ประโยค “ท่านอาจารย์ข้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก” ของลี่ฝาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือการประกาศโทษตายให้กับเนี่ยเป่ยชวน ไม่ว่าเขาจะยินดีหรือไม่ อย่างไรเขาก็ต้องมอบตำแหน่งประมุขตระกูลให้กับผู้อื่น
เมื่อลี่ฝานบอกให้ผู้อาวุโสของตระกูลเนี่ยเหล่านั้นเลือกประมุขตระกูลคนใหม่แล้วมองไปทางเนี่ยตงไห่หนึ่งครั้ง นั่นถือเป็นการบอกเป็นนัยอย่างชัดเจนมากแล้ว
เนี่ยเฟยอวิ๋นที่สนับสนุนเนี่ยเป่ยชวนเต็มกำลัง ใบหน้าราวกับขี้เถ้ามอด ร่างกายแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไม่กล้าโต้แย้งแม้แต่คำเดียว
ผู้อาวุโสเนี่ยเหย้าที่อายุมากสุดแอบถอนหายใจอยู่กับตัวเองหนึ่งครั้ง กล่าวกับลี่ฝานว่า “พวกเราจะทำตามประสงค์ของท่านเจ้าสำนัก เลือกประมุขตระกูลคนใหม่”
ลี่ฝานสีหน้าเย็นชา โบกมือแล้วกล่าวว่า “ทะเลาะกันหน้าประตูบ้านของตัวเอง มันสมควรแล้วหรือ?” เขาบอกเป็นนัยให้คนตระกูลเนี่ยทุกคนกลับเข้าไปด้านใน
“พวกเราจัดการได้ไม่เหมาะสมเอง” ผู้อาวุโสเนี่ยเหย้ากล่าวแทนเนี่ยเป่ยชวน บอกให้คนตระกูลเนี่ยทุกคนที่อยู่ตรงนี้กลับเข้าไปกันให้หมด
เนี่ยเป่ยชวนที่สติกระเจิดกระเจิงถูกเนี่ยหนันซานน้องสามของเขาลากตัวออกไปจากหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
เวลาแค่ชั่วพริบตาเดียว คนตระกูลเนี่ยที่ยังอยู่หน้าประตูจึงเหลือแค่เพียงเนี่ยเทียน เนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยน
“ท่านพัน ผู้เฒ่าอัน พวกเราเข้าไปคุยข้างในกันดีหรือไม่?” ลี่ฝานกล่าว
พันป่ายและอันหรงแห่งตระกูลอันก็รู้ว่ามาทะเลาะกันต่อหน้าคนมากมายไม่ใช่เรื่องดี คนทั้งสองจึงพยักหน้า เดินเข้าไปในตระกูลเนี่ยตามคำเชื้อเชิญของลี่ฝาน
“ผู้เฒ่าเนี่ย กลับเข้าไปในบ้านก่อนดีหรือไม่? จะจากตระกูลเนี่ยไปอยู่หอหลิงเป่าหรือไม่ หวังว่าท่านจะพิจารณาให้ดี แล้วค่อยตัดสินใจ” ลี่ฝานพูดกับเนี่ยตงไห่อีกครั้ง
“ตกลง” เนี่ยตงไห่เองก็เห็นด้วย
ไม่นานตระกูลเนี่ย ตระกูลอัน พันป่ายและพันเทาจากหอหลิงเป่า ล้วนตามลี่ฝาน เจียงหลิงจูเข้าไปในจวนตระกูลเนี่ย
เหล่าผู้คนที่มุงดูอยู่พอเห็นว่าบุคคลหลักของเรื่องล้วนแยกย้ายกันไปหมดแล้วจึงรู้สึกหมดความสนใจ ค่อยๆ พากันเดินออกไปจากหน้าจวนตระกูลเนี่ย
ทว่าเรื่องราวมหัศจรรย์มากมายที่เกิดขึ้นหน้าจวนตระกูลเนี่ยก่อนหน้านั้นกลับถูกพวกเขาปรุงเสริมเติมแต่งและเล่าต่อๆ กันออกไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดทั้งเมืองเฮยอวิ๋นรู้เรื่องที่หอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋นมาแย่งตัวเนี่ยเทียนเข้าสำนัก
