มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 7 บทที่ 187 คนพิเศษ

        ใต้ฝ่าเท้าของเนี่ยเทียนมีหินวิเศษที่แตกหักวางอยู่เป็นกอง

        เมื่อลี่ฝานและเจียงหลิงจูต่างก็ตระหนักได้ว่าเขาฝ่าทะลุขอบเขตสำเร็จแล้ว และจะไม่ถูกโลกภายนอกรบกวนได้อีกจึงเลิกสนใจเขา

        คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็ยุ่งวุ่นวายกับการทำความเข้าใจในขอบเขตของตน ต่างก็ใช้หินวิเศษมาใช้ชดเชยพลังวิญญาณ ไม่ได้สนใจเขา

        กลับเป็นอวี๋ถงที่นั่งอยู่ข้างกายเฟิงหลัวเสียอีกที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้คอยเหลือบมองมายังเนี่ยเทียนเป็นระยะ

        นางได้มองเนี่ยเทียนเป็นศัตรูตัวฉกาจอยู่นานแล้ว ใจคาดหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ต่อสู้กับเนี่ยเทียนอย่างจริงจังอีกสักครั้ง

        การที่นางพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเนี่ยเทียนหลายครั้งติดต่อกันทำให้เนี่ยเทียนกลายมาเป็นมารในใจของนาง โดยเฉพาะทุกครั้งที่ต่อสู้กันก่อนหน้านั้น เนี่ยเทียนล้วนขอบเขตต่ำกว่านางมาโดยตลอด

        นี่ทำให้ความล้มเหลวในใจของนางยิ่งลึกล้ำ

        หินวิเศษแตกหักกองเต็มพื้น หรือว่าเจ้าหมอนั่น…ฝ่าทะลุไปอีกขั้นแล้ว?” ดวงตาอวี๋ถงฉายแววลึกล้ำ นางจ้องเนี่ยเทียนอยู่อีกครู่หนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นซับซ้อนน้อยๆ

        ตอนที่เนี่ยเทียนกลับมา เฟิงหลัวได้แอบสำรวจเขาดูครั้งหนึ่งก็บอกกับนางว่าเนี่ยเทียนได้เหยียบย่างสู่ท้ายสวรรค์ช่วงกลางแล้ว

        นางเองก็อยู่ท้ายสวรรค์ช่วงกลาง เนี่ยเทียนฝ่าทะลุขอบเขตเข้าสู่ท้ายสวรรค์ช่วงกลางในประตูสวรรค์ นี่ก็ทำให้นางตะลึงและแปลกใจมากพออยู่แล้ว

        นางคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเวลาสั้นๆ เพียงแค่สามเดือน เนี่ยเทียนเผชิญกับเหตุการณ์อะไรกันแน่ถึงได้ฝ่าทะลุไปอีกขั้นในเวลาที่สั้นเพียงเท่านั้น

        ความเร็วในการเติบโตของเนี่ยเทียนทำให้นางมีความกดดันเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า รู้สึกจนใจเพราะเนี่ยเทียนยิ่งล้ำหน้านางไปเรื่อยๆ

        ข้าไม่มีทางแพ้ให้เจ้าอีกแน่นอน!

        อวี๋ถงแอบกัดฟันคล้ายกำลังชิงดีชิงเด่นกับเนี่ยเทียน แล้วก็เลือกตัดความคิดวุ่นวาย จมจ่อมอยู่กับการบำเพ็ญตบะของตัวเองต่อไป

        อู้!

        ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เนี่ยเทียนผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ หนึ่งครั้ง ตื่นขึ้นจากการบำเพ็ญตบะ

        เวลานี้ในมหาสมุทรวิญญาณจุดตันเถียนของเขามีน้ำวนพลังวิญญาณอยู่สามลูก น้ำวนเปลวเพลิงหนึ่งลูก น้ำวนพืชหญ้าหนึ่งลูก และน้ำวนดวงดาวที่เกิดจากการรวมตัวกันของแสงดาวอีกหนึ่งลูก

        น้ำวนพลังวิญญาณสามลูกที่ธาตุต่างกันกระจายตัวอยู่ในมหาสมุทรวิญญาณ ต่างก็กำลังเคลื่อนโคจรเบาๆ

        ตอนที่เขาดูดซับปราณวิญญาณมาจากหินวิเศษอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มหาสมุทรวิญญาณผ่านการเปลี่ยนแปลงโดยเกิดคลื่นลูกยักษ์ถาโถมก็ได้แผ่ขยายออกไปอีกครั้ง

