มิติใหม่ของพื้นที่อ่านนิยาย จัดเต็มแบบล้นคลัง ทั้งนิยายแปลจีน ญี่ปุ่นและไทย เฟ้นหาทุกหมวดคุณภาพให้ทุกคนได้อ่านกันฟินๆ พร้อมอ่านฟรีจำนวนมาก!! อย่ารอช้า! รีบสมัครสมาชิกมาเปิดประสบการณ์ความสนุก พร้อมระเบิดความมันส์ ผ่านการอ่านไปพร้อมกันได้ที่ อ่านนิยายด็อทเน็ต  

อ่านนิยาย เล่มที่ 1 ตอนที่ 17 คาราโอเกะ ฟงอวิ๋น (2)

        หลีหลิงเอ่อร์ร้องจบไปเพียงแค่เพลงเดียว แต่จ้าวเถี่ยจู้และเหลยจื่อกลับดื่มเบียร์หมดไปถึงสามขวด ส่วนซูเยี่ยนนีดื่มหมดไปเพียงแค่ขวดเดียว แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกาย

        เป็นเด็กเป็นเล็ก ห้ามดื่ม” จ้าวเถี่ยจู้พูดเมื่อเห็นหลีหลิงเอ่อร์วางไมค์ลงบนโต๊ะแล้วหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาทำท่าจะดื่ม

        หนูเล็กตรงไหน” หลีหลิงเอ่อร์มองที่หน้าอกของตนก่อนจะพูด แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรออกมา ตนเองจึงเปิดฝาขวดเบียร์แล้วยกขึ้นดื่ม เนื่องจากดื่มเร็วเกินไป เธอจึงสำลักและไอไม่หยุด

        บอกว่าเป็นเด็กเป็นเล็กไม่ยอมรับ นี่ดื่มครั้งแรกใช่ไหมเนี่ย” เขาลูบหลังให้หญิงสาวขณะถาม

        เปล่าเสียหน่อย ใครบอกว่าหนูเพิ่งเคยดื่มครั้งแรก” หลีหลิงเอ่อร์ปัดมือที่ลูบหลังตนออก แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกรอบ

        เห็นดังนั้นเขาจึงเลิกสนใจหญิงสาวแล้วกลับมาดื่มเบียร์ของตนต่อ

        ดื่มช้าๆ หน่อย ไม่มีใครแย่งสักหน่อย” ซูเยี่ยนนีเตือนเขา

        เหลยจื่อที่ตอนนี้ถือไมค์พร้อมทั้งกดเลือกเพลงความรักของเซียนฟูขึ้นมาแล้วเริ่มร้อง เสียงร้องของเหลยจื่อบวกกับส่วนสูงสองเมตรและรูปร่างได้สัดส่วน ทำให้ชายหนุ่มดูหล่อเหลามากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

        เมื่อเหลยจื่อร้องจบ ซูเยี่ยนนีก็เป็นฝ่ายกดเลือกเพลงบ้าง เธอกดเลือกเพลงชุ่ยผิงอี้ปานปาน เมื่อร้องจบเธอก็ยื่นไมค์ส่งให้จ้าวเถี่ยจู้ต่อ เขาจึงกดเลือกเพลงภาษาอังกฤษที่ชื่อว่าHero

