บทที่ 122 ตลบหลัง
รถยนต์รุ่นเจ็ตตาสีดำสามคันที่กำลังขับตามหลังรถเบนซ์สีเทาได้ปรากฏเข้าสู่สายตา
ไป๋หยางที่นอนอยู่บนพื้นแววตาเป็นประกาย ดีใจขนาดที่ว่าลุกขึ้นวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปที่หน้ารถเบนซ์
คนที่ลงจากรถเจ็ตตามาคือผู้ชายใส่เสื้อแขนกุดสีดำที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีพร้อมด้วยไม้เบสบอลในมือ ในขณะเดียวกันก็มีชายอ้วนวัยกลางคนเดินลงมาจากรถเบนซ์เช่นเดียวกัน
“พ่อ”
ไป๋หยางที่เห็นชายอ้วนก็ร้องไห้โฮออกมาทันที ชายอ้วนมองนิ้วมือของเขาเล็กน้อย ใบหน้ามันเยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเช่นเดียวกัน
“ใครทำ”
“พ่อ เจ้าเด็กนั่น”
ไป๋หยางข่มความเจ็บปวดบริเวณนิ้วเอาไว้ ก่อนยกมือขึ้นชี้ไปยังเย่จื่อเฉินที่นั่งอยู่หน้าประตู
เจ้าหนู ขอฉันดูหน่อยเถอะว่าแกจะทำยังไง
ไป๋หยางคิดอยู่ในใจอย่างโหดเหี้ยม ที่เด็กขงเบ้งก็เม้มปากยืนขวางหน้าเย่จื่อเฉินเอาไว้
แต่ในขณะเดียวกันนั้น เย่จื่อเฉินกลับยิ้มขึ้นมาอย่างนึกสนุก
“คุณเป็นพ่อของไป๋หยางเหรอ?”
ในตอนที่ชายอ้วนได้ยินประโยคนี้ ไหล่ของเขาก็สั่นเทิ้มขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนจะเห็นเย่จื่อเฉินกำลังเลิกคิ้วระบายยิ้มบางให้เขาอยู่
“คุณ…”
“เย่จื่อเฉิน ถ้าไม่อยากตายก็ก้มหัวขอโทษพ่อฉันซะ ไม่อย่างนั้นนายเตรียมตัวรับผลที่จะตามมาได้เลย”
ไป๋หยางก้าวขึ้นมาแย่งพูดก่อน ตอนนี้ความเคียดแค้นที่เขามีต่อเย่จื่อเฉินมันมากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
แย่งผู้หญิงของเขาไปไม่พอ ยังกล้าทำร้ายเขาอีก
“พ่อ ฆ่ามันเลย…”
เพียะ!
ชายอ้วนยกมือขึ้นตบลงบนใบหน้าของไป๋หยาง แรงของฝ่ามือนี้หนักจนถึงขั้นทำให้ตัวหมุน
“ยังไม่รีบขอโทษคุณชายเย่อีก”
ไป๋หยางกุมใบหน้าพลางทำหน้าไม่เข้าใจ ชายร่างบึกบึนทั้งหลายที่ลงมาจากรถเจ็ตตาก็อึ้งไปกับเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกัน ได้แต่ยืนถือไม้เบสบอลไว้โดยไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง
เย่จื่อเฉินค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มละมุน ชายอ้วนรีบก้มหัวมือขวาก็ยกขึ้นไปจับหัวของไป๋หยางกดลงด้วย
“ไป๋ต้าไห่ คุณนี่ได้ลูกชายดีจังเลยนะครับ”
เหงื่อเม็ดเล็กผุดออกมาจากหน้าผากของไป๋ต้าไห่ทันที เย่จื่อเฉินส่งสายตาให้เด็กขงเบ้ง จากนั้นจึงไปเอากระดาษทิชชูห่อหนึ่งออกมาจากร้านแล้วโยนไปตรงหน้าชายอ้วน
“เช็ดซะ”
“ขอบคุณครับคุณชายเย่”
ชายอ้วนตอบกลับด้วยท่าทางร้อนรน ไป๋หยางที่อยู่ข้างๆ จึงเบิกตาโพลงด่าทอ
“พ่อ เจ้านี่มันไม่ได้มีอะไรดีเลยนะ ผมเช็คดูหมดแล้ว มันก็แค่นักศึกษาจนๆ คนหนึ่งเท่านั้น ทำไมพ่อ…”
ตุบ
ยกเท้าเตะตัวไป๋หยาง ชายอ้วนโกรธมากแล้วจริงๆ
ลูกชายของเขามันจะไอคิวต่ำเกินไปแล้ว
เขาทำถึงขนาดนี้ ยังมองอะไรไม่ออกอีกหรือไง?
