ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล แทบไม่มีที่ใดที่มีปราณวิญญาณฟ้าดินให้ผู้ฝึกลมปราณฝึกบำเพ็ญตบะได้สำเร็จ
ส่วนสัตว์ประหลาด หากสูดรับปราณวิญญาณเข้าไป ก็สามารถกลายมาเป็นสัตว์วิเศษที่มีพัฒนาการที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ได้
ไม่ต่างไปจากผู้ฝึกลมปราณ เมื่อสัตว์วิเศษใช้พลังวิญญาณทำให้ร่างกายของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นก็จะมีระดับที่แตกต่างกันออกไป
สัตว์วิเศษเองก็มีสิบระดับ คล้ายกับสิบขอบเขตของผู้ฝึกลมปราณ สัตว์วิเศษระดับหนึ่ง ความสามารถของมันก็เท่ากับขอบเขตหลอมลมปราณ
ระดับหนึ่งเป็นเพียงสัตว์วิเศษระดับต่ำสุด เลือดเนื้อและกระดูกของพวกมันมักจะแข็งแกร่ง ทว่ากลับไม่สามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาด้วยวิธีการที่ซับซ้อนได้
แต่ต่อให้พวกมันจะเป็นเพียงสัตว์วิเศษที่มีร่างกายใหญ่โต สำหรับนักพรตหลอมลมปราณบางส่วนที่เพิ่งเริ่มฝึกบำเพ็ญตบะแล้วก็ถือว่าเป็นภัยคุกคามอย่างสูง
“โฮก!”
สัตว์วิเศษแต่ละตัวร้องคำราม ห้อตะบึงออกมาจากเขตเกาะน้ำแข็งแห่งนั้น ทุกตัวล้วนพุ่งเข้าใส่เนี่ยเทียนอย่างรวดเร็ว
เนี่ยเทียนที่นำขบวนอยู่หน้าสุด เพิ่งเคยได้เจอกับสัตว์วิเศษเป็นครั้งแรกก็ตื่นตะลึงไปเช่นกัน
แต่แค่พริบตาเดียวเขาก็สงบลงมาได้
“หนึ่ง สอง สาม… สิบเอ็ด สัตว์วิเศษสิบเอ็ดตัว!” หลังจากเห็นจำนวนของสัตว์วิเศษอย่างชัดเจนแล้ว แรดเกราะน้ำแข็งตัวที่อยู่หน้าสุดก็ห้อทะยานเข้ามาใกล้อย่างบ้าคลั่ง
แรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นลำตัวยาวเกือบสามเมตร ตลอดทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกราะน้ำแข็งสีขาวเงิน ขณะที่มันวิ่งตะบึงเข้ามานั้น ปากและจมูกก็พ่นควันเย็นเฉียบออกมาด้วย
บนสันจมูกของแรดเกราะน้ำแข็ง นอยาวราวหนึ่งเมตรคมกริบราวกระบี่ เปล่งประกายแสงสีใส แหลมคมยิ่งนัก
ภายใต้การพุ่งโจมตีอย่างรวดเร็วของแรดเกราะน้ำแข็งเหล่านั้น มองเห็นนอของมันเล็งมาที่หน้าอกของตัวเอง เนี่ยเทียนก็ราวกับถูกไอเย็นของเกาะน้ำแข็งรุกรานเข้าไปในร่างกาย หัวใจเย็นเฉียบ
เขามีความรู้สึกว่าต่อให้เขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงใด หากถูกนอแหลมแท่งนั้นแทงเข้ามาที่หน้าอกก็ต้องบาดเจ็บสาหัสในพริบตาได้เช่นกัน
ด้านหลังของแรดเกราะน้ำแข็ง สัตว์วิเศษมากมายร้องคำราม ในดวงตาเต็มไปด้วยไอเย็นเยียบแห่งความเคียดแค้น ต่างก็ห้อตะบึงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
“หึ!” เขาหัวเราะเสียงต่ำ ขณะที่แรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นพุ่งเข้าใส่มาอย่างรวดเร็ว เขาก็รีบถอยร่นอย่างว่องไว
สัตว์วิเศษสิบเอ็ดตัว แต่ละตัวราวกับเป็นบ้า เขาไม่คิดว่าด้วยกำลังของเขาคนเดียวจะสามารถฆ่าสัตว์วิเศษทั้งหมดนั้นได้
แน่นอนว่าเขาย่อมแบ่งปันความกดดันนี้ให้กับผู้ประลองของหอหลิงเป่าเหล่านั้นด้วย ให้ทุกคนแบกรับไฟโทสะของสัตว์วิเศษไปพร้อมกับเขา
“สัตว์วิเศษสิบเอ็ดตัว!”
