มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 4 ผู้หญิงที่เป็นมวย แกสู้ไม่ได้งั้นเหรอ

        ในปัจจุบัน ทุกคนสามารถดูการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ได้ในทีวีกันหมดแล้ว ทำให้เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด ผู้คนจึงหมดความสนใจในเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง แต่จริงๆ แล้วยอดฝีมือมักจะปะปนอยู่กับพวกเรานี้แหละ พวกเขาต้องฝึกฝนตั้งแต่เด็ก ใช้เวลาสิบกว่าปีถึงจะเห็นผล ถึงแม้ไม่เหมือนยอดฝีมือในหนังที่สามารถเดินบนกำแพงหรือเหาะเหินบนอากาศได้ แต่ถ้าเป็นการสู้แบบหนึ่งต่อสิบแล้วล่ะก็ สามารถทำได้อย่างง่ายดายเลยเชียวล่ะ

        จ้าวเถี่ยจู้มองสาวสวยที่เพิ่งเปิดโปงแผนการของพวกมิจฉาชีพ ดูท่าเธอแล้วฝีมือคงดีไม่ใช่เล่น เขาคาดเดาจากประสบการณ์ที่เคยทำงานเป็นนักฆ่ามาก่อน ซึ่งไม่น่าจะผิดพลาดอะไร

        โหวจื่อเป็นคนแรกที่เริ่มลงมือก่อน มันกำหมัดและเหวี่ยงออกไปเต็มแรง เฮ้อ ไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย จ้าวเถี่ยจู้ส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ มันเหวี่ยงออกไปทั้งตัวแบบนั้นได้ยังไงกัน ด้านสาวสวยเธอเพียงแค่ก้าวเท้าขวาถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวเพื่อเบี่ยงตัวหลบ แค่นี้หมัดของโหวจื่อก็ทำอะไรเธอไม่ได้แล้ว พร้อมกันนั้นเธอก็เหวี่ยงหมัดขวาของเธอไปที่ตัวของโหวจื่อโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว หมัดนี้ของเธอดูท่าคงจะโดนเข้าที่กระดูกซี่โครงของอีกฝ่ายเข้าเต็มแรง เพราะมันหมดสิ้นเรี่ยวแรงล้มลงไปกองที่พื้น น้ำหูน้ำตาก็ไหลออกมาอีกรอบ

        แหม แสดงได้ดีจริงๆ” จ้าวเถี่ยจู้หันไปชื่นชมกับการแสดงของโหวจื่อ

        ขณะที่โหวจื่อล้มลงไปกองกับพื้น จ้าวเหล่าลิ่วและพรรคพวกก็ตีวงเข้ามาใกล้หญิงสาวเรื่อยๆ พวกมันแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นเป็นมวย จึงมองหน้ากันเพื่อส่งสัญญาณให้จู่โจมพร้อมๆ กัน

        ด้านหญิงสาวเมื่อเห็นว่าตนโดนล้อมก็ไม่มีอาการหวาดกลัวเลยสักนิดเดียว กลับพุ่งตัวไปข้างหน้าใช้มือทั้งสองข้างรับหมัดของอีกฝ่ายไว้ หลังจากนั้นจึงหันกลับไปจัดการคนที่อยู่ด้านหลังด้วยท่าทุ่ม

        คนที่โดนทุ่มไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะมีแรงเยอะขนาดนี้ รู้เพียงแต่อยู่ดีๆ ตนเองก็ลอยไปบนอากาศแล้วชนเข้ากับพวกเดียวกันก็เท่านั้น

        แหมะ ท่านี้สวยจริงๆ ต้องทำให้สองคนแรกหมดแรงก่อน ทีนี้จะได้เหลือแค่สองคน มาดูกันสิว่าเธอจะใช้วิธีไหนจัดการ” จ้าวเถี่ยจู้ลูบคางของตัวเองพลางมองไปที่หญิงสาวที่กำลังต่อสู้อยู่อย่างกำลังคิดวิเคราะห์

