มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 21 ร้อนจนแทบจะถอดเสื้อผ้าแล้ว

        ทว่าความสนใจของเหยียนจิ่งจื้อกลับไม่ได้ถูกความมีอยู่ของเธอดึงไป แต่สายตากลับถลึงไปใส่จินเป้ยน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ และกล่าวโทษที่เธอปล่อยผู้หญิงคนนี้มา

        จินเป้ยน่ากระแอมออกมาน้อยๆ ทำได้แค่เดินไปเตรียมจะลากเนี่ยเซิงเสี่ยวออกไป

        ช่วยไม่ได้ บางทีนิสัยของท่านประธานก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดาใจยากเหลือเกิน

        “เฮ้ย นั่นติงเจียลี่ไม่ใช่หรือ?” จู่ๆ คนที่อยู่ด้านข้างก็แตกตื่นขึ้นมา

        ทันในนั้นก็มีนักข่าวที่พกกล้องถ่ายรูปจำนวนมากพุ่งเข้ามาจากด้านนอกแบบติดๆ ทุกคนต่างวิ่งผ่านตัวของเนี่ยเซิงเสี่ยวเข้าไปยังที่นั่งด้วยความรวดเร็ว เนี่ยเซิงเสี่ยวที่ถูกเบียดหลายครั้งจนเกือบทำกล้องที่อยู่ในมือตกแตก

        นักข่าวที่เข้ามาเป็นคนสุดท้ายเห็นเธอที่ยืนอยู่ตรงกลางก็คิดว่าเป็นสายงานเดียวกันจึงมองด้วยสายตาดูถูก “ซื่อบื้อขนาดนี้เป็นคนของบริษัทไหนกัน!” เดินก้าวใหญ่ผ่านเธอไปและทำให้เธอเข้าไปเบียดอยู่ข้างในจนตัวเธอหมุนเป็นวงกลม

        ยังไม่ทันได้หมุนครบรอบดีกล้องในมือก็กระเด็นออกไปแล้ว แถมมันยังลอยไปทางเหยียนจิ่งจื้อ ดูแค่นี้ก็รู้ว่าแย่แล้ว

        ในตอนที่เนี่ยเซิงเสี่ยวยังไม่ทันได้รู้ตัวดีนักตัวของเธอก็พุ่งไปคว้ากล้องแล้ว สุดท้ายแม้แต่ตัวของเธอเองก็ไม่รู้ว่าพุ่งเข้าไปช่วยกล้องหรือว่าช่วยเหยียนจิ่งจื้อกันแน่

        แค่รู้สึกว่าสมองของเหยียนจิ่งจื้อก็ใช้การไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้าหากถูกชนอีกครั้งก็คงจะไม่ไหว

        แต่เหมือนเธอจะลืมเรื่องทักษะของเหยียนจิ่งจื้อไป ตอนนั้นเขาใช้แค่มือเดียวก็จัดการกับบอดี้การ์ดตัวยักษ์ได้ตอนนี้ก็ยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม แค่ยกมือขึ้นก็รับกล้องที่บินมาได้สบายๆ เขาขมวดคิ้วจ้องผู้หญิงที่ล้มลงอยู่บนตัวของเขา

        เธอพุ่งเข้ามาบังกล้องให้เขา?

        ไร้สาระ!

        เนี่ยเซิงเสี่ยวที่กึ่งนั่งอยู่บนตัวของเขาก็ได้กลิ่นผลไม้จากตัวเขา ดวงตากะพริบปริบๆ เธอรู้สึกว่าร่างกายทั้งร่างไม่มีแรง ลุกไม่ขึ้นเสียดื้อๆ 

        อายุตั้งเท่าไรแล้ว ยังสั่งทำน้ำหอมกลิ่นผลไม้อยู่อีก ไม่ได้กลัวว่าจะถูกคนอื่นว่าทำตัวไม่มั่นคงเลย

