มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 6 ภารกิจที่ 167 นางฟ้าและสัตว์อสูร

        เวลานี้ฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของเต่าดำในเขตน้ำลึกเลย ดูเหมือนว่าเจ้าหนูนั่นจะอยู่ในมหาสมุทรที่ลึกกว่านี้อีก เมื่อวานเขาเห็นความสามารถของเต่าดำ เขาจึงไม่ได้เป็นห่วงนัก เขาเชื่อว่าด้วยความร่วมมือของเต่าทะเลและงูสามเหลี่ยมมันคงจะไม่กลัวแม้แต่ฉลาม เว้นแต่ว่ามันจะเจอฉลามสิบกว่าตัวล้อมรอบและจู่โจมมัน ชีวิตของเต่าดำถึงจะตกอยู่ในอันตราย แต่เต่าดำไม่ได้โง่ ถ้ามันเห็นว่ามันชนะไม่ได้มันคงจะหนีไปใช่ไหม? ฉินเฟิงเจอกับความเร็วในการว่ายน้ำของเต่าดำ และถ้ามันต้องหนีมันก็คงเหมือนเรือดำน้ำขนาดย่อมดีๆ นี่เอง

        ฉินเฟิงนำเชื้อเพลิงมาเพียงพอดังนั้นเขาจึงขับเรือให้ได้ความเร็วสูงสุด เขามองระยะทางของเขาสัตว์อสูรที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงในที่สุด เขาหยุดเรือที่ชายฝั่งมัดมันด้วยเชือกและเดินเข้าเกาะที่ไร้คนนี้

        เขาสัตว์อสูรเป็นเกาะที่เป็นป่าเขียวชอุ่มและไร้ผู้คน แต่มีเหล่าสัตว์ป่าวิ่งเพ่นพ่านทั่วเกาะ ทุกครั้งที่ช่วงเวลากลางคืนมาถึง เสียงร้องของสัตว์ป่าจะลอยออกมาจากเกาะเล็กๆ ที่น่าขนลุก

        โดยเมื่อฉินเฟิงมาถึงเขาสัตว์อสูร มันก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ที่ท้องฟ้าและทะเลสีครามของบ้านพักตากอากาศนี่จะเป็นเวลาที่แสงดวงอาทิตย์เผาตรงมาที่หัว อย่างไรก็ตามฉินเฟิงเพิ่งมาถึงป่ารกชัฏ เขาจึงสัมผัสถึงเพียงอากาศเย็นๆ ของป่า ความหนาและความสูงของใบไม้และกิ่งก้านสาขาบดบังแสงอาทิตย์เป็นส่วนใหญ่ จึงมีเพียงจุดของแสงที่ส่องเข้ามา ฉินเฟิงคิดว่านี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายทำหนังสยองขวัญ

        เขาค่อยๆ ก้าวผ่านป่าขณะที่พูดคุยกับเจ้าหมูน้อย ตั้งแต่ที่เจ้าหมูน้อยนับได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงต่อสู้ มันจึงคุ้นเคยกับปราณจิตอย่างมากและมันเป็นไกด์ที่ดีมากในการหาปราณจิต

        ภายใต้การชี้ทางของเจ้าหมูน้อย ฉินเฟิงเดินเข้าไปลึกขึ้นๆ เขาถึงใจกลางชั้นนอกของเขาสัตว์อสูรแล้ว มีความหนาวเย็นอยู่รอบๆ และมันก็หนาวขึ้นๆ จนสามารถเห็นหิมะที่ยังไม่ละลายบนกิ่งบางกิ่ง

        นายท่าน ต้นวิญญาณอยู่ใกล้ๆ นี่” เจ้าหมูเตือนเขาทันที ฉินเฟิงหยุดก้าวและเริ่มตรวจสอบพื้นที่รอบตัว

        ตอนนี้ฉินเฟิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่เชี่ยวชาญทั้งกำลังภายในและกำลังภายนอก เขาฝึกฝนจนก้าวเข้าสู่กำลังภายในขั้นที่หนึ่ง เขาไม่สามารถตรวจจับปราณจิตที่อยู่ไกลออกไปได้ แต่สามารถตรวจจับปราณจิตที่แผ่ออกมาใกล้ๆ

        ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องให้เจ้าหมูน้อยชี้ทาง ฉินเฟิงรู้สึกถึงความหนาแน่นของปราณจิตที่กำลังแผ่ออกมาไม่ใกล้ไม่ไกลจากทางด้านซ้าย เขาเหลือบสายตาไปยังพื้นที่ที่มีปราณจิตและพบดอกไม้สีแดงที่แดงยิ่งกว่าดอกกุหลาบอย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงไม่เคยเห็นดอกไม้รูปร่างนี้มันดูคล้ายดอกบานบุรีขนาดเล็กและใหญ่เท่าฝ่ามือของผู้ชายโตเต็มวัยเมื่อมันบานเต็มที่

        เจ้าหมูน้อย นี่คือต้นวิญญาณเหรอ?” ฉินเฟิงรีบก้าวเข้าไปหาต้นวิญญาณ เขานั่งยองๆ และตรวจสอบมันใกล้ๆ

        เมื่อกำลังตรวจสอบมันใกล้ๆ ปราณจิตที่แผ่ออกมาจากต้นไม้ก็เข้มข้นมาก ฉินเฟิงอดไม่ได้นอกจากเอื้อมมือกำลังจะไปถอนรากของมัน

        นายท่าน อย่าเพิ่งถอน!” เจ้าหมูหยุดเขาทันทีและรีบพูด “นี่คือต้นโอสถแดง มันจะบานทุกๆ 10 ปี โดยปกติแล้วมันจะเติบโตในป่ารกชัฏ คอยดูดพลังจิตวิญญาณบางๆ จากต้นไม้เหล่านี้และบีบอัดเป็นแกนกลาง มันเป็นต้นวิญญาณที่ช่วยฝึกพลังลมปราณภายใน”

        แต่ต้นวิญญาณประเภทนี้บอบบางอย่างมาก เมื่อมันออกจากดินมันจะตายทันที ปราณจิตในเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียจะเปลี่ยนไป มันออกจากต้นและลอยขึ้นไปในอากาศทันที ทุกอย่างจะสูญเปล่า”

        หลังจากได้ยินคำอธิบายของเจ้าหมูน้อย ฉินเฟิงก็หยุดทันที เขามองดูทั้งกลัวและชื่นชมขณะที่พูดว่า “เจ้าหมูน้อย ฉันเพิ่งรู้ว่าแกนี่มันหมูผู้รอบรู้จริงๆ!”

        คำพูดของเจ้าหมูน้อยก้องกังวานในหัวของฉินเฟิง ก่อนหน้านี่เขาคิดว่าเจ้าหมูขี้เกียจนี้ดีแต่โม้ แต่หลังจากที่รู้จักกับมัน เขาก็พบว่าเจ้าหมูตัวนี้รู้เยอะจริงๆ

        หลังจากได้รับคำชมจากเจ้านาย เจ้าหมูก็เชิดหัวสีชมพูอ่อนและเย้ยหยัน “เฮอะ ข้าบอกนายท่านตั้งนานแล้วแต่ไม่เชื่อข้าเอง นายท่าน ในฐานะที่เป็นสัตว์เลี้ยงต่อสู้และ NPC ของระบบ ข้ารู้เรื่องไอเทมทุกอย่างจากระบบ ต้นโอสถแดงก็มีขายในส่วนของการปรุงยาของระบบ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ข้าก็ยังสามารถอ่านคำอธิบายจากระบบได้อยู่ดี”

        มุมปากของฉินเฟิงกระตุก เขารู้สึกว่าที่จริงแล้วเจ้าหมูน้อยไม่ได้สุดยอดด้วยตัวมันเอง มันทำเป็นวางท่าแต่ก็ได้ข้อมูลทุกอย่างจากระบบ “เจ้าหมูน้อย แล้วฉันจะเก็บไอ้ต้นโอสถแดงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์มาได้อย่างไร?”

        นายท่าน ตราบใดที่นายท่านไม่ทำความเสียหายแก่ดินเดิมที่อยู่รอบต้นมัน มันจะไม่ตาย นายท่านต้องขุดรอบๆ ต้นและดึงมันออกมาพร้อมกับดินเดิมที่อยู่รอบต้นของมัน” เจ้าหมูน้อยกล่าว

        ตอนนี้ฉินเฟิงเข้าใจแล้ว เขารู้สึกถึงความหนาแน่นของพลังจิตวิญญาณจากต้นโอสถแดงและขุดรอบๆ ต้นอย่างใจจดใจจ่อและระมัดระวัง หลังจากขุดได้หลุมใหญ่แล้ว ฉินเฟิงก็เอื้อมมือลงไปเพื่อเอาต้นโอสถแดง

        โฮก โฮก!