        ท่วงทำนองเพลงที่ไพเราะบวกกับน้ำเสียงสูงต่ำที่ชายหนุ่มร้องออกมาได้อย่างพอดิบพอดีทำให้ซูเยี่ยนนีและหลีหลิงเอ่อร์เงียบราวกับถูกสะกด และหันมาตั้งใจฟังเขาร้อง จ้าวเถี่ยจู้ร้องเพลงนี้ด้วยความรู้สึกที่มีของเขาทั้งหมด ทำให้เพลงธรรมดาๆ ดูมีชีวิตขึ้นมา โน้ตเพลงที่เศร้าสร้อยคล้ายกับบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาของชายหนุ่ม เขามีชีวิตที่ผ่านมายังไง ทำไมถึงร้องเพลงนี้ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ได้ ซูเยี่ยนนีได้แต่ถามตัวเองอย่างสงสัย ด้านหลีหลิงเอ่อร์ เนื้อร้องที่โศกเศร้ากระทบเข้าไปที่ใจเธอเข้าอย่างจัง จนตาเริ่มแดงอย่างคนที่กำลังจะร้องไห้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเพลงนี้ เหลยจื่อนั่นเอง ชายหนุ่มมองไปที่หญิงสาวทั้งสองพลางคิดว่า เฮ้อ พวกเธอสองคนไม่มีทางได้รู้จักตัวตนทั้งหมดของพี่เถี่ยจู้แน่

        ขณะนั้นเอง พนักงานคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยท่าทีคุกคามแล้วตรงเข้ามาหาซูเยี่ยนนีและหลีหลิงเอ่อร์ “น้องสาวทั้งสอง คุณชายหวงเชิญพวกเธอไปดื่มกับเขาสักแก้วที่ห้องคาราโอเกะ

        ออกไป ทำไมบริการแย่แบบนี้ ไม่เห็นเหรอว่าพวกเรากำลังร้องเพลงกันอยู่ ร้านจินเซ่อเทียนตี้นี่บริการได้แย่จริงๆ” หลีหลิงเอ่อร์พูดอย่างโมโหเมื่อโดนขัดจังหวะ

        คุณชายหวงอยากจะเชิญพวกเธอไป…” ท่าทีของพนักงานเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะพูดซ้ำ

        คุณชายหวง คุณชายไป๋อะไรไม่สนทั้งนั้น ถ้ายังไม่รีบออกไปอีกล่ะก็ เดี๋ยวจะสงเคราะห์หักกระดูกให้แกเอง” เหลยจื่อที่ไม่รู้ว่าเดินมาอยู่ข้างหน้าของพนักงานตั้งแต่เมื่อไหร่ ตบไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายแล้วพูดเตือน

        พนักงานเมื่อเห็นคนที่ตบไหล่ตนมีรูปร่างสูงใหญ่ ขาก็พลันอ่อนยวบแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที

        คุณชายหวงเป็นใคร” เหลยจื่อหันกลับมาถามคนที่นั่งอยู่ในห้อง

        ก็แค่คนเลวคนหนึ่ง ไม่ต้องไปสนใจหรอก มา พวกเราดื่ม เหยียนหนี ร้องเพลงให้พี่ฟังสักเพลงสิ” จ้าวเถี่ยจู้ตอบแทนคนที่เหลือ

        ซูเยี่ยนนีไม่ได้เถียงกลับ เธอเดินไปหยิบไมค์ กดเลือกเพลงภาษาอังกฤษแล้วเริ่มร้องเงียบๆ ราวกับยังอินอยู่กับความรู้สึกของชายหนุ่มที่ร้องเพลงเมื่อครู่ไม่หาย ทำให้เพลงที่สนุกสนานกลายเป็นเพลงเศร้าไปโดยปริยาย

        จ้าวเถี่ยจู้ดื่มเบียร์หมดไปอีกขวด สำหรับเขาแล้วเบียร์พวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก นึกถึงตอนที่เขา เหลยจื่อและอันฉีเอ่อร์ดื่มด้วยกัน เหล้าขาวเพียวๆ เป็นกิโลเชียวนะ คิดถึงตอนนั้น เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว ชีวิตของเขาตอนนี้ก็ถือว่าดีพอสมควร

        สิบกว่านาทีต่อมา ห้องคาราโอเกะของพวกเขาก็ถูกเปิดเข้ามาอีกรอบ เขาเงยหน้าขึ้นเห็นคุณชายหวงอะไรนั่นพาพรรคพวกเข้ามาเจ็ดแปดคน