“เพิ่งจะเข้ามาในเกาะน้ำแข็งก็มีสัตว์วิเศษโผล่มาถึงสิบเอ็ดตัวแล้ว ดูท่าจำนวนของสัตว์วิเศษในโลกมายามรกตจะมากกว่าที่พวกเราคิดไว้เสียอีก!”
“ทุกคนระวังตัวให้ดี! เตรียมพร้อมเข้าจู่โจม!”
ด้านหลังเนี่ยเทียน ผู้ประลองของหอหลิงเป่าเหล่านั้นต่างก็ถูกสัตว์วิเศษที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันกระตุ้นปณิธานในการสู้รบ ต่างก็ร้องตะโกนเสียงดัง
อันอิ่ง เจิ้งรุ่ยและพันเทายืนอยู่หน้าคนเหล่านั้น อยู่ด้านหลังเนี่ยเทียน
ขณะที่นางมองเห็นว่าอยู่ๆ สัตว์วิเศษสิบเอ็ดตัวนั้นก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มของพวกเขา เห็นได้ชัดว่านางมีสติเป็นอันมาก นางทำเพียงแค่เอื้อมมือไปหยิบดาบยาวทรงพระจันทร์เสี้ยวเล่มหนึ่งออกมาจากด้านหลัง
เมื่อคว้าดาบยาวเล่มนั้นไว้ได้ ปลายดาบก็พลันพ่นเปลวเพลิงออกมา
นางสะบัดดาบยาวอยู่กลางอากาศ วาดเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมอันสวยงาม ตะโกนก้องว่า “ตั้งขบวน!”
ก่อนที่จะเข้ามา ผู้ประลองเหล่านั้นเคยผ่านการฝึกฝนจากนางมาก่อนแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงกระจายตัวออกจากสภาพไร้ระเบียบที่วุ่นวายในทันที
เพียงแค่ไม่กี่วินาที ขบวนรบรูป “เหล็กหมาด” ก็เริ่มปรากฏขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง
และอันอิ่งก็อยู่ตรงช่วงปลายของ “เหล็กหมาด” นั่น เป็นจุดที่แหลมคมที่สุดของขบวนรบ
“สัตว์วิเศษถูกข้าล่อออกมา ที่เหลือก็ต้องมอบให้พวกเจ้าแล้ว” เวลานี้ เนี่ยเทียนร้องตะโกนเสียงประหลาดพลางวิ่งกลับเข้ามารวมกลุ่มด้วยความรวดเร็ว “หึ ข้ามาโลกมายามรกตก็แค่เปิดหูเปิดตาเพียงเท่านั้น ไม่ได้อยากมาตายเสียหน่อย ข้าก็แค่หลอมลมปราณขั้นหก ความสามารถห่างชั้นกับพวกเจ้านัก แน่นอนว่าเจ้าสัตว์พวกนั้นต้องให้พวกเจ้าเป็นคนจัดการ”
พูดจบเขาก็วิ่งผ่านกายของอันอิ่งมาอยู่ตรงจุดที่ปลอดภัยมากที่สุดกลางกลุ่ม
แรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นที่วิ่งตะบึงเข้ามาจ้องเขาตาเขม็งตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าอยู่ๆ เขาก็เข้าไปอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นจึงเปลี่ยนเป้าหมายทันที มองอันอิ่งที่อยู่หน้าสุดของขบวนเป็นเป้าหมายในการโจมตีครั้งใหม่