        ทันใดนั้นเสียงคำรามของสัตว์ป่าก็ดังออกมาในป่าลึก เสียงสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้งป่ากลายเป็นสายลมกรรโชก ฉินเฟิงรีบยืนขึ้นและหันไปมองด้านหลังด้วยความตื่นตระหนก เขาเห็นหมูป่าขนาดใหญ่ที่กำลังไล่กวดหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังมุ่งตรงมาหาเขา

        มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉินเฟิงเห็นหมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ ถึงขนาดสงสัยว่านี่มันหมูป่ากลายพันธุ์หรือเปล่า มันตัวใหญ่เท่ากับลูกช้าง มีหน้าตาน่ากลัวและมีเขี้ยวยาวเมตรกว่าที่คมจนยากจะเทียบเคียง ส่วนที่น่าตกใจมากที่สุดคือดวงตาของหมูป่า มันมีสามตา ตาที่สามอยู่ระหว่างคิ้วเหมือนกับเทพสามตา ดวงตาของมันใหญ่อย่างกับระฆังทองแดงและเรืองแสงสีเขียวลึกลับ

        สี่ขาของมันแข็งแกร่ง ในขณะที่วิ่งมันเหมือนกับรถออฟโรดด้วยแรงม้าเต็มพิกัด มันวิ่งพร้อมกับปล่อยเสียงและทุกฝีก้าวของมันทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย

        พี่ชายวิ่งเร็ว มันคือหมูป่าช้างสามตา!” ผู้หญิงที่วิ่งอยู่ข้างหน้าหมูป่าตะโกนออกมา เสียงของเธอดังกรุ๊งกริ๊งชัดเจนเหมือนฤดูใบไม้ผลิและเมื่อได้ยินก็ทำให้ฉินเฟิงเคลิ้ม

        เห็นได้ว่าผู้หญิงได้สู้อย่างดุเดือดกับหมูป่าและอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ชุดขาวที่เธอสวมอยู่ฉีกขาด ผมของเธอยุ่งเหยิงเพราะลมในระหว่างที่วิ่งสุดชีวิต แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความงามของหญิงสาว หากเธอออกมาจากดวงจันทร์เธอคงเหมือนกับเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ฉางเอ๋อ แม้ว่าเธอจะวิ่งหนีสุดชีวิตเธอก็ยังปล่อยบรรยากาศความงามออกมา

        รูปร่างของเธอดูดีและสละสลวย ร่างของเธอสูงตรง แม้รูปร่างของเธอจะไม่ได้สะบึม แต่ก็อ่อนโยน สวยงาม และเข้ากันได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระโปรงที่ฉีกขาด มันเผยถึงผิวที่ขาวเนียนเหมือนหิมะแรก มันขาวผ่องและไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียว

        นางฟ้ากำลังวิ่งหนี เธอสวยเหมือนนางสวรรค์และเต็มไปด้วยปราณจิต” นี่เป็นความประทับใจแรกของฉินเฟิงที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น

        แล้วเขาก็มองหมูป่าช้างสามตาที่อยู่ด้านหลังของเธอไปไม่ถึงห้าสิบเมตร เขาพูดด้วยความตึงเครียด “เจ้าหมูน้อย นี่แกเป็นญาติกับไอ้ตัวน่าเกลียดนี้หรือเปล่า? เมื่อแกโตขึ้น แกคงจะไม่มีหน้าตาเหมือนมันใช่ไหม?”

        เจ้าหมูน้อยผิดหวังมากจนแยกเขี้ยวและโบกกีบเท้า “ญาติของนายท่านน่ะสิที่จะโตเป็นอย่างนั้น ข้าคือหมูน้อยที่น่ารักที่สุดในจักรวาล”

        อย่างที่เขาพูดกัน บุคลิกของสัตว์เลี้ยงจะเติบโตขึ้นอยู่กับนิสัยของเจ้าของว่ามันเป็นอย่างไร เมื่อเห็นความไร้ยางอายของเจ้าหมูน้อยฉินเฟิงก็เข้าใจว่ามันจริงอย่างที่เขาพูดกัน

        พี่ชาย ถ้าไม่รีบหนีไปตอนนี้มันจะสายเกินไปนะ!” เสียงวิงวอนของนางฟ้าดังออกมาอีกครั้ง ฉินเฟิงออกตัววิ่งทันที เขาไม่ได้วิ่งหนีแต่วิ่งไปหานางฟ้าแทน

        ฉินเฟิงมาที่ภูเขาเพื่อหาต้นวิญญาณ การที่เขาได้ทำอะไรดีๆ อย่างช่วยสาวงาม เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ และเมินโอกาสอันดีแบบนี้ได้อย่างไร?

