มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 บทที่ 5 คนตัดสินจากภายนอกไม่ได้

        ยามที่เหนียนยวี่เห็นฉู่ชิง เป็นช่วงที่ฉู่ชิงเองก็สังเกตุเห็นเหนียนยวี่พอดี

        เป็นเขา เด็กหนุ่มคนเมื่อคืนนี้!

        ทว่าฝีมือของเขา…

        “ไม่สามารถตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้” ฉู่ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ความสามารถของเด็กหนุ่มผู้นี้ เขาเพิ่งจะปะทะฝีมือมาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมานี้เองมิใช่หรือ?

        แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่กลอุบาย ทว่าแววตาของเด็กหนุ่มผู้นี้ ราวกับผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน

        ยิ่งกว่านั้น… เมื่อนึกขึ้นได้ว่าใบหน้าตนถูกเห็นเข้าแล้ว ฉู่ชิงก็จ้องนัยน์ตาสีนิลของเหนียนยวี่ด้วยสายตาอันเฉียบคมขึ้นเล็กน้อย

        ทั้งสองสบสายตากัน เหนียนยวี่รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของฉู่ชิงอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าเมื่อคืนตนจะไปทำความลับอันใหญ่หลวงของเขาแตกเข้าแล้วจริงๆ สินะ แล้วฉู่ชิงผู้นี้จะทำเยี่ยงไรกับนาง?

        ระหว่างเหนียนยวี่กำลังครุ่นคิด ฉู่ชิงสะบัดเสื้อคลุมคราหนึ่ง ป้ายประจำตัวที่ห้อยอยู่ตรงเอวพลันปรากฏให้เห็น รวมไปถึงจี้หยกชิ้นหนึ่ง ทว่าเพียงชั่วพริบตาเสื้อคลุมได้ทิ้งตัวลงมาปกปิดไว้เช่นเดิม

        แม้นมันจะเร็ว ทว่าเหนียนยวี่ก็ยังเห็นจี้หยกนั่น… เป็นชิ้นที่นางวางไว้ที่หอสูงของจ้าวอิ้งเสวี่ย ณ จวนจิ้นอ๋องเมื่อคืนนี้

        เกิดอะไรขึ้น เหตุใดมันถึงมาอยู่ที่เขาได้?

        เหนียนยวี่สบตากับฉู่ชิงอีกครั้ง ครั้งนี้ดวงตาคมที่เผยให้เห็นภายนอกหน้ากากนั้นอ่อนแสงลง ส่งสายตาเชิงเตือนมาให้นางมากขึ้น

        เขากำลังเตือนข้าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ห้ามพูดส่งเดชงั้นหรือ?

        เหนียนยวี่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นางไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านแน่นอน สิ่งที่นางต้องการ… เมื่อนางนึกถึงประโยชน์ของจี้หยกนั่นขึ้นได้ คิ้วของเหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน

        ฉู่ชิงเห็นท่าทีการตอบสนองเล็กน้อยของนาง มุมปากภายใต้หน้ากากยกขึ้นบางๆ

        ดูเหมือนว่าจี้หยกชิ้นนี้จะสำคัญต่อเด็กหนุ่มผู้นี้มากจริงๆ !

        ฉู่ชิงรู้แจ้งถึงข้อนี้แล้ว ก็ไม่ได้สนใจผู้คนที่อยู่ตรงนั้นอีก เขากระชับบังเหียนแน่นก่อนจะเคลื่อนย้ายไปอีกฝั่ง…

        “เหอะ ไม่ได้กลับมาหลายปี เอกสิทธิ์ของจื๋อหร่านนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น ขนาดเปิ่นหวางยังไม่กล้าขี่ม้าเข้ามาเลยนะ!” จ้าวอี้มองชายหนุ่มบนหลังม้าพันธุ์ดี แสร้งกล่าวราวกับอิจฉา “ไม่ว่าผู้ใดต่างกล่าวกันว่าเปิ่นหวางคือผู้ที่เสด็จพ่อทรงรักใคร่และทะนุถนอมมากที่สุด ทว่าเปิ่นหวางดูๆ แล้ว ผู้ที่เสด็จพ่อรักใคร่โปรดปรานน่าจะเป็นจื๋อหร่านคงจะถูกเสียมากกว่า เปิ่นหวางเพียงแค่แบกรับชื่อเสียงจอมปลอม…”