แรดเกราะน้ำแข็งมาถึงแล้ว อันอิ่งไม่มีเวลาสนใจเขา ได้แต่ด่าเสียงดังหนึ่งประโยค “เจ้าคนไร้ประโยชน์” จากนั้นก็ต้องลงสนามต่อสู้ทันที
ตอนที่สัตว์วิเศษแต่ละตัวปรากฏกายขึ้นแล้วพุ่งดิ่งเข้าหาเนี่ยเทียน สายตาของนางก็ไม่ละไปจากร่างของเนี่ยเทียน
นางจำคำกำชับของอันซืออี๋ได้เป็นอย่างดี จึงคิดจะหาจุดมหัศจรรย์จากร่างของเนี่ยเทียน เพื่อจะได้นำไปบอกพี่สาวของนางหลังจากออกไปจากโลกมายามรกตแล้ว
ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อชีวิตต้องเผชิญกับการคุกคามที่อันตราย ย่อมไม่มีทางปิดบังไพ่ตายของตัวเองเอาไว้
และนางก็เชื่อว่าหากเนี่ยเทียนเปิดศึกกับแรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นอย่างสุดความสามารถ ภายใต้สายตาจับจ้องอย่างตั้งใจของนาง เนี่ยเทียนจะต้องเผยความลับมากมายที่มีอยู่บนตัวออกมาอย่างแน่นอน
ทว่านางคิดไม่ถึงเลยว่า เนี่ยเทียนที่กำลังเผชิญหน้ากับอันตรายนั้นดันหันหัววิ่งกลับมา
เนี่ยเทียนไม่คิดจะต่อสู้จนตัวตายกับแรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นเลยสักนิด แต่เอาความกดดันจากการโจมตีของแรดเกราะน้ำแข็งมาโยนให้นางแทน
แม้ว่าการตัดสินใจของเนี่ยเทียนจะถือเป็นวิธีการที่ฉลาดที่สุด แต่ก่อนที่จะได้เข้ามานางก็แอบเกลียดเนี่ยเทียนที่แย่งตำแหน่งเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ไปจากน้องชายของนาง นางจึงมองการกระทำของเนี่ยเทียนเป็นการกระทำของคนขี้ขลาดตาขาว
“เจ้าหนูโสโครกขี้ขลาด!” นางก่นด่าอีกหนึ่งประโยค คล้ายต้องการระบายความไม่พอใจต่อเนี่ยเทียนออกมา ดาบยาวที่นางกำไว้ในมือแน่น ปลายดาบพลันมีแสงดาบสีแดงเพลิงยาวเกือบหนึ่งเมตรลอยพุ่งออกมา
“พระจันทร์เสี้ยวฟาดฟัน!”
แสงดาบยาวหนึ่งเมตรตวัดเป็นลำแสงโค้งงอรูปพระจันทร์เสี้ยวงดงาม ตวัดฉับลงไปยังแรดเกราะน้ำแข็งที่ห้อตะบึงเข้ามาใกล้
“เปรียะ เปรียะ!”
แรดเกราะน้ำแข็งลำตัวยาวสามเมตร เมื่อถูกแสงดาบนั้นตวัดฟันลงไป ร่างก็ถูกผ่าขาดในครั้งเดียว!
เลือดสดพุ่งทะลักออกมาจากร่างของแรดเกราะน้ำแข็งที่ฉีกขาดตัวนั้น
แรงพุ่งตะบึงของแรดเกราะน้ำแข็งที่บ้าคลั่งตัวนั้นไม่สามารถหยุดชะงักได้ ภายใต้แรงเฉื่อย ลำตัวของแรดเกราะน้ำแข็งจึงถูกผ่ากลางออกเป็นสองท่อน!
