คืนนั้น
เนี่ยเฉี่ยนรู้ว่าสองวันมานี้เนี่ยเทียนลำบากมาเยอะแล้ว จึงกำชับให้เขารีบพักผ่อน และออกจากห้องตามหลังเนี่ยตงไห่ไป
กลางดึกเงียบสงัด เนี่ยเทียนยังไม่สามารถข่มตานอนได้ จำต้องลุกขึ้นมานั่งบนเตียง โคจรคาถาหลอมลมปราณไปเรื่อยๆ ดูดซับเอาพลังวิญญาณฟ้าดินมาฝึกบำเพ็ญตบะ
พลังวิญญาณบางเบาจากภายนอกเข้ามารวมอยู่ในมหาสมุทรวิญญาณจุดตันเถียนของเขาตามการสูดลมหายใจทำสมาธิ
เนี่ยเทียนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากพลังวิญญาณหลายเส้นนั้นถูกดูดเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนแล้ว กลับแตกต่างไปจากเมื่อก่อน
ก่อนหน้านี้เวลาที่เขาฝึกหลอมรวมลมปราณ มักจะพบว่าพลังวิญญาณจำนวนมากไม่ได้ถูกดึงเข้าไปในจุดตันเถียน แต่จะแผ่ซ่านไปทั่วเลือดเนื้อและกระดูกตลอดทั้งร่างของเขา
ครั้งนี้ เลือดเนื้อและอวัยวะตันห้าอวัยวะกลวงหกของเขาคล้ายกับว่าได้ดึงดูดเอาพละกำลังที่มากเพียงพอเข้าไป ไม่ได้รับเอาพลังวิญญาณฟ้าดินจากคาถาหลอมลมปราณแม้แต่น้อย
ขณะที่เขาจดจ่ออยู่ในการบำเพ็ญตบะนั้น เขาเหมือนได้ยินเสียงเลือดเนื้อของตัวเองไชโยโห่ร้องดังลอยมาแว่วๆ
“แปลกจัง…”
ท่ามกลางสติเลอะเลือนของเขานั้น จิตใต้สำนึกของเขาค่อยๆ ย้ายจากมหาสมุทรวิญญาณในจุดตันเถียนมายังเลือดเนื้อของเขาแทน
ราวกับว่ามีจุดแสงเล็กๆ แปลกประหลาดถือกำเนิดขึ้นมาในเลือดของเขา ส่องแสงวิบวับอยู่เงียบๆ
วินาทีนั้นจิตวิญญาณของเขาคล้ายถูกกระชากเข้าไปในเลือดแดงฉาน สติยิ่งเลอะเลือนมากขึ้นทุกที
“ตูม!”
หลังจากเสียงแปลกประหลาดดังสนั่นขึ้น เนี่ยเทียนที่กำลังบำเพ็ญตบะก็ราวกับตกอยู่ท่ามกลางความฝันที่ห่างออกไปไกลโพ้น!
ฟ้าดินลึกลับมีต้นไม้ดึกดำบรรพ์ขึ้นหนาแน่น สูงใหญ่เสียดฟ้า จุดลึกท่ามกลางความว่างเปล่ามีเงาปีศาจขนาดยักษ์ผลุบๆ โผล่ๆ
บนพื้นดินกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด มียักษ์หลายตนรวมตัวกันเป็นกลุ่มแบกขอนไม้มหึมาสีดำสนิทขนาดหลายร้อยเมตร เงยหน้าก้าวขายาวๆ ขับร้องท่วงทำนองเพลงโบราณเปล่าเปลี่ยวพร้อมเพรียงกัน
บนภูเขาที่สูงหลายพันเมตรลูกหนึ่ง มีงูยักษ์เกล็ดสีเงินแวววาวเลื้อยพันเอาไว้ เมื่อมองดูผิวเผิน งูยักษ์ตัวนั้นดูคล้ายเป็นเนื้อเดียวกันกับภูเขา
งูยักษ์ชูคอขึ้นสูดรับเอาพระจันทร์และดวงดาวที่มีอยู่เต็มท้องฟ้า ดวงดาราและดวงจันทราทั้งหมดไหลลงเข้าไปในร่างของงูราวกับน้ำไหล
ขอบฟ้าที่มีเมฆหมอกลอยวนเป็นเกลียว มีตำหนักโอ่อ่าสูงตระหง่านแห่งหนึ่งกำลังเหาะทะยานอยู่ท่ามกลางสายฟ้า
จุดลึกของผืนแผ่นดินกว้างขวางมีเสียงคำรามโกรธแค้นดังลอยมาอย่างน่าหวาดกลัว หลังเสียงคำรามนี้ดังขึ้น ผืนดินก็แยกออก เกิดเป็นร่องน้ำลึกจนมองไม่เห็นก้น
ควันดำอมม่วงพร้อมด้วยวิญญาณผีร้ายจากนรกลอยพวยพุ่งขึ้นมาจากจุดลึกที่อยู่ด้านล่างของร่องน้ำแห่งนี้
เงาร่างของคนมากมายพุ่งทะยานจากขอบฟ้าที่ห่างไกลสู่กลางนภา เงาร่างของคนเหล่านั้นมีปีกสีเทาขนาดใหญ่ ปีกโบกกระพือหนึ่งทีก็แวบผ่านห่างออกไปไกลหลายร้อยลี้
ภาพเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อแต่ละภาพนั้น วาบผ่านขึ้นมาในความฝันของเนี่ยเทียนทีละภาพ
เนี่ยเทียนคล้ายถูกนำไปยังโลกลึกลับดึกดำบรรพ์แห่งหนึ่งในฐานะผู้ชม สอดส่องความมหัศจรรย์ระหว่างฟ้าดินแห่งนี้