        เหนียนยวี่มองแผ่นหลังที่ห่างไกลออกไป บุตรชายท่านแม่ทัพผู้นี้ ยังหนุ่มยังแน่น ฝ่าบาทก็ทรงมอบหมายให้ควบคุมกองทัพ รักษาการทหาร ป้องกันชายแดน และอำนาจในกองทัพทั้งหมดล้วนอยู่ในมือเขา เห็นได้ชัดเลยว่าฝ่าบาททรงไว้วางใจและให้ค่าเขามากเพียงใด

        ชาติก่อนช่วงรัชสมัยของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ท่านแม่ทัพหลวง ‘ฉู่ชิง ได้รับพระราชทานบรรดาศักด์ขั้น โหว [1] จนกระทั่งฝ่าบาททรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ขั้นอ๋องให้เป็นกรณีพิเศษอย่างตั้งใจ

        ทว่าดูเหมือนจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยที่ฉู่ชิงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ขั้นอ๋อง คืนก่อนวันที่ฝ่าบาทจะทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ ระหว่างทางจากชายแดนทางใต้จนถึงตำหนักชุ่นเทียน ฉู่ชิงถูกซุ่มโจมตีและโดนลอบสังหารมาตลอดทาง

        “เหนียนยวี่ เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางผู้นี้น่าสงสารหรือไม่?” จ้าวอี้พูดขึ้นขัดตอนความคิดของเหนียนยวี่

        น่าสงสารงั้นหรือ?

        เหนียนยวี่มุมปากกระตุก จะให้นางตอบอย่างไรกลับไป?

        อย่างไรก็ตาม อารมณ์ของมู่อ๋องโลดโผน ขึ้นๆ ลงๆ เหลือเกิน เหมือนว่าเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบจากนาง ทันทีที่เห็นสาวใช้นางหนึ่งถือกู่ฉิน [2] เดินไปทางคีรีจำลองประดับ ดวงตาพลันสว่างวาบเป็นประกายขึ้นทันใด

        “สาวใช้ชื่อฉินถือกู่ฉินอยู่ในซื่อฟางกว่าน เช่นนั้นพี่ชายข้าคงอยู่ที่ซื่อฟางกว่านด้วยเป็นแน่ อา วันนี้ช่างเป็นวันดีเสียจริง” จ้าวอี้ห้ามใจไม่ไหว ยกแขนที่โอบรอบคอเหนียนยวี่ออก แล้วมุ่งหน้าไปทางคีรีจำลองประดับ กระโดดก้าวหนึ่งราวกับโบยบิน…

        มู่อ๋องหายไปเพียงชั่วพริบตา หลังคีรีจำลองประดับ เสียงบรรเลงของกู่ฉินอันไพเราะรื่นหูดังกังวานไปทั่ว สงบสบายเย็นใจ ไร้การแก่งแย่งชิงดีเด่น ละจากโลกหยาบโลน

        “หลีอ๋อง…เป็นท่านอ๋องหลีที่กำลังดีดฉิน” ไม่ทันไรก็มีใครบางคนอุทานเอ่ยออกมา

        เมื่อกล่าวถึงหลีอ๋อง ในสายตาของเหล่าอิสตรีมากมายล้วนต่างก็เลื่อมใสและชื่นชม

       เขาคงจะเป็นบุรุษที่รูปงามที่สุดแห่งแคว้นเป่ยฉี ด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้น ทำให้ผู้คนที่พบเห็นใจเต้นแรงหน้าแดงก่ำ ผู้คนในนั้นต่างก็ค่อยๆ ทยอยมุ่งหน้าไปทางคีรีจำลองประดับ

