต้องยืนต่อไปเท่านั้น จากสิ่งนี้ทำให้เรามองเห็นว่า ระบบของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตนั้นค่อนข้างเข้มงวด ถ้าทำดีก็ต้องตกรางวัล ถ้าทำผิดพลาดก็จะถูกลงโทษ

        ใครหน้าไหนกล้ามาตอแยกับกองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตของฉัน มันจะต้องถูกทำลายราวกับถูกสายฟ้าฟาด เพื่อเป็นตัวอย่างในการเตือนพวกที่คิดจะทำ”

        ฆ่ามัน” รองหัวหน้า เขี้ยวหมาป่าพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ เป็นแค่ผู้เล่นคนเดียวทำไมต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมากมาย เขาคิดว่ามันไม่น่าจะมีความจำเป็นขนาดนั้น ถึงแม้ว่าอาจจะมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง เพราะสามารถจัดการกับกลุ่มผู้ใช้เวทได้ แต่ใครจะไปรู้อาจจะเป็นแค่ลูกไม้ทั่วไปก็ได้

        คงมีแต่รองหัวหน้า จิ้งจอกน้อยที่รู้สึกลังเลก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าต้องการตรวจสอบปูมหลังของคนคนนี้ก่อนหรือไม่? ผมรู้ว่าหัวหน้าของเรา กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตนั้นฆ่าคนได้ในพริบตา แต่พวกเราก็ควรจะเตือนเขาก่อน เผื่อว่าอาจมีใครสนับสนุนเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้มันจะจบไม่สวย…”

        รองหัวหน้า ทอร์นาโดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “จิ้งจอก นายไม่เคยได้ยินหรือว่า ได้รับมาเท่าไร ก็ต้องคืนกลับไปเท่านั้น ไม่ว่าจะมีใครอยู่เบื้องหลัง มันฆ่าพวกเราตายไปอย่างไรก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ไม่อย่างนั้นพวกเรากลุ่มหมาป่าโลหิตจะยืนหยัดอยู่ในเกมได้อย่างไร พี่น้องของพวกเราจะคิดอย่างไร ตามที่ฉันคิดเอาไว้ มันน่าจะเป็นการดีกว่าถ้าไม่ต้องไปตรวจสอบ ฆ่าแล้วก็ฆ่าเลย ประหยัดเวลาที่จะต้องไปค้นหา ถ้าเกิดไปเจออะไรเข้าจะยิ่งเพิ่มปัญหาขึ้นอีกเปล่าๆ”

        จิ้งจอกน้อยขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า “การตรวจสอบให้ชัดเจนก็เป็นเรื่องดี อย่างน้อยรู้เขารู้เรา ระมัดระวังรอบคอบไว้หน่อยก็เป็นการดี มิเช่นนั้นถ้าส่งคนออกไป และเกิดพ่ายแพ้กลับมาอีก พวกเรากลุ่มหมาป่าโลหิตคงจะเสียหน้าจริงๆ แล้ว”

        ทอร์นาโดพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าจิ้งจอก นายคิดจะเพิ่มความกล้าหาญให้คนอื่นอีกหรือ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเก่งขนาดไหน แต่ความแข็งแกร่งของเขาย่อมมีขีดจำกัด นายคิดจริงๆ หรือว่าเมามายซบตักสาวงามจะมีสามเศียรหกกร คิดจะไปสู้กับซุนหงอคงหรืออย่างไรกัน

        สีหน้าของจิ้งจอกน้อยเรียบเฉย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาว่า “คุณลืมเรื่องคุณชายงูทองคำไปแล้วหรือ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนถึงกับหน้าถอดสี ‘ทอร์นาโดก็ไม่เอ่ยอะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย

        ตำนานงูทองคำที่จิ้งจอกน้อยพูดถึงนั้น เท่าที่เขาจำได้เป็นผู้เชี่ยวชาญคนแรกในเขตเหยียนหวง ด้วยทักษะดาบงูทองคำ เขาสามารถสยบได้ทั้งโลก ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงคนเดียว เขาสามารถตั้งรับการโจมตีของกิลด์สมาคมโลกได้ถึงสามชั่วโมง สงครามนี้ทำให้อันดับของผู้เชี่ยวชาญคนแรกได้ถือกำเนิดขึ้น ไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกเขา บุคคลผู้นี้เป็นทั้งคนดีและคนเลวในคนคนเดียวกัน มีทั้งคนชอบและคนชัง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความถูกใจหรือความเกลียดชัง จะขาวหรือดำคงพูดได้แค่เพียงว่า คนคนนี้ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรจะหลีกหนีให้ห่าง ไม่ต้องพูดถึงกิลด์ขนาดเล็ก พวกเขาเองก็ยังรู้สึกเกรงกลัวคุณชายงูทองคำอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่มีวิธีรับมือ เพราะคุณชายงูทองคำนั้นเคยทำลายกิลด์ขนาดเล็กที่มีสมาชิกในกิลด์ถึง 50,000 คน เพียงเพราะยาสมุนไพรเท่านั้น ซึ่งทำให้มีชื่อเสียงในเรื่องของความป่าเถื่อน ครั้นเมื่อกองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตที่เย่อหยิ่งต้องเผชิญหน้ากับคุณชายงูทองคำที่เหมือนภูตผีวิญญาณร้าย จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องโยนความเย่อหยิ่งนั้นทิ้งไป

        ในเวลานี้หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายก็กระแอมขึ้น ก่อนที่รองหัวหน้าทั้งสี่จะหันมองไปในทิศทางเดียวกันกับหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทราย

        หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายทอดถอนใจ เนื่องจากความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของหมาป่าโลหิต เลยกลัวว่าชื่อเสียงที่เคยสั่งสมมาจะจบลง ความมุ่งมั่นที่มีเหมือนถูกยึดไป ถ้าวันใดที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญหน้ากันขึ้นมา และใช้ความสามารถในการต่อสู้ได้เพียงครึ่งหนึ่ง ต่อให้ไม่ต้องสู้ ตนเองก็พ่ายแพ้อยู่ดี ทำให้เกิดความผิดหวังขึ้นในใจ แต่ความคิดนี้ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ก่อนที่จะแสดงท่าทางกลับไปเหมือนก่อนหน้านี้ และพูดขึ้นด้วยความรู้สึกอ้างว้างว่า “ชีวิตของคนเราก็เหมือนละคร ซึ่งสะท้อนชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นเกมหรือชีวิตจริงก็ดี สิ่งที่เราต้องมีก็คือ ความต้องการในการต่อสู้และความอยากเอาชนะ ในเมื่อมีหินเกะกะขวางทางอยู่ คิดว่าจะต้องทำอย่างไร ก็แค่เตะมันทิ้งไปก็เท่านั้น ถ้าเตะไม่ได้ ก็หาค้อนมาทุบให้มันพัง ทุกสิ่งมีหนทางของมันเสมอ จงจำเอาไว้ ผ่านมาเป็นพันๆ ปีแล้ว หมาป่าเองก็ไม่เคยตายจากไปไหน ธรรมชาติมักมีพลังในการเอาชีวิตรอดอยู่เสมอ สำหรับพลังที่ว่านั้นเราควรจะเรียนรู้และนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป พวกนายเข้าใจไหม?

        รองหัวหน้าทั้งสี่คนก็ทำทีเหมือนว่าจะเข้าใจ ก่อนจะพูดออกไปว่า  “ความคิดของหัวหน้าสุดยอดมาก”

        ในเวลานั้นเองสมาชิกที่รับผิดชอบในการรวบรวมข่าวสารก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ก่อนจะแสดงความเคารพและพูดขึ้นว่า “หัวหน้า ขอรายงาน เมามายซบตักสาวงามนำทหารม้าประมาณ 3,000 นาย กำลังมุ่งหน้ามาที่ราบโลหิต ด้วยความเร็วเต็มกำลัง ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังตรงมายังกองทหารของเรา ซึ่งสายสืบสามกลุ่มของเราได้ถูกกำจัดไประหว่างทางแล้ว เวลานี้พวกเขาอยู่ห่างจากแคมป์ของเราราวสิบลี้ คงจะมาถึงที่นี่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง หัวหน้าได้โปรดสั่งการด้วย”

        ช่างกล้ามากนะ” นกแร้งและ เขี้ยวหมาป่ารู้สึกโกรธและพูดขึ้นพร้อมกัน มีแค่ทหารม้ากระจอกงอกง่อยแค่สามพัน ถึงกับจะกล้ามาโจมตีค่ายทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตของเรา ถึงไม่ต้องอธิบาย สุดท้ายกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตแม้ว่าจะจัดการเมามายซบตักสาวงามพร้อมกับทหารม้าอีกสามพันนายได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นคงไม่สามารถแก้ไขได้ เป็นแค่หมาแมวยังกล้าคิดที่จะมาแหย่กองทหารอย่างเรา คิดว่าสำนักงานใหญ่กองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตเป็นส้วมสาธารณะหรืออย่างไร คิดจะมาเมื่อไรก็ได้อย่างนั้นหรือรึ? ทุกคนจึงเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ และเกิดความรู้สึกที่อยากจะฆ่าเมามายซบตักสาวงามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