แปบเดียว ชื่อของเนี่ยเทียนก็ดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองเฮยอวิ๋น
เพราะเนี่ยเทียน พันป่ายแห่งหอหลิงเป่าจึงมาเยือนด้วยตัวเอง ยินดีพาตัวเนี่ยตงไห่และเนี่ยเฉี่ยนกลับไปที่หอหลิงเป่าพร้อมกัน
ส่วนสำนักหลิงอวิ๋นก็บีบบังคับให้เนี่ยเป่ยชวนลงจากตำแหน่ง แอบบอกเป็นนัยให้เนี่ยตงไห่เป็นผู้ควบคุมตระกูลเนี่ยอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ไม่ซักไซ้เอาความเรื่องภูเขาเหมืองแร่พังทลาย ยังยอมแหกกฎที่มีมาหลายสิบปีของสำนัก ยอมรับตัวเนี่ยเทียนขึ้นเขาทั้งที่ยังไม่เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นหลอมลมปราณเก้า
หลายสิบปีมานี้ ลูกหลานคนใดก็ตามของสามตระกูลในเมืองเฮยอวิ๋น ตอนที่ถูกรับตัวล้วนไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
แม้แต่มารดาของเนี่ยเทียนที่ทุกคนให้การยอมรับว่ามีพรสวรรค์อันน่าตะลึง และอันซืออี๋แห่งตระกูลอัน ปีนั้นตอนที่ถูกรับเข้าไปอยู่สำนักหลิงอวิ๋นและหอหลิงเป่า ก็ยังไม่อึกทึกครึกโครมถึงเพียงนี้
“เนี่ยเทียน พรสวรรค์ในการบำเพ็ญตบะของเขาโดดเด่นมากเพียงใดกันแน่?”
หลายคนล้วนมีข้อสงสัยเช่นนี้อยู่ในใจ ไม่เข้าใจว่าเนี่ยเทียนที่เดิมทีไม่มีชื่อเสียง เหตุใดอยู่ๆ ถึงได้ฉายประกายโชติช่วงจนทำให้หอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋นล้วนเกือบจะฉีกหน้าตัวเองเพื่อเขาได้
ตระกูลอวิ๋น
อวิ๋นจื้อกั๋วที่เพิ่งจะสะเทือนใจไปกับข่าวร้ายเรื่องการตายของอวิ๋นซง หลังจากได้รับข่าวนี้จึงกลับเข้าห้องไปด้วยสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ในห้อง หยวนชิวอิ๋งเองก็รู้เรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้นหน้าจวนตระกูลเนี่ยผ่านสายของนางเช่นกัน
“ซงเอ๋อตายอยู่ในโลกมายามรกต เจ้าเด็กกากเดนนั่น เหตุใดถึงไม่ตายอยู่ที่นั่นด้วย!” หยวนชิวอิ๋งขว้างทำลายขวดโหลทั้งหมดที่อยู่ในห้องราวกับคนบ้า
เนื่องจากการตายของอวิ๋นซง อวิ๋นจื้อกั๋วที่สีหน้าแห้งเฉาซีดเซียวมองเห็นนางที่กำลังคลุ้มคลั่งก็หน้าชาทันที
“พวกสวะ! ตระกูลอวิ๋นของพวกเจ้ามันมีแต่พวกไร้ค่า!” อยู่ๆ หยวนชิวอิ๋งก็พุ่งเข้าใส่แล้วตบตีลงบนร่างเขาให้อุตลุด ตีไปพลางด่าไปด้วย “อวิ๋นจื้อกั๋ว! หากเจ้าไม่ฆ่าเจ้าเนี่ยเทียนและนางสารเลวเนี่ยเฉี่ยนนั่นให้ตาย ก็อย่าหวังว่าชาตินี้ข้าจะยอมเลิกราง่ายๆ !”