“พ่อ!”
“อย่ามาตะคอกใส่ฉัน ไปขอโทษคุณชายเย่ซะ!”
ชายอ้วนตะโกนจนคอแดงก่ำ เขารู้ดีว่าวิธีจัดการของเย่จื่อเฉินนั้นโหดขนาดไหน ลงมือแต่ละทีร้ายแรงถึงชีวิต
เขาทำแบบนี้ก็เพื่อจะได้รักษาชีวิตของลูกชายของเขาคนนี้เอาไว้ แต่เจ้าลูกคนนี้…
“ไม่ต้องหรอก”
เย่จื่อเฉินส่ายหน้ายิ้ม ชี้ไปยังนิ้วมือของไป๋หยางแล้วพูดขึ้น
“ผมแนะนำว่ารีบให้คนพาเขาไปโรงพยาบาลให้หมอต่อกระดูกซะ ส่วนคุณ ผมอยากขอคุยด้วยหน่อย”
“คุณชายเย่…”
ไป๋ต้าไห่เองก็ไม่รู้ว่าประโยคนี้มันหมายความว่าอะไร แต่ในตอนนั้นเย่จื่อเฉินได้เดินกลับเข้าไปในร้านแล้ว
เขาหรี่ตาลง แลบลิ้นเลียริมฝีปาก หลังจากที่บอกให้คนพาไป๋หยางไปโรงพยาบาลแล้ว เขาก็เดินเข้ามาในร้านเพียงลำพัง
“ในร้านไม่มีเก้าอี้แล้ว คุณยืนเอาก็แล้วกัน”
เย่จื่อเฉินที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์คิดเงินเอ่ยปากพูดขึ้น ชายอ้วนที่เข้ามาได้มองดูซ้ายขวาก่อนหนึ่งรอบ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเย่จื่อเฉิน ก็พยักตอบรับรัวๆ
“ไม่เป็นไรครับ ความจริงเอวผมก็ไม่ดีอยู่แล้ว ยืนดีกว่า”
“ฮะฮะ”
เย่จื่อเฉินหัวเราะไม่พูดอะไร มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ แล้วพูดขึ้น
“รู้หรือเปล่าว่าผมให้คุณเข้ามาในนี้ทำไม?”
“ไม่รู้ครับ”
ไป๋ต้าไห่ส่ายหน้ายิ้มแห้ง
“ความจริงแล้วผมก็สงสัยมาตลอด ว่าทำไมประธานไป๋ถึงยกร้านจิวเวลรี่ที่คุณตรากตรำสร้างมันมาตั้งครึ่งค่อนชีวิตให้กับผมโดยไม่ลังเล?”
เย่จื่อเฉินหรี่ตาลง แล้วจุดบุหรี่ให้ตัวเอง ก่อนจะพูด
“ต่อให้ผมจะหาแร่หินมาได้ค่อนข้างเยอะ จนคุณไม่มีหยกในโกดัง ซึ่งมันทำให้ชื่อเสียงร้านจิวเวลรี่ของคุณลดลง และสูญเสียกำไรไป แต่…ดูเหมือนว่าคุณก็ยังพอจะประคองมันต่อไปได้นะครับ”
ชายอ้วนที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง ดวงตาเท่าเมล็ดถั่วเขียวกลอกกลิ้งไปมาไม่หยุด
“ที่คุณชายเย่พูดมามันก็ใช่ครับ แต่ว่าอายุผมก็มากแล้ว ไม่มีแรงเยอะเหมือนกับคนวัยหนุ่มสาว ถ้าได้ทำงานกับคุณชายแย่ ถึงแม้ว่าร้านจิวเวลรี่จะไม่ใช่ของผม แต่ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นคนที่สองของร้าน ส่วนแบ่งผลกำไรมันก็ยังมากกว่าก่อนที่ทำคนเดียว นักธุรกิจก็ทำเพื่อหาเงินกันทั้งนั้น…”
ปัง!