        มีเพียงเหนียนยวี่เท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ฟังเสียงฉินที่ส่งเสียงกังวานไปรอบๆ และการสนทนาเงียบๆ ของผู้คน…

        “หลีอ๋องช่างสมกับที่เป็นพระโอรสองค์แรกแห่งแคว้นเป่ยฉีของเราจริงๆ เชี่ยวชาญศาสตร์พิณกู่ฉิน หมากล้อม เขียนพู่กัน ภาพวาด ทั้งความมีเสน่ห์และพรสวรรค์ทักษะอันล้ำเลิศเหล่านั้น เกรงว่าแคว้นเป่ยฉีคงจะหาคนเช่นนี้ไม่ได้อีก…”

        “หึ มีเสน่ห์มีความสามารถแล้วเยี่ยงไรเล่า? ทว่าก็ยังไม่ใช่โอรสของฝ่าบาทอยู่ดี ข้าได้ยินพ่อข้าพูดว่า ที่ฝ่าบาทปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดีก็เป็นเพราะฮ่องเต้องค์ก่อนสละราชบัลลังก์ให้ ทว่าในวันข้างหน้าบัลลังก์นี้จะตกทอดถึงเขาไปได้เยี่ยงไร…”

        ไม่ตกทอดถึงจ้าวเยี่ยนงั้นรึ?

        หึ ทว่าผู้ใดจะรู้ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ชายที่อ้างว่าตนไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองการแก่งแย่งช่วงชิง ล้วนกำลังพยายามแย่งชิงตำแหน่งเสียกันทั้งนั้น!

        เหนียนยวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม หากนางก้าวเท้าเข้าไป นางก็จะเหมือนกับนางในชาติที่แล้ว ประสบพบเจอจ้าวเยี่ยน ทว่าครั้งนี้เขาจะไม่เห็นนางเหนียนยวี่ เพราะนางมีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำ ส่วนจ้าวเยี่ยน…

        นางและเขา วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ค่อยเจอก็ยังไม่สาย!

        จี้หยกที่นางวางทิ้งไว้เมื่อคืน ตกอยู่ในมือของฉู่ชิง นางไม่เข้าใจเจตนาของเขาเลยจริงๆ แค่เป็นแต้มต่อเพื่อจะเอาตัวรอดให้ได้ก็เท่านั้น จึงวางไว้ตรงอื่น

        เหนียนยวี่สูดหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง แล้วนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในซื่อฟางกว่านในชาติก่อน นางหมุนตัวอย่างแน่วแน่และเดินไปอีกทาง…

        ซื่อฟางกว่าน ไม่อนุญาตให้สตรีเข้าไป จะมีเพียงพิธีบรรลุความเป็นผู้ใหญ่วันนี้วันเดียวเท่านั้นที่สตรีจะเข้าไปได้

        ในพิธีบรรลุความเป็นผู้ใหญ่บิดามารดาจะถูกเชิญให้เข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

        ข้างทะเลสาบเชิ่งเสียน ณ ซื่อฟางกว่าน เหล่าบรรดาสมาชิกที่เป็นสตรีมารวมตัวและพูดคุยทักทายกัน

        เมื่อเหนียนยวี่มาถึง นางก็หาเงาร่างหนึ่งในฝูงชน ทว่ายังไม่ทันพบก็ได้ยินเสียงสาวใช้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนก

        “ช่วยด้วย…รีบมาช่วยที…องค์หญิงใหญ่ [4] …องค์หญิงใหญ่ทรงตกลงไปในน้ำ”

        องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ พระขนิษฐาเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทรงอภิเษกสมรสมาหลายปีแล้ว ทว่าตลอดมาก็ไม่ได้ให้กำเนิดทายาทเลย เพลานี้พระนางอายุได้สี่สิบปีแล้ว และในที่สุดก็ตั้งครรภ์ได้เสียที ทว่าในชาติก่อนเนื่องจากนางตกลงไปในทะเลสาบเชิ่งเสียน จึงเสียทารกในครรภ์ไป

        ทว่า ณ เวลานี้ มีเพียงองค์หญิงใหญ่และทารกในครรภ์ของพระองค์เท่านั้นที่จะเป็นแต้มต่อหนึ่งเดียวของนาง!

