มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 6 บทที่ 154 ใครแน่กว่ากัน

        ละครยังไม่ทันได้เปิดฉากก็จบลงเพราะหลินสวี่ซื่อหมดสติ เหล่าคนทำงานและคนที่มามุงดูเรื่องสนุกยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดกระไรขึ้นก็เห็นหลินซย่าจื้อวิ่งโวยวายออกไปเสียแล้ว

        หลินหวั่นชิวเดินดูบ้านกับเจียงหงหย่วนต่อ จะปรับแก้ที่ใดก็บอกหวางทงเป่า แก้ตอนนี้ยังทันเวลา

        แต่โชคดีที่ภาพรวมไม่มีปัญหากระไร ปรับแก้แค่จุดเล็กๆ ไม่ได้เสียเวลานัก

        ดูบ้านเสร็จ หลินหวั่นชิวรีบไปบ้านหวางกุ้ยเซียง รับผ้าเช็ดหน้ากับดอกไม้ประดับผมและมอบวัสดุให้เพิ่ม

        กุ้ยเซียง เจ้าได้ถามหงฮวาหรือไม่ว่านางทำดอกไม้ประดับผมเสร็จหรือยัง?”

        ถามแล้ว นางบอกว่ายังไม่เสร็จ ไม่เช่นนั้นรู้ว่าท่านมานางคงมารอที่บ้านข้า นางต้องรับผิดชอบงานในบ้านด้วยตัวคนเดียว ไม่เหมือนข้าที่ท่านแม่ไม่ต้องให้ทำสิ่งใด มีเวลามาปักผ้าเช็ดหน้าร้อยลูกปัดทำดอกไม้

        เจ้าเองก็อย่าหักโหมนัก ข้าไปก่อนล่ะ อีกไม่นานน่าจะได้ย้ายกลับมาแล้ว พวกเราค่อยนัดกัน

        ได้ พี่สะใภ้ ท่านกับเจียงต้าเกอกลับดีๆ” หวางกุ้ยเซียงมาส่งทั้งคู่ที่ลานบ้าน มองรถล่อเคลื่อนจากไป

        กุ้ยเซียง คราวหน้าเจ้าไม่ต้องช่วยแก้ตัวแทนหงฮวาแล้ว นางจะไม่มีเวลาทำได้อย่างไรกัน ตอนข้าไปบ้านนาง ข้าเห็นกับตาว่านางกำลังทำดอกไม้ประดับผม ทั้งยังทำเสร็จไปเยอะแล้วด้วย เจ้าระวังตัวหน่อยเถิด หงฮวาคิดไม่ซื่อ ไม่แน่ว่าจะอยากอมของพวกนั้นไว้เอง” หลังจากหลินหวั่นชิวจากไป จางซื่อ ภรรยาของเถียนเซิงดึงแขนหวางกุ้ยเซียงมาพูดด้วย

        หวางกุ้ยเซียงมองพี่สะใภ้ตัวเอง “พี่สะใภ้ เรื่องนี้ท่านจะพูดมั่วๆ ไม่ได้ หากผู้อื่นได้ยินเข้าคงทำลายชื่อเสียงของหงฮวา นางคงอยากทำให้หมดเสียก่อนค่อยให้ทีเดียว

        ได้ ไม่เชื่อก็ตามใจ ข้าเป็นคนเลวโดยเปล่าประโยชน์เอง” จางซื่อเห็นน้องสามีปกป้องจ้าวหงฮวาก็สะบัดมือกลับห้อง

        พี่สะใภ้กับน้องสามีไม่สนิทกัน นางแค่เตือนสติเท่านั้น

        แต่ในเมื่อน้องสามีไม่ฟังจะทำกระไรได้?

