เจียงหงหนิงวิ่งไปถึงห้องครัวก็ชนใส่เจียงหงหย่วนราวกับกระสุนปืนใหญ่ ผลักเจียงหงหย่วนที่กำลังจดจ่อกับหลินหวั่นออกไปเล็กน้อย
“ห้ามรังแกพี่สะใภ้นะขอรับ!”
เจียงหงหนิงเอาตัวบังหลินหวั่นชิว จ้องเจียงหงหย่วนด้วยความโมโห
เจียงหงหย่วน “…”
อีกนิดเดียวข้าจะได้จูบแล้ว!
ไอ้น้องชายจอมยุ่งนี่ อยากโยนออกไปเสียจริง!
วันพรุ่งจะไปส่งเขาเข้าสถานศึกษา ให้เขาพักอยู่ที่นั่นไปเสียเลย!
มองหน้าที่ดำเหมือนก้นหม้อของเจียงหงหย่วนกับเจียงหงหนิงที่ทำท่าประหนึ่งแม่ไก่ปกป้องลูกแล้วหลินหวั่นชิวอยากหัวเราะ
ขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างมาก
ทั้งที่เด็กคนนี้กลัวต้าเกอตัวเอง กลับเอาตัวมาบังนางทั้งที่ตัวเองกลัวจนตัวสั่น กระนั้นยังไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
นางยกมือเช็ดน้ำตาแล้วยีหัวเจียงหงหนิง “เจ้ากลับไปนอนเถิด หย่วนเกอไม่ได้รังแกข้า ข้าแค่คิดถึงครอบครัวพ่อแม่แล้วเสียใจ…”
เจียงหงหนิงหันมามองนาง “จริงหรือขอรับ?”
หลินหวั่นชิวพยักหน้า “จริง ดีที่ข้ามาอยู่บ้านตระกูลเจียงแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าต้องตายที่บ้านตระกูลหลินเป็นแน่ ต้าเกอเจ้าดีกับข้ามาก เขากำลังปลอบใจข้า ให้ข้าได้ระบายความอัดอั้น”
นางจะปล่อยให้ใจเด็กคนนี้มีปมอคติกับพี่ชายตัวเองไม่ได้ หากครอบครัวที่มีชีวิตประคับประคองกันมาต้องมองหน้ากันไม่ติดเพราะนาง ทุกคนคงไม่สบายใจกันหมด
เจียงหงหย่วนทำตาเขม็งใส่เจียงหงหนิง เหอะ เห็นแก่ที่ภรรยาตัวน้อยพูดชมตัวเอง ครั้งนี้เขาจะยอมอภัยให้เด็กนี่
“พี่สะใภ้ ท่านอย่าเสียใจไปเลย ที่มอบหมูป่าให้พวกเขาตัวเดียวเพราะต้าเกออยากพาท่านกลับมา ไม่ใช่เพราะท่านไม่มีค่า ท่านลองคิดดูเถิด พวกเขาไม่ดีกับท่าน หากต้าเกอให้เยอะขึ้นมาจะไม่เท่ากับยกผลประโยชน์ให้พวกเขาหรือ? เงินที่เหลือต้าเกอก็ยกให้ท่านใช่หรือไม่ขอรับ ให้ท่านเอาไว้ใช้ พวกเราไม่ยกประโยชน์ให้ครอบครัวขี้ขลาดนั่น พี่สะใภ้เป็นสมบัติล้ำค่าของบ้านเรา มีทองเป็นพันชั่งก็แลกไม่ได้!”
ไอ๊หยา ทั้งที่พี่ชายปากหนัก แต่น้องชายกลับรู้จักพูดจาเอาอกเอาใจ!
มาดูกันเถิด มีน้องชายบ้านใดช่วยปลอบใจภรรยาเช่นนี้บ้าง?
เจียงหงหย่วน “…”
(ไอ้เด็กเวร อยู่ห่างภรรยาข้าให้ไกลเสีย!)
