มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 บทที่ 18 เถาวัลย์วิญญาณพันธนา กายสัประยุทธ์รุกขชาติโบราณ

        “บุกเข้าไป!

        “ทุกคนอย่าเผชิญหน้ากับหมีพิโรธเกราะเกล็ดโดยตรงเด็ดขาด”

        “คอยช่วยเหลือคุณหนูเฉินอวี้ให้ดีๆ”

        

        บนเวทีแสดงยุทธอันกว้างใหญ่ ศิษย์หนุ่มสาวเยาว์วัยสี่สิบกว่าชีวิตกำลังปิดล้อมหมีพิโรธเกราะเกล็ดสูงยี่สิบเมตรตัวหนึ่งเอาไว้อยู่

        ด้วยเป็นถึงมหาปีศาจขั้นหนึ่งที่พลังป้องกันและพลังทำลายล้างน่าตะลึงทั้งสองอย่าง แม้ว่าจะถูกบุกจู่โจมด้วยกำลังคนห้าสิบคนก็ยังคงบ้าคลั่งจนไม่อาจกล้าปะทะซึ่งๆ หน้าได้

        เนื้อหาการทดสอบของสำนักมหาหัสดีคือการให้ศิษย์ทุกกลุ่มสามารถต่อกรกับหมีพิโรธเกราะเกล็ดได้ พร้อมทั้งแสดงความสามารถให้ลู่ซู่และอาจารย์คุมสอบทั้งหลายพอใจด้วย

        แน่นอนว่ามาตรฐานที่พวกเขาทั้งหลายจะพอใจนั้นคือเท่าใด? ไม่มีผู้ใดล่วงรู้

        “ไข่มุกเม็ดงามในกำมือแม่ทัพใหญ่ซีไห่ สมฉายาแล้ว…” อาจารย์ที่ยืนใต้สังเวียนข้างสนามพยักหน้าชื่นชม

        “ในกลุ่มแรกมีเพียงคุณหนูเฉินอวี้เท่านั้นที่ทำลายการป้องกันของหมีพิโรธเกราะเกล็ดได้”

        “อาจารย์ลู่ซู่ พวกเราควรขานให้หยุดเมื่อไร?”

        “ยังเร็วไป รออีกหน่อยเถิด!” ลู่ซู่เพ่งมอง เฝ้าดูอวี๋เฉินอวี้ผู้กระฉับกระเฉงประดุจผีเสื้อบนเวทีนั้นอย่างสนอกสนใจหลายส่วน “บุกโจมตีระดับนี้ไม่ได้เป็นผลอะไรต่อหมีพิโรธเกราะเกล็ดเลย”

        กรร!

        หมีพิโรธเกราะเกล็ดคำรามน่าหวั่นกลัวไม่หยุด เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวทรงพลังจนแม้แต่พื้นสังเวียนยังสั่นไหวเล็กน้อย

        อวี๋เฉินอวี้เหยียบย่างด้วยฝีเท้าอันชำนาญอย่างสุขุม กระบี่ในมือขาวผ่องปลดปล่อยแสงขาวสกาวตา อายกระบี่เฉียบคมบินว่อนไปจู่โจมร่างมโหฬารของหมีพิโรธเกราะเกล็ด เกล็ดแข็งแรงถูกจู่โจมจนแหลกสลาย เลือดสดเหม็นคาวพุ่งกระฉูด

        “พวกเราบุกโจมตีบาดแผลมัน…” อวี๋เฉินอวี้ขยับริมฝีปากสั่งการ

        “เข้าใจแล้ว คุณหนูเฉินอวี้!

        ทุกคนรู้ใจ ต่างก็เปิดฉากโจมตีจุดที่เกล็ดของหมีพิโรธแหลกละเอียดตามที่นางสั่ง

        แสงดาบเงากระบี่ รังสีเหน็บหนาวพราวแพรว!