        หย่วนเกอ ท่านทำสวี่ซื่อหมดสติได้อย่างไร?” ออกจากหมู่บ้าน หลินหวั่นชิวเลิกม่านมองแผ่นหลังกว้างของชายฉกรรจ์แล้วถาม

        ดีดก้อนหินใส่คอนาง ที่คอมีจุดชีพจรที่ถ้ากดแล้วจะหมดสติอย่างน้อยครึ่งชั่วยาม [1]” เสียงเจียงหงหย่วนทั้งทุ้มทั้งมีพลัง ฟังแล้วรู้สึกปลอดภัย

        หย่วนเกอสุดยอดมากข้าไม่ทันเห็นก้อนหิน เห็นเพียงนางล้มฟุบลงไป” หลินหวั่นชิวมองชายฉกรรจ์ตาเป็นประกาย

        เขาเป็นสมบัติที่นางเก็บได้ชัดๆ

        ไม่สิ เป็นสมบัติที่นางตีแตกต่างหาก

        เหมือนที่พวกป้าๆ  ในหมู่บ้านคุยกัน คนนอกมองว่าเป็นนรก คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นที่แห่งความสุข

        บุรุษผู้นี้รู้วิธีดูแลสตรี

        ส่วนน้องชายสองคน (น้องสามี) ก็เปลี่ยนจากความไม่ชอบพอในตอนแรกมาเป็นห่วงนาง ปกป้องนาง

        หลินหวั่นชิวรู้สึกละโมบในความรู้สึกนี้มาก

        นางต้องเห็นคุณค่าของครอบครัวที่เพิ่งได้มา เห็นค่าความรู้สึกล้ำค่าที่นางปรารถนาแต่ไม่อาจครอบครองเมื่อชาติที่แล้ว

        เจียงหงหย่วนยิ้มกว้าง

        เผยให้เห็นฟันขาวซี่โต

        ความรู้สึกที่ถูกภรรยาตัวน้อยชื่นชมช่างดีเหลือเกิน เขารู้สึกว่าร่างกายมีพลังที่ใช้อย่างไรก็ไม่หมด พลังนี้แทบจะผลักให้เขาบินได้

        ไว้พวกเราเข้าหอ ข้าจะทำให้เจ้ารู้เองว่ากระไรคือความสุดยอดที่แท้จริง!” ยกหอกทลายประตูเมือง เขาเตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว เพียงแต่ประตูเมืองบอบบางเกินไป ต้านแรงเขาไม่ไหวเป็นแน่ กลัวทำพัง

        ยังต้องรอถึงฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า

        ช่วงเวลานี้ช่างทรมานยิ่งนัก

        หลินหวั่นชิวกลอกตาใส่ ปิดม่านลง กอดเข่าซุกหน้าลงไป

        แม่เจ้า ชายฉกรรจ์หิวโหยเช่นนี้ต้องเกิดเรื่องเป็นแน่ ถ้าถึงวันเข้าหอจริงๆหลินหวั่นชิวแค่จินตนาการถึงภาพที่อาจเกิดขึ้นก็กลัวตัวสั่นเสียแล้ว

        นางจะไม่โดนเขาฆ่าตายใช่หรือไม่?

        แต่ดูจากความหิวโหยแล้วก็มีสิทธิ!

        หรือว่านางควรเริ่มออกกำลังกายเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ดี?

        รื้อโยคะกลับมาฝึกใหม่?

        อืม กลับไปแล้วต้องกินโอสถชำระไขกระดูกเม็ดที่เหลือแล้วฝึกโยคะถึงเวลานั้นจะได้ทำให้วัวเหนื่อยตายในทุ่งนา!

        จัดการเขา!

        รอดูเถิดว่าผู้ใดจะแน่กว่ากัน!

        ผู้ใดต้องเป็นฝ่ายร้องขอชีวิต ผู้ใดเป็นฝ่ายที่สุดยอด?

        ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว

        เพื่อเอาชีวิตรอดจากชายฉกรรจ์ในอนาคต หลินหวั่นชิวสู้ตายเช่นกัน

        เจียงหงหย่วนไม่รู้เลยว่าภรรยาตัวน้อยกำลังคิดเรื่องสู้บนเตียงกับตัวเอง สู้เพื่อให้ได้มีสิทธิมีเสียง เขาคิดว่านางกำลังเขิน ขับรถล่ออย่างอารมณ์ดี

        กลับถึงอำเภอ ทั้งคู่กลับบ้านไปกินข้าวเสร็จ เจียงหงหย่วนก็ไปบ่อน

        มีคนรอให้เขาติดกับอยู่ เขาต้องให้เกียรติอยู่แล้ว

        หลินหวั่นชิวนอนงีบครู่หนึ่งก็ออกไปร้านขายเครื่องเรือนเก่า คราวก่อนนางทิ้งความประทับใจไว้ให้เสี่ยวเอ้อร์เป็นอย่างมาก ยากที่อีกฝ่ายจะลืมเลือน