“เฮือก เฮือก!”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เนี่ยเทียนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากฝันอย่างกะทันหัน หอบหายใจอย่างรุนแรง
ทั่วทั้งร่างกายของเขาโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ รู้สึกเหนื่อยล้าถึงขีดสุด แม้แต่นิ้วมือก็คล้ายจะขยับเขยื้อนไม่ไหว
“ช่างเป็นฝันที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก! ช่างเป็นฟ้าดินที่มหัศจรรย์เหลือเกิน!”
มองแสงเทียนที่ส่ายสะบัดในห้อง ดวงตาเขาเปล่งประกายวิบวับราวดวงดาว บนใบหน้าเผยสีหน้าตื่นเต้นรอคอยอย่างถึงที่สุด
ค่ำคืนอันยาวนาน เขาไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด คล้ายกำลังจมอยู่ท่ามกลางความฝันก่อนหน้านี้ ไม่อยากที่จะเดินออกมาจากฝันในครั้งนั้น
จนกระทั่งม่านรัตติกาลผ่านไป เสียงไก่ขันดังขึ้น เขาถึงได้รู้สึกง่วงอย่างกะทันหัน แล้วจึงหลับลึกลงไปอีกครั้ง
เช้าตรู่ เนี่ยตงไห่เป็นฝ่ายเชิญผู้อาวุโสของตระกูลเนี่ยมารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ ประกาศต่อหน้าญาติผู้อาวุโสทั้งญาติสายตรงและญาติสายอ้อมถึงเรื่องที่ตนเองพละกำลังไม่ดี ขอเป็นฝ่ายถอนตัวจากการเป็นประมุข
“พี่ใหญ่ ท่านวางใจได้เลย ตระกูลเนี่ยเมื่ออยู่ภายใต้การปกครองของข้า ความรุ่งโรจน์ย่อมคืนกลับมาแน่นอน!” เนี่ยเป่ยชวนเอ่ยปากรับรอง
“ข้าเชื่อว่าเจ้ามีความสามารถดี” เนี่ยตงไห่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกมาจากโถงใหญ่อย่างช้าๆ ท่ามกลางการจับตามองของผู้อาวุโสทุกคนในตระกูลเนี่ย
“ท่านพ่อ…” เนี่ยเฉี่ยนที่รออยู่นอกตำหนักนานแล้ว ทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดชะงักลง
นางมองออกถึงสายตาที่อาลัยอาวรณ์ของเนี่ยตงไห่ในตอนที่เดินออกมาจากห้องโถง
เนี่ยตงไห่ทนกับอาการป่วยทรมานมานานหลายปี และในตอนนี้ก็ไม่มีบารมีอย่างเมื่อครั้งอดีตอีกแล้ว ยามนี้เมื่อลงจากตำแหน่งประมุขของตระกูลจึงดูคล้ายจะแก่ชราลงไปมาก ตลอดทั้งร่างกายอ่อนระโหยโรยแรงลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าไม่ต้องกังวล” เนี่ยตงไห่ฝืนยิ้มออกมา “ใจของข้าเหนื่อยมากแล้ว หลายปีมานี้พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นก็หมดความอดทนกับข้ามานานแล้ว หากข้ายังยึดตำแหน่งนั้นเอาไว้ไม่ยอมปล่อย มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้พวกเจ้ามากกว่าเดิม เป็นเช่นนี้ก็ดี ต่อไปข้าก็จะได้มอบพลังกายพลังใจทั้งหมดให้กับเนี่ยเทียน”
“ข้าหวังเพียงว่าก่อนที่ข้าจะตายไป เนี่ยเทียนจะได้รับความโปรดปรานจากสำนักหลิงอวิ๋น ได้เข้าไปฝึกบำเพ็ญตบะอยู่ในสำนัก”
“นั่นคือความปรารถนาเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตนี้ของข้า”
ในห้องโถงใหญ่ เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้อาวุโสมากมายของตระกูลเนี่ยต่างร่วมอวยพรเนี่ยเป่ยชวน
ได้ยินเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความพึงพอใจของเนี่ยเป่ยชวน รวมไปถึงเสียงประจบสอพลอจากผู้อาวุโสเหล่านั้น เนี่ยเฉี่ยนก็ยิ่งวุ่นวายใจ พึมพำเสียงเบาว่า “ก่อนหน้าที่ท่านพ่อจะได้รับบาดเจ็บ พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นของตระกูล แต่ละคนสีหน้าสีตาประจบท่านพ่อไม่ต่างจากที่ทำกับท่านอารองในตอนนี้ เวลาผ่านไป ตอนนี้ท่านพ่อเดินออกมา กลับไม่มีสักคนเดินเข้ามาพูดจาปลอบใจ”
“ชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้ ข้ามองทะลุปรุโปร่งมานานแล้ว ตอนที่ได้ดี ย่อมมีคนเข้ามาตีสนิท พอสูญเสียอำนาจไป ก็เงียบเหงาโดดเดี่ยว ทุกคนพากันตีจาก” เนี่ยตงไห่ส่ายหัวอย่างผิดหวัง “ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ไปดูเจ้าเสี่ยวเทียนกันเถอะ”
“หวังว่าเนี่ยเทียนจะช่วงชิงเอาหน้าเอาตาคืนมาให้พวกเราได้!” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวอย่างเคียดแค้น
นางรู้ดีว่าตอนนี้เนี่ยตงไห่ได้มอบความคาดหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวเนี่ยเทียน
หากเนี่ยเทียนสามารถแสดงพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาออกมาบนเส้นทางแห่งการฝึกบำเพ็ญตบะ บางทีในใจเนี่ยตงไห่อาจจะมีไฟแห่งความหวังลุกโชติช่วงขึ้นมาใหม่ก็เป็นได้ ต่อให้ตัวเขาเองจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในด้านการบำเพ็ญตบะได้อีกต่อไป ขอแค่มองเห็นเนี่ยเทียนแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน เขาก็พร้อมยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อ
เนี่ยเทียน ตอนนี้ได้กลายมาเป็นเสาค้ำจุนจิตใจทั้งหมดของเขาไปแล้ว
ตอนที่เนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนมาหยุดอยู่ข้างกายเนี่ยเทียน พบว่าเนี่ยเทียนยังคงหลับอยู่ หายใจเสียงดังราวฟ้าร้อง
“หลายวันมานี้เขาลำบากมามาก เด็กคนนี้… ไม่ง่ายเลยทีเดียว พวกเรารอเขาตื่นก็แล้วกัน” เนี่ยตงไห่มองเนี่ยเทียนด้วยสายตาเอ็นดู กล่าวเสียงเบา
“อืม” เนี่ยเฉี่ยนรับคำอย่างสงสาร
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง หมอหัวมู่ที่จากไปเมื่อวานก็มาเยือนตามนัดอีกครั้ง
“ท่านมู่ ถังไม้และน้ำร้อนเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านมู่แสดงฝีมือความชำนาญ ช่วยถอนรากถอนโคนโรคร้ายของเด็กคนนี้ต่อเถิด” เนี่ยตงไห่กล่าวอย่างนอบน้อม
“แน่นอนอยู่แล้ว” หัวมู่พยักหน้าเล็กน้อย “พวกท่านออกไปก่อนเถอะ ไม่ต้องปลุกเขา”
เนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนเดินออกไปตามคำสั่ง รออยู่นอกห้องอย่างเงียบๆ เฉกเช่นเมื่อวาน
หลังจากที่พวกเขาออกไป หัวมู่ก็ทำเช่นเดียวกับเมื่อวาน หยิบขวดยามากมายในกล่องยาเล็กๆ ของเขาออกมาเทใส่น้ำร้อนในถังไม้
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็อุ้มเนี่ยเทียนที่หลับลึกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ วางเขาลงไปในถังไม้อย่างนุ่มนวล
หลังจากวางเนี่ยเทียนแช่ลงไปแล้ว น้ำร้อนในถังไม้ก็ไต่ไปถึงจุดเดือด ปะทุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง
เนี่ยเทียนที่ถูกต้มอยู่ในน้ำ ตัวแดงไปทั้งร่างราวกับกุ้งตัวใหญ่ ทั้งยังร้องโหยหวนออกมาอย่างอดไม่ไหว
ที่ต่างออกไปคือวันนี้เขาไม่มีไข้สูง ทว่าพอเข้ามาอยู่ในถังไม้กลับสลบไสลไม่ได้สติ
หัวมู่ปล่อยม่านแสงอ่อนจางออกมาขวางกั้นเสียงเอาไว้ ดวงตาประหลาดเปล่งประกายมันขลับยังคงจ้องมองเนี่ยเทียนอย่างสงบ