ชายอ้วนยังพูดไม่จบ เย่จื่อเฉินก็ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
เสียงตบโต๊ะทำเอาชายอ้วนที่อยู่ตรงข้ามตกใจจนตัวสั่นเทา
“ไป๋ต้าไห่ จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่อยากบอกความจริงกับผมสินะ ถูกไหม?”
เหงื่อบนหน้าของชายอ้วนยิ่งออกมาเยอะมากขึ้น จนเขาไม่สนใจที่จะเช็ดเหงื่อบนหน้า แล้วปล่อยให้มันหยดลงพื้น
เส้นประสาททั้งตัวตึงเครียด หัวใจเต้นระรัว
“ไม่ต้องตื่นเต้นครับ”
ทันทีที่พูดจบ เย่จื่อเฉินก็ลุกขึ้นหยิบกระดาษทิชชูออกมาสองสามแผ่นยื่นให้เขา
“รีบเช็ดเถอะ ดูสิคุณเหงื่อแตกขนาดนี้ คุณควรลดน้ำหนักได้แล้วนะ”
“คุณชายเย่พูดถูกเลยครับ”
ตอนที่ชายอ้วนพูดนั้นเห็นได้ชัดว่าหายใจติดขัด หลังจากที่เขาหลบตาก่อนจะเช็ดเหงื่อออกไป จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา
“คุณชายเย่ ผมขอโทษคุณชายเย่แทนลูกชายผมด้วยนะครับ ที่เขามาหาเรื่องคุณชายเย่”
ในขณะที่พูด ชายอ้วนก็ได้โค้งตัวให้กับเย่จื่อเฉินด้วยความเกร็ง
“วัยรุ่นก็แบบนี้แหละ ชอบวู่วาม”
เย่จื่อเฉินยิ้มราวกับเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี ชายอ้วนที่อยู่ทางด้านข้างก็พยักหน้ายิ้มรับ
“แต่ว่า…”
อึก
“คุณชายเย่ อยากจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะครับ”
หัวใจของชายอ้วนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว เขาไม่รู้เลยว่าเย่จื่อเฉินอยากจะพูดอะไรกับเขากันแน่
ถ้าปล่อยให้เย่จื่อเฉินปั่นหัวแบบนี้ต่อไป เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะกลายเป็นบ้าไปหรือเปล่า
“ในเมื่อคุณพูดมาขนาดนี้แล้ว งั้นผมก็จะตอบให้”
เย่จื่อเฉินหุบยิ้มขี้เล่นลงทันที เขาเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน แล้วหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากใต้โต๊ะก่อนจะโยนใส่ตัวไป๋ต้าไห่
“ดูเอาเอง”
ไป๋ต้าไห่รับเอกสารเอาไว้ด้วยความสงสัย แต่พอเขาเห็นรูปบนหน้าแรกของเอกสาร…
ตุบ
“คุณชายเย่ ขอความกรุณาด้วยเถอะครับ!”
ไป๋ต้าไห่ทรุดฮวบลงกับพื้น ดวงตาหดเกร็งแล้วเอาแต่ร้องขอความกรุณาอยู่ตรงนั้น
เย่จื่อเฉินหรี่ตาลง เอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้แล้วพูด
“เลิกแสดงได้แล้ว ผมรู้หมดแล้ว”
“คุณชายเย่…”
“ผมรู้ว่าภรรยากับลูกสาวของคุณอยู่ในกำมือของฮ่าวเหวิน แต่ว่า…ผมสามารถไปชิงตัวภรรยากับลูกสาวของคุณกลับมาให้ได้ คุณรู้นะว่าควรจะทำยังไง?”
พรึบ!
ไป๋ต้าไห่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นลุกพรึบขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างละล่ำละลักด้วยดวงตาแดงก่ำ
“คุณชายเย่จะทำยังไง ผมจะร่วมมือกับคุณชายเย่ทุกอย่างครับ”
“ผมจะทำยังไงน่ะเหรอ?” เย่จื่อเฉินเม้มปากยิ้มแล้วพูด “ก่อนอื่นผมว่าคุณบอกแผนการของคุณกับฮ่าวเหวินมาก่อนดีกว่า”