        หมีพิโรธเกราะเกล็ดที่ไม่มีเกล็ดคอยปกป้องนั้นกลายเป็นเหยื่อให้ทุกคนทิ่มแทงอาวุธในมือเข้าเลือดเข้าเนื้อของมัน อาศัยความได้เปรียบที่จำนวนคนมากกว่ารุมจู่โจมจากทิศบูรพาบ้างประจิมบ้าง โจมตีจากด้านข้างบ้าง หมีพิโรธถูกบุกอย่างรุนแรงเข้าก็ล่าถอยรวดเร็ว

        วิธีการสู้เช่นนี้มีประสิทธิภาพจริง ไม่ถึงอึดใจ หมีพิโรธเกราะเกล็ดก็มีบาดแผลเต็มตัว เลือดไหลโซมกาย

        เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น เหล่าศิษย์หนุ่มสาวที่ยังไม่ได้เข้าทดสอบต่างก็ตกตะลึงเป็นอันมาก เริ่มรู้สึกว่ามหาปีศาจขั้นหนึ่งก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากมาย ไม่ได้รับมือยากเช่นที่จินตนาการไว้

        “คุณหนูเฉินอวี้ ข้าเลื่อมใสท่านเหลือเกิน พวกเราชนะแน่แล้ว ฮ่าๆ…” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากอวี๋เฉินอวี้หัวเราะเสียงดัง

        อวี๋เฉินอวี้ขมวดคิ้วคู่งาม ตอบกลับเสียงเย็น “ดีใจตอนนี้ยังเร็วไปนัก”

        กรร!

        สิ้นเสียง หมีพิโรธเกราะเกล็ดก็ลุกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด มันลุกขึ้นยืนด้วยสองเท้า แผ่กระจายกลิ่นอายอำมหิตน่าขวัญผวา

        ฝูงชนโดยรอบหน้าเปลี่ยนสี บาดแผลเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้มันเจ็บหนักเลย

        กระนั้น อวี๋เฉินอวี้ก็ยกมุมปากเป็นรอยยิ้มบาง “ฮึ ข้ารอเวลานี้อยู่แล้ว…”

        กึงๆ!

        ฉับพลัน คลื่นพลังประหลาดก็แผ่ออกมาจากกายของอวี๋เฉินอวี้ ประกายแสงสีเขียวอ่อนเป็นเส้นสายต่างหลั่งไหลมารวมตัวกันที่ฝ่ามือซ้ายขาวผ่อง

        “เถาวัลย์วิญญาณพันธนาการ!

        อวี๋เฉินอวี้ตะโกน ยื่นมือซ้ายออกไป ช่อแสงคลับคล้ายพืชเถาวัลย์สิบกว่าสายก็ล่องลอยออกไปทันใด เพียงพริบตาเดียว สายตาทุกคู่มองอย่างพิษวง ช่อแสงเถาวัลย์สิบกว่าสายพันรอบแขนขา ลำคอ และลำตัวของหมีพิโรธเกราะเกล็ดอย่างรวดเร็ว…

        กรอด!

        หมีพิโรธเกราะเกล็ดที่ถูกมัดแน่นขยับตัวไม่ได้ กัดฟันแหลมคมดังกรอดๆ ขยับกล้ามเนื้อหวังจะดิ้นให้หลุดแต่กลับถูกรัดไว้แน่นหนานัก

        “นี่มัน?”

        ศิษย์รอบด้านล้วนตะลึงไม่ต่างกัน พลังระดับเปิดชีพจรขั้นแปดของอวี๋เฉินอวี้สามารถมัดร่างของมหาปีศาจขั้นหนึ่งได้อย่างนั้นหรือ?

        ฉู่เหินผู้ยืนอยู่แนวหลังก็พิศวงใจไม่แพ้กัน เขาเพ่งมอง ดวงตาพลันรู้สึกร้อนขึ้นมาอ่อนๆ สีสันสีม่วงเลือนรางเคลื่อนไหวที่นัยน์ตา

        กึงๆ

        พลันนั้น ทัศนวิสัยของฉู่เหินก็เริ่มเปลี่ยนไป มิติคล้ายจะบิดเบี้ยว เนตรปีศาจจับอยู่ที่อวี๋เฉินอวี้ สภาวะการเคลื่อนไหวของพลังหยวนแท้ในเส้นปราณภายในกายของนางปรากฏขึ้นในห้วงคิดของฉู่เหิน และเขาเห็นภาพมายาโครงร่างคล้ายต้นไม้ต้นหนึ่งในร่างอวี๋เฉินอวี้ พลังเถาวัลย์ที่พันร่างหมีพิโรธเกราะเกล็ดไว้มาจากภาพมายาพฤกษชาติต้นนี้นี่เอง

        “กายยุทธพฤกษาโบราณหรือ?”