        เสียงเรียกขอความช่วยเหลือดังไปทั่ว หากยังคิดมากอะไรอีกคงจะไม่ทันการ เหนียนยวี่รีบโดดลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว บรรดาญาติสตรีที่อยู่ด้านข้างได้ยินถึงเหตุการณ์ด้านนี้ก็รีบรุมล้อมกันเข้ามา

        “ช่วยข้าด้วย…ช่วยลูกข้าด้วย…”

        องค์หญิงใหญ่ชิงเหอทุ่มเทแรงทั้งหมดดิ้นรนในน้ำ ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่ง่ายเลยที่นางจะตั้งครรภ์ทารกสักคน หมอหลวงกล่าวว่าร่างกายของนางเดิมทีเองก็มีปัญหาอยู่แล้ว หากรักษาทารกในครรภ์นี้ไว้ไม่ได้ ภายภาคหน้า เกรงว่ายากจะตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง

        ร่างกายของนางค่อยๆ จมดิ่งลงไปใต้น้ำอันเย็นยะเยือก ราวกับต้องการจะลากนางลงขุมนรก

       ทว่าทันใดนั้น พลันมีแรงแรงหนึ่งลากนางขึ้นไป หลังจากนั้นร่างของนางก็ค่อยๆ ถูกดึงขึ้นจากน้ำ

        “รีบนำส่งหมอหลวงเร็วเข้า!”

        ท่ามกลางความตื่นตระหนกของบรรดาสตรีและสาวใช้ มีเพียงเสียงคำสั่งอันแน่วแน่มั่นคงเสียงหนึ่ง และเงาร่างผอมบางร่างหนึ่งกำลังอุ้มองค์หญิงใหญ่ไปยังห้องหนึ่งทางปีกตัวเรือน อย่างรวดเร็วเร่งรีบ

        ภายในห้องหนึ่งของปีกเรือน

        สาวใช้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกแฉะขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอบนเตียงเรียบร้อยแล้ว เฝ้าคอยหมอหลวงที่อยู่ข้างเตียงอย่างกระตือรือร้น “ลูกของเปิ่นกง [5] เป็นเยี่ยงไรบ้าง?”

        “ทูลองค์หญิง ทารกในครรภ์ปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ โชคดีที่ช่วยได้ทันท่วงทีนะพ่ะย่ะค่ะ แม้นฤดูร้อนปีนี้น้ำจะไม่ได้เย็นมากเกินไปนัก ทว่าไอเย็นยังคงเข้าสู่พระวรกาย ซึ่งจะทำให้ทารกในครรภ์ทนรับไม่ไหวพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงรายงานตามความจริง “ข้าน้อยสั่งยาดูแลพระครรภ์มาหนึ่งชุด องค์หญิงทรงเสวยก็จะดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

        คำพูดของหมอหลวงในท้ายที่สุด ทำให้องค์หญิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดี…โชคดีที่ช่วยได้ทันเวลา!

        องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จ้องมองเด็กหนุ่มร่างกายเปียกปอนในห้อง “เมื่อครู่เป็นเจ้าที่ช่วยเปิ่นกงไว้หรือ?

        “ทูลตอบองค์หญิงใหญ่ ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เหนียนยวี่โค้งคำนับให้องค์หญิง

        องค์หญิงชิงเหอพินิจพิจารณาเหนียนยวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ค่อยน่าเชื่อเลยว่าร่างกายผอมบางนี้…

        “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีพละกำลังมากถึงเพียงนี้ จิตใจเองก็ดี” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอนึกเรื่องเมื่อครู่ได้ ในใจของนางก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจ “เจ้าช่วยเปิ่นกงสองแม่ลูกไว้ เจ้าพูดมาได้เลยว่าเจ้าต้องการได้สิ่งใดเป็นรางวัล?”