เมื่อน้ำยาขุ่นในถังไม้เปลี่ยนมาเป็นใสสะอาด หัวมู่ก็กลับคืนสู่สภาพปกติอีกครั้ง ม่านแสงในห้องหายไปอย่างรวดเร็ว เนี่ยเทียนถึงได้ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
“ขอบคุณท่านมู่มาก” เนี่ยเทียนเบิกตากว้าง สัมผัสถึงพลังที่มีเต็มร่างของเขาได้ทันที ไร้ซึ่งความรู้สึกเหนื่อยล้าใดๆ
หัวมู่พยักหน้า “พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่” พูดจบ เขาก็คว้ากล่องยา ไม่สนใจฟังคำขอบคุณอย่างจริงใจของเนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยน เดินดิ่งออกไปจากบ้านตระกูลเนี่ย
หลายวันต่อมา ทุกคืนขณะที่เนี่ยเทียนฝึกบำเพ็ญตบะอยู่นั้น เขาจะต้องตกอยู่ในความฝันแปลกประหลาดเช่นเคยทุกครั้ง เมื่ออยู่ในฟ้าดินลึกลับที่เขาไม่รู้จัก เขาได้สอดส่องปรากฏการณ์มหัศจรรย์มากมายที่เกิดขึ้นข้างในความฝันนั้น
และทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจากความฝัน เขาก็จะต้องเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงราวกับคนใกล้ตาย จะได้นอนหลับอีกครั้งก็ต่อเมื่อฟ้าสว่างแล้ว
ส่วนหัวมู่ก็มาตรงเวลาทุกคืน ใช้ยาน้ำมหัศจรรย์รักษาเนี่ยเทียน ทำให้เนี่ยเทียนเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น
วันสุดท้าย
เนี่ยเทียนตัวแดงไปทั้งร่าง กระโดดออกมาจากถังไม้ที่มีน้ำใสสะอาด กล่าวขอบคุณหัวมู่ด้วยความเคารพนบนอบ
หัวมู่สีหน้าเรียบเฉย เอ่ยถามราวกับไม่ใส่ใจ “ช่วงที่ผ่านมานี้ เจ้าฝันทุกวันเลยใช่หรือไม่?”
“ท่านรู้ได้อย่างไร?” เนี่ยเทียนถามอย่างแปลกใจ
“ข้ารู้สาเหตุที่อยู่ๆ เจ้าก็ป่วยเป็นโรคประหลาด” หัวมู่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็จงใจกดเสียงต่ำ “อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร รวมถึงท่านตาและป้าใหญ่ของเจ้าด้วย”
“ทำไมเล่า?” เนี่ยเทียนไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องถามหาเหตุผลใดๆ ขอแค่เจ้ารับปากข้า ข้าจะให้ยากับเจ้าหนึ่งเม็ด ยาเม็ดนั้นสามารถรับประกันว่าท่านตาของเจ้าจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกสิบปี” หัวมู่กล่าวจริงจัง
“ได้ ข้ารับปาก!” เนี่ยเทียนรับปากอย่างตกตะลึงพร้อมทั้งความดีใจ
ไม่จำเป็นต้องให้ใครบอก จากสภาพของเนี่ยตงไห่ เขาก็ดูออกแล้วว่าเนี่ยตงไห่คงอยู่ได้อีกไม่นาน
ร่างกายที่ย่ำแย่ลงทุกวันของเนี่ยตงไห่เป็นเหมือนปมร้ายในใจเขามาตลอดเวลา เขาแอบสาบานกับตัวเองนานแล้วว่า รอให้ตัวเองแข็งแกร่งเมื่อไหร่ เรื่องแรกที่จะทำก็คือช่วยตามหายาดีมารักษาเนี่ยตงไห่
“ยาเม็ดนั้นไม่สามารถช่วยให้อาการบาดเจ็บหนักของท่านตาเจ้าหายกลับมาเป็นปกติได้ แค่ช่วยต่อชีวิตเท่านั้น เรื่องนี้เจ้าต้องเข้าใจ” หัวมู่อธิบาย
“ข้าเข้าใจแล้ว” เนี่ยเทียนสูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง กำหมัดแน่น เขาพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “สิบปี! ภายในระยะเวลาสิบปี ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้!”
“เจ้ามีปณิธานเช่นนี้ก็ดียิ่งนัก” หัวมู่ยื่นมือออกมาตบเบาๆ ลงบนไหล่ของเขา กล่าวด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้งว่า “พวกเรายังจะต้องได้เจอกันอีก”