        แต่รอบนี้นางไม่ขาดแคลนเงิน เดินเข้าข้างในอย่างองอาจ ดูเครื่องเรือนที่แกะสลักจากไม้ชั้นดี

        เตียงอรหันต์ โต๊ะหนังสือ ตู้ขนาดต่างๆ เก้าอี้แบบมีพนักพิงและที่วางแขน โต๊ะน้ำชา ฉากกั้นห้อง โต๊ะแปดเซียนนางดูจนตาลาย เลือกซื้อจนมีความสุขจนเก็บไว้ไม่อยู่

        สวยมากจริงๆ ทุกชิ้นถือว่าเป็นงานชั้นยอด

        เสี่ยวเอ้อร์คงรู้ถึงฝีมือ ไม่กล้าปกปิดหรือหมกเม็ดกระไร นางอยากได้ของชั้นยอดก็พาไปดู

        ว่ากันด้วยเหตุผล เครื่องเรือนในยุคนี้ต่างก็ทำจากวัสดุชั้นดี วิจิตรบรรจงทุกชิ้น

        แต่ราคากลับถูกกว่ายุคปัจจุบันมาก เพราะช่างฝีมือในยุคนี้เป็นอาชีพที่หาเลี้ยงชีพไปวันๆ สถานะทางสังคมของชาวนา ช่างฝีมือและพ่อค้ายังต่ำอยู่มาก

        รอบนี้หลินหวั่นชิวไม่ได้ต่อราคากับเสี่ยวเอ้อร์แบบชิ้นต่อชิ้น ในหัวนางมีแผนภาพสามมิติ นางก็เลือกว่าจะใส่สิ่งใดลงในห้องบ้าง

        เลือกจนพอ คิดราคาแล้วค่อยต่อราคา เจอหน้าลดครึ่งราคา คุยราคาแล้วลดให้สามส่วนจึงเป็นอันตกลง

        อันที่จริงเครื่องเรือนได้กำไรเยอะมาก เครื่องเรือนเก่าหลายชิ้นมาจากโรงรับจำนำ แต่ถ้าให้ไปซื้อจากโรงรับจำนำโดยตรง อย่างดีสุดก็ โดนหนูแทะหนังขาดรุ่งริ่งขาเอียงขาไม่ครบเก้าอี้ผุเครื่องปั้นแตก

        เครื่องเรือนเอาไปใช้แทนเงินเหมือนเครื่องประดับไม่ได้ เครื่องเรือนน้ำหนักเยอะ จะขายทันทีก็ยาก คนส่วนใหญ่ที่ร้อนเงินจะให้คนจากโรงรับจำนำหรือไม่ก็คนเก็บของเก่ามาขนไป อย่างไรราคาก็โดนกดจนต่ำมากอยู่แล้ว ได้ราคาแค่หนึ่งในสิบของราคาเดิมก็ถือว่าเถ้าแก่เมตตายิ่งนัก

        แต่หลินหวั่นชิวจะให้เถ้าแก่คำนวณราคาเช่นนี้ไม่ได้ หนึ่งเพราะเดิมทีราคาของเก่าย่อมถูกกว่าของใหม่ สองเพราะคนอื่นต้องหาเลี้ยงชีพ เป็นเงินส่วนที่ควรได้ ไม่มีกระไรต้องอิจฉา

        เหมือนอย่างเช่นตัวนางเอง นางอาศัยห้องหัตถการเสียนอวี๋มาหาเงิน อาศัยตัวหนังสือและฝีมือวาดภาพมาหาเงิน มีผู้ใดว่ากระไรได้?

        จ่ายเงินมัดจำให้ร้านขายของเก่า นัดให้พวกเขาไปส่งที่หมู่บ้านเค่าซานในอีกสิบวันเสร็จก็เดินกลับบ้าน

        แต่หลินหวั่นชิวเพิ่งออกจากร้านได้ไม่นานกลับถูกใครบางคนจ้องและเดินตามมา

         

        เชิงอรรถ

        [1] ครึ่งชั่วยาม เท่ากับ 1 ชั่วโมง

Author Jinovel