        “ถ้าหากยังไม่ตายล่ะก็ รบกวนช่วยลุกออกไปจากตัวของฉันด้วย” เสียงเย็นชาของเหยียนจิ่งจื้อดังขึ้นมาจากด้านบน เนี่ยเซิงเสี่ยวรีบลุกขึ้นมายืนดีๆ ทันที

        เธอไม่สามารถควบคุมหัวใจที่คิดอยากจะพึ่งพิงดวงนี้ได้ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดเย็นชาของเขา

        “คุณเหยียน ครั้งที่แล้วที่ฉันพูดทางโทรศัพท์คือ…”

        ตั้งแต่ต้นจนจบเหยียนจิ่งจื้อใช้ท่าทางเย่อหยิ่งฟังเธอพูด แม้ว่าในช่วงแรกเขาได้ยินชัดเจนดี แต่ประโยคหลังถูกเสียงกู่ร้องของเหล่านักข่าวดังขัดจังหวะ

        สมควรตายนัก คนที่มาเป็นใครกัน? เหยียนจิ่งจื้อหันกลับไปมองยังทางเข้า

        กว่าเหยียนจิ่งจื้อจะยอมฟังเธอพูด เมื่อถูกขัดจังหวะเนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็หันกลับไปมอง ทันทีที่หันไปเห็นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง เพราะว่าถึงแม้ในเวลาปกติเธอจะเป็นคนที่ไม่ค่อยดูโทรทัศน์เท่าไรก็ยังรู้จัก คนคนนี้คือติงเจียลี่สาวงามแห่งยุคเชียวนะ

        เป็นคนที่กำลังโด่งดังและมาแรงมาก แสงแฟลชจากเหล่านักข่าวที่ระดมกดชัตเตอร์ใส่เธอทำให้เกิดแสงสว่างวิบวับราวกับดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจรัสที่สุด

        เนี่ยเซิงเสี่ยวใช้สายตามองไปยังเหยียนจิ่งจื้อ ถือว่ายังไม่เปลี่ยน ไม่ได้กลืนน้ำลายเหมือนกับผู้ชายคนอื่นที่มองสาวงามแห่งชาติแบบนี้ เธอรีบย้ายสายตาอย่างรวดเร็ว “คุณเหยียน ที่นี่เสียงดังเกินไป เราออกไปคุยกันหน่อยได้ไหมคะ?” เขาไม่ชอบอยู่ในสภาพแวดล้อมภายใต้แสงแฟลชและเสียงดัง เรื่องนี้เธอเข้าใจเหยียนจิ่งจื้อ

        ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เหยียนจิ่งจื้อจะขมวดคิ้ว ไม่พูดไม่จา แล้วเธอก็จะหาเก้าอี้ให้เขานั่ง ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเธอสามารถลูบหัวพร้อมกับมองเขาไปพลางยิ้มให้ และพูดว่าอย่าก่อเรื่อง

        แต่ว่าเหยียนจิ่งจื้อในตอนนี้ทำเพียงแค่มองเธอนิ่งๆ “คุณเนี่ย ผมไม่คิดว่าจำเป็นต้องพูดเรื่องอื่นกับคุณ ก่อนที่คุณจะพูดขอโทษผมนะ”

        เนี่ยเซิงเสี่ยวเม้มปากแน่น “ถ้าหากคุณอยากฟัง ถ้าอย่างนั้นฉันขอโทษค่ะ”

        “ขอโทษนะ ตอนนี้คำขอโทษของเธอมันไม่มีประโยชน์แล้ว” เหยียนจิ่งจื้อพูดจบก็มองไปยังด้านหลังของเธอ แววตาปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ

        รอยยิ้ม? ! เนี่ยเซิงเสี่ยวคิดว่าตัวเองมองผิดไป เหยียนจิ่งจื้อยิ้มในสถานการณ์แบบนี้ นั่นเป็นเรื่องที่เหมือนพระจันทร์โผล่ออกมาจากน้ำจริงๆ เธอค่อยๆ หันตัวไป จากนั้นก็เห็นการแต่งหน้าที่งดงามของติงเจียลี่สาวงามแห่งชาติ ใบหน้าสวยงามของเธอจ้องมองเนี่ยเซิงเสี่ยว แล้วถาม “คุณผู้หญิงคะ ขอทางหน่อยได้ไหมคะ?”

