การที่รู้ว่าฉินเฟิงยังไม่ตายทำให้รู้สึกเหมือนกับมีระเบิดในหัวของประมุขตระกูลฮ่าว เขาได้ยินสารวัตรหลิวสัญญาเป็นวรรคเป็นเวรว่าฉินเฟิงต้องโดนฆ่า และเขาก็เชื่อว่าฉินเฟิงตายแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาและยังดูสบายดี ประมุขของตระกูลฮ่าวก็โกรธมากจนรอยย่นเริ่มสั่น
“ตาแก่เหม็นเน่า แกจะสั่นอะไรแต่เช้าเนี่ย? แกมาดูว่าฉันตายหรือยังใช่ไหม? ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะ แต่นายน้อยผู้นี้ไม่โดนฆ่าง่ายขนาดนั้นหรอก แล้วก็ ฉันจะให้แกรู้ความลับว่าฮ่าวหยุนมันโดนนายน้อยคนนี้ฆ่าเอง แต่แล้วแกจะทำอะไรได้ล่ะ?”
ประมุขตระกูลฮ่าวโกรธมากจนถึงจุดที่กระอักเลือด สายตาของฉินเฟิงฉายแววความหนาวเย็นขณะที่พูดต่อ “จากสิ่งที่ฉันรู้ ฮ่าวหยุน ไอ้เศษสวะนั่น มันข่มขืนนักศึกษาหญิงบนเตียง 32 คน มี 2 คนฆ่าตัวตาย 5 คนแจ้งตำรวจ และ 25 คนไม่สามารถรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ จึงจบลงด้วยการเป็นโสเภณี อย่างไรก็ตาม แกใช้อำนาจของตระกูลฮ่าวเพื่อปิดเงียบเรื่องทั้งหมด และยอมให้ฮ่าวหยุนมันทำตามใจชอบได้ต่อไปอีก ฉันยอมรับว่าฉันก็ไม่ใช่คนดีศรีคุณธรรมนักหรอก และก็เลวอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจพวกนั้นเลย”
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่ของคุณชายแห่งเมืองเว่ยเฉิง ต่อหน้าทุกคนฉินเฟิงดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับคุณชายอีกสามคนที่เหลือ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นกระด้างกระเดื่องมาก
เพื่อปกป้องตัวเอง ฉินเฟิงจึงบอกให้ลุงฝูตรวจสอบคุณชายอีกสามคนแต่ละคน แล้วเขาก็พบว่าในบรรดาพวกมันทั้งหมด ฮ่าวหยุนมีการกระทำที่ต่ำช้ามากที่สุด
ก่อนหน้านั้น ฉินเฟิงเป็นแค่นายน้อยเจ้าสำราญ ค่อนข้างจะไม่สนโลกและทำตัวห่างเหิน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับระบบมาแล้ว ทำให้เขามีภารกิจมากมายเกี่ยวกับสาวสวยรอบตัวเขา เขาจึงเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับพวกเธอ
หลินเป้ยเป้ยที่มีชีวิตยากลำบาก เจ้าหลิงเซียนที่หยิ่งแต่โดดเดี่ยว ไป๋ชิงที่เย็นชาแต่เจ็บปวด หยุนเซียวที่ทำตัวแข็งแกร่งแต่ซ่อนความอ่อนแอไว้ข้างใน…
ทุกคนมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง และเมื่อฉินเฟิงเข้าสู่เรื่องราวของพวกเธอและกลายเป็นตัวละครหลัก เขาจึงเริ่มพัฒนาความรู้สึกกับพวกเธอ
ฉินเฟิงรู้สึกค่อนข้างยินดีหลังจากคิดกลับไปว่าเขาฆ่าฮ่าวหยุน
ขณะที่ฉินเฟิงพล่ามเรื่องชั่วช้าที่ฮ่าวหยุนทำ ใบหน้าของประมุขตระกูลฮ่าวก็เริ่มน่ากลัว มือที่เหี่ยวย่นของเขาสั่นจนหยุดไม่อยู่
“ฉินเฟิง พ่อจะฆ่าแก พ่อจะฆ่าแกด้วยตัวเองเอง!”
ทันใดนั้น ประมุขตระกูลฮ่าวก็เป็นบ้า ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวขณะที่เดินไปหาสารวัตรหลิวและหยิบปืนที่เอวของเขาออกมา
เขาจับปืนทั้งสองมือและจ่อไปที่ฉินเฟิง ปลดเซฟตี้และเหนี่ยวไกทันที
ปัง!
