“ท่านย่าอย่าได้เชื่อพี่สาวนะเจ้าคะ นางเป็นคนขี้โกหก นางต้องทุบหม้อข้าวเพื่อโยนความผิดให้พวกเราแน่เจ้าค่ะ” ซย่าจิ่นอวิ๋นโดนจิ่นเซวียนยั่วโทสะ นางเปลี่ยนท่าทีกล่าวว่าร้ายจิ่นเซวียนต่อหน้า
ชาเขียวน้อยอยากให้ร้ายนาง แต่ยังขาดประสบการณ์อยู่มาก ในชาติก่อนนางเจอพวกเสือสิงห์กระทิงแรดมานักต่อนักแล้ว
“ท่านย่า ท่านตีข้า ด่าข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ควรนำข้าวของน้องอวิ๋นเอ๋อร์มาต้มโจ๊ก น้องอวิ๋นเอ๋อร์บอกว่าข้าวในถังนี้มีไว้ให้พวกเขาสองพี่น้อง คนอื่นไม่สมควรได้กินมันเจ้าค่ะ”
“ท่านย่า ไม่ใช่นะเจ้าคะ พี่สาวโกหกเจ้าค่ะ” ซย่าจิ่นอวิ๋นโกรธจนพูดไม่ออก นางไม่คิดเลยว่าจิ่นเซวียนจะลากนางเข้าไปพัวพันด้วย เดิมทีคิดว่าฟ้องแล้วท่านย่าคงช่วยนาง แต่ท่านย่ากลับถามท่านแม่ว่าเหตุใดต้องถีบจิ่นเซวียนทันทีที่เข้าห้อง
“ท่านแม่เจ้าคะ เซวียนเซวียนเป็นคนทุบหม้อข้าวเอง มิใช่ข้า ท่านต้องช่วยตัดสินแทนข้านะเจ้าคะ!” เสี่ยวเกาซื่อแก้ต่างให้ตนเองอย่างอัดอั้น
“นิสัยเซวียนเซวียนข้ารู้ดี เจ้าหยุดโต้เถียงได้แล้ว รีบไปเก็บกวาดห้องครัวแล้วต้มโจ๊กให้เซวียนเซวียนดื่มเสีย” เกาซื่อตัดสินใจที่จะกดดันเกาซื่อ จากนั้นจึงพาเซวียนเซวียนออกไป
“ท่านย่าของเจ้าเห็นแก่ตัวมากอวิ๋นเอ๋อร์” เสี่ยวเกาซื่อบ่นพรึมพำตามหลังแม่สามี
“ท่านแม่ พวกเราอดทนกันอีกสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ผ่านวันมะรืนไป นังสารเลวก็จะไปทนทุกข์ที่บ้านซ่งแล้ว นางคิดว่าแต่งให้ซ่งจื่อเฉินแล้วจะสบายหรือ?บ้านซ่งอันตรายและซับซ้อนกว่าบ้านเรามากนักเจ้าค่ะ” ซย่าจิ่นอวิ๋นช่วยท่านแม่เก็บหม้อที่แตกพลางสาปแช่งจิ่นเซวียน
…..
จิ่นเซวียนและเกาซื่อเดินมาถึงลานบ้าน เกาซื่อก็หยุดฝีเท้าทำทีจับมือเอ่ยชมว่าหลานเด็กดีอย่างนั้นอย่างนี้
“ท่านย่า ท่านมีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถิดเจ้าค่ะ” จิ่นเซวียนไม่เชื่อว่าเกาซื่อจะทำดีกับนางโดยไม่มีเหตุผล
“วันแต่งงานของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว ข้ากลุ้มใจยิ่งนัก เอาเช่นนี้แล้วกัน เจ้านำเงินออกมาจัดโต๊ะอาหารรับแขกดีหรือไม่” เกาซื่อยังอยากได้เงินสิบตำลึงอยู่ หลังท่านปู่ของจิ่นเซวียนจากไป รายได้ของบ้านซย่าน้อยก็ลงเรื่อยๆ อาศัยรายได้จากการให้เช่าที่นาเพียงอย่างเดียวย่อมไม่พอใช้ ประกอบกับนางเป็นคนชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย รายจ่ายเลยยิ่งเยอะ
“ท่านย่า เงินสิบตำลึงนี้ข้าไม่กล้าแตะหรอกเจ้าค่ะ พ่อสามีให้พวกเรามาเพื่อวางเสริมหน้างาน หากเขารู้ว่าข้านำเงินไปจัดโต๊ะงานเลี้ยงเข้า จะต้องโกรธแน่เจ้าค่ะ” ยายแก่เพ้อเจ้อจริงๆ นางไม่ยอมโดนเอาเปรียบหรอก เพราะไม่เคยลืมสิ่งที่พวกเขาทำเอาไว้กับนาง