        เธอชี้ไปยังตำแหน่งข้างกายของเหยียนจิ่งจื้อ

        เนี่ยเซิงเสี่ยวมองเหยียนจิ่งจื้อแล้วก็มองติงเจียลี่  ไม่ว่าจะตรงไหนก็ต้องมีอะไรแน่ๆ เหยียนจิ่งไม่ใช่คนที่ชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนักแสดง

        “เฮ้ เธอถอยไปหน่อยได้ไหม มันขวางกล้องฉัน”

        “ผู้หญิงคนนี้มันยังไงกัน”

        มีนักข่าวบ่นถึงการมีอยู่ของเนี่ยเซิงเสี่ยวไม่หยุด เธอจึงถอยหลังไปยังที่ที่ไม่มีคนทีละก้าว จากนั้นก็มองติงเจียลี่นั่งลง พูดหัวเราะคิกคักกับเหยียนจิ่งจื้อ

        คนมากมายขนาดนี้ เหยียนจิ่งจื้อก็ไม่กลัวจะมีข่าวฉาว?

        คนด้านข้างเหมือนจะมองความสงสัยของเธอออกจึงส่ายหน้า “เหยียนจิ่งจื้อกับติงเจียลี่ไม่มีทางคบกัน ข่าวฉาวนี่มีมาตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน”

        พวกเขาสองคนเริ่มมีข่าวกันตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว! เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนในหมู่บ้านที่มีเพิ่งจะอินเทอร์เน็ตตามข่าวสาร ในมุมที่มองไม่เห็นนั้นกล้องในมือของเธอถูกบีบจนแน่น

        ทุกคนไม่รู้ว่านี่คืองานประมูลที่ดินของวงการธุรกิจ ติงเจียลี่ที่เป็นนักแสดงมาที่นี่เพื่ออะไร? ทว่าตอนที่เหยียนจิ่งจื้อชนะการประมูลที่ดินและพาเธอออกไป ทุกคนต่างตื่นตกใจกันมาก จะมีคนในวงการนักแสดงแต่งเข้าวงการไฮโซอีกคู่แล้ว

        เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ตอบรับและปฏิเสธกับการคาดเดาของทุกคน แต่ว่ามองพวกเขาสองคนเดินจากไปอย่างสนิทสนม จู่ๆ เธอก็คิดขึ้นมาได้ว่า เรื่องของตัวเองนั้นเหมือนจะจัดการไม่ได้ง่ายๆ เสียแล้ว

        ตอนที่พุ่งมาขวางอยู่ตรงหน้ารถไมบัคของเหยียนจิ่งจื้อ คนขับรถของเหยียนจิ่งจื้อโผล่หัวออกมาข้างนอกด้วยความตกใจ “คุณหนูอยากตายหรือไง!”

        เนี่ยเซิงเสี่ยวพุ่งเข้าไปตบที่หน้าต่างรถเบาๆ สุดท้ายตอนที่คนขับรถเอาหน้าต่างลง เธอก็แทบจะเอาหัวมุดเข้าไปเรียกเหยียนจิ่งจื้อ

        คนขับรถคิดว่าผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว แต่ว่าก็น่าสงสาร ลงทุนตามจีบท่านประธานได้ถึงขนาดนี้ เขาเอ่ยปาก “ท่านประธานขึ้นรถของคุณติง…”

        ขณะเดียวกันจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนรอบข้างหัวเราะออกมา เนี่ยเซิงเสี่ยว “ดึง” ตัวเองออกมาจากรถไมบัค