        หญิงสาวเมื่อจัดการได้คนหนึ่งแล้ว เธอก็คุกเข่าลงกับพื้นเพื่อหลบขาของอีกฝ่ายที่เตะมาราวกับเธอมีตาหลังก็ไม่ปาน พร้อมกันนั้นเธอก็จับขาของอีกฝ่ายไว้แล้วพลิกจนอีกฝ่ายล้มลงหน้ากระแทกพื้น หมดไปแล้วอีกหนึ่งคน หญิงสาวจัดการกับชายสองคนนี้ภายในเวลาไม่กี่วิ ถึงแม้ว่าโดยรวมจะดูเหมือนนานก็ตาม หญิงสาวรู้ตัวอีกทีคือตอนที่โดนหมัดของอีกฝ่าย อีกทั้งแขนก็โดนจับเอาไว้ และโดยไม่ทันตั้งตัวเธอก็ถูกเตะจนตัวลอย แต่ก็ถือว่าเธอตั้งตัวได้ไวพอสมควรเพราะเธอม้วนตัวในอากาศแล้วลงในท่าคุกเข่ากับพื้น หน้าของเธอเริ่มแดง หายใจยังไม่ทันเข้าที่ดี จ้าวเหล่าลิ่วที่เตะเธอเมื่อสักครู่ก็เดินตรงมาหาเธอพร้อมกับถือกระบองสีดำขนาดเล็กและยาวอยู่ในมือ เตรียมจะฟาดลงไปที่ศีรษะของเธอ

        หญิงสาวเมื่อเห็นแบบนั้นก็เบิกตาโตด้วยความตกใจ แขนเริ่มชา จะหลบก็คงไม่ทันเพราะกระบองที่อีกฝ่ายฟาดลงมาอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบแล้ว เธอรู้สึกเสียใจเหลือเกิน สองมือยังไงก็สู้สี่มือไม่ได้สินะ ถึงยังไงก็ถือว่าตนได้พลีชีพอย่างกล้าหาญที่สุดแล้ว

        ปึงหญิงสาวรู้สึกเพียงว่าเสียงที่ได้ยินนั้นอยู่ใกล้กับตนมาก แล้วพบอีกว่าตอนนี้ในสายตามีคนเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนซึ่งเพิ่มมาตอนไหนก็ไม่รู้ ชายที่เธอเห็นนั้นรูปร่างผอมซึ่งถูกแสงอาทิตย์บดบังจนแทบจะมองไม่เห็นว่าเขามีลักษณะอย่างไร

        ใช้กระบองกับผู้หญิงนี่มันไม่เลวไปหน่อยเหรอ” จ้าวเถี่ยจู้ใช้มือข้างหนึ่งจับไม้กระบองเอาไว้

        น้องชาย ถ้าไม่อยากตายก็หลบไป” จ้าวเหล่าลิ่วพยายามจะกระชากกระบองกลับไป

        สมัยนี้พกกระบองไปไหนมาไหนมันไม่ค่อยดีนะ ถ้าโดนคนเข้าคงจะแย่ แต่ถ้าไม่โดนคนกลับไปโดนพวกต้นไม้ดอกไม้ข้างทางเข้า มันก็ไม่ดีอีกเหมือนกัน ส่งกระบองมานี่เถอะจ้าวเถี่ยจู้ใช้แรงแค่นิดเดียวก็สามารถกระชากกระบองให้มาอยู่ในมือตนได้แล้ว

        จ้าวเหล่าลิ่วมองกระบองของตนที่ไปอยู่ในมืออีกฝ่ายด้วยความตกใจ ที่ผ่านมาเขาเคยฝึกกับกองทัพอยู่ก็หลายปี ทุกคนรู้ว่าเขามีแรงเยอะมาก เป็นอันดับหนึ่งของกองทัพเลยก็ว่าได้ แต่นี้กลับโดนเด็กหนุ่มรูปร่างผอมแย่งกระบองกลับไปถืออย่างง่ายดาย ครั้งนี้เขาคงจะเจอตอเข้าอย่างจังแล้วสินะ

        เห็นแก่พวกนายที่เล่นละครให้ผมดู งั้นผมจะมอบประตูนี้เป็นค่าตอบแทนก็แล้วกันจ้าวเถี่ยจู้พูดพร้อมกับใช้มือเพียงข้างเดียวขว้างประตูที่แบกไว้บนบ่าออกไป ประตูถูกขว้างไปโดนจ้าวเหล่าลิ่วจนกระเด็นไปหลายเมตรแล้วล้มลงในที่สุด

