มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 14 หลีหลิงเอ่อร์มาแล้ว

        จ้าวเถี่ยจู้ชะลอฝีเท้าเมื่อกระโดดจนใกล้จะถึงกำแพงบ้านของตัวเอง เขาใช้ปลายเท้าสะกิดพื้นเพื่อกระโดดอีกครั้ง เพียงแค่นี้ก็สามารถข้ามกำแพงที่สูงถึงสองสามเมตรเข้ามาในบริเวณบ้านได้อย่างง่ายดาย เขากระโดดอีกไม่กี่ครั้งก็สามารถข้ามสระว่ายน้ำจนมาถึงชั้นสองของตัวบ้านได้แล้ว

        ซูเยี่ยนนีและเฉาจื่ออี๋ยังคงเล่นเกมอยู่ในห้องรับแขกเช่นเดิมขณะที่เขากระโดดเข้ามาที่ระเบียงห้องของตัวเอง เขาเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ขนาดคนของซือหลิงยังเก่งขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะยังมียอดฝีมืออีกกี่คนที่ยังซ่อนตัวอยู่บนโลกใบนี้ ตอนที่สู้กันเขาได้ยินชายแก่คนนั้นพูดถึงอันดับของยอดฝีมือ เขาไม่คิดเลยว่าฝีมือขนาดนี้ของเขาจะได้อยู่แค่อันดับห้า หมายความว่ามีอีกสี่คนที่ชายแก่คนนั้นเห็นว่าฝีมือดีกว่าเขา ถึงจะแอบตกใจ แต่เขาก็ไม่กลัว เพราะตอนที่สู้กันเขาไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงนั้นก็คือการล่องหน กลับใช้แค่แรงปกติที่เพิ่มขึ้นอยู่ทุกวันเท่านั้น ตั้งแต่ที่เขาโดนฟ้าผ่าครั้งนั้น แรงของเขาก็ไม่รู้ว่าเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงด้วย ตามมาด้วยความเร็วและพลังที่พร้อมจะปะทุออกมาทุกเมื่อ ถ้าให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้ เขาก็คงจะมีแรงเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นจะยังมีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีก จะอันดับอะไรเขาก็ไม่สนหรอก เขายักไหล่แล้วหันหลังเตรียมจะเดินเข้าห้อง

        ในขณะนั้นเองสายตาของเขาก็ถูกของที่ตากไว้ที่ระเบียงข้างๆ ดึงดูด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ซูเยี่ยนนีนำกางเกงในจีสตริงมาตากไว้แบบนี้ แถมยังมีเสื้อในลายดอกสีดำที่เธอนำมาแขวนไว้บนราวตากผ้าอีกด้วย ช่างเป็นวิวที่ดีจริงๆ เลย เขายิ้มมุมปาก ผู้หญิงคนนี้นี่ยังไม่เลิกคิดที่จะยั่วเขาอีกเหรอ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปแสดงอาการเหมือนคนลามกให้เธอเห็นตอนไหน เธอถึงฝังใจไม่ลืมขนาดนี้ เขาคิดอย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินเข้าห้องไป

        ซูเยี่ยนนีใช้หางตาเหลือบมองขึ้นไปชั้นบน ถึงแม้ว่าตอนบ่ายจ้าวเถี่ยจู้จะช่วยตนเอาไว้ แต่เธอก็ยังเป็นคนของประชาชน จะมาเห็นแก่ความรู้สึกส่วนตัวไม่ได้ ตอนเย็นถึงเธอเห็นท่าทางเหมือนคนไม่สนใจอะไรของเขา แต่เธอก็อดนำชุดชั้นในของตัวเองไปตากไว้ที่ระเบีบงอย่างคนไม่ยอมตายใจ พอถึงเวลาถ้าเขาลงมือ เธอจะได้จับเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกเหมือนมีความขัดแย้งเกิดขึ้นบางๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

        เช้าวันต่อมา ซูเยี่ยนนีตื่นตั้งแต่เช้า มองไปที่ระเบียงก็ยังเห็นชุดชั้นในของตนตากไว้อยู่เช่นเดิม เธอจึงถอนใจอย่างโล่งอก เขาอาจจะไม่ใช่โจรขโมยชุดชั้นในก็เป็นได้

        เหยียนหนี คุณตากของแบบนี้ไว้ที่ระเบียง จะดีเหรอ” จ้าวเถี่ยจู้ที่ไม่รู้ว่าเดินออกมาที่ระเบียงตั้งแต่เมื่อไหร่ถามด้วยรอยยิ้มพร้อมชี้ไปที่ชุดชั้นในของเธอ

        ยุ่งไรด้วย โรคจิต” เธอเดินไปที่ระเบียงพร้อมกับเก็บชุดชั้นในไปอย่างรวดเร็ว

        จ้าวเถี่ยจู้หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงเช้า เครื่องของลูกสาวหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลีลงตอนสิบโมง เขาก็น่าจะออกจากบ้านไปได้แล้ว เขาทักทายเฉาจื่ออี๋นิดหน่อยก่อนจะออกจากบ้านแล้วเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปสนามบิน

        สนามบินเมืองฝูเจี้ยนสร้างขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทำให้สนามบินนี้เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลนี้ ทำให้วันๆ หนึ่งมีเครื่องบินขึ้นๆ ลงๆ ไม่รู้กี่ร้อยรอบ

        จ้าวเถี่ยจู้มองตารางเวลาการบินพบว่าเครื่องที่ลูกสาวหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลีนั่งมากำลังจะลงจอดในอีกไม่ช้า เสียงประกาศการลงจอดดังขึ้น เขาจึงตัดสินใจยืนรอเธออยู่ที่หน้าทางออก

        เครื่องน่าจะลงจอดเรียบร้อยแล้วเขาจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาอีกฝ่าย

        สวัสดีค่ะ จากไหนคะ” เสียงที่ดูฟังแล้วเหมือนเสียงเด็กตอบกลับมา

        ผมชื่อจ้าวเถี่ยจู้ คุณคือลูกสาวหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลีใช่ไหมครับ” เขาอึ้งอยู่สักพักก่อนจะถามคนในสาย

        ใช่ค่ะ คุณคือคนที่จะมารับฉันใช่ไหมคะ ฉันกำลังจะถึงทางออกแล้วค่ะ อ่อ ฉันชื่อหลีหลิงเอ่อร์นะคะ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนคะ

        ผมยืนอยู่ตรงประตูทางออกครับ ถ้าคุณออกมาเมื่อไหร่ให้หาคนที่หล่อที่สุด นั่นแหละครับคือผมเอง” เขาตอบพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม

        คนที่หล่อที่สุด ทำไมฉันถึงไม่เห็นเลยล่ะคะ มีแต่พวกลุงๆ ทั้งนั้นเลย

        จ้าวเถี่ยจู้มองไปยังบรรดาผู้โดยสายที่เดินออกมาจากประตูทางออก แล้วเขาก็เห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีฟ้าคนหนึ่งกำลังยืนคุยมือถืออยู่

        คุณใช่คนที่ใส่ชุดกระโปรงสีฟ้าหรือเปล่า” เขาถามปลายสาย

        ใช่ คุณอยู่ตรงไหนคะ

        อยู่นี่” เขาชูมืออีกข้างขึ้นพร้อมทั้งเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง

        คนที่กำลังชูมือเหมือนคนบ้านั่นคือคุณเหรอ” หลีหลิงเอ่อร์เมื่อเห็นว่าเขากำลังชูมือโบกไปโบกมาก็ถามอย่างไม่แน่ใจ เขาไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะกดวางสายแทน

        หลีหลิงเอ่อร์เห็นว่าเขากดวางสายใส่ แต่เธอกลับไม่แสดงอาการโกรธออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเดินตรงเข้ามาหาแล้วหยุดยืนตรงหน้าเขา จ้าวเถี่ยจู้มองเด็กสาวที่อายุแค่ 20 ก็สามารถเข้าร่วมทีมวิจัยได้แล้วมองพิจารณาดูแล้ว ก็พบว่าเธอมีผิวขาวราวกับน้ำนม ใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตา ดวงตากลมโตสะท้อนความสดใสและความบริสุทธิ์ เธอไว้ทรงผมสั้นเหมือนเห็ด ชุดกระโปรงสีฟ้าที่ใส่อยู่ส่วนบนปักลายหมีเอาไว้ และกระเป๋าที่ใช้ก็เป็นลายการ์ตูน เหมือนพวกผู้หญิงโลลิต้าไม่มีผิด เขายังแอบสำรวจหน้าอกที่ดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่เกินตัวซึ่งซ่อนอยู่ใต้ชุดกระโปรงสีฟ้าตัวนั้น ขนาดพอๆ กับของซูเยี่ยนนีเลยก็เป็นได้ เป็นหญิงสาวที่หน้าเด็กแต่มีหน้าอกที่ออกจะเกินตัวไปสักหน่อย เขาสรุปในใจ

        คุณคือคนที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้หนู?” หลีหลิงเอ่อร์ถามอย่างไร้เดียงสา

        ใช่แล้ว ฉันชื่อจ้าวเถี่ยจู้” เขาลากกระเป๋าเดินทางของเธอมาถือไว้เองแล้วจึงพูดต่อ “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ

        พี่เถี่ยจู้ พวกเราจะอยู่กันที่ไหนเหรอ” หลีหลิงเอ่อร์ถามด้วยความสงสัย

        บ้านพี่เอง

         ไม่ได้นะ ผู้หญิงกับผู้ชายจะอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้ นี่พี่เถี่ยจู้คิดอะไรไม่ดีกับหนูอยู่หรือเปล่า ตอนกลางคืนคงไม่คิดจะเข้าไปรังแกหนูใช่ไหม