        เดิมทีเขาสามารถฝึกฝนต่อไปได้โดยการเอาหินวิเศษมากกว่าเดิมออกมาจากกำไลเก็บของและบำเพ็ญตบะอย่างลืมตัวตนต่อไป

        แต่เขาแอบมีความรู้สึกเหมือนว่าพลังของม่านแสงเจ็ดสีในค่ายกลนำส่งโบราณใกล้จะเผาผลาญหมดลงแล้ว

        ม่านแสงนั้นปกป้องเขามาตั้งแต่พระราชวังโบราณสะเก็ดดาว พาเขามาส่งที่นี่ เขาและม่านแสงจึงมีความเชื่อมโยงต่อกันเล็กน้อย

        และก็เป็นดังคาด

        ขณะที่เขามองไปยังค่ายกลนำส่งโบราณนั้น ม่านแสงเจ็ดสีที่โอบล้อมค่ายกลและประตูหลากสีก็ได้ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นบิดเบือนพร่าเลือน

        ความรู้สึกถึงพลังงานที่ค่อยๆ ไหลหายไปก่อเกิดขึ้นมาในใจเขา ทำให้เขารู้ได้ถึงความไม่เหมาะสม

        ตื่นกันได้แล้ว!

        และเวลานี้เอง หงช่านที่สังเกตค่ายกลนำส่งโบราณอยู่ตลอดเวลาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองพร้อมกับเขา

        เสียงตวาดของหงช่านทำให้คนทั้งเจ็ดสำนักของอาณาจักรหลีเทียนที่กำลังทำความเข้าใจกับเวทลับ และสำรวจโชควาสนาที่ตัวเองได้รับมาในประตูสวรรค์ต่างตกใจตื่นขึ้นมา

        ได้เวลาแล้ว!หงช่านสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวด้วยเสียงอันดัง นับแต่นี้ไป ทุกคนทยอยกันเข้าไปด้านใน และต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดด้วย!

        ทุกคนต่างก็ลุกพรวดขึ้นยืน แม้แต่ชิวเหิงแห่งหอหลิงเป่าเองก็ยังไม่เอ่ยคัดค้าน

        เพราะชิวเหิงก็เข้าใจว่าหากพลังงานม่านแสงเจ็ดสีของค่ายกลนำส่งหมดไป เขาก็อาจต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล มิอาจเหยียบย่างเข้าไปในอาณาจักรทั้งเก้าของดินแดนดาวตกได้อีก

        สถานที่ที่ไม่มีพลังชีวิต ไม่มีแม้แต่ปราณวิญญาณฟ้าดินสักเสี้ยวเดียวนี้ ไม่เหมาะสมสำหรับการฝึกบำเพ็ญตบะอย่างยิ่ง

        ด้วยขอบเขตตบะของเขา เขายังไม่มีความสามารถมากพอที่จะข้ามผ่านทางช้างเผือกได้ ต่อให้เขาพกหินวิเศษมามากมายแค่ไหนก็ต้องมีสักวันที่ใช้หมดไป

        รอจนหินวิเศษหมดลงแล้ว คราใดที่ลมเย็นหนาวเหน็บของที่แห่งนี้พัดผ่านมา เขาก็จะต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปทุกครั้ง

        และหากพลังวิญญาณในมหาสมุทรวิญญาณแห้งขอด เขาที่ไม่เหลือพลังงานใดๆ ให้นำมาใช้ก็ย่อมตายอยู่ที่นี่

        ไป!

        ชิวเหิงที่รู้ชัดในข้อนี้หันกลับไปมองอันซืออี๋ด้วยดวงตาเย็นชาหนึ่งครั้ง กระตุ้นให้นางเดินเข้าไปก่อน

        อ้อ

        อันซืออี๋สีหน้าเรียบเฉย รู้ว่าเพราะตนเมินเฉยเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ชิวเหิงไม่สบอารมณ์ไปเรียบร้อย

        รอจนกลับไปถึงหอหลิงเป่า เกรงว่าชิวเหิงผู้นั้นคงไม่คิดจะไว้หน้านางอีก หรืออาจจะแอบก่อกวนนางอย่างลับๆ ด้วย

        ทว่านางที่ได้รับผลเก็บเกี่ยวจากในประตูสวรรค์เชื่อว่าอีกไม่นานเท่าไหร่นักนางก็จะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ประตูของขอบเขตต้นสวรรค์ ถึงเวลานั้น นางก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวชิวเหิงอีกแล้ว

        วังยมบาลของพวกเรานำไปก่อน! พวกเจ้าตามหลังมา!