เสียงปังดังออกมา ประมุขตระกูลฮ่าวยิงฉินเฟิงจริงๆ
เสียงปืนทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องขังกลัว แม้แต่ชายชื่อรหัส Y ก็เผยความกังวลขณะที่มองไปยังฉินเฟิง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเขายังยืนสบายดี เขาก็ใจเย็นอย่างรวดเร็ว
บางทีคงไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของฉินเฟิง แต่ชายชื่อรหัส Y เห็นว่าทันทีที่ปืนลั่น ฉินเฟิงเอี้ยวหัวหลบกระสุนอย่างง่ายดาย
จากการวิเคราะห์ความเร็วของฉินเฟิง ชายชื่อรหัส Y คิดว่าอย่างน้อยเขาต้องแข็งแกร่งระดับกำลังภายนอกขั้นห้า ทำให้สายตาของชายรหัส Y เปล่งประกายขึ้น ฉินเฟิงยังเด็กอยู่มาก แต่ก็อยู่ถึงระดับนี้แล้ว เขาเป็นอัจฉริยะในการฝึกวิทยายุทธ์ที่คนหนึ่งจะปรากฏขึ้นมาในรอบ 100 ปี
ความแข็งแกร่งระดับกำลังภายนอกขั้นห้าสามารถปล่อยความเร็วได้มากกว่าคนปกติ 1.5 เท่า ฉินเฟิงอยู่แค่ขั้นสอง ทำให้เขาเร็วกว่าคนปกติ 1.2 เท่า แต่เหตุผลที่เขาสามารถทำความเร็วได้ถึงระดับนั้นก็เพราะเขาดูดซับยาเสริมความเร็ว 2 ขวด ซึ่งทำให้เขามีความเร็วมากกว่าคนธรรมดา 1.4 เท่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฟิงลองหลบลูกกระสุน และเนื่องจากประมุขตระกูลฮ่าวยืนอยู่ใกล้เขามาก เขาจึงต้องใช้ความพยายามทั้งหมดในการหลบอย่างช่วยไม่ได้ เขาถอดเกราะมังกรบินออก ทำให้ร่างกายของเขาปล่อยความเร็วได้มากกว่าคนปกติ 1.6 เท่าจนแม้แต่ชายชื่อรหัส Y ยังตกใจ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความเร็วจะมากกว่าคนธรรมดา 1.6 เท่า แต่การพยายามหลบลูกปืนในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ก็ยังทำได้ยาก ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าประมุขของตระกูลฮ่าวค่อนข้างแก่ และมือเขาก็สั่นด้วยความโกรธ คงจะยากที่จะให้ฉินเฟิงหลบลูกกระสุนได้
ด้วยเหตุนี้ วิถีกระสุนจึงเอียงนิดหน่อยตั้งแต่เริ่ม ทำให้ฉินเฟิงหลบมันแบบง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม คนอื่นจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร?
พวกเขาแค่เห็นว่าประมุขตระกูลฮ่าวยิงฉินเฟิง แต่ฉินเฟิงยังอยู่ดีและไม่แม้แต่ขยับเขยื้อน
นี่ทำให้พี่น้องรอยสักปัญญานิ่มทั้งสามหวาดกลัว พวกเขาดีใจที่ไม่พยายามร่วมมือกันฆ่าฉินเฟิงกับเถียเหมิ่ง มันคงจะเป็นการฆ่าตัวตายแทน
ส่วนผู้ชายที่ดูอ่อนแอทั้งสองสลบจนตาเหลือกไปแล้ว
ประมุขฮ่าวมองฉินเฟิงด้วยความตกใจกลัว เขาไม่เชื่อว่าฉินเฟิงจะยังมีชีวิตอยู่และยังอยู่ดีมีสุข
วูบ!
ฉินเฟิงเคลื่อนไหวทันที เขามาอยู่ข้างหน้าของประมุขตระกูลฮ่าวในพริบตา
เขากล้าจ่อปืนยิงฉินเฟิงจริงๆ ซึ่งทำให้เขาโกรธมาก ดังนั้นผลที่ตามมาจะต้องสาหัส
เขาไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดออกไปปะทะกับใบหน้าของชายแก่ ด้วยเสียงปัง ประมุขตระกูลฮ่าวก็กระเด็นออกไป คนผอมหุ้มกระดูกเกือบจะสลายขณะที่กระแทกกับพื้น
“อย่าคิดว่าฉันไม่ต่อยแกแค่เพราะว่าแกเป็นคนแก่นะ!”
ฉินเฟิงพูดอย่างเยือกเย็นหลังจากปล่อยหมัดที่ทรงอำนาจออกมา เขาไม่แสดงความเมตตาให้กับคนชั่วอย่างประมุขตระกูลฮ่าวแน่นอน ยิ่งกว่านั้น ตาแก่นี่พยายามจะปิดปากเขาในคุก มันจึงไม่จำเป็นที่ฉินเฟิงจะต้องไว้หน้าเขา
ฉากน่าตกตะลึงอย่างเหลือเชื่อนี้ทำให้สารวัตรหลิวตะลึงอย่างหมดจด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว ปากของเขาอ้ากว้างจนสามารถยัดไข่ห่านได้ 2 ฟอง
เขารู้จักพื้นเพของฉินเฟิง และรู้ความขัดแย้งระหว่างตระกูลฉินและตระกูลฮ่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนกล้าต่อยประมุขตระกูลฮ่าว
เขามั่นใจว่าแม้แต่ฉินหวงยังไม่กล้าจองหองขนาดนั้น
แต่ว่าฉินเฟิงก็ต่อยไปแล้ว และโหดร้ายยิ่ง เขาไม่มองประมุขตระกูลฮ่าวอยู่ในสายตาเลยสักนิด
สารวัตรหลิวมองรูปร่างที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจและกดขี่ของฉินเฟิง และรู้สึกว่าเขาไม่ได้ต่อยชายแก่เพราะความหยิ่ง แต่เพราะเขามีพลังที่จะทำ
“ฉินเฟิง กะ…แกกล้าต่อยข้าเรอะ?” ประมุขตระกูลฮ่าวชี้หน้าฉินเฟิงและคำรามด้วยความไม่เชื่อ เขาอยู่ในสภาพน่าเวทนาบนพื้น และทั้งตัวก็เต็มไปด้วยฝุ่น เขากระอักเลือดออกมาไม่กี่คำก่อนจะฟื้นตัว
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ที่พามาโดยตระกูลฮ่าวและตระกูลฉินก็เร่งเข้ามา
คนจากทั้งสองกลุ่มตกตะลึงหลังจากที่เห็นภาพตรงหน้า หลังจากจ้องด้วยความตะลึงสักพัก พ่อของฮ่าวหยุน ฮ่าวหนานก็เร่งเข้ามาช่วยพยุงประมุขฮ่าว ฮ่าวหลงเทียน ให้ลุกขึ้น