        ฉู่เหินพึมพำกับตนเอง “ไม่ใช่ กายสัประยุทธ์ต่างหาก!

        ฉู่เหินเก็บพลังเนตรปีศาจกลับมาในทันที ดวงใจลอบอึ้งไป ขีดจำกัดสายเลือดกายสัประยุทธ์รุกขชาติโบราณ พลังระดับเปิดชีพจรขั้นแปด อวี๋เฉินอวี้ผู้นี้ช่างสมเป็นบุคคลฟ้าประทานที่ผู้คนห้อมล้อมโดยแท้

        

        ยามที่ทุกคนตื่นตะลึงในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เถาวัลย์วิญญาณสิบกว่าสายก็กักขังหมีพิโรธเกราะเกล็ดไว้อย่างแน่นหนา

        ดวงหน้าสะสวยของอวี๋เฉินอวี้ซีดขาวลงไม่น้อย ในเมื่อหมีพิโรธเกราะเกล็ดเป็นถึงมหาปีศาจขั้นหนึ่ง อวี๋เฉินอวี้หมดพลังหยวนแท้ไปกับกระบวนท่านี้ไม่น้อยเลย

        “ชิงโอกาสตอนนี้ บุกโจมตีขนสีขาวตรงหน้าอกของหมีพิโรธเกราะเกล็ดเสีย!” อวี๋เฉินอวี้ว่าเสียงเย็น

        “รับทราบ!

        ทุกคนโผทะยานขึ้นอย่างพร้อมเพรียง พุ่งปรี่ราวสายฟ้าฟาด เงื้ออาวุธในมือบุกใส่ขนขาวเป็นกลุ่มๆ ที่ด้านหน้าหมีพิโรธเกราะเกล็ด

        “อย่างนี้นี่เอง!” อาจารย์คุมสอบลู่ซู่พยักหน้าชมเชยแผ่วเบา

        อาจารย์สำนักมหาหัสดีข้างๆ เขาหลายคนก็เอ่ยชมชอบเช่นกัน

        เห็นทีอวี๋เฉินอวี้คงรู้ว่าจุดอ่อนของหมีพิโรธเกราะเกล็ดนั้นอยู่ที่ขนสีขาวตรงหน้าอกของมันตั้งแต่แรก ถึงได้คอยหาโอกาสโจมตีมันให้ถึงแก่ชีวิตมาตลอด

        แต่เพราะเมื่อครู่หมีพิโรธเกราะเกล็ดบุกโจมตีจากแนวราบมาตลอด แขนขาติดกับพื้นจึงไม่มีโอกาสเลย

        เมื่อมันโมโหจนหยัดร่างลุกขึ้นมา อวี๋เฉินอวี้จึงสบโอกาสใช้เถาวัลย์พันธนาการร่างมันไว้ จำกัดการเคลื่อนไหวของมัน ด้วยเหตุนี้ จุดอ่อนของหมีพิโรธเกราะเกล็ดจึงถูกเปิดเผยต่อสายตาทุกผู้ทุกนาม

        ทุกคนในที่นั้นอดถอนใจทึ่งในสติปัญญาและพลังของอวี๋เฉินอวี้มิได้

        “ฆ่า!

        ขณะเดียวกัน ศิษย์หนุ่มสาวที่เคลื่อนไหวค่อนข้างเร็วสิบกว่าคนก็บุกไปถึงด้านหน้าของหมีพิโรธเกราะเกล็ด ต่างคนต่างทะยานขึ้น เสียดแทงอาวุธในมือเข้าขนสีขาวตรงหน้าอกมัน

        ฉึก

        เสียงของมีคมแทงเนื้อหนังชัดเจนอยู่ข้างหู หมีพิโรธเกราะเกล็ดตาถลน แยกเขี้ยวเคี้ยวฟัน ปากส่งเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวและเจ็บปวด

        ศาสตราวุธแหลมคมสิบกว่าเล่มแทงเข้าร่างหมีพิโรธเกราะเกล็ดพร้อมกัน เลือดสดสาดกระเซ็นเข้าลูกตา ขนสีขาวกลุ่มนั้นแดงฉานเป็นสีเลือดในพริบตา

        “สำเร็จแล้ว!