        หงช่านกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว หลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้ก็เดินนำเข้าไปในประตูแสงหลากสีก่อนใคร

        คนอีกหลายคนที่มาจากวังยมบาลเช่นเดียวกับเขาต่างก็เดินตามหลังเขาเข้าไปอย่างที่หงช่านกล่าวเอาไว้

        ตอนที่ร่วงจากฟ้าลงมาที่นี่ เนี่ยเทียนได้ตั้งใจสังเกตคนของวังยมบาลเป็นพิเศษเพราะอยากรู้ว่าจ้าวไห่เฟิงอยู่ในกลุ่มคนด้วยหรือไม่

        จ้าวไห่เฟิงผู้นั้นคือคนสังหารอู๋เทาขุนนางต่างรัฐของตระกูลเนี่ย นี่ทำให้เขาจดจำจ้าวไห่เฟิงขึ้นใจอยู่นานแล้ว

        จ้าวไห่เฟิงและต้วนหยวนที่เคยปรากฏตัวในเมืองเฮยอวิ๋นพร้อมกับเขาล้วนเข้ามาในประตูสวรรค์ เดิมทีเนี่ยเทียนคิดว่าสักวันหนึ่งจะฆ่าคนทั้งสองด้วยมือของตัวเอง

        น่าเสียดายที่ไม่ทันรอให้เขาลงมือ จ้าวไห่เฟิงและต้วนหยวนต่างก็ถูกผู้ฝึกลมปราณต่างอาณาจักรสังหารไปแล้วไม่ต่างจากลูกศิษย์เจ็ดสำนักของอาณาจักรหลีเทียนส่วนใหญ่ที่ต้องมาตายอย่างเดียวดายอยู่ที่นี่

        การตายของจ้าวไห่เฟิงและต้วนหยวนทำให้เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย ส่วนการตายของหลิ่วเยี่ยนกลับทำให้เขาเจ็บปวดใจ

        แต่ไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าการประลองในประตูสวรรค์ได้สิ้นสุดลงแล้ว

        เพื่อศัตรูคนเดียวกัน เจ็ดสำนักของอาณาจักรหลีเทียนต่างก็ต้องรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน จ้าวไห่เฟิงและต้วนหยวนตายไปแล้ว ความเกลียดแค้นที่เขามีต่อวังยมบาลจึงพอจะลดน้อยลงไปได้บ้าง

        อาณาจักรอั้นหมิง ถังหยาง หวังว่าจะยังได้เจอกันอีกเนี่ยเทียนตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

        คนต่างอาณาจักรช่วยเขาจัดการจ้าวไห่เฟิงและต้วนหยวนไปแล้ว ทว่าหลิ่วเยี่ยนนั้นตายด้วยน้ำมือของถังหยาง ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ วันหน้าต่อให้ต้องบุกเข้าไปฆ่าถึงอาณาจักรอั้นหมิง เขาก็ต้องสังหารถังหยางให้ได้

        ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง คนของเจ็ดสำนักต่างก็ทยอยกันเข้าไปในประตูแสง

        ไม่นานหลังจากนั้น แม้แต่ชิวเหิงและอันซืออี๋จากหอหลิงเป่าก็ยังเหยียบย่างเข้าไปด้านใน

        ก่อนหน้าที่อันซืออี๋จะเข้าไป ดวงตาคู่งามของนางเหลือบมามองเขาหนึ่งครั้งคล้ายอยากจะพูดคุยกับเขา

        ทว่าภายใต้การเร่งเร้าของชิวเหิงผู้นั้น อันซืออี๋จนใจ ทำได้เพียงถูกบีบให้เดินหน้าต่อ

        ท่านลุงลี่ พวกเราไปกันเถอะ

        เนี่ยเทียนเห็นว่ามาถึงคราวของสำนักหลิงอวิ๋นแล้วจึงไม่ต้องการเสียเวลาอีก ก้าวยาวๆ เข้าไปในประตูแสงทันที

        ไม่นานร่างของเขาก็หายวับเข้าไปในประตูสวรรค์

        ……

Author L.D.