“อื้ม ข้ารู้แล้ว เจ้ารีบไปนอนเถิด!” หลินหวั่นชิวตอบ พูดจบก็เดินออกไปพร้อมกับเจียงหงหนิง แยกย้ายกันกลับห้อง
ทิ้งให้เจียงหงหย่วนยกน้ำร้อนจากห้องครัวเข้ามาในห้อง เขาบิดผ้าชุบน้ำแล้วจะเช็ดหน้าให้หลินหวั่นชิวแต่ถูกนางแย่งเอาไปเสียก่อน “เจ้าไม่ยอมเข้าห้องไม่ใช่หรือ?”
เจียงหงหย่วนน้อยใจเล็กน้อย “เจ้าปิดประตูให้ข้าอยู่ด้านนอกไม่ใช่หรือ?”
หลินหวั่นชิวมองค้อนใส่เขา “อากาศหนาวเช่นนี้จะเปิดรอให้ลมพัดเข้ามาหรือ? ข้าไม่ได้ลงกลอนเสียหน่อย!”
ดังนั้น หากก่อนหน้าเขาแค่ผลักประตูก็เปิดได้แล้ว?
เจียงหงหย่วนปวดหัวกับความเขลาของตัวเอง
ทว่าในใจรู้สึกลิงโลด[1] นี่หมายความว่าในใจภรรยาตัวน้อยมีเขาอยู่จริงๆ!
โมโหเช่นนี้แต่ยังทิ้งประตูไม่ลงกลอนให้เขา!
“ก็…ก็เจ้าบอกว่าจะหาบุรุษอื่น…ข้า…ข้า…” เป็นครั้งแรกที่เจียงหงหย่วนพูดจาไม่คล่องแคล่วต่อหน้าหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวกลั้นขำ คิดในใจว่าบุรุษผู้นี้ตามใจไม่ได้จริงด้วย หากนางยอมถอย เขาได้คืบจะเอาศอก หากนางไม่ยอม เขาจะแห้งเหี่ยวซึมเศร้า
“ถ้ากลัวข้าไปหาบุรุษอื่น ท่านแค่มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดีก็สิ้นเรื่อง อยู่ให้นานกว่าข้า เรื่องเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก!”
ช่างเถิด หากบุรุษผู้นี้ดีกับนางไปตลอด…เช่นนั้นนางจะอยู่กับเขาชั่วชีวิต
เจียงหงหย่วนดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ ถึงเขาจะโง่เขลาเพียงใดก็ฟังความหมายของหลินหวั่นชิวออก ภรรยาตัวน้อยจะอยู่กับเขาชั่วชีวิต!
หมายความจากใจจริง!
เขาไม่ต้องระแวงนาง ไม่ต้องผูกมัดนาง นางยินดีจะอยู่กับเขาชั่วชีวิตเอง
“วางใจได้!” เขาดีใจจนพูดออกแค่นี้ แววตาเร่าร้อนมองจนหลินหวั่นชิวร้อนไปหมด
คนโง่!
หลินหวั่นชิวบ่นในใจ นางบิดผ้าเช็ดหน้าต่อแล้วจะหยิบกะละมังแช่เท้า น้ำยังร้อนอยู่ นางอยากแช่เท้าก่อนค่อยนอน ก่อนหน้านี้แค่ล้างแบบลวกๆ ไม่สบายเท่าแช่เท้าในน้ำอุ่น
“เจ้านั่งเฉยๆ เดี๋ยวข้าทำให้!” เจียงหงหย่วนเห็นดังนี้ก็ดันหลินหวั่นชิวไปนั่งที่ขอบเตียง แรงเยอะจน…หลินหวั่นชิวเจ็บไหล่
เจียงหงหย่วนเทน้ำลงในกะละมังแช่เท้าแล้วย่อตัวลงวางกะละมังที่ใต้เท้านาง
ช่วงจังหวะที่เขาถ่ายน้ำเปลี่ยนกะละมัง หลินหวั่นชิวก็ถอดรองเท้าถุงเท้าเรียบร้อยแล้ว เจียงหงหย่วนมองเท้าที่ขาวดุจหยกตรงหน้าด้วยความเสียดาย เขาควรลงมือเร็วกว่านี้ ไม่แน่ว่าอาจได้ช่วยภรรยาตัวน้อยถอดรองเท้า