“เจ้าแอบให้ข้า เขาไม่รู้แน่” จิ่นเซวียนพูดขนาดนี้เกาซื่อยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจอีก
“ท่านย่า มิใช่ข้ามิอยากให้ท่านนะเจ้าคะ หากให้ไปแล้วเขาขอตำลึงคืนหลังแต่งเข้าบ้าน แต่ข้าไม่มีให้ บ้านฝ่ายเจ้าสาวเราได้ขายหน้าแน่ อีกอย่างท่านกับท่านปู่มีคุณธรรมมากบารมี ข้าไม่อยากให้พวกท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงเจ้าค่ะ”
จิ่นเซวียนยกเหตุผลนี้มา หากเกาซื่ออ่านสถานการณ์ไม่ออกก็อย่าได้ตำหนิที่นางทำตัวหยาบคาย
นังเด็กนี่ฉลาดกว่าเมื่อก่อน ช่างเถอะ เพื่อปลาใหญ่อย่างบ้านซ่ง นางยังต้องพึ่งเด็กนี่อยู่ จะล่วงเกินไม่ได้
“เงินจัดเลี้ยงแขก ข้าจะหาทางดู เจ้าไปห้องหนังสือกับข้า ไปปรึกษากับพ่อว่าควรจัดวางโต๊ะเลี้ยงแขกกี่ตัว” เกาซื่อลังเลสักพัก แล้วให้จิ่นเซวียนไปห้องหนังสือด้วยกันกับนาง
“ท่านย่ากับนางสารเลวกระซิบกระซาบไม่รู้คุยอะไรกัน!” ซย่าจิ่นอวิ๋นพอออกมาจากห้องครัวเห็นจิ่นเซวียนกับเกาซื่อเดินไปห้องหนังสือก็โกรธจนขว้างไม้กวาดลงพื้น
“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้ารอก่อนเถิด แม่จะทำให้นางกลายเป็นคนน่าสมเพชที่ใครๆ ต่างก็รังเกียจ” เสี่ยวเกาซื่อที่อยู่ข้างกายบุตรสาวหัวเราะเย็นยะเยือก นางหาทางผลักจิ่นเซวียนลงนรกไม่ให้ผุดให้เกิดขึ้นมาได้หนึ่งวิธี
“ท่านแม่ หยวนเฉิงหู่มิได้ชอบนางสารเลวมาตลอดหรือเจ้าคะ?สองวันก่อนข้าไปซักเสื้อแถวริมแม่น้ำ เขายังถามว่านางสารเลวฟื้นหรือยังอยู่เลย ไม่เช่นนั้นเราบอกข่าวเรื่องนางฟื้นให้เขารู้ เขาจะได้พานางหนีตามกันไป ดีหรือไม่เจ้าคะ” ซย่าจิ่นอวิ๋นกับเสี่ยวเกาซื่อสมเป็นแม่ลูก พวกนางใจตรงกัน หยวนเฉิงหู่ชอบจิ่นเซวียนมาตั้งแต่เล็ก หากรู้ว่าจิ่นเซวียนแต่งให้ซ่งจื่อเฉิน เขาต้องก่อเรื่องแน่!
พ่อแม่ของหยวนเฉิงหู่ไม่กล้ายุ่งกับบ้านซ่งเลยไม่อนุญาตให้เขามาหาจิ่นเซวียนที่บ้าน
“เรื่องทำอาหารมีข้าอยู่ เจ้าแกล้งไปซักผ้าและบอกข่าวกับหยวนเฉิงหู่ แม่เชื่อว่าเขาคงไม่อยู่เฉยมองแม่นางในดวงใจแต่งให้ชายอื่นเป็นแน่” เสี่ยวเกาซื่อไม่ยอมให้ลูกสาวนางลำบาก หลายวันที่จิ่นเซวียนสลบไสล เสี่ยวเกาซื่อจึงไม่ให้ลูกสาวลงครัว นางหวังตลอดว่าลูกสาวจะนำความมั่งคั่งรุ่งโรจน์มาสู่นาง
ห้องหนังสือ!
ซย่าหลี่จวินมองจิ่นเซวียนด้วยสีหน้าจริงจังแล้วเอ่ยสั่งสอน
“เซวียนเซวียน พ่อสามีเจ้าให้ความสำคัญกับซ่งจื่อเฉินมาก ข้าได้ยินว่าเขาเสียเงินไปไม่น้อยเพื่อรักษาซ่งจื่อเฉิน เจ้าแต่งเข้าไปต้องกุมอำนาจการเงินเอาไว้ในมือ”
หืม ข้ายังไม่ทันแต่งเข้า พ่อชั่วก็สอนวิธีกุมอำนาจให้เสียแล้ว คิดว่าบ้านซ่งหลอกง่ายนักหรือ?