        หญิงสาวที่ตอนนี้เพิ่งจะมองเห็นชัดว่าคนที่ช่วยตนไว้เป็นผู้ชาย แถมยังเป็นชายที่โดนพวกนั้นหลอกเสียด้วย และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อีกเหมือนกันที่เขาคุกเข่าลงมาตรงหน้าเธอ

        คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” จ้าวเถี่ยจู้ยื่นมือไปตรงหน้าหญิงสาวเพื่อพยุงให้ลุกขึ้น

        ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” หญิงสาวจับมือเขาไว้แล้วลุกขึ้นยืน

        คุณไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม” เขาถามต่อ

        ไม่มีๆ

        ไม่มีจริงๆ นะ?” เขาถามย้ำ

        ไม่มีจริงๆ!”

        ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม?”

        ฉันไม่ได้หลอกคุณ พี่ชาย ทีนี้จะปล่อยแขนฉันได้หรือยัง” หญิงสาวหน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุก

        เอ่อ ขอโทษทีๆ ผมลืมไปน่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” จ้าวเถี่ยจู้รีบปล่อยมือหญิงสาวแล้วลูบที่ผมของตนแทน อืม มือเธอนุ่มจริงๆ ไม่คิดเลยว่ามือของคนที่ฝึกหมัดมวยจะนุ่มขนาดนี้ เขาคิดอย่างแสนเสียดายที่ไม่สามารถจับมืออีกฝ่ายได้นานกว่านี้

        ผู้ชายคนนี้นี่มันยังไงกันนะ ตอนแรกเหมือนคนอ่อนแอจนโดนคนพวกนั้นรังแก ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นคนเก่งที่สามารถจัดการกับคนพวกนั้นได้ แล้วตอนนี้ยังกลายเป็นคนลามกที่หลอกจับมือเธออีก

        เอ่อคือ…ผมชื่อจ้าวเถี่ยจู้ แล้วคุณมีชื่อเสียงว่าอะไร

        ชื่อเสียงคุณนี่ตลกดีนะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาซึ่งเป็นเสียงที่ไพเราะราวกับกระดิ่งเลยทีเดียว “ฉันชื่อเฉินหลิงชาน เรียกหลิงชานเฉยๆ ก็พอ

        จ้าวเถี่ยจู้มองหญิงสาวตรงหน้าที่แสดงออกถึงพลังชีวิตอันเต็มเปี่ยม อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งจะออกกำลังกายไปก็เป็นได้ ใบหน้าของเธอมีเหงื่อออกเล็กน้อย สีผิวเป็นสีน้ำผึ้งแบบคนสุขภาพดี ไม่แต่งหน้า รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบที่ผู้หญิงทุกคนเห็นแล้วต้องอิจฉา โดยเฉพาะบั้นท้ายของเธอที่มีมากจนกางเกงวอร์มที่สวมดูยืดเป็นพิเศษ แล้วไหนจะทรงผมที่ตัดสั้นอย่างคนมีความมั่นใจนั้นอีก

        มองอะไรเหรอ

        จ้าวเถี่ยจู้หลุดออกจากภวังค์ความคิดของตนเมื่อได้ยินที่เฉินหลิงชานถามก่อนจะพูดตอบกลับไป “เปล่าๆ แค่มองว่าหน้าคุณมีแผลหรือเปล่าก็แค่นั้น เอ่อ เพราะคุณช่วยผมไว้แท้ๆ เลย งั้นเพื่อเป็นการตอบแทน ให้ผมเลี้ยงข้าวสักมื้อนะ

        เรื่องเลี้ยงข้าวคงไม่ต้องหรอกเพราะฉันยังมีธุระอีก ฉันไปก่อนนะ” เฉินหลิงชานพูดจบก็ทำท่าจะเดินจากไป

        จ้าวเถี่ยจู้มองหญิงสาวที่กำลังเดินจะจากไปอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี นานๆ ทีเขาถึงจะเจอผู้หญิงแบบนี้สักคน จะปล่อยเธอไปง่ายๆ ก็กระไรอยู่ แล้วนี่เขาจะขอเบอร์เธอยังไงดีล่ะ ระหว่างที่เขาคิดหาวิธีอยู่นั้น หัวหน้าหลีก็เดินมายืนตรงหน้าเขาและเฉินหลิงชาน พร้อมกับพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกสิบคน แค่เห็นเขาก็รู้แล้วว่างานนี้คงอีกยาว 

Author Glory Forever