        คุณชายหวงมองไปที่เหลยจื่อแล้วนิ่งอย่างตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะได้สติกลับมา แต่ตายังคงจ้องมองไปที่เหลยจื่อ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมาที่ตนเลยแม้แต่น้อยก็อดรู้สึกโกรธไม่ได้ แต่เนื่องจากตัวเองยังมีเรื่องที่ต้องทำ เพราะฉะนั้นจะมาโมโหตอนนี้ไม่ได้ คิดได้ดังนั้นคุณชายหวงก็กดความโกรธของตัวเองลงไปแล้วเดินตรงไปที่หลีหลิงเอ่อร์และซูเยี่ยนนี “สาวสวยทั้งสอง ผมขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อหวงหนิง พ่อของผมก็คือหวงฉีฝานเป็นผู้ช่วยนายกเทศมนตรีเมืองฝูเจี้ยน เป็นยังไง คราวนี้จะไปดื่มกับผมได้หรือยัง” พูดจบคุณชายหวงก็ยิ้มออกมาพร้อมทั้งมองสาวสวยทั้งสองไปด้วย จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เพียงแค่เขาบอกว่าพ่อของตนเป็นใคร ทุกคนก็จะรีบเข้ามาประจบประแจงเขาทันที สองสาวนี่ก็คงเหมือนกัน หวงหนิงคิดพร้อมทั้งรอสายตาที่แสดงถึงความชื่นชมจากทั้งสองสาว แต่รออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลีหลิงเอ่อร์ยังคงร้องเพลงต่ออย่างไม่สนใจอะไรโดยมีซูเยี่ยนนีและจ้าวเถี่ยจู้เขย่าแท่งไฟไปตามจังหวะเพลง และด้วยความที่ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน ทำให้ความภูมิใจในตำแหน่งของพ่อตนเริ่มจะสั่นคลอน

        สาวสวยทั้งสอง อย่าทำเหมือนไม่ให้เกียรติกันแบบนี้สิ” หวงหนิงพูดอย่างเริ่มโมโห

        นายนี่หน้าทนจริงๆ ไม่เห็นเหรอว่าพวกเรากำลังสนุกันอยู่ ยังเข้ามารบกวนอีก บ้าไปแล้วแน่ๆ” หลีหลิงเอ่อร์ด่าหวงหนิงออกไมค์อย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่

        นางบ้า พูดอีกรอบสิ” หวงหนิงพูดด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด

        พูดก็พูดสิ โอ๊ย แกกัดฉันก่อน ไอ้บ้า ไม่เห็นเหรอว่าแฟนฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน ที่รัก ไอ้บ้านี้มันด่าฉัน” หลีหลิงเอ่อร์พูดออดอ้อนจ้าวเถี่ยจู้

        สีหน้าของจ้าวเถี่ยจู้เปลี่ยนไปในทันที เขามองไปที่หลีหลิงเอ่อร์ที่แอบอ้างว่าเขาเป็นแฟนเธอ ถ้าเขาสามารถทำอะไรให้ในฐานะแฟนได้ เขาก็จะทำ แต่นี่ถูกหลีหลิงเอ่อร์แอบอ้างให้เป็นแฟนเพื่อให้มาแก้แค้นคุณชายหวงเนี่ยนะ

        หวงหนิงเปลี่ยนมาจ้องมองเขาแทน จ้องเสียกะจะให้ตายไปต่อหน้าเลยก็ว่าได้ แต่เขาก็ไม่สนใจ ยังคงนั่งดื่มเบียร์ต่อ ผิดกับเหลยจื่อที่ขมวดคิ้วอย่างโมโหแล้วลุกขึ้นยืน

        มองอะไร มองพ่อแกเหรอ

        เหลยจื่อ อย่า พี่ไม่มีลูกชายแบบมันหรอก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ 

