ความจริง สวี่ซื่อสองพี่น้องรู้สึกว่าพวกนางเมตตามากแล้ว หลินหวั่นชิวทำให้พวกนางเสียเงินครอบครัวละสองตำลึงครึ่ง แต่นี่พวกนางทวงคืนจากหลินหวั่นชิวเพิ่มเพียงหนึ่งตำลึง
หากหลินหวั่นชิวฉลาดพอควรสำนึกในบุญคุณ ก้มหน้าหยิบเงินคืนให้พวกนางแต่โดยดี
บอกตามตรง หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่สถานการณ์ของบ้านตระกูลเจียง อย่างน้อยพวกนางต้องได้ห้าตำลึงถึงจะยอมรามือ!
รอยยิ้มมุมปากหลินหวั่นชิวลุ่มลึกกว่าเดิม ไอ๊หยา มารดามันเถิด เหตุใดคนพวกนี้ถึงได้หน้าใหญ่เสียจริง?
“จะเอาเงินหรือ…” หลินหวั่นชิวลากเสียงยาว มองคนพวกนี้ด้วยสายตาเย้ยหยัน “เช่นนั้นไปแย่งเอาบนถนนเสีย”
“หลินหวั่นชิว เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ต้าสวี่ซื่อโมโหแล้ว
หลินหวั่นชิวหลุบตามองเล็บตัวเอง นางดีดเล็บพูดอย่างสบายๆ ว่า “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างไร พวกเจ้าอยากได้เงินจนเป็นบ้าเช่นนี้ พวกเจ้าจะไปแย่งบนถนนหรือไปขายในซ่องก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าสภาพเช่นพวกเจ้า ทางซ่องจะรับไว้หรือไม่…ข้าว่าไปแย่งเอาน่าจะเร็วกว่า”
นางพูดเหน็บแนมเป็น!
พวกหลินซย่าจื้อโมโหเดือดดาลกับคำพูดของหลินหวั่นชิว อยากกระโจนเข้าไปข่วนหน้าให้ลาย!
แต่พวกนางมาเพื่อเอาเงิน หากทำร้ายหลินหวั่นชิว เกรงว่าเรื่องที่จะได้เงินคืนคงเป็นหมัน
หลินซย่าจื้อเชิดหน้า “นังแพศยานี่พูดจากระไร? เจ้าจงคิดให้ดีเสียก่อน หากพวกข้าไม่ช่วยเจ้าปิดบัง เกิดนายพรานเจียงรู้เรื่องที่เจ้าใช้น้องชายเขาไปหลอกเอาเงิน เขาทุบตีเจ้าแล้วเอาไปขายที่ซ่องย่อมง่ายนิดเดียว ขายเจ้าแล้วเขายังเอาเงินไปซื้อพวกสตรีที่คลอดลูกเก่งกลับมาปรนนิบัติได้อีกตั้งสองสามนาง แต่ทางเจ้าน่ะ เกรงว่าจะทนไม่ไหว อยู่ในซ่องต้องรับแขกตั้งแต่เช้าจนค่ำ ต้อนรับบุรุษเพศมากกว่าปริมาณน้ำที่เจ้าดื่มตอนกินข้าวเสียอีก คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดหรือ? ถ้าเจ้ายังฉลาดอยู่บ้างก็เอาเงินคืนมาเสียโดยดี!”
สตรีสาวกลุ่มนี้หัวเราะเสียงดังเมื่อหลินซย่าจื้อพูดจบ แววตาทุกคนมีแต่ความร้ายกาจ ประหนึ่งหลินหวั่นชิวไปทำงานรับแขกในซ่องแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“ไอ๊หยา เจ้าพูดแล้วคนตระกูลหลิน ข้าว่าน้องสาวเจ้าดูเก่งไม่เบาเลยนะ”
ทันทีที่แม่ม้ายจูพูดจบ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หลินหวั่นชิวมองพวกเขานิ่งๆ สีหน้าเย็นชา “พี่สะใภ้ช่างกล่าวได้ละเอียดยิ่งนัก หากไม่เคยมีประสบการณ์ที่ผ่านบุรุษมาเป็นร้อยคนคงไม่เข้าใจดีเช่นนี้”
ทุกคนสนุกสนานอีกครั้ง พากันพูดว่าเมื่อก่อนหลินหวั่นชิวถูกหลินซย่าจื้อรังแกจนขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง แต่พอมีสามีช่วยหนุนหลัง ฝีปากก็เฉียบคมขึ้นมา!