เมื่อนอแหลมของแรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นห่างจากนางไปไม่ถึงครึ่งเมตร ร่างของแรดเกราะน้ำแข็งที่ขาดสองท่อนก็ร่วงตกลงพื้นไปทั้งสองฝั่ง
กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงลอยออกมาจากร่างของแรดเกราะน้ำแข็งที่ขาดสองท่อนทันที อบอวลไปทั่วสนามรบ
“ช่างเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญนัก!” เนี่ยเทียนที่อยู่ตรงกลางขบวนจับตามองอันอิ่งอยู่ตลอดเวลา หลังจากมองเห็นว่านางแค่ตวัดดาบลงไปครั้งเดียวก็สามารถผ่าแรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นออกเป็นสองท่อน สีหน้าจึงหวาดหวั่นพรั่นพรึงอยู่ไม่น้อย
แรดเกราะน้ำแข็งตัวนี้ แม้จะเป็นเพียงระดับหนึ่ง แต่เขาได้ยินมานานแล้วว่าแรดเกราะน้ำแข็งหนังหนาเนื้อกระด้าง เกราะน้ำแข็งสีใสชั้นหนึ่งที่ปกคลุมไปทั่วร่างของมันนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งทนทานราวเหล็กชั้นดี
อันอิ่งที่อยู่เพียงขั้นหลอมลมปราณเก้า ใช้พลังของดาบตวัดลงไปครั้งเดียวก็สามารถสังหารแรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นได้อย่างราบรื่นง่ายดายถึงเพียงนี้ ทำให้เขารู้สึกตื่นตกใจอย่างบอกไม่ถูก
“พลังอานุภาพเช่นนี้ ไม่มีทางใช้แค่พลังวิญญาณเด็ดขาด แต่ต้องมี…” เนี่ยเทียนคิ้วขมวด มองดาบยาวเล่มนั้นที่อยู่ในมือของนาง “นั่นคืออาวุธวิเศษ ดาบเล่มนั้นอย่างน้อยต้องเป็นอาวุธวิเศษขั้นกลาง อีกทั้งยังสอดคล้องกับธาตุในการฝึกบำเพ็ญตบะของนางด้วย และถูกนางเอามาใช้หลายปีแล้ว”
“มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นถึงจะสามารถแสดงพลังของดาบเล่มนั้นออกมาได้อย่างเต็มที่ และปลดปล่อยพลังวิญญาณของตัวเองออกมาได้หลายเท่า!”
เข้าใจในจุดนี้แล้ว สายตาของเนี่ยเทียนที่มองไปยังอันอิ่งจึงยิ่งมีความจริงจังและหนักแน่นมากขึ้น
“ระวัง! สัตว์วิเศษพวกนั้นกระจายตัวกันผ่านข้าไปแล้ว พวกมันกำลังตรงไปยังปีกทั้งสองฝั่งของพวกเจ้า!” และเวลานี้เอง อันอิ่งที่ใช้ดาบสังหารแรดเกราะน้ำแข็งได้ในครั้งเดียวอยู่ๆ ก็ร้องเตือนขึ้นมาเสียงดัง
ตอนนี้เนี่ยเทียนเองก็สังเกตเห็นเหมือนกันว่าหลังจากที่แรดเกราะน้ำแข็งตัวนั้นถูกอันอิ่งสังหารตาย พวกสัตว์วิเศษที่พุ่งเข้ามาตามหลังแรดเกราะน้ำแข็งก็คล้ายจะเกิดความหวาดกลัวต่อตัวนาง
สัตว์วิเศษตัวที่เหลือไม่ได้พุ่งเข้าหาอันอิ่งอย่างไม่รู้จักกลัวตาย แต่เริ่มกระจายกันออกไปโอบล้อมสองข้างฝั่งขบวนรูป “เหล็กหมาด” เอาไว้ ลงมือกับผู้ประลองคนอื่น
“สัตว์วิเศษก็ไม่โง่เหมือนกันนี่นา” เนี่ยเทียนพึมพำเสียงเบา
เขาไม่ได้คิดจะร่วมต่อสู้กับทุกคนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ประเมินลูกหลานของคนตระกูลต่างๆ ที่มือเท้ายุ่งวุ่นวายพลางมองสัตว์วิเศษเหล่านั้นไปด้วย แอบประมาณการณ์ถึงความสามารถของทั้งสองฝ่าย
ในสายตาของเขาก็มีอันอิ่งอยู่ด้วย การต่อสู้ครั้งนี้หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายก็น่าจะคว้าชัยชนะมาได้ง่ายๆ
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาสู้ตายด้วยสักนิดเดียว
อันอิ่งที่มือถือดาบเล่มยาว เห็นได้ชัดว่าฝีมือของนางแข็งแกร่งกว่าสัตว์วิเศษเหล่านั้น การมีนางอยู่ด้วยพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การรบได้แล้ว
“ฆ่ามัน!”
“เจ้าสัตว์วิเศษต่ำช้า กล้าพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเรา รนหายที่ตายแท้ๆ!”
“จัดการพวกมันให้หมด!”