อวิ๋นจื้อกั๋วมองหยวนชิวอิ๋งที่ฟ้อนเล็บใส่เขา หมดสิ้นซึ่งลักษณะอันพึงมีของกุลสตรีราวกับหญิงบ้าคนหนึ่ง ในใจของเขาพลันบังเกิดความเคียดแค้นอย่างรุนแรง
เขาเสียใจที่ปีนั้นยอมให้คนในตระกูลกดดันจนต้องหย่ากับเนี่ยเฉี่ยน แล้วมาแต่งงานกับหญิงปากร้ายข้างหน้าผู้นี้
หากไม่มีหยวนชิวอิ๋ง ตระกูลอวิ๋นและตระกูลเนี่ยคงยังคบค้ากันไปหลายชั่วคนได้ เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องมาทนรับการกดขี่จากผู้หญิงคนนี้ ไม่ต้องฟังนางโหวกเหวกโวยวายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เวลานี้ เขาถึงได้นึกถึงความดีงามของเนี่ยเฉี่ยน เสียใจที่ตัดสินใจพลาดไป
ในใจเขาเข้าใจดี เพราะการให้ความสำคัญของหอหลิงเป่าและสำนักหลิงอวิ๋น เนี่ยเทียนย่อมต้องเลือกเข้าไปอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต่อไปเส้นทางการบำเพ็ญตบะของเขาก็จะรุ่งโรจน์สว่างไสว
เพื่อเนี่ยเทียน พันป่ายมาเยือนด้วยตัวเอง เจียงจือซูเอ่ยปากทำลายกฎที่สำนักหลิงอวิ๋นรักษากันมาหลายสิบปี นี่หมายความว่าบนร่างเนี่ยเทียนต้องมีจุดที่พิเศษบางอย่าง
ตระกูลเนี่ยจะได้ลืมตาอ้าปากเพราะเนี่ยเทียน ต่อไปหากตระกูลอวิ๋นคิดจะทำอะไรกับตระกูลเนี่ยอีก ย่อมนำมาซึ่งการแก้แค้นจากสำนักหลิงอวิ๋นอย่างแน่นอน
“พลาดแล้ว ข้าพลาดไปแล้วจริงๆ…” เขาร้องโหยหวนอยู่ในใจตัวเอง
และเวลานี้
กลุ่มของลี่ฝานและพันป่ายนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลเนี่ย กำลังดื่มชา พูดคุยกันอย่างไม่รีบร้อน
“เนี่ยเทียน สิ่งที่สำนักหลิงอวิ๋นสามารถมอบให้เจ้าได้ หอหลิงเป่าของพวกเราก็มอบให้ได้เหมือนกัน” พันเทายืนอยู่ข้างกายเนี่ยเทียน กดเสียงต่ำพูดเกลี้ยกล่อมเขา “คนอื่นไม่รู้ความพิเศษของเจ้า แต่ข้ากลับรู้แน่ชัด เจ้าไปที่สำนักหลิงอวิ๋น อาจจะไม่ถูกใช้งานอย่างเหมาะสม สู้ไปหอหลิงเป่ากับข้าดีกว่า พวกเราพี่น้องต่อไปจะได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอย่างไรเล่า”
เนี่ยเทียนลูบหัว หัวเราะแห้งๆ กล่าว “คือว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณเจ้ามาก แต่ วันนี้ข้าค่อนข้างสับสนจริงๆ ตอนนี้ยังมึนๆ งงๆ อยู่เลย เจ้าให้เวลาข้าคิดสักหน่อยนะ”
“พันเทา! เจ้ามาพูดจาลับๆ ล่อๆ อะไรอีก?” เจียงหลิงจูรุดเข้ามาใกล้ ถลึงตาใส่เขาอย่างดุดันหนึ่งครั้ง จากนั้นก็กล่าวกับเนี่ยเทียนว่า “เพื่อเจ้าแล้ว ท่านพ่อของข้าถึงขนาดเอ่ยปากเองว่าปัญหาทุกอย่างของตระกูลเนี่ยล้วนสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย อย่างไรเสียตระกูลเนี่ยก็มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสำนักหลิงอวิ๋น เจ้าอย่าได้ถูกพันเทาปลุกปั่นเข้าล่ะ”
เนี่ยเทียนเงียบงัน เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดท่านพ่อของเจ้าถึงได้ยอมแหกกฎเพื่อข้าเล่า?”