แม่ม้ายจูโมโห กระโดดออกมาด่าหลินหวั่นชิว “นังโสเภณีไร้ยางอาย เจ้าว่ากระไ?”
หลินหวั่นชิวยิ้มเยาะ “เจ้าคิดว่าข้าพูดสิ่งใดก็คือสิ่งนั้นแหละ!”
“เจ้า…” แม่ม่ายจูชี้หน้าหลินหวั่นชิว นางอยากกระโจนเข้าไปตบคน ทว่ายังจำภาพที่เจียงหงหย่วนถีบหลินซย่าจื้อคราวก่อนได้ดี นางแค่ปากไวก็เท่านั้น ไม่ได้กล้าลงมือจริงๆ
แค่ออกมาร่วมผสมโรง บ้านไหนในหมู่บ้านด่ากันก็มีนางร่วมด้วยทั้งนั้น
จังหวะที่หลินหวั่นชิวกำลังจะพูดต่อ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแหลม จากนั้นเงาร่างสูงใหญ่ของเจียงหงหย่วนก็ปรากฏสู่สายตา เห็นเขายกเท้าถีบพวกคนที่มามุงดูจนเตลิดหนี
เจียงหงหย่วนมุ่งตรงไปที่แม่ม้ายจู้ กระชากผมและยัดวัตถุก้อนหนึ่งใส่ปากในจังหวะที่กำลังร้องด้วยความกลัว
เหม็นมาก…
ฝูงชนรอบๆ พากันปิดจมูก กระทั่งเมื่อเจียงหงหย่วนปล่อยมือ ทุกคนถึงได้เห็นว่าแม่ม้ายจูถูกยัดมูลลาเข้าปาก
เอ่อ…
มีคนอุดปากหันไปอาเจียน
สีหน้าแม่ม้ายจูย่ำแย่มาก นางหนีอย่างล้มลุกคลุกคลาน วิ่งไปด้วย อาเจียนไปด้วย
สายตาประหนึ่งจะฆ่าคนของเจียงหงหย่วนกวาดมองไปรอบๆ ฟู่เหรินที่ร่วมก่นด่าหลินหวั่นชิวก่อนหน้านี้กลัวจนปัสสาวะเล็ด พวกนางไม่อยากโดนยัดมูลเข้าปาก!
ผู้ใดบอกว่าเจียงหงหย่วนอัปลักษณ์?
ผู้ใดบอกกัน?
ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!
แม่รับรองว่าจะไม่ฆ่า!
มารดามันเถิด การเคลื่อนไหวที่ยัดมูลใส่ปากคนช่างหล่อระเบิด!
บุรุษผู้นี้มักปรากฏตัวแบบคาดไม่ถึงในช่วงที่นางจนมุมและต้องการการปกป้องที่สุดเสมอ
อันที่จริง…ได้มีที่พึ่งพิงในยุคนี้ก็ไม่เลวเช่นกัน…หลินหวั่นชิวคิด
ไม่มีผู้ใดคาดคิดทั้งนั้นว่าจู่ๆ เจียงหงหย่วนจะกลับมา แผนของพวกหลินซย่าจื้อคืออาศัยช่วงที่เจียงหงหย่วนไม่อยู่มาจัดการหลินหวั่นชิว ทวงเงินกลับมาและขอค่าชดเชยเพิ่มอีกหน่อย
หลินซย่าจื้อกับสวี่ซื่อสองพี่น้องพากันเข่าอ่อน ความกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งหัวใจทำให้พวกนางอดตัวสั่นไม่ได้
“พวกเจ้ามาทำกระไร?” เจียงหงหย่วนหรี่ตาลงน้อยๆ แววตาเย็นยะเยียบราวกับคมมีด มันจ้องมาที่พวกนาง
“พวกข้า…”
“พวกเจ้ามาเอาเงินจากภรรยาข้า? เงินกระไร?” ความสามารถในการฟังของคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ดีมาก ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากไกลๆ ทำให้เขาจับประเด็นได้คร่าวๆ