ด้านข้าง ผู้ประลองเหล่านั้นของแต่ละตระกูลร้องตะโกนเสียงดัง ต่างก็หยิบเอาอาวุธวิเศษสีสันสดใสแวววาวหลายชนิดออกมา คาถาวิเศษแปลกประหลาดมากมายล้วนปรากฏขึ้นมาบนมือของพวกเขา
เด็กหนุ่มที่ถือลูกโลหะกลมสีเข้มลูกหนึ่ง ธาตุในการฝึกฝนเหมือนกับเนี่ยหง แต่ทว่าขอบเขตกลับสูงถึงหลอมลมปราณขั้นแปด
สายฟ้าสีเขียวหลายเส้นบินพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องตามเสียงฟ้าคำรามจากโลหะลูกกลมของเขา ฟาดฟันใส่แมงมุมสีขาวเงินที่พุ่งเข้ามาโจมตี
เด็กหญิงใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตาผู้หนึ่ง กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตื่นกลัว ทว่าลมกรดแหลมคมกลับบินออกมาจากกระบี่เล่มสั้นที่นางถืออยู่
วานรหิมะตัวหนึ่งที่มองนางเป็นเป้าหมาย เมื่อถูกลมกรดกรีดฟันหลายครั้ง เนื้อที่ติดหนังเป็นแผ่นๆ ก็หลุดลอกออกมาจากร่างของมัน
“รากฐานความชำนาญของตระกูลคนเหล่านั้น อยู่เหนือล้ำเกินกว่าตระกูลเนี่ยจะเทียบติดจริงดังคาด เข้าร่วมการประลองในโลกมายามรกต พกเอาอาวุธวิเศษที่เห็นได้ชัดว่าเป็นขั้นกลางมาด้วย อาวุธวิเศษไม่ธรรมดา สอดคล้องกับธาตุของตัวเอง แต่ละคนล้วนรับมือได้ไม่ง่าย การต่อสู้ครั้งนี้… ดูท่าว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ เสียแล้ว” เนี่ยเทียนเฝ้ามองด้วยความระมัดระวัง พึมพำเสียงเบาอยู่ในใจ
เขาสังเกตเห็นว่าเจิ้งรุ่ยและพันเทาที่มาจากหอหลิงเป่าเช่นเดียวกับอันอิ่ง ดูเหมือนว่าต่างก็ไม่ได้ต่อสู้อย่างสุดความสามารถ แต่สีหน้าแสดงออกถึงความชำนาญอย่างเห็นได้ชัด
“ดูท่าแล้ว ก่อนหน้าที่จะเจอกับงูเหลือมระดับสองตัวนั้น ตามพวกเขาคงจะปลอดภัยไปตลอดทาง”
หลังจากมองดูสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้ว เนี่ยเทียนก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น เขาหลบอยู่ในขบวนทัพรูป “เหล็กหมาด” ไม่พูดอะไรสักคำ จงใจทำให้ผู้ประลองเหล่านั้นหลงลืมการมีตัวตนอยู่ของเขา
ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่เมินเขา…
“เนี่ยเทียน! การต่อสู้ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับทุกคน เจ้าอย่าฝันว่าจะเอาตัวออกห่างได้!”
เจิ้งรุ่ยที่อยู่ข้างกายอันอิ่ง พลันหันตัวขวับกลับมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา ถีบเขาหนึ่งที บีบให้เขาต้องหลุดออกจากตรงกลางของขบวน ถลาไปเผชิญหน้ากับสัตว์วิเศษของอีกฝั่ง
ก่อนที่จะเข้าหอหลิงเป่า เจิ้งรุ่ยก็ได้รับการบอกเป็นนัยจากอันอิ่งมาก่อนแล้ว ในใจจึงเต็มไปด้วยความรังเกียจเจ้าเนี่ยเทียนที่เป็นคนนอก
ขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้กันอยู่นั้น มองเห็นเนี่ยเทียนที่ยืนเฉยหลบอยู่กลางกลุ่มคน เขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ไม่ยอมให้เนี่ยเทียนยืนสบายๆ ได้
“การต่อสู้ที่ดุเดือดถึงเพียงนี้ เจ้าจะไม่ทำอะไรสักอย่างจริงๆ หรือ? ไปเถอะ!” พันเทาเองก็ยกเท้าเข้ามาสอดด้วยอีกคน
——