        เฮ้ย พวกแกไม่เห็นเหรอว่ามันว่าฉันน่ะ จัดการพวกมันเลย ถ้าตายเดี๋ยวฉันรับผิดชอบเอง จับผู้หญิงสองคนนั้นมา ฉันสงสัยว่าจะขายตัวอยู่ที่นี่” หวงหนิงสั่งพวกของตนด้วยอารมณ์โกรธถึงขีดสุด

        พรรคพวกของหวงหนิงรับคำสั่งก่อนจะหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาจากพื้นแล้วขว้างมาทางพวกเขา เหลยจื่อมองพวกนั้นด้วยสายตาเย็นชาแล้วใช้ตัวบังจ้าวเถี่ยจู้เอาไว้

        อย่าให้ถึงตายล่ะ” จ้าวเถี่ยจู้พูดเบาๆ แล้วจึงหันไปชวนซูเยี่ยนนีเขย่าแท่งไฟต่อ “มาพวกเรามาเขย่าแท่งไฟกันต่อ

        ซูเยี่ยนนีอยากจะด่าคนตรงหน้าเหลือเกิน ไม่เห็นเหรอว่าคนพวกนั้นแทบจะฆ่าพวกตนให้ตายอยู่แล้ว และถ้าดูจากฝีมือเธอในตอนนี้ คงสู้ได้แค่หนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้…ซูเยี่ยนนีหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะโทรตามคนให้มาช่วย

        แต่ถูกจ้าวเถี่ยจู้ดึงมือห้ามเสียก่อน “อย่าดูถูกเหลยจื่อ”

        เหลยจื่อเดินเหยียบกองเศษขวดเบียร์ที่ถูกขว้างจนแตกบนพื้นตรงเข้าไปหาพรรคพวกของหวงหนิง ชายหนุ่มปล่อยหมัดใส่คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดอย่างแรงจนอีกฝ่ายลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ชายคนหนึ่งใช้ขวดเปล่าตีเข้าที่หลังของเขา เหลยจื่อยิ้มอย่างเลือดเย็นแล้วใช้มือเพียงข้างเดียวจับหัวของอีกฝ่ายพลิกจนดังแกร๊ก ฝ่ายนั้นก็ล้มลงกับพื้น กระตุกทีหนึ่งแล้วก็แน่นิ่งไป

        คนที่สามถูกเหลยจื่อถีบจนกระเด็น คนที่สี่ก็ถูกศอกจนเป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้

        เพียงไม่นานคนของหวงหนิงก็โดนเหลยจื่อจัดการจนไม่เหลือ ชายหนุ่มเดินไปหยุดตรงหน้าหวงหนิง จ้องมองอีกฝ่ายราวกับเป็นเพียงแค่มดแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น ด้านหวงหนิงที่โดนจ้องก็รู้สึกราวกับตนเองโดนภูเขาลูกใหญ่ทับก็ไม่ปาน ขาก็พลันอ่อนแรง ล้มไปกองกับพื้น

        โยนออกไป” จ้าวเถี่ยจู้สั่งเหลยจื่อ

        เหลยจื่อใช้มือเพียงข้างเดียวดึงคอเสื้อหวงหนิงขึ้นมาแล้วโยนออกไปนอกห้อง หวงหนิงเป็นลมขณะที่ถูกโยนลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นจึงกระแทบเข้ากับกำแพงแล้วล้มลงไปกองกับพื้นโดยมีน้ำสีเหลืองไหลออกมารอบๆ ตัว

        เหลยจื่อจัดการจับพวกของหวงหนิงโยนออกไปนอกห้องด้วย จากนั้นจึงปิดประตูแล้วเดินกลับไปนั่งข้างๆ จ้าวเถี่ยจู้เหมือนเดิม

        ซูเยี่ยนนีตะลึงจนอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมทั้งมองเหลยจื่อตาโต ด้านคนถูกมองอย่างเหลยจื่อเอามือลูบหัวตัวเองก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มเขินๆ “อย่ามองแบบนี้สิ มันเขินนะ

        นาย นายต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ” ซูเยี่ยนนีพูดอย่างตะลึง

Author Glory Forever