สวี่ซื่อสองพี่น้องมองหลินซย่าจื้อ เจียงหงหย่วนเดินเข้าใกล้หลินซย่าจื้อเช่นกัน นางกลัวจนตัวสั่น รีบพูดว่า “น้องเขย ข้าจะบอกกระไรให้นะ น้องสาวของข้าผู้นี้อาศัยช่วงที่เจ้าไม่อยู่มารังแกเหล่าซานบ้านเจ้า ยุให้เขาออกไปหาเรื่องพวกจินเป่า เด็กๆ ทนถูกหาเรื่องไม่ได้จึงชกต่อยกัน จากนั้นหลินหวั่นชิวยังไปสมคบคิดกับท่านอาจารย์ของพวกจินเป่าให้หลอกเอาเงินจากพวกข้าไปสิบตำลึงเงิน”
เจียงหงหย่วนกลับมาแล้ว เกรงว่าคงหมดหวังที่จะได้เงินคืน แต่อย่างน้อยนางต้องคว้าโอกาสใส่ร้ายหลินหวั่นชิว
สวี่ซื่อสองพี่น้องถอนหายใจโล่งอกเมื่อหลินซย่าจื้อพูดจบ พวกนางเจ็บใจที่ไม่ได้เงินคืน แต่หากหลินหวั่นชิวถูกนายพรานเจียงทุบตีสักยก…พวกนางคงพอบรรเทาความโมโหลงได้บ้าง
ทั้งคู่ค่อยๆ ถอยไปด้านหลัง คิดจะใช้จังหวะที่นายพรานเจียงไม่ทันมองมาหนีไป
หลินซย่าจื้อถอยหลังเช่นกัน ขณะที่ถอยก็ไม่ลืมมองหลินหวั่นชิวอย่างยั่วยุไปด้วย
เจียงหงหย่วนหัวเราะ “จะเอาเงินใช่หรือไม่ เอาเท่าไร?”
“พวกนางจ่ายไปสิบตำลึง อยากได้คืนและให้ครอบครัวพวกเจ้าจ่ายเพิ่มสี่ตำลึงเป็นค่าทำขวัญ!” มีชาวบ้านที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านพูดเสียงดังลั่น ปกติสามคนนี้ถูกคนในหมู่บ้านไม่ชอบขี้หน้าเช่นกัน ย่อมมีคนอยากเห็นพวกนางเคราะห์ร้าย
เจียงหงหย่วนฟังแล้วยกเท้าถีบสวี่ซื่อสองพี่น้องให้กระเด็นก่อน จากนั้นกระชากผมหลินซย่าจื้อไปที่ข้างทาง กดนางลงกับกองมูลวัวที่ยังอุ่นๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของหลินซย่าจื้อ
วัวแก่ที่เพิ่งถ่ายเสร็จสะบัดหางไปมา กัดหญ้าป่าข้างทางกินอย่างเอ้อระเหย
ต่อมา เจียงหงหย่วนเดินไปหาสวี่ซื่อสองพี่น้องที่ร้องโอดโอยบนพื้นเพราะโดนเขาถีบ ดึงคอเสื้อพวกนางและโยนไปทางบ่อมูลไม่ไกลท่ามกลางสายตาหวาดผวาของพวกนาง
“ตู…ตูม…” เสียงคนตกบ่อมูลดังขึ้นสองครั้ง หลายคนคลื่นไส้ อดอาเจียนออกมาไม่ได้
มีคนกลัวว่าจะอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน ยื่นกระเป๋าเก็บมูลให้สวี่ซื่อสองพี่น้องปีนขึ้นมา
เจียงหงหย่วนกวาดตามองทุกคนตาขวาง สายตาหยุดลงที่หลินซย่าจื้อกับสวี่ซื่อสองพี่น้อง
“ข้ายัดมูลเต็มปากพวกเจ้าเสียแล้ว อยากได้เงินหรือ…ได้สิ อยากได้เท่าไรบอกข้ามา สิบตำลึงย่อมโดนอัดเท่ากับสิบตำลึง ยี่สิบตำลึงโดนอัดเท่ากับยี่สิบตำลึงเช่นกัน หากไม่กลัวก็เข้ามาเลย!”
หลินหวั่นชิวยกน้ำกะละมังหนึ่งออกมาจากลานบ้าน นางเดินมาหาเจียงหงหย่วน “หย่วนเกอรีบมาล้างมือเจ้าค่ะ อย่าให้โดนมูลเปื้อน!”
พูดจบก็มองหลินซย่าจื้อกับสวี่ซื่อสองพี่น้องด้วยสายตาหาเรื่อง ท่าทีเหมือนคนได้ใจของนางช่าง…ถูกใจเจียงหงหย่วนยิ่งนัก