“เซวียนเซวียน เจ้าต้องฟังคำของพ่อเจ้า พ่อสามีเจ้าห่วงใยซ่งจื่อเฉินที่สุด หากเจ้าปรนนิบัติซ่งจื่อเฉินดีๆ เจ้าจะเสียผลประโยชน์หรือ?พวกเราไม่ขออะไรทั้งนั้น แค่จำไว้ว่าเจ้าคือบุตรสาวคนโตของฮูหยินบ้านซย่า ต้องช่วยในการสอบเคอจวี่ของพ่อเจ้า” เกาซื่อพูดอ้อมค้อมไม่เป็นเลยสักนิด จริงอยู่ที่นางแต่งออกในฐานะบุตรสาวคนโตของฮูหยิน แต่นางไม่ได้มีหน้าที่ต้องเลี้ยงดูคนที่ไม่ยอมทำงาน พวกเขาบอกให้นางฉกฉวยเงินบ้านสามีเพื่อแสดงความกตัญญู น่าละอายนัก
“ท่านย่า ท่านวางใจเถิด ข้าจะช่วยแน่นอนเจ้าค่ะ” จิ่นเซวียนแสร้งทำตัวอ่อนแอไร้น้ำยาให้พวกเขาตายใจ หลังแต่งงานนางค่อยเมินพวกเขา
ซย่าหลี่จวินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เด็กคนนี้เฉลียวฉลาด แค่แนะเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจได้ในทันที หากนางเอาทรัพย์สินบ้านซ่งมาได้สำเร็จ เขาก็รวยแล้ว
ช่างเป็นบิดาที่ชั่วช้าเหลือเกิน เขาวางแผนเอาเงินลูกเขยด้วย
จิ่นเซวียนรู้ว่าแม่ลูกเสี่ยวเกาซื่อไม่หยุดแค่นี้แน่ ดังนั้นนางต้องทำให้เสี่ยวเกาซื่อสูญเสียความโปรดปรานจากพ่อเฮงซวยก่อนที่พวกนางจะลงมือกับตนเอง หลายปีก่อนได้ยินท่านอาเล็กบอกว่าเสี่ยวเกาซื่อกับพ่อดวงชะตาไม่สมพงศ์กัน แต่ท่านย่ายืนกรานจับคู่พวกเขา พ่อเฮงซวยถึงได้แต่งกับเสี่ยวเกาซื่อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็จะเอาดวงชะตาไม่สมพงศ์มาสร้างเรื่องเสีย
“ท่านพ่อ ตอนข้าตกน้ำคิดว่าคงหมดลมหายใจแล้วแต่ท่านปู่ช่วยข้าเอาไว้เจ้าค่ะ ท่านกลายเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่บนสวรรค์ ตอนช่วยข้า ท่านปู่ได้เอ่ยถึงท่านด้วย บอกว่าที่ท่านสอบซิ่วไฉไม่ติดมาตลอดเพราะโดนสตรีกาลกิณีตามติดจนพลังชีวิตโดนทำลาย ละเมิดข้อห้ามของฟ้าดินเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงจิ่นเซวียน แม่ลูกเกาซื่อตัวแข็งทื่อเป็นขอนไม้ ตอนจิ่นเซวียนโดนดึงขึ้นจากแม่น้ำ นางไม่เหลือลมหายใจแล้วจริงๆ พวกเขาจึงลองตามหมอมารักษา ทว่าก็เป็นการรักษาม้าตายดุจดั่งม้าเป็น พอได้ยินจิ่นเซวียนพวกเขาจึงเลยเชื่อว่าซย่าคุนช่วยจิ่นเซวียนเอาไว้จริงๆ
จิ่นเซวียนเห็นพ่อชั่วร้ายทำท่าครุ่นคิดเลยใส่สีตีไข่ นางตอกย้ำว่า “ท่านพ่อ ตอนอยู่ในสำนักศึกษาได้ไปแตะอะไรไม่สะอาดมาหรือไม่เจ้าคะ?”
ซย่าหลี่จวินตกอยู่ในภวังค์ เขากำลังคิดว่าชีวิตแต่งงานของเขากับเสี่ยวเกาซื่อจะไปได้ไกลสักแค่ไหน เขาเกิดปีปิ่งจื่อ [1] คือหนูน้ำ [2] ส่วนเสี่ยวเกาซื่อเกิดปีมะแม คือแพะธาตุดิน ตามหลักอู๋สิงปากว้า [3] แล้วดวงพวกเขาไม่สมพงศ์กัน ธาตุดินพิฆาตธาตุน้ำ!
เชิงอรรถ
[1] ปีปิ่ง หมายถึง การนับปีแบบสุริยคติจีนของโบราณ ทั้ง 12 นักษัตรจะมีการหมุนเวียนจับคู่กับธาตุห้ารูปแบบซึ่งก็คือห้าธาตุ มีเจี่ย ปิ่ง อู้ เกิง และเหริน
[2] หนูน้ำ หมายถึง ปีนักษัตรหนูธาตุน้ำในรอบของปิ่ง
[3] อู๋สิงปากว้า หมายถึง หลักวิชาห้าธาตุและลมปราณแปดทิศ