“ข้าอาบน้ำในแม่น้ำ เท้าเย็นไปหมด ขอแช่ด้วยกันกับเจ้า” แม้จะเสียดาย แต่สมองเจียงหงหย่วนก็ทำงานเร็วมาก นึกกระบวนท่าอื่นออกได้ในทันที
เขาลากตั่งมานั่งแล้ววางเท้าคู่โตลงในกะละมัง
น้ำในกะละมังล้นออกทันที สาดกระจายบนพื้นไม่น้อย
เขาเหยียบเท้าภรรยาตัวน้อยเบาๆ เท้านางนุ่มมากเช่นกัน อดใจเอาเท้าตัวเองถูไม่ได้
คอหลินหวั่นชิวแดงไปหมด
ความจริงตอนแรกผิวนางไม่ได้นุ่มเท่าไรนัก ทำงานหนักที่บ้านตระกูลหลินมาเป็นเวลานาน ตากแดดตากลม ผิวพรรณจึงนับว่าแย่มาก
แต่หลังจากกินโอสถชำระไขกระดูก ร่างกายได้ขับพิษกับสิ่งสกปรกและพักรักษาตัวที่บ้านตระกูลเจียงหลายวัน ผิวพรรณนางก็ดีขึ้นว่า ไม่ใช่แค่ขาวกระจ่างกว่าเมื่อก่อน แต่ยังละเอียดเรียบเนียน ตุ่มหนังด้านก็น้อยลง
ผ่านไปสักพัก หลินหวั่นชิวเตือนเจียงหงหย่วน “น้ำจะเย็นแล้ว!”
เจียงหงหย่วนคอยใช้เท้าตัวเองถูกับเท้าหลินหวั่นชิวอยู่ด้วย อ้างว่าช่วยนางล้างเท้า
เขารีบยกเท้าตัวเองขึ้น ถูเท้ากับกางเกงตัวเอง ถือเป็นการเช็ดเท้า
จากนั้นจับเท้าหลินหวั่นชิวมาเช็ดกับกางเกงตัวเอง ขากางเกงเขาเปียกหมดแล้ว มีเพียงบริเวณต้นขาที่ยังแห้ง
หลินหวั่นชิว “…”
นี่เขาใช้กางเกงเป็นผ้าเช็ดเท้า?
ทว่าเมื่อสายตานางเหลือบไปเห็นบางสิ่ง นางถูกสิ่งที่เปลี่ยนรูปร่างอย่างฉับพลันลวกตาจนต้องรีบหดขากลับ มุดตัวเข้าผ้าห่ม
จะน่ากลัวเกินไปแล้ว เจียงหงหย่วนคิดจะทำกระไร?
แค่เท้าภรรยาถูขานิดหน่อยก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ!
เจียงหงหย่วน “…”
เมื่อเจียงหงหย่วนเอาน้ำออกไปเทและกลับเข้ามาอีกครั้ง เขาก็ต้องค้นพบเรื่องเศร้าเสียใจว่าบนเตียงมีผ้าห่มเพิ่มมาอีกผืน
เขาอยากกอดภรรยาตัวน้อยนอน!
ชายฉกรรจ์ขึ้นเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก ดึงผ้าห่มมาคลุมร่าง ภรรยาตัวน้อยไม่พูดจา เขาจ้องท้ายทอยนางแล้วเอ่ยปากพูดว่า “น้ำแกงไก่ที่พวกข้าสามพี่น้องดื่มตอนมื้อเย็นมียาสินะ?”
ตอนแรกหลินหวั่นชิวจะแกล้งหลับ แต่แล้วกลับต้องตกใจเพราะคำถามของเจียงหงหย่วน
นางโง่กระไรเช่นนี้ สามคนในบ้านท้องเสียหมด มีแต่นางที่ไม่เป็นกระไร นี่ก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ!
สมองโดนประตูหนีบหรือไร!
ในเมื่อเจียงหงหย่วนถาม หลินหวั่นชิวแสร้งทำเป็นหลับไม่ได้อีก นางต้องเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ให้ดี ใช้ข้ออ้างกระไรดี น่าปวดหัวเสียจริง!
เชิงอรรถ
[1]ลิงโลด หมายถึง อาการตื้นเต้นดีใจ