เขากับพันเทามีปฏิสัมพันธ์กันในโลกมายามรกตอยู่หลายครั้ง พันเทารู้ความพิเศษบนตัวเขาจริงๆ พันเทาสามารถพูดเกลี้ยกล่อมให้บิดามาที่เมืองเฮยอวิ๋น เนี่ยเทียนยังพอทำความเข้าใจได้
ทว่าเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าเจียงหลิงจู ก็แค่เคยแสดงความสามารถออกไปเพียงครั้งเดียว นั่นก็คือบีบให้อวี๋ถงแห่งสำนักโลหิตถอยร่นไปเท่านั้น
เพียงเหตุนี้ เจียงหลิงจูสามารถเกลี้ยกล่อมให้บิดายอมฝ่ากฎที่สำนักหลิงอวิ๋นรักษากันมาหลายปี ทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก
เขามักมีความรู้สึกว่าที่เจียงจือซูยอมทำลายกฎเพื่อเขา คล้ายจะมีเรื่องอื่นแอบแฝงอยู่
“เหตุใดถึงยอมทำลายกฎ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่การตัดสินใจนี้ออกมาจากปากท่านพ่อของข้าจริงๆ” อันที่จริงแล้วเจียงหลิงจูเองก็สงสัยเหมือนกัน “เจ้าอย่าสนอะไรให้มากนักเลย เอาเป็นว่าในเมื่อท่านพ่อข้าเอ่ยปากแล้ว นั่นก็แสดงว่าย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน”
เนี่ยเทียนหัวเราะแห้งๆ กลับไปเช่นกัน กล่าว “ข้าขอพิจารณาดูก่อน ข้าต้องฟังความเห็นของท่านป้าใหญ่และท่านตาของข้า”
พวกเขาที่เป็นเด็กรุ่นเล็กสามคน แม้ว่าจะอยู่ในห้องโถงใหญ่ตระกูลเนี่ยเหมือนกัน ทว่ายังอยู่ห่างจากพันป่ายและลี่ฝานระยะหนึ่ง อีกทั้งไม่ได้นั่ง ทำได้แค่เพียงยืนคุยกัน
ในตำแหน่งประธานของห้องโถง ลี่ฝานและพันป่ายพูดคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อย ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการพูดคุยเรื่องของเขา
พวกเขาแค่คุยกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงในโลกมายามรกต พูดถึงสำนักโลหิตและสำนักภูตผี ทั้งเรื่องการตัดสินใจของสี่สำนักที่คิดจะแก้แค้นเอาคืนสำนักโลหิตและสำนักภูตผี
เนี่ยตงไห่และอันหรงกลับไม่ได้พูดอะไร เอาแต่นั่งฟังอย่างเดียว
ผ่านไปครู่ใหญ่ พวกเขารู้สึกว่าคุยกันได้พอประมาณแล้ว พวกเนี่ยเทียนเองก็ฟังมานานจนเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ลี่ฝานและพันป่ายก็มองมายังเขาหนึ่งครั้ง แล้วลี่ฝานจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น “เรื่องของเนี่ยเทียน ให้พวกเขาเป็นคนตัดสินใจเองกันดีหรือไม่?”
พันป่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ดีที่สุด”
จนกระทั่งถึงเวลานี้ ลี่ฝานถึงเพิ่งจะหันมาพูดกับเนี่ยตงไห่ “ท่านผู้เฒ่า ก่อนหน้านี้… เนื่องด้วยเรื่องของศิษย์น้องหญิงเล็ก ผู้อาวุโสบางส่วนในสำนักจึงไม่พอใจตระกูลเนี่ย เรื่องที่ทำลงไปจึงดูเกินเลยไปบ้าง ทว่าตระกูลเนี่ยและสำนักหลิงอวิ๋นอยู่ด้วยกันมานานหลายปี ถือว่ารู้ตื้นลึกหนาบางกันดีแล้ว เรื่องอื่นข้าไม่กล้าพูด แต่ข้าสามารถรับรองได้ว่า ต่อไปการปฏิบัติที่สำนักหลิงอวิ๋นมีต่อเรื่องราวในตระกูลเนี่ยจะมีแต่ความถูกต้องและความยุติธรรม!”