        รางวัลตอบแทนงั้นหรือ?

        เหนียนยวี่ไม่ลังเลที่จะเอ่ยปากพูด “ป้ายอภัยโทษพ่ะย่ะค่ะ”

        “เจ้าพูดว่าอันใดนะ?

        ไม่เพียงแต่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเท่านั้น ทว่าสาวใช้เองก็ตกใจเช่นกัน รีบตะโกนใส่เหนียนยวี่ทันทีว่า “ช่างกล้า เจ้าจะขอป้ายอภัยโทษได้เยี่ยงไร!”

        เหนียนยวี่ไม่สนใจสาวใช้ ทำเพียงเฝ้ารอให้องค์หญิงใหญ่เอ่ยปาก

        “ความต้องการของเจ้านี่มิใช่เรื่องเล็กน้อยเลย” หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดองค์หญิงจึงเอ่ยออกมาว่า “เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่ว่าป้ายอภัยโทษนั้น มีความหมายอย่างไรกับเปิ่นกง มันไม่ใช่แค่ป้ายแสดงตน ทว่านั่นเป็นสินเดิมที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงมอบให้เปิ่นกงมา ทั้งยังเป็นของรำลึกถึงเสด็จพี่เพียงสิ่งเดียวของเปิ่นกง”

        แน่นอนว่าเหนียนยวี่รู้ความสำคัญของป้ายอภัยโทษดี ป้ายอภัยโทษของแคว้นเป่ยฉี มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เพียงแค่มีคนใช้สิ่งนี้ ถวายให้แก่ฮ่องเต้เพื่อขอราชทานอภัย ฮ่องเต้ก็จะได้มันคืนไป จากนั้นเขาจะสามารถพระราชทานให้คนอื่นต่อไปได้

        ทว่าตอนนี้ ป้ายอภัยโทษเป็นความหวังเดียวของนาง

        เหนียนยวี่เงยหน้าสบตาองค์หญิงใหญ่ อย่างไม่ประหวั่นหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “ทารกในพระครรภ์ขององค์หญิงใหญ่ สำหรับพระองค์แล้วก็มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ดังนั้นย่อมยนับว่า…คุ้มค่าอย่างยิ่ง ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงมีพระเมตตาและทรงคุณธรรม หากดวงจิตวิญญาณบนสรวงสวรรค์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงรับรู้ พระองค์จะไม่มีทางตำหนิกล่าวโทษองค์หญิงใหญ่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

        องค์หญิงใหญ่ชิงเหอหรี่ตาลงมองดูชายหนุ่มร่างผอมบางที่อยู่ข้างหน้านางอีกครั้ง รู้สึกชมชอบยิ่งขึ้นเล็กน้อย “เสด็จพี่เขา…ใจดีและมีคุณธรรมจริงๆ เช่นนั้นเจ้าลองว่ามาเสียว่า เจ้าต้องการป้ายอภัยโทษไปทำอันใด?”

 

เชิงอรรถ

[1] เป็นบรรดาศักดิ์รองจากชั้น กง ได้รับยศจากการสืบสกุล หรือได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เนื่องจากมีความดีความชอบ

[2] กู่ฉิน ฉิน เครื่องดนตรีสายของจีน

[3] ชื่อฉินเหอฉิน ในที่นี้กล่าวถึงชื่อของกู่ฉิน หรือชี้ถึงผู้เล่นกู่ฉิน

[4] องค์หญิงใหญ่ ในที่นี้คือตำแหน่งจ่างกงจู่ 长公主 เป็นตำแหน่งองค์หญิงขั้นหนึ่ง ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้จะต้องพระเชษฐภคินี (พี่สาว) หรือพระขนิษฐา (น้องสาว) ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน 

[5] เปิ่นกง คำที่เชื้อพระวงศ์(หญิง)ใช้เรียกตัวเอง

Author Jinovel