        “ฮ่าๆ สมบูรณ์แบบ” ศิษย์หนุ่มผู้หนึ่งหัวเราะร่าออกมาอย่างอดไม่ได้

        แต่ในระหว่างที่ศิษย์กลุ่มแรกหลงดีใจคิดไปเองว่าทดสอบสำเร็จแล้วนั้นเอง เสียงแตกละเอียดก็ดังมาจากเถาวัลย์ที่พันร่างใหญ่ยักษ์ของหมีพิโรธเกราะเกล็ด พลังหยวนแท้ปั่นป่วนสาดกระเซ็น จุดแสงสีเขียวถ่ายเทในอากาศธาตุ…

        อะไรกัน?

        พวกเขาตกใจจนหน้าถอดสี อวี๋เฉินอวี้ตัวสั่น รังสีพลานุภาพอ่อนแอลงเร็วพลัน จนถอยหลังไปอย่างไม่อาจควบคุมตัวเอง

        กรร!!!

        ไม่ทันให้ทุกคนในที่นั้นได้ตอบโต้ หมีพิโรธเกราะเกล็ดที่ดิ้นหลุดออกจากพันธนาการได้ก็ลุกขึ้นด้วยความโมโห

        ดวงตายักษ์วาววามดุร้ายเปล่งแสงแห่งความกระหายเลือด มันยกอุ้งมือใหญ่ขึ้นตะปบใส่ศิษย์หนุ่มสาวทั้งหลาย การจู่โจมอันทรงพลังสุดจะต้านทานเหมือนสายลมสารทฤดูพัดใบไม้ร่วง ศิษย์สิบกว่าชีวิตร่างกระเด็นกระดอนไปไกล

        ตุบๆ!

        ล้มกระแทกกับพื้นติดต่อกัน กระอักเลือดออกมา หยัดกายลุกไม่ไหว

        มันโกรธ หมีพิโรธเกราะเกล็ดโกรธเต็มที่แล้ว

        ทุกคนในที่นั้นขมวดคิ้วอย่างไม่อาจห้าม นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

        “พลังพวกนั้นไม่มากพอให้หมีพิโรธเกราะเกล็ดสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว พวกเขายังเด็กเกินไป ศัตรูยังไม่ทันล้มลงก็เริ่มเหลิงกันไปเองเสียแล้ว”

        อาจารย์คุมสอบลู่ซู่ส่ายหน้า นัยน์ตาทอแววเสียดายหลายส่วน

        หากเมื่อครู่พวกเขาไม่ยั้งมือ เคลื่อนไหวติดต่อกันเป็นครั้งที่สองและจู่โจมครั้งที่สามแล้วไซร้ ต้องสังหารหมีพิโรธเกราะเกล็ดได้อย่างแน่นอน แต่เพราะดีใจกันเร็วเกินไป ลดการระวังตัวก่อนเวลา จึงได้เสียความได้เปรียบจนหมดสิ้น

        กรร!!!

        หมีพิโรธเกราะเกล็ดที่โกรธจัดเริ่มเปิดฉากโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง

        ศิษย์หนุ่มสาวคนแล้วคนเล่าถูกมันเหวี่ยงอุ้งมือยักษ์ใส่จนกระอักเลือดลอยละลิ่ว สถานการณ์พลิกผันในชั่วพริบตา คนทั้งห้าสิบคนในตอนแรกล้มลงไม่เว้นช่วง กะพริบตาไม่กี่ทีก็เหลือแค่ไม่ถึงยี่สิบคน

        “บ้าจริง!

        เห็นสถานการณ์ควบคุมไม่ได้ อวี๋เฉินอวี้ก็กำหมัดแน่น ฟันกัดริมฝีปาก คิ้วคู่งามเต็มไปด้วยความร้อนรนใจ

        พลันนั้น อวี๋เฉินอวี้หันหลังไปซักเสียงเย็น “เจ้าจะยืนดูอยู่ข้างๆ ไปถึงเมื่อไร?”