        เหยียนจิ่งจื้อ นายมันเลว…จริงๆ

        เธอหยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กออกมา เมื่อวานตอนที่จินเป้ยน่าบอกตารางงานของเหยียนจิ่งจื้อเธอกลัวจะลืมจึงจดเอาไว้ในสมุดเล่มนี้ เธอมองดูเวลา จากนั้นนิ้วก็ไปวางไว้ที่ข้อความ “ดูหนัง”

        เธอลูบเหงื่อบนหน้าผาก รู้สึกว่าการเดินทางนี้ช่างลำบากจริงๆ เหยียนจิ่งจื้อนั่งรถของติงเจียลี่ ไปดูหนังก็คงจะไปดูด้วยกันแน่นอน สุดท้ายเธอก็จัดเสื้อผ้าตัวเอง

        เพื่อเหนี่ยวเหนี่ยว เธอเตรียมใจที่จะได้กลายเป็นก้างขวางคอเอาไว้แล้ว จึงมุ่งหน้าไปที่โรงหนังเทียนฮวาง

        โรงหนังเทียนฮวางเป็นโรงหนังที่หรูหราที่สุดในเมือง H จากที่เขาพูดกัน อุปกรณ์ข้างในล้วนเป็นของระดับดีเยี่ยม มนุษย์เงินเดือนทั่วไปจะต้องเสียเงินเดือนหนึ่งเดือนถึงจะสามารถอยู่ในโรงหนังนี้ได้

        เนี่ยเซิงเสี่ยวเดินไปยังพื้นหินอ่อนที่ประกายสีทอง มองไปยังประตูโรงหนังที่มีบางอย่างมากั้นเอาไว้ เธอจึงคิดว่าตัวเองอาจจะมาผิดประตู ในตอนที่กำลังจะลงไปจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนหนึ่งเดินออกมาแล้วพูดกับพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ว่า “ท่านประธานเหยียนสั่งให้ไปเอานมอุ่นให้กับคุณหนูติง”

        วินาทีนั้นเนี่ยเซิงเสี่ยวก้าวขาไม่ออกแล้ว ยังมีนมอุ่น อยู่กับเหยียนจิ่งจื้อมาสี่ปี มีตอนไหนที่เขาเคยใส่ใจเธอขนาดนี้? เนี่ยเซิงเสี่ยวกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง ไม่สามารถจินตนาการภาพคนสองคนแนบชิดกันขณะดูหนังได้ แถมคนน้อยขนาดนั้น แค่นี้ก็รู้ว่าเหยียนจิ่งจื้อต้องเหมาโรงไว้ให้ติงเจียลี่แน่ๆ!

        เขาเหมาไปแล้วก็ช่างมันเถอะ เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่อยากจะเข้าไปยุ่งแล้วจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องของเหนี่ยวเหนี่ยวก็ต้องมาคิดหาวิธีอีกที? เธอเกือบจะลงจากบันไดเตรียมจะออกไปแล้ว แต่ว่าบนโลกใบนี้มีเหยียนจิ่งจื้อเพียงคนเดียว จะไปหาคนที่มีเลือดหายากแบบนี้จากที่ไหนได้อีก พอคิดแบบนี้ก็หมุนตัวกลับไปอีกครั้ง

        จากนั้นก็ลงบันไดไปอีกครั้ง แล้วก็หมุนกลับขึ้นไป…เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เหมือนกับตัดสินใจได้ในที่สุด เธอเดินบันไดลงไปอีกครั้ง…

        “รอเดี๋ยว!” ยังเป็นเสียงของคนที่บอกให้เอานมอุ่นเข้าไปเสิร์ฟคนนั้น “ท่านประธานเหยียน

บอกว่าข้างในร้อน ให้เอาน้ำแข็งเข้าไป ร้อนจนแทบจะถอดเสื้อผ้าแล้ว”

        อะไรนะ!

Author Glory Forever