        เร็วมาก” จิ้งจอกน้อยเอ่ยขึ้น และคิดในใจว่า เทือกเขาเทียนตู้นั้นอยู่ห่างจากที่ราบโลหิตไม่น้อย ฟลามิงโกเองก็เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน เมามายซบตักสาวงามก็นำทหารม้าของเขามาถึงแล้ว นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วในการเดินทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้นอยู่ที่เมามายซบตักสาวงาม ที่ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด ไม่อืดอาดยืดยาด ใช้ทหารม้าสามพันนายต้านกองกำลังหมาป่าโลหิตนับหมื่น เรื่องนี้คงไม่ได้ตัดสินใจด้วยเพียงเพราะถูกใครเคาะหัวมาเป็นแน่ จากที่เขาเห็น เมามายซบตักสาวงามนี่ถ้าไม่โง่ก็ต้องบ้า แต่ก่อนที่จะได้พบเห็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จิ้งจอกน้อยคงไม่กล้าที่จะมองข้ามเมามายซบตักสาวงามเป็นแน่

        หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เมามายซบตักสาวงามคนนี้ช่างมีความกล้าหาญยิ่งในการรวบรวมกำลังคนมา ฉันเองก็อยากพบเขาเหมือนกันว่าจะเป็นจริงอย่างที่คนอื่นเขาลือกันหรือไม่ ที่ว่ามีสามเศียร…” ก่อนที่เขาจะพูดจบ ท่าทีก็เปลี่ยนไปโดยทันที

        แคร้ง…!

        สีเลือดปรากฏขึ้น สาดกระเซ็นขึ้นฟ้า เสียงคมมีดกรีดผ่านคอทั้งสี่ดังขึ้นอย่างชัดเจน และดังขึ้นอย่างไม่รู้จบ มีดโลหิตส่องประกายแสงสีแดงสดถูกปล่อยออกมาจากด้านหลังของหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทราย  ก่อนที่เกราะป้องกันจะกางขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อปกป้องหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายไว้อยู่ภายใน ด้านหลังเป็นคมมีดตรงยาว ส่วนปลายของมีดมีลักษณะโค้งงอเป็นจะงอย ทั่วทั้งชิ้นมีสีแดงคล้ายกับเลือด ดูเหมือนกับมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา ซึ่งเป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงของหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทราย มีดกระหายเลือด

        มีดกระหายเลือดเริ่มสั่นไหวทั้งๆ ที่ไม่มีลม ทำให้หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่า จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ เขาจึงตะโกนขึ้นว่า “มีศัตรูกำลังจะโจมตี”

        ทันทีที่พูดจบ ก็มีลูกบอลสีเงินถูกขว้างมาจากที่ใดก็ไม่ทราบได้ ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้นหญ้า เมื่อสัมผัสกับต้นหญ้าก็เกิดระเบิดขึ้นทันที แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงดังขึ้นแต่อย่างใด กลับมีแต่แสงสีเงินแวววาวส่องประกายไปทั่วทุกทิศทาง ให้ความรู้สึกนุ่มนวลราวกับมือของคนรัก เหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดปกคลุมทุกสิ่งในบริเวณนี้ให้อยู่ภายใต้ความเงียบสงัด เพียงชั่วพริบตาก็ครอบคลุมบริเวณรัศมี 50 เมตร ให้กลายเป็นโลกแห่งสีเงิน มีแต่สีเงิน และสีเงิน ไม่มีอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้

        ระเบิดปรอท

        แสงสีเงินที่ปรากฏขึ้นบ่งบอกให้รู้ถึงความตาย ผู้เล่นหลายคนของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตที่ถูกระเบิดปรอทครอบคลุมไว้นั้นเริ่มตายลงทีละคนๆ  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแสงสีเงินส่องสว่าง พวกเขาเหล่านั้นไม่ทันได้แม้แต่จะส่งเสียงร้อง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเงียบงัน

        คนแรกที่ตายก็คือ นกแร้งเพราะว่าเขาอยู่ใกล้ศูนย์กลางการระเบิดมากที่สุด ต่อมาก็เป็น ทอร์นาโดถึงแม้ว่าเขาเองจะคล่องแคล่วว่องไว แต่ก็ทำได้เพียงแค่เสียใจเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่มาจากรอบทิศทางได้ทัน ก่อนจะถูกฆ่าตายภายในชั่วพริบตา ถัดมาก็เป็น ฟลามิงโกที่ถึงแม้ว่าเขานั้นจะมีอุปกรณ์ที่ช่วยในเรื่องการเคลื่อนย้าย แต่โชคร้ายที่ระยะเวลาในการใช้ทักษะนั้นยังไม่ครบกำหนด นั่นทำให้เขาระดับลดลงถึงสองเลเวลภายในวันเดียว ทำให้หลุดออกจากการจัดอันดับของผู้เชี่ยวชาญ ผู้คุ้มกันทั้งแปดก็ตาย ดูเหมือนจะไม่มีใครโชคดีมีชีวิตรอดเลย สุดท้ายยามรักษาการณ์ทั้งยี่สิบสี่คนที่อยู่รอบนอกก็ยังหนีไม่พ้น คงเป็นเพราะอยู่ในรัศมีการโจมตีของระเบิดปรอท ก่อนกลายร่างเป็นปรอทสีเงินและตายลงไปทีละคน

        ทันทีที่ผลของการโจมตีด้วยระเบิดปรอทจบลง สายฟ้าจำนวนสามชุดจาก ไท่อี่เทพสายฟ้าก็ถูกยิงออกมาจากความว่างเปล่า โจมตีเข้าใส่บุคคลที่ยังคงหลงเหลืออยู่สามคนนั่นก็คือ หัวหน้ากองทหารรับจ้าง หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายรองหัวหน้า เขี้ยวหมาป่าและ จิ้งจอกน้อยในบริเวณที่ว่างเปล่า ร่างของฉินโจ้วปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ ในอากาศ ตราบใดที่เริ่มใช้งานทักษะ ทักษะการพรางตัวของเสื้อคลุมก็จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

        ในส่วนของหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายนั้นมีอุปกรณ์วิญญาณ ถึงแม้ว่าระเบิดปรอทจะทรงอานุภาพ แต่ก็ยังไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้ ส่วนเขี้ยวหมาป่านั้นโชคดี เขาได้รับอุปกรณ์ที่มีทักษะป้องกันสมบูรณ์แบบ ในส่วนของจิ้งจอกน้อยนั้นสูญเสียอัญมณีธาตุน้ำไป โดยสามารถสร้าง ม่านวารีพิทักษ์ซึ่งมีพลังป้องกันเวทระดับสูงขึ้นมาป้องกันการโจมตีจากระเบิดปรอทเอาไว้ได้

        ระเบิดปรอทนั้นทำให้ทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตระดับอาวุโสนั้นถูกสังหารไปจนเกือบหมด ทำให้หมาป่าเดียวหายแห่งทะเลทรายเมื่อมองดูทุกสิ่งที่อยู่รายล้อมในเกม ก็ทำให้เขาถึงกับเลือดขึ้นหน้า หลังจากที่ระเบิดปรอทหมดลง เขาก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “ฉันจะฉีกร่างแกเป็นหมื่นๆ ชิ้น”

        เมื่อพูดจบร่างกายก็ขยับทันที มีดกระหายเลือดปรากฏออกมาพร้อมปล่อยพลังวิญญาณมีดออกไปตัดเข้ากับ ไท่อี่เทพสายฟ้าอย่างแม่นยำจนทำให้สายฟ้าระเบิดออก ทำให้สกัดกั้นการโจมตีเอาไว้ได้

        เขี้ยวหมาป่ากลิ้งตัวออกไปจากจุดนั้นทันที เพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของ ไท่อี่เทพสายฟ้าเขารู้สึกเหมือนคลื่นความร้อนกำลังพุ่งเข้าใส่ ทำให้ร่างของเขาหยุดนิ่ง ก่อนที่ค่าความเสียหาย –3,500 หน่วยจะลอยขึ้นอยู่เหนือหัว นั่นทำให้พลังชีวิตหายไปทันทีถึงสองในสามส่วน ทำให้เหงื่อเย็นไหลท่วมออกมา เพียงแค่เขาพุ่งผ่านคลื่นความร้อนก็สร้างความเสียหายได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าเขาอยู่ในจุดศูนย์กลางการระเบิด เขี้ยวหมาป่าเองก็ไม่อยากจะคิดต่อเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร

        การตอบโต้ของจิ้งจอกน้อยเองก็ไม่ช้าเลย ทันทีที่ ม่านวารีพิทักษ์แตกสลายไป ก็ปลดปล่อยกำแพงน้ำขึ้นมาทันทีอีกสามชั้น อัญมณีธาตุน้ำชิ้นนั้นจะไม่สามารถปล่อยการป้องกันระดับสูงออกมาได้ เนื่องจากการป้องกันระดับกลางนั้นจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาร่ายเวท การที่เขาสามารถปล่อยกำแพงวารีถึงสามชั้นออกไปได้ในระยะเวลาอันสั้น นั่นเป็นการยืนยันว่า ความแข็งแกร่งของจิ้งจอกน้อยนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่เขาประเมินพลังของ ไท่อี่เทพสายฟ้านั้นต่ำเกินไป ทันทีที่เกิดการระเบิดขึ้น กำแพงวารีทั้งสามชั้นก็พังทลายลง และเกิดแรงระเบิดพุ่งผ่านเข้าใส่ร่างของจิ้งจอกน้อย ซึ่งทำให้ร่างของเขาไหม้เกรียมเป็นตอตะโกและตายทันที

        หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายดวงตาแดงก่ำ ในมือถือมีดกระหายเลือดอยู่ ในขณะที่เงาดาบที่คมกริบก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับพายุโหมกระหน่ำกลางทะเล เพียงชั่วขณะฉินโจ้วก็ถูกล้อมรอบด้วยเงาดาบจากทั้งสี่ทิศ แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของฉินโจ้วก็ยังคงสงบ ก่อนจะใช้ ย่ำหิมะไร้รอยเพื่อหลบออกไปทางด้านซ้าย ซึ่งทำให้เขาดูราวกับควันไฟในพื้นที่ขนาดเล็ก ดูรวดเร็วจนคาดไม่ถึง

        นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินโจ้วได้เผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ดุเดือด ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถโต้กลับได้อีกด้วย

        เดิมทีนั้นตั้งใจจะใช้ ไท่อี่เทพสายฟ้าจัดการกับทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตระดับสูง ก่อนจะอาศัยความได้เปรียบในช่วงชุลมุนเพื่อจัดการกับกองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิต ถึงอย่างนั้นฉินโจ้วก็ไม่รู้สึกลังเลที่จะนำตัวเองเข้าไปเสี่ยง แต่ดูเหมือนว่าในเวลานี้สิ่งที่คิดเอาไว้อาจจะไม่เป็นไปตามที่หวัง

        เหตุผลก็คือ พลังของมีดกระหายเลือดที่เป็นอาวุธวิญญาณนั้นแข็งแกร่งมาก เพราะหลังจากที่พลังของมีดกระหายเลือดได้เพิ่มขึ้น ทำให้การโจมตีปกติทั่วไปนั้นรุนแรงขึ้นถึงสิบเท่า ถึงอย่างไรก็ตามฉินโจ้วก็มีพลังชีวิตที่มหาศาลและพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่า เขาจะไม่ตายด้วยเงาดาบที่ปลดปล่อยออกมาจากมีดกระหายเลือด ก็คงทำได้เพียงแค่หลบหลีกเงาดาบเหล่านี้ และรอจนกว่าพลังภายในของหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายจะหมดลง เขาไม่เชื่อว่าหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายจะมีพลังภายในใช้ได้อย่างไม่จำกัด

        หลังจากที่เขี้ยวหมาป่ากลืนยาไปหลายขวด ก็กลับมาสู้ต่อได้อีกครั้ง เมื่อมีคนเพิ่มเข้ามา ก็ทำให้ฉินโจ้วรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเสียแล้ว

        การถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้นเกิดขึ้นเมื่อสมาชิกระดับล่างของทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตเริ่มไหวตัว ในตอนนี้เหลือสมาชิกระดับสูงเพียงแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งพวกเขากำลังต่อสู้อยู่กับศัตรู จึงทำได้เพียงแค่สังเกตการณ์ พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งกองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตเองก็มีกฎที่เข้มงวด และไม่อนุญาตให้ทำการเคลื่อนไหวใดๆ ถ้าไม่มีคำสั่ง

        ทุกคนจงฟัง ปิดล้อมสถานที่นี้เอาไว้ อย่าปล่อยให้แมลงวันสักตัวเล็ดลอดหนีไปได้” เมื่อหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายเห็นเหตุการณ์อยู่ในความควบคุมแล้ว จึงเริ่มรวบรวมสติไว้ก่อนจะสั่งการออกไปด้วยเสียงอันดัง “เมามายซบตักสาวงาม ในเมื่อกล้าที่จะท้าทายกลุ่มหมาป่าโลหิต ก็คงไม่อาจจะปล่อยนายกลับไปได้แล้ว” คำพูดประโยคหลังนั้นสำหรับฉินโจ้วโดยเฉพาะ