        เอ่อ…ที่บ้านพี่ยังมีคนอยู่ด้วยอีกสองคน

        นี่พี่สามคนคิดจะรวมหัวกันรังแกหนูงั้นเหรอ

        สองคนนั้นเป็นผู้หญิง

        พี่เถี่ยจู้นี่สุดยอดไปเลยประกบคู่เลยงั้นเหรอ

        จ้าวเถี่ยจู้ตัดสินเงียบ ไม่พูดอะไรต่อ ไม่รู้ว่าในหัวเธอคิดเรื่องอะไรบ้าง เขาเป็นชายหนุ่มใสซื่อบริสุทธิ์นะ ประกบคู่อะไรกันล่ะ ถ้าเป็นหมู่ก็ว่าไปอย่าง ฮ่าๆ คนตรงหน้ารวมกับอีกสองคนที่อยู่ที่บ้าน แบบนี้ก็แซนวิชเลยน่ะสิ ฮ่าๆๆ เกิดมาชีวิตนี้คุ้มจริงๆ เลย

        “พี่เถี่ยจู้คิดอะไรอยู่คะ หน้าตาดูมีมีเลศนัยชอบกล

        เปล่า ไม่ได้คิดอะไร พวกเราไปกันเถอะ อย่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่เลย” เขาพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ

        ตอนที่พวกเขานั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้าน ซูเยี่ยนนีก็ออกไปทำงานเรียบร้อยแล้ว ส่วนเฉาจื่ออี๋ก็ออกไปฝึกวาดภาพเช่นกัน 

        หลังจากวันนี้เธอต้องอยู่ที่นี่ หมายถึงห้องในบ้านนี้ ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง รู้ไหม” เขาบอก ด้านหลีหลิงเอ่อร์ก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

        ไปที่ห้องกันไป” จ้าวเถี่ยจู้พูดพร้อมกับยกกระเป๋าเดินทางของอีกฝ่ายมาไว้บนบ่าแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน

        พี่เถี่ยจู้ทำไมมาถึงก็ชวนหนูเข้าห้องแล้วละคะ นี่พี่มีแผนอะไรหรือเปล่า

        คนฉลาดๆ เขาจะมีความคิดที่ไม่เหมือนกับคนธรรมดางั้นเหรอ เขาคิดแล้วจึงพูดตอบกลับไป “หมายถึงห้องที่เธอจะใช้นอนต่อจากนี้

        เข้าใจแล้วค่ะ” หลีหลิงเอ่อร์ตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วเดินตามเขาขึ้นไป

        ห้องพักที่เขาจัดไว้ให้หญิงสาวคือห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขา เพราะถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาจะได้มาถึงได้ทันท่วงที เขาวางกระเป๋าเดินทางไว้ในห้องแล้วถามอีกฝ่ายที่เดินตามหลังเข้ามา “เธอจะไปลงทะเบียนที่มหาลัยวันไหน

        เร็วๆ นี้แหละค่ะ น่าจะอีกสามวัน พี่เถี่ยจู้ต้องไปเรียนกับหนูด้วยใช่ไหมคะ

        ใช่ ถึงตอนนั้น พวกเราต้องไปด้วยกัน” เขาตอบรับ

        พี่เถี่ยจู้ หนูอยากอาบน้ำ ห้องน้ำอยู่ไหนคะ

        อยู่นั่น” เขาชี้มือไปทางห้องน้ำ ก่อนจะพูดต่อ “ไปอาบน้ำเถอะ พี่จะลงไปทำอะไรให้ทาน อยากทานอะไรล่ะ

        หนูอยากทานไข่ดาวค่ะ พี่เถี่ยจู้ หนูมีเรื่องตลกจะเล่าให้ฟัง มีผู้ชายคนหนึ่งไปซื้อเสื้อในให้แฟนสาว พอไปถึงที่ร้านด้วยความที่เขาไม่รู้ไซส์เสื้อในของแฟนสาว เขาเลยถามพนักงานว่ามีเสื้อในที่ใหญ่เท่ากับแอปเปิลไหม พนักงานตอบว่าไม่มี งั้นมีเสื้อในที่ใหญ่เท่าส้มไหม พนักงานก็ตอบมาอีกว่าไม่มี งั้นมีใหญ่เท่าไข่ไหม พนักงานตอบว่ามีๆ มีใหญ่เท่ากับไข่ดาวเลย ฮ่าๆๆ ตลกมากเลย

        จ้าวเถี่ยจู้มองหน้าหลีหลิงเอ่อร์ด้วยใบหน้านิ่งๆ ไม่พูดอะไรแล้วเดินลงบันไดไป ด้านหญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเลยสักนิดที่อีกฝ่ายยืนนิ่งไม่หัวเราะกับเรื่องตลกที่เธอเล่าอย่างไม่ไว้หน้า เธอเดินไปที่กระเป๋าเดินทางแล้วหยิบเสื้อผ้าออกมา จากนั้นจึงเดินไปอาบน้ำราวกับเรื่องเมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

        พี่เถี่ยจู้

        อะไรอีกล่ะ!” เขาพูดตอบหลีหลิงเอ่อร์

        หนูลืมหยิบผ้าขนหนูมาด้วย พี่ช่วยหยิบให้หน่อยได้ไหม อยู่ในกระเป๋าเดินทางอ่ะค่ะ

        ….

Author Glory Forever