        คนใต้เวทีอึ้งไปเล็กน้อย ครั้นมองตามไป ก็เห็นคนที่อวี๋เฉินอวี้ชี้ว่าไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฉู่เหินที่ยืนดูอยู่ด้านข้างตั้งแต่ต้นจนจบนั่นเอง

        “นั่นไม่ใช่เจ้าคนที่คิดจะกินรวบหรอกหรือ?”

        “ตั้งแต่เริ่มมันก็ยืนหวั่นอยู่ตรงนั้นไม่กล้าลงมือ”

        “ฮึ คนพรรค์นี้เหมาะสมจะเข้าร่วมการทดสอบสำนักมหาหัสดีด้วยหรือ”

        “ไร้น้ำยายังมีหน้าขึ้นสังเวียน น่าไม่อายเสียจริง”

        

        ไม่เพียงแต่ศิษย์ทดสอบกลุ่มแรกเท่านั้น กระทั่งคนอื่นใต้สนามยังไม่วายมีอคติต่อฉู่เหิน

        อวี๋เฉินอวี้ถลึงตาคู่โตมองฉู่เหินเจือโทสะ โกรธอยู่แท้ๆ แต่กลับน่ามองนัก

        “ต่อให้เจ้าไม่มีพลัง ก็ไม่ควรจะยืนดูอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ทุกคนสู้สุดใจขาดดิ้น เจ้ายังยืนเฉยได้อีกหรือ?”

        ฉู่เหินเลิกคิ้วหล่อเหลาให้กับคำต่อว่าของอวี๋เฉินอวี้ เขาเอื้อนเอ่ยเรียบนิ่ง “ยังต้องรออีกประเดี๋ยว…”

        “เจ้าว่าอะไรนะ?”

        “อย่าเพิ่งพูด”

        “เจ้า…” อวี๋เฉินอวี้โมโหจนควันออกหู นึกอยากแทงฉู่เหินสักสองสามแผลขึ้นมากะทันหัน

        “คุณหนูเฉินอวี้ ระวังข้างหลัง…” ทันใดนั้นเอง เสียงอุทานร้อนใจก็สะท้อนมาจากสังเวียน

        ‘อะไร?’

        ดวงหน้างามของอวี๋เฉินอวี้ซีดลง นางรีบหันกลับไป เห็นเพียงหมีพิโรธเกราะเกล็ดปรี่เข้ามาหานาง ร่างอันมหึมาทิ้งเงาใต้แสงอาทิตย์ส่อง กลิ่นอายโหดเหี้ยมแผ่ออกมาไร้ปรานี สายตาตระหนกสุดขีดมองมัน หมีพิโรธเกราะเกล็ดอ้าปากอันเต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมหมายพุ่งเข้ากัดอวี๋เฉินอวี้

        ชั่ววินาทีนั้น ทุกคนต่างหน้าถอดสี นอกเหนือจากความแตกตื่นแล้ว ยังด่าทอฉู่เหินว่าไม่ใช่คน

        หากไม่ใช่เพราะฉู่เหิน อวี๋เฉินอวี้ไม่มีทางลืมเหลียวหลังแน่

        ดวงตาคู่สวยของอวี๋เฉินอวี้สั่นไหวไม่หยุดนิ่ง วินาทีที่ปากยักษ์ของหมีพิโรธเกราะเกล็ดจะกัดนางนั้นเอง ร่างบุรุษหนุ่มผู้ทรหดก็แวบวาบมาเผยโฉมที่ข้างกายของอวี๋เฉินอวี้อย่างว่องไวประหนึ่งมังกรจร

        พริบตาต่อมา อวี๋เฉินอวี้รู้สึกถึงฝ่ามือที่พยุงไหล่นางไว้ ขณะเดียวกันกระบี่ในมือขวาก็ถูกมืออีกข้างฉกฉวยเอาไป

        “ฮึ นี่ต่างหากจุดอ่อนที่แท้จริงของแก…”

        เสียงหัวเราะผะแผ่วดังแว่วมา สิ้นเสียง ฟิ้ว กระบี่คมกริบฉีกกระชากอากาศธาตุโบยบินจากมือของฉู่เหิน แทงเข้าไปในปากของหมีพิโรธเกราะเกล็ดอย่างเต็มเปา

 

         ………………………..

 

Author Glory Forever