        แต่หลังจากที่คำพูดนี้จบลง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ห่างไกล ก่อนจะมีเสียงตามมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจว่า “หัวหน้า น้องชาย ลมกระจ่างจันทร์แรมคนนี้มาช่วยเชียร์แล้ว พวกน้องๆทั้งหลาย โจมตีได้”

        ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวีดร้องจากกองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งกำลังเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน เนื่องจากการถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายนั้นอยู่ในพื้นที่ที่สูงกว่า จากการสังเกตชั่วครู่ เขาก็พบว่าทหารม้าของเขากำลังถูกโจมตีและกำลังเริ่มล่าถอย สถานการณ์นี้ค่อนข้างเร่งด่วน เขาเองก็เคยได้ยินชื่อของ ลมกระจ่างจันทร์แรมมาบ้าง ดูเหมือนเพิ่งจะขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่นานมานี้เอง ก่อนจะเริ่มก่อตั้งกลุ่มทหารม้าธนู ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนราว 5,000 คน เนื่องจากเคลื่อนไหวไปมารวดเร็วคล้ายกับลม และมีรูปแบบการโจมตีแบบกองโจร ส่วนใหญ่จะเข้าโจมตีเมื่อเห็นทางที่จะชนะ แต่ถ้าดูแล้วไม่มีแนวโน้มที่จะชนะก็จะหนีทันที ทำให้ในเวลาปกตินั้นไม่มีใครกล้าไปตอแยแม้แต่น้อย ซึ่งที่ผ่านมากองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตกับลมกระจ่างจันทร์แรมนั้นก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ไม่คาดคิดเลยว่าครั้งนี้ลมกระจ่างจันทร์แรมถึงกับกล้าเปิดฉากโจมตีเขาก่อน ทำให้ความโกรธของหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เงียบไปสักพัก แมลงสามตัวนี้ก็กล้ามากวนใจจนถึงหน้าประตูบ้าน เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็ปรากฏร่องรอยความอาฆาตขึ้นบนใบหน้าก่อนจะตะโกนสั่งการทันที “หมาป่าสีเขียวออกไปป้องกันเอาไว้ ส่วนหมาป่าแดงให้โอบล้อมเอาไว้ ฆ่าพวกมันให้หมด”

        หลังจากออกคำสั่งไปเรียบร้อยแล้ว ก็มีเสียงดังขึ้นทันทีจากฝั่งตะวันตก “กลุ่มทหารรับจ้างแมลงเข้ามาร่วมวงโดยไม่ได้รับเชิญ หวังว่าคุณคงจะยกโทษให้” น้ำเสียงที่ทรงพลังราวกับดาบที่ชักออกจากฝักนั้นเป็นของ หงยี่น้ำเสียงเปิดเผยบ่งบอกถึงความเป็นสุภาพชน และยังมีการขอโทษอีก แต่น้ำเสียงที่กรีดร้องจากการต่อสู้ดูจะไม่ค่อยสุภาพเลยสักนิด ดูเหมือนว่ากองทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตในเวลานี้กำลังถูกรุมโจมตีแล้ว

        หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายถึงกับตกตะลึง ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเกินความคาดหมายของเขา ทำให้เขารู้สึกแย่ ในเวลานี้มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้นมาจากทางทิศใต้ เสียงดังยาวและค่อนข้างชัดเจน “น้องชายมีดคนนี้มาเยี่ยมหมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายพร้อมกับพี่ชายร่วมสาบาน ผมเองก็ไม่ได้เจอเขามาหลายวัน อยากรู้ว่าครอบครัวสบายดีหรือเปล่า?

        ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทหารม้าที่นำโดย นกหัวขวานและ แมวตะกละก็มาถึงพอดี ทหารม้ามารวมตัวกันจากสี่ทิศทาง ดูเหมือนว่าทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตในเวลานี้ไม่ต่างสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรง ตอนนี้หมาป่าเดียวดายแห่งทะเลทรายรู้สึกหนักใจขึ้นมา และสีหน้าของ เขี้ยวหมาป่าเองก็ไม่สู้ดีนัก ศัตรูบุกมาจากทุกทิศทางเช่นนี้ ทำให้เขาสังหรณ์ใจบางอย่าง

Author Glory Forever