        นายท่าน หมูป่าช้างสามตาแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ มันมีเขี้ยวคมกริบที่สามารถแทงทะลุของแข็งได้ ฝีมือนายท่านในตอนนี้ไม่เพียงพอหรอก” ฉินเฟิงวิ่งเข้าหาหมูป่าช้างสามตาขณะที่ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าหมูน้อยดังออกมา

        เขาไม่มีโอกาสหนี เขาทำได้แค่ค้ำตัวเองและกระโดดไปข้างบน ต่อยไปที่หลังของหมูป่าช้างสามตา

        โฮก!

        ฉินเฟิงใช้กำลังภายนอกขั้นสองต่อยโดยไม่ยั้งมือ พละกำลัง 6 เท่าที่มีพลัง 600 ชั่งปะทะเข้าที่หลังของหมูป่าช้างสามตา ร่างของหมูป่าเซไปอย่างชัดเจน ตอนนี้ขาที่กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งของมันลื่นล้มลง มันชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่และชนจนเป็นหลุมใหญ่

        ปัง!

        การชนนี้สั่นสะเทือนฟ้าดิน มันทำให้ภูตผีร้องโหยหวนและหมาป่าเห่าหอน!

        นางฟ้าที่กำลังวิ่งสุดชีวิตหยุดดู เศษเสี้ยวความตกใจผ่านใบหน้าของเธอ เธอไม่ได้ตกใจกับพลังหมัดของฉินเฟิง แต่เธอตกใจที่ฉินเฟิงไม่ต้องการชีวิตของตัวเอง เพราะเขากล้าไปทำให้หมูป่าช้างสามตาโกรธ

        จอมยุทธ์ทุกคนที่รู้จักหมูป่าช้างสามตาจะรู้ว่านี่จะเป็นการทำให้สัตว์ป่าบ้าคลั่ง มันมีอารมณ์รุนแรงและจู่โจมใครก็ตามที่พบเห็น มันมีความสามารถในการระเบิดพลังปั่นป่วนได้อย่างต่อเนื่อง นางฟ้าน้อยตอนแรกไม่ได้มาสู้กับหมูป่าช้างสามตา แต่เธอเข้ามาที่ภูเขาสัตว์อสูรเพื่อมาหาต้นวิญญาณ และได้เจอกับหมูป่าช้างสามตาโดยบังเอิญจึงถูกหมูป่าไล่กวด แต่ไม่กล้าสู้กับมันจริงๆ เพราะถ้าสัตว์ตัวนี้หงุดหงิด มันจะเป็นสัตว์คลั่งที่จะไล่ขวิดคุณจนตาย

        ฮ่าๆ คุณผู้หญิงไม่จำเป็นต้องตื่นไป จริงๆ แล้วผมยังไม่โชว์ฝีมือที่แท้จริงเลย” เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงไม่เข้าใจธรรมชาติของหมูป่าช้างสามตา เขาปัดมืออย่างภาคภูมิใจเมื่อต่อยหมูป่าช้างสามตาลงด้วยหมัดเดียว และเมื่อเขาเห็นนางฟ้าน้อยกำลังมองเขาด้วยความตกใจ เขาจึงรู้สึกชื่นชมตัวเอง

        วิ่ง! วิ่ง!” นางฟ้าน้อยตะโกนไปทางฉินเฟิงทันที

        ฉินเฟิงสับสนเล็กน้อย เขาคิดว่าในเมื่อเขาช่วยชีวิตของนางฟ้าน้อย เธอควรจะซาบซึ้งจนน้ำตาไหลโผเข้าอ้อมแขนของเขา และใช้กำปั้นเล็กๆ อมชมพูทาบอกของเขาด้วยความเสน่หา พร้อมกับพูดจาอ่อนหวานว่า “สุดหล่อ สุดยอดไปเลย!” ไม่ใช่เหรอ?

        ทำไมเธอถึงดูกังวลขนาดนั้นและตะโกนให้เขาวิ่งกัน?

        ฉินเฟิงเข้าใจคำตอบของคำถามนี้ในทันที เพราะว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงคลื่นพลังอันรุนแรงที่พรั่งพรูจากด้านหลัง เขาไม่ได้ใช้เวลามากนักในการตอบโต้ เมื่อขาของเขาแตะพื้นเขารีบปลดเกราะมังกรบิน โน้มตัวพุ่งออกไปดั่งศรธนู เขากระโดดขึ้นบนอากาศห้าเมตรและตีลังกาหลบการโจมตีของหมูป่าช้างสามตาได้อย่างหวุดหวิด

Author Glory Forever