พูดมาถึงตรงนี้ลี่ฝานก็หยุดชะงักเล็กน้อย สีหน้าพลันเปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียดและจริงจัง
“อีกอย่าง ข้าไม่กลัวที่จะบอกความจริงกับท่าน คราวนี้หากเนี่ยเทียนได้เข้าไปอยู่ในสำนักหลิงอวิ๋น การปฏิบัติที่เขาจะได้รับ จะแตกต่างไปจากเนี่ยเสียนและเนี่ยหันอย่างสิ้นเชิง”
“ด้านหลังภูเขาของเขาหลิงอวิ๋น มีคนผู้หนึ่งหมายตาเนี่ยเทียนเอาไว้แล้ว”
“เขาอยากรับเนี่ยเทียนไว้เป็นศิษย์”
“หา!” เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา เจียงหลิงจูก็อดไม่ได้จนร้องอุทานอย่างตกตะลึง
เนี่ยตงไห่ตัวสั่นยะเยือก ใบหน้าเผยความปีติยินดีอย่างบ้าคลั่ง ไม่รอให้คนอื่นๆ พูดอะไรอีก เขาก็รีบพยักหน้าอย่างอดรนทนไม่ไหว กล่าว “ดี ดี! พวกท่านสามารถพาตัวเนี่ยเทียนไปที่สำนักหลิงอวิ๋นได้ตลอดเวลา!” ท่าทางของเขาราวกับกลัวว่าลี่ฝานจะเปลี่ยนใจอย่างไรอย่างนั้น
แม้แต่พันป่ายเองพอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของลี่ฝานก็ยังหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ
เขามองเนี่ยเทียนด้วยสายตาลึกล้ำ แล้วก็มองพันเทาลูกชายของตัวเอง อยู่ๆ ก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าลูกชายของตนได้รับการถ่ายทอดความสามารถในการมองคนจากเขาไปอย่างลึกล้ำจริงๆ
ในเมื่อเนี่ยเทียนถูกคนผู้นั้นที่อยู่หลังเขาของสำนักหลิงอวิ๋นหมายตา นั่นก็หมายความว่าบนตัวเนี่ยเทียนย่อมมีจุดที่ไม่ธรรมดาแล้ว!
บัดนี้เขาเองก็ตระหนักได้เช่นกันว่า เป็นเรื่องแน่นอนแล้วที่เนี่ยเทียนจะเข้าไปอยู่ในสำนักหลิงอวิ๋น
ทว่า เขากลับไม่ได้รู้สึกหดหู่เพราะเหตุนี้
เขารู้ว่าต่อให้เนี่ยเทียนไม่ถูกหอหลิงเป่ารับตัวไป เขาก็ไม่ได้มาเสียเที่ยว เนี่ยเทียนจะต้องนึกถึงความดีที่พันเทามีต่อเขา
เนี่ยเทียนที่ถูกคนผู้นั้นหมายตา หากไม่มีอะไรเกินความคาดหมายล่ะก็ ต่อไปเขาต้องโดดเด่นขึ้นมาในสำนักหลิงอวิ๋นด้วยความเร็วที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงอย่างแน่นอน
เนี่ยเทียนที่เป็นเช่นนี้ ขอแค่จดจำความดีของพันเทาได้ เขาก็รู้สึกว่าการเดินทางมาครั้งนี้ของตนนั้นคุ้มค่าแล้ว
“เนี่ยเทียน! ยังไม่รีบขอบคุณท่านอาลี่อีก!” เนี่ยตงไห่เอ็ดเสียงดัง
เนี่ยเทียนโค้งกาย กล่าว “ขอบคุณขอรับท่านอาลี่”
ลี่ฝานยิ้ม “ให้เวลาเจ้าสามวัน สามวันให้หลัง กลับเขาหลิงอวิ๋นพร้อมกับข้า”
“รับทราบขอรับ”
—–